LOGIN3 เมียหาย
“ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไง”
คนถูกถามด้วยคำถามยียวนกวนประสาทถอนหายใจ มะปรางหันไปมองหน้าสามีแวบหนึ่ง
“คุณติจะให้ปรางร้องเพลงให้ฟังหรือคะ”
“ไม่ชอบฟังเพลง ชอบฟังเสียงครางมากกว่า”
ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วชนะ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขามันคนหน้าหนาหน้าด้าน พูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่อายปาก สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ต้องสงบปากสงบคำ ยอมให้เขาพูดกวนประสาทต่อไป
ธิติปรายตามองคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มบางอย่างผู้ชนะ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อเช้าหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ต่อปากต่อคำกับเมีย และเขาก็เป็นผู้ชนะเหมือนเดิม
“เช้า ๆ แบบนี้ครางซ้อมลูกคอหน่อยเป็นไง เอามุมไหนดี หลังต้นไม้ใหญ่ ริมลำธาร หรือบังโขดหินดี”
มะปรางเม้มปากแน่น หญิงสาวมองเมินออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่ละที่ที่เขาเสนอมานั้น เขาลากเธอไปทำอะไรที่น่าอายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คนหื่น คนหมกมุ่นในกาม ขนาดอยู่สถานที่โล่งแจ้ง เขายังคิดแต่จะทำเรื่องแบบนั้น นี่ถ้าเธอไม่กินยาคุม ป่านนี้คงท้องหัวปีท้ายปีแล้ว
พอคิดถึงเรื่องกินยาคุม มะปรางก็รู้สึกผิดต่อพ่อ ลำพังคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีนั้น เขาคงไม่สนใจเรื่องที่เธอจะท้องหรือไม่ท้องหรอก เขาสนใจแต่จะหาความสุขจากร่างกายเธอก็เท่านั้น แต่เธอกลับรู้สึกผิดกับบิดา เพราะก่อนที่เธอจะแต่งงานกับเขา เหตุผลที่พ่อหยิบยกขึ้นมาทำให้เธอตัดสินใจยอมแต่งงานกับเขาคือ
“หากปรางแต่งงานกับคุณติ อย่างน้อยพ่อก็มั่นใจได้ว่า ในอนาคต ที่ดินของพ่อจะตกเป็นของลูกปราง เป็นของหลานพ่อ หลานที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของปรางครึ่งหนึ่ง”
เพราะรู้ว่าพ่อรักที่ดินผืนนี้มาก การสูญเสียที่ดินเพราะความไว้ใจค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อน แต่ตัวเองกลับต้องขายที่ดินเพื่อชดใช้หนี้แทนเพื่อนก็ทำให้พ่อเครียด และเป็นกังวลใจมากอยู่แล้ว เธอไม่อยากทำให้พ่อเสียใจและเครียดหนักกว่าเดิม เธอจึงยอมที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยรักและรู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น
“ทำไมคิดนานจัง พี่คิดให้แล้วกัน ไปโขดหินดีกว่า ลับตาคนที่สุด ปรางจะได้ครางเสียงดัง ๆ ให้พี่ฟังแบบไม่ต้องกั๊ก”
มะปรางกำมือแน่น เธอไม่หันไปมองหน้าคนหื่น คนที่ในสมองมีแต่เรื่องหื่น ๆ จะไปไหนก็ไปตามแต่ใจเขาสิ เพราะเธอไม่เคยขัดเขาได้อยู่แล้วนี่
