เข้าสู่ระบบ“หมอนัท…เอ่อ…”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเด็กขี้นินทา”
“เอ่อ...คะน้าไปดูให้อีกทีดีกว่า เผื่อพี่ ๆ คนงานเตรียมของให้ไม่ครบ” คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งปรู๊ดไปทางเรือนเพาะชำแบบไม่เหลียวหลังกลับ เธอขอหนีไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยคิดหาคำแก้ตัวทีหลังก็แล้วกัน
พอคะน้าวิ่งหนีไปแล้ว หมอนัทมองตามหลังเด็กสาวไปแวบหนึ่งก็ส่ายหน้า เขานั่งลงตรงข้ามกับพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่า
“พี่ติไม่ได้เข้ามาในไร่ด้วยเหรอครับ”
“ปรางมากับคะน้าค่ะ”
“อีกเดี๋ยวพี่ติก็คงตามมา” คุณหมอนัทว่ายิ้ม ๆ และพอเขาพูดยังไม่ทันขาดคำ รถกระบะสี่ประตูสีดำของคนที่เขาพูดถึงก็แล่นมาจอดที่หน้าเรือนเพาะชำ ร่างสูงกำยำลงมาจากรถด้วยใบหน้าบึ้งตึง ธิติเดินตรงมายังโต๊ะที่น้องชายและเมียนั่งอยู่
“มาทำเหี้ยอะไรแต่เช้า” ธิติทักน้องชายทันทีที่เดินเข้ามาใกล้
“วันนี้วันหยุดครับ”
“หมอมีวันหยุดด้วยเหรอ” คนหงุดหงิดที่เมียหนีออกจากห้องมาก่อนพาลใส่น้อง พอพาลน้องแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งยาวข้างเมีย แถมยังจงใจกระแซะเข้าหาจนไหล่แทบจะเกยกับไหล่บอบบาง
“หมอก็คนนะครับ ต้องหยุดต้องพักบ้าง”
“แล้วทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง” ธิติคุยกับน้องชาย แต่สายตาดุจับจ้องคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ เขากางแขนออกพาดพนักพิง ท่าทางจึงคล้ายว่าจะโอบกอดคนตัวเล็กอยู่ในที
“บ้านผมยังไม่เสร็จนี่ครับ ช่วงนี้ขอรบกวนพักบ้านพี่ก่อนนะครับ” หมอนัทมองท่าทีพี่ชายแล้วยิ้มบาง เขาจำได้ว่า ตอนที่พี่ชายได้รับข้อเสนอว่าต้องแต่งงานกับมะปรางก่อน ลุงปราบ...พ่อของมะปรางจึงจะยอมขายที่ดินสี่สิบไร่ให้ ตอนนั้นพี่ชายของเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่พอใจเท่าไร แต่พอมะปรางแต่งเข้าบ้านมาแล้ว เขาว่า...พี่ชายเขามีท่าทีเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ว่าได้ แต่ดูเหมือนคนที่เปลี่ยนไปจะไม่รู้ตัวเองเท่าไร
“คนงานเตรียมของให้ครบหรือเปล่า ไม่ไปดูหน่อยเหรอ” ธิติไล่อย่างไร้เยื่อใย เพราะเขาต้องการเวลาส่วนตัวเคลียร์กับคนที่นั่งตัวลีบอยู่ข้าง ๆ
“คะน้าจัดการให้ ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด”
“งั้นก็เชิญมึงนั่งรอตรงนี้แล้วกัน กูจะพาปรางไปดูท้ายไร่สักหน่อย” ในเมื่อมันไม่ไป เขาพาเมียไปเองก็ได้
มะปรางหน้าเสียในตอนที่ถูกโอบกอดแนบร่างกำยำ เขาพาเธอเดินตรงไปยังรถกระบะของเขา หญิงสาวยินยอมเดินตามอย่างไม่มีทางเลี่ยง ใจดวงน้อยสั่นไหว เพราะท้ายไร่ที่เขาบอกนั้นมีสถานที่ลับตาที่เขามักจะพาเธอไปทำอะไรที่น่าอายอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
พอพี่ชายขับรถพาพี่สะใภ้ไปยังท้ายไร่แล้ว หมอนัทก็ลุกขึ้นเดินไปหายัยเด็กผมสั้นที่กำลังตรวจตราของที่เขาสั่งว่าครบหรือเปล่า
“เรียบร้อยดีไหม” หมอนัทถามพลางมองต้นกล้าไม้และของที่อยู่บนท้ายรถกระบะของไร่ ของพวกนี้เขาจะนำไปตกแต่งบ้านของเขาที่กำลังสร้างใหม่อยู่ในตัวเมือง
หมอนัททำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ราวสี่สิบกิโลเมตร แรกเริ่มเดิมทีนั้น คุณย่าของเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงพยาบาลแห่งนี้ ท่านรับกรรมสิทธิ์มาหลังจากคุณปู่ของเขาซึ่งเป็นหมอ คุณปู่เสียชีวิตตอนที่เขาเรียนอยู่ปีหนึ่ง พอเขาเรียนจบ คุณย่าก็โอนหุ้นทั้งหมดให้เขา รวมทั้งโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในตัวเมืองมูลค่าหลายสิบล้านบาทให้เขาสร้างบ้านด้วย ส่วนพี่ชายของเขารับหน้าที่ดูแลไร่เดือนเต็ม และเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ห้าร้อยไร่ พี่ติลงทุนลงแรงทุกอย่างในไร่ โดยที่เขาไม่ได้ส่วนร่วม และไม่คิดจะทำเลย เพราะเขาไม่ถนัดงานไร่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ครบค่ะคุณหมอ” คะน้าตอบแล้วมองค้อนคนชอบสั่ง
“งั้นก็ไปขึ้นรถ” หมอนัทว่าพลางจับข้อมือบางดึงรั้งเด็กสาวเดินไปที่รถเก๋งสีขาวคันหรูของตน
“ไปไหนคะ”
“ไปดูคนงานลงของที่บ้านฉัน”
“คะน้าไม่ไปได้ไหมคะ หมอนัทจะได้ไม่เสียเวลากลับมาส่งคะน้าไงคะ” คะน้าไม่กล้าขัดขืน แต่เธอก็ไม่อยากไปกับเขา
“คืนนี้ฉันจะกลับมานอนที่ไร่ เดี๋ยวค่อยกลับมาพร้อมกัน”
หมดข้ออ้าง หมดทางหนี เธอต้องไปที่บ้านหลังนั้นกับเขา พอขึ้นมานั่งบนเบาะข้างคนขับ และเจ้าของรถขึ้นนั่งประจำที่ คะน้าก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งพอเขาหันมามองเธอแล้วยิ้มพราว คะน้าก็อยากจะร้องไห้ เขาไม่ใช่คุณหมอนัทคนดีอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจ เขาไม่ใช่กุมารแพทย์ผู้อ่อนโยนอย่างที่ใคร ๆ เห็น สำหรับเธอแล้ว เขาคือหมอนัทบ้ากามต่างหาก
“คุณปราง”มะปรางหันไปทางเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นป้าจุ๋ม หญิงสาวก็ยิ้มกว้าง และเดินเข้าไปหาผู้สูงวัยที่ถือตะหลิวยืนอยู่ในโรงอาหาร“ป้ากำลังทำกับข้าวอยู่ พอเห็นรถคุณติก็เลยออกมาดู เผื่อว่าจะสั่งให้ทำอะไรเพิ่ม”“คุณติไม่มีอะไรสั่งเพิ่มหรอกค่ะ คุณติแค่มาส่งปรางไว้ที่นี่ เสร็จงานแล้วคุณติถึงจะแวะมารับ ป้าจุ๋มทำอะไรอยู่หรือคะ มีอะไรให้ปรางช่วยไหม”“โอ๊ย ! ไม่ต้อง ๆ ไม่ต้องช่วยอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณปรางมานั่งตรงนี้” ป้าจุ๋มว่าพลางโอบเมียเจ้านายไปนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนในโรงครัว“นั่งรอป้าตรงนี้นะคะ เดี๋ยวป้าตักทับทิมกรอบมาให้ชิม เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เอง ป้าให้คุณปรางชิมคนแรกเลย”มะปรางไม่อยากขัดใจผู้สูงวัย หญิงสาวจึงนั่งรออย่างผู้รอที่ดี ระหว่างรอก็มองตามผู้สูงวัยที่กุลีกุจอไปตักทับทิมกรอบใส่ถ้วยแก้วใบเล็กมาให้ พอป้าจุ๋มเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยทับทิมกรอบ มะปรางก็ยื่นมือออกไปรับ“ขอบคุณค่ะ น่ากินจังเลยค่ะ” มะปรางวางถ้วยใบเล็กลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวยิ้มกว้างสดใสให้ป้าจุ๋ม“น่ากินก็กินเลยนะคะ ป้าจะไปทำกับข้าวช่วยพวกสาว ๆ ต่อล่ะค่ะ”“ค่ะ” มะปรางพยักหน้า แล้วยิ้มหวานให้ป้าจุ๋มอีกครั้ง เมื่อผู้สูงวัย
