Mag-log inงานมอเตอร์โชว์
สองพี่น้องก้าวเข้ามาในงานมอเตอร์โชว์ใหญ่หรู ซึ่งแบ่งโซนยี่ห้อรถไว้อย่างดี
“แยกไปดูที่มึงชอบก็ได้ ไม่ต้องเดินตามหลังกูหรอก”
“ไหนมึงบอกให้ช่วยเลือกของขวัญให้เค้กไง” คูเปอร์รู้ตั้งแต่แรกว่าโดนหลอก ทว่าเขาอยากจะถามลองเชิงกลับเฉย ๆ
“มึงรู้ทัน กูรู้” เคนตะยกนิ้วชี้ส่ายไปมา ทำหน้าประมาณว่า ‘กูก็รู้ทันมึงเหมือนกัน’
“...” เมื่อพี่ชายพูดอย่างนั้น คูเปอร์จึงยักไหล่ให้แล้วหมุนตัวไปโซนรถบิ๊กไบก์
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ทั้งคู่ต่างแยกย้ายไปในโชว์รูมที่ตัวเองสนใจ
คูเปอร์เดินไปเรื่อย ๆ เมื่อยังไม่เจอรุ่นที่ถูกใจ ปกติแล้วไม่เคยมาเดินดูแบบนี้ หากถูกใจก็สั่งให้ลูกน้องไปจัดการ แค่นั้นรถรุ่นที่ถูกใจก็มาจอดหน้าบ้านในวันรุ่งขึ้นแล้ว
จนกระทั่ง...บทสนทนาบางอย่างทำให้ร่างสูงใหญ่ถึงกับส่ายศีรษะ เอือมระอากับประโยคแทะโลมพวกนั้น และยิ่งปรายตาไปมองก็เห็นฝูงชายฉกรรจ์กำลังยืนลูบปากบ้าง แสดงอาการดี๊ด๋าจนออกหน้าบ้าง
แต่แล้วบางอย่างส่งผลให้ร่างสูงใหญ่หยุดเดินชะงักทันควัน คูเปอร์ยืนนิ่งราวนับนาที ก่อนจะทิ้งระยะออกจากบริเวณนั้น
“เป็นไง ดีกว่าอยู่บ้านใช่ไหมวะ” เคนตะเข้ามาตบไหล่
“อืม ดีกว่าที่คิด” เสียงนิ่งแฝงด้วยอำนาจบางอย่างเอ่ยตอบทันที
“หึ หมายความว่าไง พูดแปลก ๆ นะมึงเนี่ย” เพราะเขาไม่เคยได้ยินประโยคแบบนี้หลุดจากปากคูเปอร์มานานนับห้าปีได้ แค่มางานมอเตอร์โชว์เดี๋ยวเดียวเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยเหรอ รู้งี้เขาน่าจะชวนมาตั้งนานแล้ว
“ฉันขอตัวก่อน”
“จะไปไหนวะ!?” คิ้วหนาขมวดถาม สงสัยท่าทีของน้องชาย
“ห้องน้ำ”
คูเปอร์ตอบสั้น ๆ แล้วละหายไปจากมุมนั้น ทำให้เคนตะปล่อยไป เดินกลับไปดูรุ่นรถต่าง ๆ ต่อคนเดียว
.
.
ตุบ!
“ขอโทษคา...” แพร์พีญากลืนคำพูดลงคอทันทีเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของแผงอกกำยำที่เธอเพิ่งจะชนเข้าอย่างจัง
แววตาที่ก้มลงมาสบตาเต็มไปด้วยความน่ากลัว
เป็นเขาอีกแล้ว...คูเปอร์
“...” นัยน์ตาสีนิลไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากอย่างสมเพช
ตึก! ทำให้ร่างบางเลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินหนีไปเอง
“ไม่คิดจะทักทาย...” เสียงเข้มดังตามหลังมาติด ๆ
สองเท้าหยุดชะงักกับน้ำเสียงน่าเกรงขามนั้น ทว่าประโยคที่ได้ยินต่อจากนั้นมันเจ็บจี๊ดบาดลึกแผลในอดีต
“...ผัวเก่าบ้างเหรอ”
แพร์พีญาหันกลับไปมองด้วยหางตา ดวงตาสีนิลที่มองเธอมันเต็มไปด้วยการดูถูก แต่เมื่อเป็นคนอื่นต่อกันมานานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจท่าทีนั้นอีก เธอจึงไม่คิดโต้ตอบแล้วหมุนตัวเพื่อเดินออกไปอย่างที่คิดไว้ทีแรก
หมับ!