คนยั่วเมียได้สำเร็จกระหยิ่มยิ้มเยาะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะทำอะไรหรอก แต่เห็นท่าทางนิ่ง ๆ ไม่มีอารมณ์ร่วมกับการยั่วเย้าของเขาสักนิด แบบนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้ว ต้องจัดให้หนักอีกสักที จะได้รู้ว่าไม่ควรนั่งนิ่งยั่วต่อมหื่นเขาแบบนี้
ทว่าความตั้งใจของคนหื่นก็ต้องเป็นอันชะงักลง เมื่อเขากำลังจะเลี้ยวรถไปทางทุ่งหญ้าท้ายไร่ ที่มีโขดหินน้อยใหญ่กระจายอยู่หลายจุด แต่ชาติชายก็ขับมอเตอร์ไซค์มาดักหน้าเสียก่อน ธิติจอดรถด้วยความหงุดหงิด เขากดกระจกรถลงรอ ขณะที่ชาติชายลงจากมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งมายืนยิ้มแต้ข้างรถ
“มีอะไร”
แม้น้ำเสียงของเจ้านายจะบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์เท่าไร แต่คนที่มาขวางทางรถเจ้านายก็ต้องทำใจดีสู้เสือ ฝืนยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดและบอกเขาไปว่า
“เสาที่จะทำร้านองุ่นแปลงใหม่มาส่งแล้วครับ เอ่อ...คุณติเคยบอกว่าถ้าเสามาส่งให้มาบอก เพราะคุณติจะเช็กความเรียบร้อยเอง”
“เดี๋ยวกูตามไป” ธิติบอกพลางเลื่อนกระจกหน้าต่างรถยนต์ขึ้น และจากที่กำลังจะเลี้ยวไปท้ายไร่ เขาจึงเปลี่ยนทิศทางหันหัวรถเลี้ยวไปทางโรงอาหารของไร่แทน
“รออยู่ที่โรงอาหารก่อน พี่เช็กของเสร็จแล้วจะกลับมารับไปทำเรื่องเร้าใจที่โขดหิน” คนหื่นก็ยังไม่วายห่วงเรื่องหื่น ๆ
มะปรางปรายตามองสามีแล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างรถฝั่งตัวเองตามเดิม หญิงสาวนั่งนิ่งกระทั่งเขาขับรถมาจอดที่หน้าโรงอาหารของไร่ เธอจึงรีบเปิดประตูรถ แต่มะปรางยังไม่ทันขยับตัวลงจากรถ คนขับก็ยื่นมือมาดึงรั้งข้อมือเธอไว้ หญิงสาวจึงหันไปมองสบตาเขา
“รอพี่อยู่ที่นี่ เข้าใจไหม”
เสียงเข้มและสายตาดุของเขาทำให้มะปรางถอนหายใจ
“ค่ะ”
“ถ้าไม่เชื่อฟังกัน จะโดนจัดหนัก รู้ใช่ไหมว่าเวลาพี่จัดหนัก ปรางจะเจ็บตัว”
“ค่ะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ปรางจะลง” ก็เพราะรู้ว่าเขาเอาแต่ใจ และหากเธอขัดใจ เขาก็จะมีวิธีลงโทษในแบบของเขา มะปรางจึงต้องรับปากอย่างยอมจำนน
พอลงจากรถแล้ว มะปรางยืนรอกระทั่งท้ายรถกระบะของสามีลับสายตา หญิงสาวนึกถึงคำขู่ของเขาเมื่อครู่ การลงโทษแบบจัดหนักที่เขาขู่นั้นทำให้เธอเจ็บตัวก็จริง แต่ในความเจ็บนั้นมีความซ่านเสียวแทบขาดใจปะปนอยู่ด้วย พอเขาเอาเรื่องนี้มาขู่ เธอยอมรับว่าหวาดหวั่น แต่พอคิดถึงการลงโทษแบบจัดหนักที่เขาเคยทำกับเธอ หัวใจกลับเต้นระรัวและวูบไหวอย่างน่าอาย
