LOGINพวงชมพูทำงานหนักแต่ก็ไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเอง เธอจะนึกถึงเอมอรกับเพชรกล้าก่อนตัวเองเสมอ สิ่งของที่ซื้อจึงเป็นของทั้งสองเสียส่วนใหญ่ ส่วนตัวเธอเดือนหนึ่งจะซื้อเสื้อกับกางเกงสักชุด ที่ใส่อยู่บางตังรัชนีกรก็ซื้อให้ หรือนำเสื้อผ้าที่ตัวเองไม่ใส่มาให้เพื่อนรักใส่แทน พวงชมพูเป็นแม่และลูกที่ดี แม้นลำบากแต่ก็ไม่เคยคิดหวนกลับไปหาพ่อของลูกที่รวยล้นฟ้าช่วยเหลือ เธอก้าวออกมาจากชีวิตเขาแล้วก็จะไม่หวนกลับไปอีก แม้ว่าจะลำบากยากเข็ญเพียงไรก็ตาม
ชั่วขณะที่เอมอรมองบุตรสาว พวงชมพูหันกลับเพื่อไปหยิบของมาวางบนโต๊ะ เธอได้เห็นนัยน์ตาคนเป็นแม่ที่มีน้ำใสๆ เกลือกกลิ้ง เธอรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุของน้ำตานั้นคืออะไร
“แม่คิดมากอีกแล้วนะ” พวงชมพูเดินมาใกล้มารดา
“ก็มันอดคิดไม่ได้ เพราะแม่แกถึงต้องลำบากแบบนี้” เอมอรน้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “เพราะแม่คนเดียว ถ้าแม่ยับยั้งชั่งใจไม่เป็นเมียน้อยเขา ไม่เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น แกคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกตามลำพัง ไหนจะต้องดูแลแม่อีก เพราะแม่คนเดียว”
นับตั้งแต่รู้ความจริง เอมอรโทษตัวเองเรื่อยมา แม้ว่าพวงชมพูจะบอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่า เธอก็มีส่วนผิดด้วย เพราะหากไม่ยอม เรื่องนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น
“ชมเคยบอกแม่แล้วไงคะว่า ไม่ใช่ความผิดของแม่ มันเป็นความผิดของชมเอง แม่เลิกโทษตัวเองได้แล้วนะคะ อีกอย่างชมไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันทำให้แม่มีความสุข มีชีวิตที่ดี และชมก็ได้ของขวัญจากสวรรค์ ที่ทำให้เราสองคนมีความสุขไงคะแม่” ประโยคนี้พวงชมพูพูดกับมารดาหลายครั้งหลายหน แต่ดูเหมือนว่า คำพูดของเธอไม่อาจทำให้ความรู้สึกในจิตใจคนเป็นแม่เบาลงเลย “เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะคะแม่ อย่าไปนึกถึงให้จิตใจเราย่ำแย่เลยค่ะ ตอนนี้เรามีชีวิตใหม่ อยู่กันสามคน อยู่กันตามอัตภาพ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีตนะคะแม่”
ปากบอกให้มารดาลืม ทว่าคนพูดกลับไม่เคยลืมเรื่องที่ผ่านมา ราวกับว่าฝังอยู่ในความทรงจำที่พยายามสลัดให้หลุด แต่ไม่เลย มันไม่เคยเลือนหายกลับตอกย้ำอยู่ทุกวัน เป็นเพราะหน้าตาของเพชรกล้าเหมือนคนเป็นพ่อราวกับถอดแบบออกมา อีกทั้งความรักที่มีต่อชายใจร้ายใจดำก็ฝังแน่นในหัวใจ รู้ว่าเขาไม่รักแต่ก็ภักดีรักไม่เสื่อมคลาย
“ถึงแกจะพูดให้แม่สบายใจยังไง แม่ก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองผิดอยู่ดี”
“ช่างมันเถอะแม่ เราผ่านมันมาแล้ว ชมไม่อยากให้แม่คิดมากและโทษตัวเอง ชมไม่สบายใจเลยนะแม่ ที่แม่โทษตัวเองแบบนี้ มันทำให้ชมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้”
เอมอรมองหน้าลูกสาวที่ตอนนี้มีน้ำตาคลอเบ้า นางไม่อยากเห็นพวงชมพูร้องไห้อีกแล้ว นางฝืนยิ้มทั้งที่ใจตรมเพื่อให้ลูกสบายใจ
“แกก็อย่าร้องไห้สิ แกร้องทีไรหัวใจแม่เจ็บทุกที เอาเป็นว่า แม่จะไม่โทษตัวเองอีก เราจะปล่อยให้เรื่องนั้นผ่านไปเหมือนสายลม” พวงชมพูเช็ดน้ำตา ส่งยิ้มและสวมกอดมารดา เพชรกล้าเห็นภาพยายกับแม่นั่งกอดกันก็ละมือจากงานที่ทำ เดินมากอดร่างทั้งสอง ทั้งสามจึงกอดกันกลม กอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่นที่ทั้งสามมีให้กันและกัน
20.30 น.