ทว่า...ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่คิดจะจบ เมื่อมือหนากระชากร่างบางให้หันไปเผชิญหน้าอีกครั้ง
“ปล่อย!” แพร์พีญากดเสียงสั่งพร้อมทั้งบิดข้อมือให้หลุดพ้น
“หึ” คูเปอร์แสยะยิ้มมุมปาก “ลืมไปว่าเนื้อตัวเธอมันมีราคา จะแตะจะจับก็ต้องจ่ายเงินก่อนสินะ” เขาพูดดูถูกพร้อมสายตาที่ประมาณตีราคา
“จะพูดอะไรก็เชิญ แต่ช่วยออกไปจากชีวิตฉันอย่างที่เคยทำมาตลอด”
“สำคัญตัวเองมากไปรึเปล่า”
“...” ร่างบางก็นิ่ง แต่ไม่คิดจะหลบสายตาคู่นั้น
“ที่ฉันคุยก็เพราะรู้สึกสมเพชอาชีพใหม่ของเธอต่างหาก”
ฟุ่บ!
ก่อนที่มือหนาจะสะบัดหญิงสาวออกจากการเกาะกุมอย่างแรง
แพร์พีญาจ้องหน้านิ่ง ทว่าสุดท้ายเธอเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ คนพาลต่อให้พูดดีแค่ไหนก็คงจะไม่เข้าหูอยู่ดี
“มานี่” ทันทีที่ร่างบางเดินผ่านหน้า คูเปอร์กระชากแขนเล็กให้หลบไปด้านหลัง แล้วจึงผลักดันไปยังห้องแต่งตัวคับแคบ
ปึง!
บานประตูปิดลงสนิท ร่างสูงใหญ่ของคูเปอร์เข้ามายืนปิดบังทางออกไว้ พร้อมทั้งยื่นมือค้ำยันเหนือศีรษะร่างบาง
“จะทำบ้าอะไรของนาย” แพร์พีญาตะคอกใส่หน้าทันที
“นาย!?” คูเปอร์ถึงกับทวนคำนั้นซ้ำ
“...” มือบางได้แต่ดันให้เขาออกห่าง เพราะเดาอารมณ์คูเปอร์ไม่ออกว่าจะมาไม้ไหน ทั้งที่เรื่องเธอกับเขามันจบไปนานมากแล้ว
“ห่างเหินดี ฉันชอบ!” ก่อนที่คูเปอร์จะปรายตาไล่มองใบหน้าเฉี่ยวที่เขาเคยชอบ
ทว่าความรู้สึกตอนนี้ มีแต่...ยิ่งมองยิ่งเกลียด!
“ออกไป ฉันจะกลับไปทำงาน” มือบางดันแผงอกด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทำให้คูเปอร์ถอยห่างไปยืนติดประตู
“ชุบตัวนานไหมกว่าจะเปลี่ยนอาชีพได้”
“ไม่เกี่ยวกับนาย” แพร์พีญาเชิดหน้าตอบกลับไป
“...” คูเปอร์ก็นิ่งทันที
นัยน์ตาสีนิลไล่มองชุดที่ร่างบางสวมใส่ ความเกลียดความแค้นส่งผลให้จับจ้องเนินอกขาวเนียน ก่อนที่ความคิดชั่วร้ายจะผุดขึ้นมาในสมอง
คูเปอร์เดินเข้าไปแนบชิดจนไม่มีช่องว่างระหว่างกัน
“จา…จะทำอะไร” แพร์พีญาประหม่าจนเสียงสั่น
“...” คูเปอร์ไม่ตอบ
กึก!