“คุณปราง”มะปรางหันไปทางเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นป้าจุ๋ม หญิงสาวก็ยิ้มกว้าง และเดินเข้าไปหาผู้สูงวัยที่ถือตะหลิวยืนอยู่ในโรงอาหาร“ป้ากำลังทำกับข้าวอยู่ พอเห็นรถคุณติก็เลยออกมาดู เผื่อว่าจะสั่งให้ทำอะไรเพิ่ม”“คุณติไม่มีอะไรสั่งเพิ่มหรอกค่ะ คุณติแค่มาส่งปรางไว้ที่นี่ เสร็จงานแล้วคุณติถึงจะแวะมารับ ป้าจุ๋มทำอะไรอยู่หรือคะ มีอะไรให้ปรางช่วยไหม”“โอ๊ย ! ไม่ต้อง ๆ ไม่ต้องช่วยอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณปรางมานั่งตรงนี้” ป้าจุ๋มว่าพลางโอบเมียเจ้านายไปนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนในโรงครัว“นั่งรอป้าตรงนี้นะคะ เดี๋ยวป้าตักทับทิมกรอบมาให้ชิม เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เอง ป้าให้คุณปรางชิมคนแรกเลย”มะปรางไม่อยากขัดใจผู้สูงวัย หญิงสาวจึงนั่งรออย่างผู้รอที่ดี ระหว่างรอก็มองตามผู้สูงวัยที่กุลีกุจอไปตักทับทิมกรอบใส่ถ้วยแก้วใบเล็กมาให้ พอป้าจุ๋มเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยทับทิมกรอบ มะปรางก็ยื่นมือออกไปรับ“ขอบคุณค่ะ น่ากินจังเลยค่ะ” มะปรางวางถ้วยใบเล็กลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวยิ้มกว้างสดใสให้ป้าจุ๋ม“น่ากินก็กินเลยนะคะ ป้าจะไปทำกับข้าวช่วยพวกสาว ๆ ต่อล่ะค่ะ”“ค่ะ” มะปรางพยักหน้า แล้วยิ้มหวานให้ป้าจุ๋มอีกครั้ง เมื่อผู้สูงวัย
3 เมียหาย “ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไง” คนถูกถามด้วยคำถามยียวนกวนประสาทถอนหายใจ มะปรางหันไปมองหน้าสามีแวบหนึ่ง “คุณติจะให้ปรางร้องเพลงให้ฟังหรือคะ” “ไม่ชอบฟังเพลง ชอบฟังเสียงครางมากกว่า” ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้วชนะ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขามันคนหน้าหนาหน้าด้าน พูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่อายปาก สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่ต้องสงบปากสงบคำ ยอมให้เขาพูดกวนประสาทต่อไป ธิติปรายตามองคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มบางอย่างผู้ชนะ อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อเช้าหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ต่อปากต่อคำกับเมีย และเขาก็เป็นผู้ชนะเหมือนเดิม “เช้า ๆ แบบนี้ครางซ้อมลูกคอหน่อยเป็นไง เอามุมไหนดี หลังต้นไม้ใหญ่ ริมลำธาร หรือบังโขดหินดี” มะปรางเม้มปากแน่น หญิงสาวมองเมินออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่ละที่ที่เขาเสนอมานั้น เขาลากเธอไปทำอะไรที่น่าอายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คนหื่น คนหมกมุ่นในกาม ขนาดอยู่สถานที่โล่งแจ้ง เขายังคิดแต่จะทำเรื่องแบบนั้น นี่ถ้าเธอไม่กินยาคุม ป่านนี้คงท้องหัวปีท้ายปีแล้ว พอคิดถึงเรื่องกินยาคุม มะปรางก็รู้สึกผิดต