ปราณปวิชนั่งดูภาพถ่ายของเด็กชายวัยระหว่างห้าถึงแปดปีจำนวนสิบคนที่ถูกส่งเข้ามาในมือถือ เด็กทั้งสิบคนนี้เขาต้องเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว เพื่อเป็นพรีเซนเตอร์อาหารเช้าซีเรียลตัวใหม่ล่าสุดของบริษัท หลังจากส่งตัวล่าสุดเข้าตีตลาดและสามารถครองตลาดเป็นอันดับต้นได้ในระยะเวลาเพียงสองเดือน ทางบริษัทจึงคิดค้นอาหารเช้าซีเรียลตัวใหม่ที่ผลิตจากโฮลเกรนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ โฮลเกรนเป็นธัญพืชชั้นดีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของโปรตีนที่ทำให้อิ่มท้องได้นานจนถึงมื้อเที่ยง ในการถ่ายทำโฆษณาในแต่ละครั้ง ปราณปวิชมีส่วนร่วมด้วยคือ คัดเลือกพรีเซนเตอร์ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หากยังไม่ถูกใจหรือคิดว่าไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ ปราณปวิชก็จะให้ฝ่ายโฆษณาคัดเลือกมาใหม่ จนกว่าเขาจะพอใจ
ขณะที่ดูภาพถ่ายอยู่นั้น สมองปราณปวิชกลับนึกถึงแต่เด็กชายเพชรกล้าที่บังเอิญเจอกันในวันนั้น ผ่านมาแล้วสี่วัน ทว่าภาพใบหน้าของเพชรกล้าไม่เลือนหายไปเลย ส่งผลให้เขาไม่มีสมาธิในการพิจารณารูปร่างหน้าตาของเด็กทั้งสิบคน เมื่อจิตใจนึกถึงแต่เพชรกล้า ปราณปวิชเปลี่ยนมาดูคลิปการแสดงของเพชรกล้าแทน ดูไปยิ้มไป นึกแปลกใจว่า เพชรกล้าไม่ใช่ลูกหลานแต่เหตุใดรู้สึกเอ็นดูได้มากขนาดนี้ ก่อนจะมาดูภาพถ่ายของเพชรกล้าที่เขาถ่ายไว้ มองนิ่งนาน ชั่ววินาทีหนึ่งปราณปวิชนึกถึงใครอีกคนขึ้นมา ขณะนึกถึงก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า นัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเพชรกล้า ช่างเหมือนกับคนที่เขากำลังนึกถึงเหลือเกิน
คนนั้นคือพวงชมพู...ผู้หญิงที่เขาทำร้ายเธอทั้งกายและใจ แล้วตอนนี้ปราณปวิชกำลังทุกข์ทรมานกับการกระทำของตัวเอง เขาควรมีความสุขกับการจากไปของสองแม่ลูกคู่นั้น แต่เปล่าเลย ทุกวินาทีนับแต่นั้นมีเพียงความทุกข์ทรมานใจกับความรู้สึกบางอย่างที่พยายามกลบมันไว้ให้มิดที่สุด
Chapter 77 “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นหลังจากวันที่เพชรทำการแสดง กล้ามเนื้อขาและแขนของปราบดีขึ้น ปราบมารู้ในวันที่หัดเดินกับตั้ม วันนั้นชมไม่อยู่ออกไปเอายาให้แม่ ปราบเดินได้หลายก้าว ปราบเลยมีความตั้งใจว่า จะไม่บอกเรื่องนี้ให้ชมรู้เพื่อจะได้มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ชม ปราบหัดเดินกับตั้มบ่อยขึ้นตอนที่ชมไม่อยู่บ้าน ไปรับเพชรบ้าง ไปทำธุระอื่นๆ บ้าง แต่เวลาชมอยู่ปราบก็จะทำเหมือนยังเดินไม่ได้ ส่วนเรื่องพูดก็ดีขึ้นพร้อมกับแขนขา หัดขยับปาก นวดปากและหัดพูด จนมาถึงวันนี้อาการปราบดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่าเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อีกสักหน่อยก็คงหายเป็นปกติ เป็นไงลูก ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้คงถูกใจชมนะ” พวงชมพูยืนฟังเรื่องเซอร์ไพร์สด้วยรอยยิ้ม เธอไม่โกรธที่ปราณปวิชปิดบังเรื่องนี้กับตน รวมถึงทุกคนในที่นี้ด้วย พวงชมพูดีใจด้วยซ้ำไปที่สามีหายจนเกือบเป็นปกติ “เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในโลกค่ะแม่” พวงชมพูตอบทั้งน้ำตา โผกอดร่างสามี “ชมดีใจที่สุดค่ะพี่ปราบ” ปราณปวิชยกลำแขนกอดร่างเมียรัก อยากกอดแบบนี้นานแล้ว หลายครั้งที่เขาอยากกอด อยากหอม อยากทำอะไรหลายๆ อย่าง ทว่าก็เก็บความอยากนั