ทว่าโน้มหน้าก้มลงไปกัดเนินอกที่โผล่พ้นชุดอย่่างเกลียดชัง
“โอ๊ย! จะ..เจ็บ!” มือบางเลื่อนขึ้นมาดันใบหน้าคมออกจากหน้าอกตัวเองด้วยความแรงแล้วก้มมองรอยช้ำแดงจากฟันแหลม ๆ ที่ฝังลงบนเนื้อผิว
“หึ” คนกระทำยืนมองด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ พอใจกับผลงานตัวเอง
“ต้องการอะไร ทำแบบนี้หมายความว่าไงหะ” ตอนนี้แพร์พีญาทั้งโกรธทั้งเกลียดคนตรงหน้า เนื้อตัวสั่นเทาไปหมดอย่างที่ยากจะควบคุม
“แค่เห็นของมีตำหนิแล้วมันขัดตา เลยอยากให้คนอื่นตาสว่างเหมือนกับฉัน”
“เลว!” คราวนี้แพร์พีญายกมือหมายจะฟาดใส่คมสัน
ทว่า...หมับ!
“คิดดีแล้วเหรอ ที่จะตบฉัน” มือหนาบีบรัดข้อมือเล็กไว้แน่น
“...” เธอไม่ตอบ แต่จ้องดวงตาสีนิลอย่างไม่คิดจะหลบ
ฟิ้ว~ ก่อนที่เขาจะสะบัดแขนเล็กอย่างไม่แยแส
“อย่าลองดี ถ้าเธอไม่แน่พอ” เสียงดุดันเอ่ยต่อไม่เว้นจังหวะให้ร่างบางโต้ตอบ
“ออกไป”
“หึ” คูเปอร์หัวเราะออกมาทันที ไม่นึกกว่าผู้หญิงอวดดีจะไร้ไม้ต่อยอมแพ้ง่าย ๆ เขาจึงหมุนตัวหมายจะออกจากห้องแต่งตัว
แต่แล้วคูเปอร์ก็หันมาแสยะยิ้มให้ร่างบางอีกครั้ง “หวังว่ารอยนี้คงไม่ทำให้เธออายจนหนีกลับซะก่อนนะ”
เอ่ยดูถูกเสร็จเขาก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ร่างบางยืนแข็งชากับคำพูดพวกนั้น
คูเปอร์เหลียวหน้ากลับไปมองด้านหลังด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา สองขาเรียวยาวเดินตรงไปยืนข้างพี่ชายท่าทีสบายอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“หายไปไหนมาวะ” เคนตะถามทันที
“กลับกันเถอะ” แต่คูเปอร์เลี่ยงที่จะตอบโดยเปลี่ยนเป็นเอ่ยชวนแทน
“อะไรของมึง”
“...” ร่างหนาเดินนำออกไป
ตึก! แต่แล้วเขาก็หยุดชะงัก
“อะไรอีก หยุดเดินทำไม!?” ทำให้เคนตะสงสัยกับท่าทีแปลก ๆ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“พรุ่งนี้มีงานอีกไหม”
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าสนใจใครเข้าแล้ว” คนเป็นพี่ดี๊ด๋าจนออกหน้า เอื้อมมือมาตบบ่าคูเปอร์พร้อมทั้งเหลียวหน้ามองซ้ายมองขวา “คนไหน บอกมา”
“เปล่า แค่ถาม”
“กูไม่เชื่อ คนอย่างมึงเคยถามใครก่อนซะที่ไหน ถ้าไม่อยากรู้มึงจะถามทำไม”
“...” ในเมื่อเคนตะไม่ตอบ คูเปอร์จึงเบี่ยงไหล่ให้มือหนาหลุดพ้นแล้วเดินนำออกไปทันที
“อะไรของมันวะ” เคนตะเองก็เหนื่อยที่จะคาดเดาอารมณ์จึงยอมก้าวเท้าตามไปเช่นกัน
ห้องเช่าท้ายซอย
พีรภัทรสาวเท้าขึ้นบันไดด้วยความเร็วแสง ถ้าเป็นไปได้เขาแทบอยากจะกระโดดข้ามขั้นบันไดให้ถึงห้องพักเร็วที่สุด เพราะข่าวที่รับรู้มาทำให้เขาทั้งโมโหและมึนงงในเวลาเดียวกัน
ปึง!