“หมอนัท…เอ่อ…” “ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเด็กขี้นินทา”“เอ่อ...คะน้าไปดูให้อีกทีดีกว่า เผื่อพี่ ๆ คนงานเตรียมของให้ไม่ครบ” คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งปรู๊ดไปทางเรือนเพาะชำแบบไม่เหลียวหลังกลับ เธอขอหนีไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยคิดหาคำแก้ตัวทีหลังก็แล้วกันพอคะน้าวิ่งหนีไปแล้ว หมอนัทมองตามหลังเด็กสาวไปแวบหนึ่งก็ส่ายหน้า เขานั่งลงตรงข้ามกับพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่า“พี่ติไม่ได้เข้ามาในไร่ด้วยเหรอครับ”“ปรางมากับคะน้าค่ะ”“อีกเดี๋ยวพี่ติก็คงตามมา” คุณหมอนัทว่ายิ้ม ๆ และพอเขาพูดยังไม่ทันขาดคำ รถกระบะสี่ประตูสีดำของคนที่เขาพูดถึงก็แล่นมาจอดที่หน้าเรือนเพาะชำ ร่างสูงกำยำลงมาจากรถด้วยใบหน้าบึ้งตึง ธิติเดินตรงมายังโต๊ะที่น้องชายและเมียนั่งอยู่“มาทำเหี้ยอะไรแต่เช้า” ธิติทักน้องชายทันทีที่เดินเข้ามาใกล้“วันนี้วันหยุดครับ”“หมอมีวันหยุดด้วยเหรอ” คนหงุดหงิดที่เมียหนีออกจากห้องมาก่อนพาลใส่น้อง พอพาลน้องแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งยาวข้างเมีย แถมยังจงใจกระแซะเข้าหาจนไหล่แทบจะเกยกับไหล่บอบบาง“หมอก็คนนะครับ ต้องหยุดต้องพักบ้าง” “แล้วทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง” ธิติคุยกับน้องชาย แต่สายตาดุจับจ้องคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้า
“คะน้าเก่ง เป็นเด็กดี ไม่ว่าเรียนอะไรหรือเรียนที่ไหน พี่เชื่อว่าคะน้าจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนจ้ะ” มะปรางยิ้มให้กำลังใจเด็กสาว ตั้งแต่เธอแต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่กับสามี พอได้รู้จักกับเด็กสาว เธอก็เอ็นดูและถูกชะตา เพราะแม้จะแก่นเซี้ยวไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก แต่คะน้าก็เป็นเด็กดีรู้ความหลังจากแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้วในตอนที่เธอเพิ่งเรียนจบใหม่ มะปรางไม่ได้อึดอัดใจกับการต้องย้ายมาอยู่บ้านสามี เพราะทุกคนในบ้านใส่ใจและเอ็นดูเธอราวกับลูกหลานคนหนึ่ง ทั้งผู้คนในไร่ก็ให้เกียรติและยำเกรงเธอในฐานะภรรยาของเจ้าของไร่ จะมีก็แต่คนเอาแต่ใจที่เธอหนีเขาออกมาจากห้องนั่นแหละที่ไม่น่าคบ พอนึกถึงคนไม่น่าคบ ใบหน้าสวยหวานในกรอบเส้นผมที่ถูกรวบตึงมัดหางม้าไว้ก็บึ้งตึงลงเล็กน้อยอาจเป็นเพราะการแต่งงานระหว่างเธอกับเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก เขาจึงไม่ค่อยถนอมเธอนัก ไม่ว่าจะทางกายหรือทางวาจา ความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงความต้องการทางเพศของผู้ชายคนหนึ่ง และเธอมีหน้าที่ตอบสนองในฐานะเมีย เมียที่เขายอมแต่งงานด้วยเพราะต้องการที่ดินสี่สิบไร่ของพ่อเธอที่อยู่ติดกับที่ดินผืนใหญ่ของเขา เธอก็แค่ของแถมที่เขา