3 เมียหาย “ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไง” คนถูกถามด้วยคำถามยียวนกวนประสาทถอนหายใจ มะปรางหันไปมองหน้าสามีแวบหนึ่ง “คุณติจะให้ปรางร้องเพลงให้ฟังหรือคะ” “ไม่ชอบฟังเพลง ชอบฟังเสียงครางมากกว่า” ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วชนะ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขามันคนหน้าหนาหน้าด้าน พูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่อายปาก สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ต้องสงบปากสงบคำ ยอมให้เขาพูดกวนประสาทต่อไป ธิติปรายตามองคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มบางอย่างผู้ชนะ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อเช้าหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ต่อปากต่อคำกับเมีย และเขาก็เป็นผู้ชนะเหมือนเดิม “เช้า ๆ แบบนี้ครางซ้อมลูกคอหน่อยเป็นไง เอามุมไหนดี หลังต้นไม้ใหญ่ ริมลำธาร หรือบังโขดหินดี” มะปรางเม้มปากแน่น หญิงสาวมองเมินออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่ละที่ที่เขาเสนอมานั้น เขาลากเธอไปทำอะไรที่น่าอายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คนหื่น คนหมกมุ่นในกาม ขนาดอยู่สถานที่โล่งแจ้ง เขายังคิดแต่จะทำเรื่องแบบนั้น นี่ถ้าเธอไม่กินยาคุม ป่านนี้คงท้องหัวปีท้ายปีแล้ว พอคิดถึงเรื่องกินยาคุม มะปรางก็รู้สึกผิดต
“หมอนัท…เอ่อ…” “ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเด็กขี้นินทา”“เอ่อ...คะน้าไปดูให้อีกทีดีกว่า เผื่อพี่ ๆ คนงานเตรียมของให้ไม่ครบ” คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งปรู๊ดไปทางเรือนเพาะชำแบบไม่เหลียวหลังกลับ เธอขอหนีไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยคิดหาคำแก้ตัวทีหลังก็แล้วกันพอคะน้าวิ่งหนีไปแล้ว หมอนัทมองตามหลังเด็กสาวไปแวบหนึ่งก็ส่ายหน้า เขานั่งลงตรงข้ามกับพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่า“พี่ติไม่ได้เข้ามาในไร่ด้วยเหรอครับ”“ปรางมากับคะน้าค่ะ”“อีกเดี๋ยวพี่ติก็คงตามมา” คุณหมอนัทว่ายิ้ม ๆ และพอเขาพูดยังไม่ทันขาดคำ รถกระบะสี่ประตูสีดำของคนที่เขาพูดถึงก็แล่นมาจอดที่หน้าเรือนเพาะชำ ร่างสูงกำยำลงมาจากรถด้วยใบหน้าบึ้งตึง ธิติเดินตรงมายังโต๊ะที่น้องชายและเมียนั่งอยู่“มาทำเหี้ยอะไรแต่เช้า” ธิติทักน้องชายทันทีที่เดินเข้ามาใกล้“วันนี้วันหยุดครับ”“หมอมีวันหยุดด้วยเหรอ” คนหงุดหงิดที่เมียหนีออกจากห้องมาก่อนพาลใส่น้อง พอพาลน้องแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งยาวข้างเมีย แถมยังจงใจกระแซะเข้าหาจนไหล่แทบจะเกยกับไหล่บอบบาง“หมอก็คนนะครับ ต้องหยุดต้องพักบ้าง” “แล้วทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง” ธิติคุยกับน้องชาย แต่สายตาดุจับจ้องคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้า
“คะน้าเก่ง เป็นเด็กดี ไม่ว่าเรียนอะไรหรือเรียนที่ไหน พี่เชื่อว่าคะน้าจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนจ้ะ” มะปรางยิ้มให้กำลังใจเด็กสาว ตั้งแต่เธอแต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่กับสามี พอได้รู้จักกับเด็กสาว เธอก็เอ็นดูและถูกชะตา เพราะแม้จะแก่นเซี้ยวไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก แต่คะน้าก็เป็นเด็กดีรู้ความหลังจากแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้วในตอนที่เธอเพิ่งเรียนจบใหม่ มะปรางไม่ได้อึดอัดใจกับการต้องย้ายมาอยู่บ้านสามี เพราะทุกคนในบ้านใส่ใจและเอ็นดูเธอราวกับลูกหลานคนหนึ่ง