“พี่แพร ทำบ้าอะไรลงไปวะ” ทันทีที่ปิดประตูห้อง พีรภัทรก็ยิงคำถามใส่พี่สาวทันท่วงที
“...” แพร์พีญาเงยหน้าไปมองต้นเสียง
“รู้ตัวรึเปล่าว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน จะหนีกลับมาทำไม”
“ฟังก่อน อย่าเพิ่งโมโหได้ไหมพีท” ก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยออกมาบ้าง
“จะให้ผมไม่โมโหไม่ได้หรอกนะ พี่เล่นทำไอ้เดียร์มันเสียทั้งหน้าเสียทั้งงานขนาดนั้น” ในงานมอเตอร์โชว์กลับวุ่นวายเมื่อตามหาพริตตี้หน้าใหม่ที่ใคร ๆ ต่างอยากแชะภาพไม่เจอ จนทำให้เดียร์น่าเพื่อนของพีรภัทรยกสายโทรต่อว่าชายหนุ่มจนสายแทบจะไหม้
“เสียหน้า!?” แพร์พีญาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียหน้าทั้งที่โชว์รูมของเธอมีคนอื่นแทนที่ตลอดเวลา
“เออดิ ทั้งตากล้องทั้งลูกค้าถามหาแต่พี่แพร”
ร่างบางเข้าใจทันที “ฉันก็ไม่อยากจะหนีกลับหรอกนะ”
ฟึ่บ! ทำให้พีรภัทรทิ้งตัวลงมานั่งข้าง ๆ ต่อว่าไปมันก็สายเกินจะแก้ไขแล้ว
“แต่ก็หนีมาแล้ว” ก่อนที่พีรภัทรจะเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจนัก “ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน คนอื่นเขาเสียงาน”
“จะให้ฉันออกไปยืนโชว์ได้ไง ในเมื่อ...” รอยบ้านั่นเด่นชัดซะขนาดนี้ แพร์พีญาไม่ได้เอ่ยให้พีรภัทรฟัง
“พูดมาพี่แพร” แต่น้องชายที่สนิทที่สุดกลับจับสังเกตได้กับท่าทีนั่น
“เจอคูเปอร์ที่งาน” เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมา
“เจอเฮีย!?”
“อือ” แพร์พีญาพยักหน้าด้วยสีีหน้าเหนื่อยหน่าย
“แล้ว!? ยังไงต่อ” สรุปที่หนีกลับมาเพราะพี่สาวตัวเองขี้ขลาดจนไม่กล้าเผชิญหน้าหรอกเหรอ
แพร์พีญาจึงเล่าทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม จนกระทั่งเหตุการณ์เลว ๆ นั่นที่คูเปอร์ทำกับเธอให้น้องชายฟังอย่างไม่คิดปิดบัง
ตุบ! กำหมัดพีรภัทรทุบตีบนเบาะนอนอย่างแค้นใจ
“นี่มันตั้งใจจะกดไม่ให้มีงานทำเลยรึไงวะ”
“...” ร่างบางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคูเปอร์ต้องทำอย่างนั้น ทั้งที่เป็นฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตเธอเอง แล้วตอนนี้จะมาทำร้ายจิตใจเธออีกทำไม
“จะกดให้ตกต่ำกันไปถึงไหนวะ มันจะรู้บ้างไหมว่ากำลังหาเงินรักษาลูกมันอยู่”
“...” ร่างบางไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ
“สรุปตระกูลนั่นไม่มีใครดีจริงสักคน เลวกันหมด” พีรภัทรที่เกิดอารมณ์เดือดดาลจึงระบายออกมา นึกไม่ถึงว่าคูเปอร์ที่เคยรู้จักจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ สุดท้ายกาลเวลาก็สามารถเปลี่ยนสันดานคนได้จริง ๆ หรือไม่นี่อาจจะเป็นธาตุแท้ที่ไม่เคยเห็นจากผู้ชายคนนี้
“ทำไมพี่แพรไม่ตอบโต้มันไปบ้าง”
“ตอบโต้แล้วไง สุดท้ายคนที่แพ้คือเราอยู่ดี” แพร์พีญาตอบอย่างเหนื่อย ๆ กี่ครั้งแล้วที่ต้องหนีไม่มีที่อยู่ ทั้งโดนอำนาจกดขี่ ไหนจะอุปสรรคอื่น ๆ ที่เทใส่เข้ามาในเวลาเดียวกัน จนครอบครัวของเธอต้องหนีไปเกือบสุดภาคใต้
และการกลับมาที่นี่อีกครั้งในรอบห้าปี เธอไม่ได้คิดที่จะเจอกับเขา แต่ทำไมโชคชะตาถึงทำให้เจอกันอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขาเองก็ไม่เคยกลับมาเมืองไทยตั้งแต่เกิดเรื่อง...