ธิติจัดแจงเปลี่ยนท่วงท่าร่วมรักไปเรื่อยอย่างเอาแต่ใจ มะปรางแตกซ่านน้ำหวานกระจายไหลนองเปียกเปื้อนเต็มซอกขา กว่าเขาจะดื่มด่ำกับความเสียวจากการถูกเธอบีบรัดจนพอใจ มะปรางก็สุขสมไปไม่รู้กี่ครั้ง จนเธอต้องอ้อนวอนร้องขอเขาทั้งน้ำตา“คุณติขา ปรางไม่ไหวแล้ว คุณติถึงสักทีสิคะ ฮึก ๆ” มะปรางบอกเสียงกระท่อนกระแท่น ในตอนที่เขาเปลี่ยนท่าจับเธอนอนหงาย ยกสองขาเรียวขึ้นพาดบ่า แล้วสอดใส่ลำกายที่ยังคงแข็งคึกเข้าหาสุดแรงจนร่างสาวสั่นกระเทือน อกอวบกระเพื่อมไหว เธอหอบหายใจถี่กระชั้น อ่อนระโหยโรยแรงเต็มที แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมพอสักที เธอเจ็บแสบและจุกไปหมดแล้ว“อีกนิดเดียว...ซี้ด !” ธิติสูดปากเสียว เขากดหัวเข่าลงข้างสะโพกอวบ สองมือรวบจับเอวบางไว้แน่น ก่อนจะเริ่มขยับบั้นเอวกระแทกแก่นกายใส่ร่องอุ่นอ้าวถี่ยิบ เพื่อฉุดกระชากคนโรยแรงไปยังสุดสายปลายทางพร้อมเขาอีกครั้ง มะปรางกรีดร้องดีดดิ้นอย่างเสียวจัด ก่อนจะแตกกระจายพร้อมกับเขาในตอนที่เขาตอกอัดตัวตนสุดโคนสอดสลักปักลึก แล้วปลดปล่อยสายน้ำสีขาวอุ่นในกายเธอ2 ไร่เดือนเต็มรุ่งเช้าวันใหม่ คนที่ตักตวงความหวานจากเมียจนอิ่มเอมรู้สึกตัวตื่นด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
“อื๊อ !” มะปรางสะดุ้งน้อย ๆ หญิงสาวกัดหมอนไว้เต็มปาก ในตอนที่สามีลากลิ้นเลียผ่ารอยปริแยกขึ้นลงช้า ๆ ซ้ำ ๆ และในตอนที่เขาประกบปากดูดจนเกิดเสียงดังหยาบโลน ทั้งยังแยงลิ้นเข้ามาในร่องเนื้อนุ่มแล้วกระดกระรัว มะปรางก็สุดจะกลั้น หญิงสาวเงยหน้าหวีดร้อง ทั้งส่ายบั้นท้ายแอ่นกระดกเข้าหา น้ำหวานลื่นใสไหลหลั่ง อารมณ์ร่านสวาทพุ่งทะยานสูงลิบ ธิติฝังใบหน้ากับเนื้อนวลหวานฉ่ำ เขาทั้งดูด ทั้งเลีย และกลืนกินน้ำหวานที่คัดหลั่งจากร่องเนื้อ เขาซุกไซ้ใบหน้าเข้าหาอย่างดุดันจนกายสาวสั่นกระเทือน ยิ่งเธอหวีดร้องครวญคราง และกระดกบั้นท้ายเชิญชวน เขาก็ยิ่งจ้วงลิ้นแทงร่องรักระรัว“คุณติขา ปรางจะถึงแล้ว อ๊ะ ๆ อ๊าย !” มะปรางสะท้านเฮือก เธอสุขสมคาปากสามี ปลดปล่อยน้ำหวานแตกซ่านอย่างรุนแรงใส่ใบหน้าหล่อเข้ม คนที่ซุกหน้าอยู่ตรงกลางซอกขาดูดกลืนเอาหยาดความเสียวที่เธอปลดปล่อยออกมาจนหมด เขาประกบปากแนบกลีบเนื้ออวบที่ปลิ้นออกมาระหว่างซอกขา ปาดเลียจนพอใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาธิติจูบลอนแก้มก้นสองข้าง เขาลากลิ้นเลียจนทั่ว แล้วจึงพรมจูบแผ่นหลังเนียนขึ้นมาจนถึงต้นคอระหง เขาจูบเบา ๆ ที่ต้นคอ แล้วเบี่ยงหน้าไปกระซิบบอกคนตัวสั่นสะท้านว่า