ทั้งผู้คนในไร่ก็ให้เกียรติและยำเกรงเธอในฐานะภรรยาของเจ้าของไร่ จะมีก็แต่คนเอาแต่ใจที่เธอหนีเขาออกมาจากห้องนั่นแหละที่ไม่น่าคบ พอนึกถึงคนไม่น่าคบ ใบหน้าสวยหวานในกรอบเส้นผมที่ถูกรวบตึงมัดหางม้าไว้ก็บึ้งตึงลงเล็กน้อยอาจเป็นเพราะการแต่งงานระหว่างเธอกับเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก เขาจึงไม่ค่อยถนอมเธอนัก ไม่ว่าจะทางกายหรือทางวาจา ความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงความต้องการทางเพศของผู้ชายคนหนึ่ง และเธอมีหน้าที่ตอบสนองในฐานะเมีย เมียที่เขายอมแต่งงานด้วยเพราะต้องการที่ดินสี่สิบไร่ของพ่อเธอที่อยู่ติดกับที่ดินผืนใหญ่ของเขา เธอก็แค่ของแถมที่เขา
ธิติจัดแจงเปลี่ยนท่วงท่าร่วมรักไปเรื่อยอย่างเอาแต่ใจ มะปรางแตกซ่านน้ำหวานกระจายไหลนองเปียกเปื้อนเต็มซอกขา กว่าเขาจะดื่มด่ำกับความเสียวจากการถูกเธอบีบรัดจนพอใจ มะปรางก็สุขสมไปไม่รู้กี่ครั้ง จนเธอต้องอ้อนวอนร้องขอเขาทั้งน้ำตา“คุณติขา ปรางไม่ไหวแล้ว คุณติถึงสักทีสิคะ ฮึก ๆ” มะปรางบอกเสียงกระท่อนกระแท่น ในตอนที่เขาเปลี่ยนท่าจับเธอนอนหงาย ยกสองขาเรียวขึ้นพาดบ่า แล้วสอดใส่ลำกายที่ยังคงแข็งคึกเข้าหาสุดแรงจนร่างสาวสั่นกระเทือน อกอวบกระเพื่อมไหว เธอหอบหายใจถี่กระชั้น อ่อนระโหยโรยแรงเต็มที แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมพอสักที เธอเจ็บแสบและจุกไปหมดแล้ว“อีกนิดเดียว...ซี้ด !” ธิติสูดปากเสียว เขากดหัวเข่าลงข้างสะโพกอวบ สองมือรวบจับเอวบางไว้แน่น ก่อนจะเริ่มขยับบั้นเอวกระแทกแก่นกายใส่ร่องอุ่นอ้าวถี่ยิบ เพื่อฉุดกระชากคนโรยแรงไปยังสุดสายปลายทางพร้อมเขาอีกครั้ง มะปรางกรีดร้องดีดดิ้นอย่างเสียวจัด ก่อนจะแตกกระจายพร้อมกับเขาในตอนที่เขาตอกอัดตัวตนสุดโคนสอดสลักปักลึก แล้วปลดปล่อยสายน้ำสีขาวอุ่นในกายเธอ2 ไร่เดือนเต็มรุ่งเช้าวันใหม่ คนที่ตักตวงความหวานจากเมียจนอิ่มเอมรู้สึกตัวตื่นด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
“อื๊อ !” มะปรางสะดุ้งน้อย ๆ หญิงสาวกัดหมอนไว้เต็มปาก ในตอนที่สามีลากลิ้นเลียผ่ารอยปริแยกขึ้นลงช้า ๆ ซ้ำ ๆ และในตอนที่เขาประกบปากดูดจนเกิดเสียงดังหยาบโลน ทั้งยังแยงลิ้นเข้ามาในร่องเนื้อนุ่มแล้วกระดกระรัว มะปรางก็สุดจะกลั้น หญิงสาวเงยหน้าหวีดร้อง ทั้งส่ายบั้นท้ายแอ่นกระดกเข้าหา น้ำหวานลื่นใสไหลหลั่ง อารมณ์ร่านสวาทพุ่งทะยานสูงลิบ ธิติฝังใบหน้ากับเนื้อนวลหวานฉ่ำ เขาทั้งดูด ทั้งเลีย และกลืนกินน้ำหวานที่คัดหลั่งจากร่องเนื้อ เขาซุกไซ้ใบหน้าเข้าหาอย่างดุดันจนกายสาวสั่นกระเทือน ยิ่งเธอหวีดร้องครวญคราง และกระดกบั้นท้ายเชิญชวน เขาก็ยิ่งจ้วงลิ้นแทงร่องรักระรัว“คุณติขา ปรางจะถึงแล้ว อ๊ะ ๆ อ๊าย !” มะปรางสะท้านเฮือก เธอสุขสมคาปากสามี ปลดปล่อยน้ำหวานแตกซ่านอย่างรุนแรงใส่ใบหน้าหล่อเข้ม คนที่ซุกหน้าอยู่ตรงกลางซอกขาดูดกลืนเอาหยาดความเสียวที่เธอปลดปล่อยออกมาจนหมด เขาประกบปากแนบกลีบเนื้ออวบที่ปลิ้นออกมาระหว่างซอกขา ปาดเลียจนพอใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาธิติจูบลอนแก้มก้นสองข้าง เขาลากลิ้นเลียจนทั่ว แล้วจึงพรมจูบแผ่นหลังเนียนขึ้นมาจนถึงต้นคอระหง เขาจูบเบา ๆ ที่ต้นคอ แล้วเบี่ยงหน้าไปกระซิบบอกคนตัวสั่นสะท้านว่า