แพร์พีญาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทาง หลังจากกลับถึงห้องพัก ถึงแม้เธอจะได้ค่าตอบแทนไม่ถึงครึ่งซะด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ตั้งใจจะไปรับพีพีขึ้นมารักษาตัวและเมื่อกลับมาถึงห้องเธอรู้ได้ทันทีว่าพีรภัทรยังไม่กลับห้องตั้งแต่เมื่อวาน เธอหวังลึก ๆ ว่าพีรภัทรจะใจเย็นลงบ้างแล้ว มือบางกดต่อสายหาน้องชายทว่าก็ไร้การตอบรับ ไม่รับสาย ไม่อ่านข้อความไลน์หรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆทำให้ร่างบางสะพานกระเป๋าเตรียมตัวไปขนส่งโดยไม่ลังเล เวลาของเธอสำคัญกว่ามานั่งเสียใจเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ อีกแล้ว ถึงจะไม่ได้เงินครบตามจำนวน แต่เธอก็ต้องไปรับพีพีมาพักรอการรักษาตัวก่อน..ร่างสูงโปร่งยืนพิงประตูรถญี่ปุ่นหน้าหอพัก คนที่เดินลงมาจากตึกเข้าใจสิ่งที่เห็นว่าใครเป็นคนบอกให้เขาต้องมาจอดรถรอที่นี่ ณ เวลานี้“พี่หมอ” แพร์พีญาเข้าไปทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้“จะกลับบ้านทำไมไม่บอกพี่ละ วันก่อนเราคุยกันแล้วนะ” ทันทีที่คนตัวเล็กเอ่ยเรียก เขาก็ยิงคำถามกลับมา“คือแพร...” เธอไม่รู้จะบอกยังไงดี ได้แต่ยืนก้มหน้าหาคำแก้ตัว“ไม่อยากรบกวน” ทว่าร่างสูงรู้ทัน เอื้อมมือไปวางบนศีรษะ คล้ายกับว่าเอ็นดูในท่าทีหญิงสาว“...” ดวงตากลมโตเงยขึ้นไปสบต
รถสปอร์ตหักเลี้ยวเข้าข้างทางกะทันหัน นัยน์ตาสีนิลบัดนี้แทบจะร้อนระอุเป็นเพลิงไฟ คล้ายกับคนสติแตกโกรธตัวเอง!?ไม่!...เขาสมควรทำอย่างนั้น ทำไมต้องรู้สึกกับสิ่งที่ทำลงไป เขาเองก็โดนทำร้ายจนสาหัสไม่ต่างกันดีไม่ดีมีแค่เขาเท่านั้นที่เจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีต‘แกจะรักผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!’เขาไม่เคยคิดจะฟังคำเตือน ต่อให้เขาจะโดนบี้แค่ไหนก็ตาม ‘ถ้าแกยังดื้อด้าน ฉันจะไม่ให้สมบัติแกสักสลึงเดียว’เขาไม่สนเพราะเชื่อว่าตัวเองสามารถเลี้ยงดูคนรักได้โดยไม่ต้องง้อสมบัติเก่าเขายอมทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอแต่แล้ว...ทุกอย่างกลับพังทลายไม่คู่ควรกับคำว่ารักที่เขามอบให้สักนิดเดียวโดนหักหลัง โดนหลอก พร้อมภาพและคำพูดทุกอย่างตอกย้ำว่าเธอเป็นอย่างที่เขาได้ยินมา‘หนูจะขายให้ฉันไหม’‘ขายค่ะ’‘หนูแพรแน่ใจน่ะ’‘ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะ เสี่ยมีพระคุณกับครอบครัวหนู ให้ฟรีหนูยังให้ได้เลย’ ตุบ!นิ้วเรียวกำหมัดแน่นฟาดลงไปบนพวงมาลัยรถเต็มแรงประโยคเหล่านั้นยังวกวนในหัวสมองตลอดห้าปี มันคือฝันร้ายที่ทำให้ความเจ็บปวดตอกย้ำซ้ำ ๆทว่าจู่ ๆ ความสุขที่เขาได้รับเมื่อคืนย้อนเข้ามาลบภาพจำในอดีตรสจูบที่หอมหวาน กลิ่นกายชวนหลงใหล
ขาเรียวยาวตวัดเกี่ยวเอวสอบเอาไว้ผ่อนคลายไปตามแรงปรารถนา ไม่ใช่หลงไหลในบทรักของเขา แต่ต้องการให้ทุกอย่างที่ตั้งใจราบรื่นเร็วที่สุด“แน่น...แน่นเหมือนเดิม”คูเปอร์พึมพำด้วยความพึ่งพอใจ“แพร” ไม่วายยังจะเอ่ยเรียกชื่อร่างบางเสียงกระเส่า ลืมตัวไปหมดสิ้นว่ากำลังลงโทษแพร์พีญาให้หลาบจำทำเอาคนใต้ร่างถึงกับชะงักเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดชื่อของเธอ ตั้งแต่กลับมาเจอกันไม่มีสักครั้งที่เขาจะเรียกชื่อเธอเหมือนอย่างตอนนี้ทว่าบางทีเขาแค่ใกล้จะปลดปล่อยเลยระบายมันออกมาต่างหาก‘แพรจ๋า’‘พี่เปอร์..เบาหน่อยน้องเจ็บไปหมดแล้ว’ มือบางประคองใบหน้าคมที่จู่โจมเธอตั้งแต่ย่างกร่างเข้ามาในคอนโดของเขา ‘พี่ขอโทษ’คูเปอร์โน้มลงไปจูบแนบชิดเพื่อให้เธอผ่อนคลาย จูบไล้ตั้งแต่หน้าผากจนถึงปลายคางมน ซุกหน้าคมคายเข้าไปในซอกคอ สูดดมกลิ่มหอมประจำตัวให้ชื่นหัวใจ ‘อื้ออ..พี่คูเปอร์’‘ดีขึ้นไหม’เธออมยิ้มพยักหน้าตอบกลับ ‘จะทำไรคะ’ ก่อนจะชะโงกหน้าขึ้นมาดูเมื่อเขาถอดบางอย่างที่แข็งแรงออกจากตัว‘เปลี่ยนท่า’เสียงเรียบราบบอกเพียงสั้น ๆ แต่กลับบ่งบอกถึงอารมณ์ใคร่ได้เป็นอย่างดีเขาจับร่างบางพลิกนอนคว่ำจากนั้นค่อยสอดแทรกตัวตนเข้าไปลึกสุดใ
“อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้น คืนนี้เธอต้องทรมานอีกหลายยก”แพร์พีญาดันมือหนาที่กำลังรังแกเธอออกอย่างไว แต่แล้วสายตาของเธอก็สังเกตเห็นบางอย่าง เธอจึงก้มมองตามร่างกำยำที่คุ้นชิน ทว่าบัดนี้เปลี่ยนไปจากเดิมเขาไม่ชอบให้มีลวดลายบนตัวแม้กระทั่งลายสักประจำตระกูลแต่...ตอนนี้แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับเนื้อหนังอีกแล้วดวงตากลมโตเบิกตามองแขนทั้งสองข้าง แผ่นอกตรงหน้าไล่ยาวมาจนถึงหน้าท้องแกร่ง“ทำไม...” ปากอวบอิ่มเผยอถามได้เพียงเท่านั้น“โดนเข็มแทงยังเจ็บน้อยกว่าคบกับผู้หญิงหิวเงิน”คูเปอร์รู้ทันทีว่าคำถามนั้นคืออะไร เขาจึงตอบกลับทันควันโดยไม่ต้องรอคำถามจบประโยค“ฉันไม่ได้เป็นแบบที่นายกล่าวหา”“จะแก้ตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ฉันมีเวลาให้เธอตัดสินใจก่อนมาที่นี่...สุดท้ายเธอก็ไม่เปลี่ยนใจ”“เพราะฉัน...อื้อออ” หมดคำพูดจากปากบางเมื่อเข้าจู่โจมเพื่อไม่ฟังคำพูดไร้สาระนั่นบทเรียนในอดีตเขาจะทำให้เธอรู้ว่าใครเจ็บปวดกว่ากันร่างกำยำเข้าแนบชิดบดเบียดจนแผ่นหลังร่างบางเสียดสีกับผนังหินอ่อน ลิ้นหนาตวัดดูดรัดเรียวลิ้นเล็กด้วยความร้อนแรง บดขยี้ซ้ำ ๆ จนแพร์พีญารับมือแทบไม่ไหว สองมือประคองท้ายทอยให้รับกับจูบเร้าร้อน ส่ว
เมื่อแพร์พีญากลับมาถึงห้องทบทวนทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและมั่นใจว่าสิ่งที่จะทำต่อจากนี้คือทางที่ดีที่สุดแล้ว ร่างบอบบางลุกเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวทำหน้าที่เพื่อไม่ให้พลาดเงินก้อนนี้จนเธอออกมาจากห้องน้ำก็ยังไม่มีวี่แววว่าพีรภัทรจะกลับมา“ทำไมยังไม่กลับมาอีก” เพราะตอนนี้พีรภัทรไม่มีงานทำที่ไหนอย่างเมื่อก่อนแล้ว มันผิดปกติจากนิสัยเดิมน้องชาย ไม่รู้ว่าพีรภัทรจะเข้าใจเธอผิดมากเพียงใดกับการที่เธอร้องห้ามไม่ให้ด่าทอใส่พวกตระกูลนั้นเพราะเธอรู้ดีว่าถึงสู้ก็มีแต่คำว่าแพ้แพร์พีญาสลัดความคิดแล้วส่ายหน้าเรียกสติตัวเองกลับมา“แต่ก็ดี” ก่อนจะเอ่ยงึมงำกับตัวเองเพราะเธอเองก็ไม่อยากให้พีรภัทรต้องรับรู้ที่มาของเงินก้อนนี้อยู่แล้ว ไปทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จจะได้เอาเงินมารักษาพีพีและกลับไปอยู่ที่ที่ควรอยู่ ไม่ใช่ถิ่นฐานที่ใครบ้างคนเคยตอกหน้าไว้‘อย่ามาเหยียบที่นี่อีก หายสาปสูญไปเลยยิ่งดี’..จนกระทั่งถึงเวลานัดร่างบางย่างกรายเข้ามาในห้องที่มีชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขานั่งไขว่ห้างพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ กระดกน้ำสีเข้มมันลงไปในคราวเดียว แล้วลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อสายตาประสานกันนัยน์ตาสีนิลฉายความว่า
ร่างบอบบางหนีจากความวุ่นวายไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับห้องพัก ไม่อยากพบหน้าใครในตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเธอคนเดียว แพร์พีญาเดินตามทางเรื่อย ๆ นึกย้อนอดีตที่น่าจดจำในช่วงเวลาตอนนั้น‘อื้ออ~ พี่เปอร์’ เธอย่นซอกคอหลบหนีจากริมฝีปากร้ายที่กำลังซุกซนฝากรอยจูบเอาไว้‘คิดถึง’ คำสั้น ๆ ที่ล้วนความสุขแฝงอยู่ทุกการกระทำพร้อมกับอ้อมกอดจากทางด้านหลัง‘แพรไปเรียนมาแค่สองชั่วโมงเอง’ เธอหมุนตัวกลับไปหาเขา‘จะกี่นาทีก็ไม่อยากห่าง’ใบหน้าคมคายจับจ้องร่างบางในอ้อมกอดอย่างห่วงแห แพร์พีญาเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นว่ามันคือ ‘ความรัก’ความรักที่คล้ายจะเป็นความจริง แต่วันนี้มันอาจจะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันคือ ‘ความหลอกลวง’‘ผู้ชายเวลามันจะเอา มันทำได้ทุกอย่าง!’..เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูหักเลี้ยวเข้าข้างทางกะทันหันทำเอาร่างบางที่เดินใจลอยอยู่ก่อนแล้วสะดุ้งตกใจ แต่แล้วเมื่อเห็นเจ้าของรถหรูที่เปิดประตูลงจากรถอย่างเอาเรื่อง สองขาเรียวก็รีบทำงานอัตโนมัติทันทีทว่า...ช้ากว่าที่จะหนีได้เพราะเพียงไม่กี่ก้าวที่เธอวิ่ง เขาก็เข้ามาประชิดตัวพร้อมทั้งกระชากแขนเล็กอย่างแรง“จะทำบ้าอะไรอีกห๊ะ!” มือบางพยายามแก