Chapter 76 ปราณปวิชนั่งอยู่ในรถวีลแชร์ระบบไฟฟ้า แล้วรถที่เขานั่งกำลังถูกเข็นเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ภายในโรงแรมหรูกลางกรุง ที่วันนี้มีงานกาล่าดินเนอร์และมีการแสดงให้ความบันเทิงหลายชุด หนึ่งในหลายชุดคือการแสดงของเพชรกล้ากับเหล่าเพื่อนในโรงเรียนสอนร้อง เล่นและเต้นแสดงที่เด็กชายเรียนอยู่ ครอบครัวปราณปวิชจึงมาให้กำลังใจเพชรกล้าครบทุกองค์ประชุม รวมถึงเหล่าพี่เลี้ยงนามว่ารัชนีกรกับรวิกาญน์ รวมถึงวรเทพก็มาดูการแสดงของหลานรักครั้งนี้ด้วย ก่อนการแสดงเพชรกล้าที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จรอเวลาขึ้นเวที ได้เดินมาหาบิดาที่นั่งอยู่บนโต๊ะวีไอพี เด็กชายขึ้นไปนั่งบนตักบิดาที่ก้มหน้าหอมแก้ม “เพชรมาขอกำลังใจจากพ่อฮะ” ปราณปวิชยิ้ม หอมแก้มบุตรชายแทนคำพูด เพชรกล้ายิ้ม หอมแก้มบิดาตอบกลับ ก่อนลงจากตักแล้วเดินไปยังห้องเตรียมตัวแสดงโดยมีรัชนีกรเดินไปพร้อมกันด้วย อีกสิบนาทีต่อมาเด็กชายเพชรกล้าขึ้นไปแสดงบนเวทีร่วมกับเพื่อนอีกเจ็ดคน ปราณปวิชมองดูลูกชายเต้นบนเวทีด้วยรอยยิ้ม เขาพยายามยกแขนขึ้นเพื่อโบกมือให้ เพชรกล้า แต่ก่อนกว่าเขาจะยกแขนได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมคว
Chapter 75“วันนี้ชมทำแกงเผ็ดเป็ดย่างให้พี่ปราบกินด้วยนะคะ” พวงชมพูวางถาดที่ใส่อาหารจานโปรดของเขาลงบนโต๊ะลาก จากนั้นก็มาปรับเตียงนอนให้เขาอยู่ในท่านั่งเพื่อสะดวกในการกินข้าว “ค่อยๆ อ้าปากนะคะ”พวงชมพูบอกสามีที่อ้าปากรับอาหารรสชาติอร่อย ค่อยๆ เคี้ยวและกลืนลงคอ พวงชมพูหยิบแก้วน้ำให้สามีจิบเพื่อให้น้ำทำให้คล่องคอ“พี่ปราบอยากกินของหวานเป็นอะไรคะ วันนี้มีสัปปะรดลอยแก้ว หรือว่าจะเอาผลไม้คะ มีแอปเปิ้ล ส้ม แก้วมังกรค่ะ” เธอพูดไปป้อนข้าวเขาไป “วันมะรืนกล้าต้องขึ้นทำการแสดงที่โรงแรมค่ะ เป็นงานการกุศลที่คุณแม่เป็นโต้โผใหญ่ ชมเตรียมชุดหล่อๆ ไว้ให้พี่ปราบแล้ว เราจะได้ไปดูลูกเต้นด้วยกันค่ะ”ปราณปวิชพยักหน้ารับรู้ มองภรรยาที่ปรนนิบัติตนอย่างดีทั้งน้ำตา การที่เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง อย่างหนึ่งที่แน่ชัดคือ สถาบันครอบครัวของเขาแข็งแรงมาก มีความรักและความเอาใจใส่ต่อกัน ไม่มีใครทอดทิ้งเขาสักคน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นห่วง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องอดีตให้ตนเจ็บช้ำ มีแต่ให้กำลังใจให้เกิดความฮึกเหิมฮึดสู้กับอาการป่วย“ขะ...ขอ...โทด” การพูดของปราณปวิชเป็นอีกเรื่องที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่เป็นการพูดค
Chapter 74“เรื่องนี้ต้องให้คุณหมอตอบนะคะ อีกสักครู่คุณหมอก็จะออกมาค่ะ”“เดี๋ยวผมกับแทคไปจัดการเรื่องห้องพักให้เองครับ คุณพ่อคุณแม่รอฟังอาการปราบอยู่ที่นี่นะครับ” อิสทัชอาสา“ขอบใจมากทัช แทค” สองหนุ่มยิ้มก่อนเดินไปจัดการเรื่องห้องพักให้เพื่อนรักอีกราวสิบนาทีต่อมา นายแพทย์มงคลผู้ให้การรักษาเดินออกมาจากห้องผ่าตัด มงคลแจ้งกับญาติคนไข้ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้อาจทำให้สมองของปราณปวิชช้ำ ผลข้างเคียงคือทำให้แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หรือจะเรียกว่าเป็นอัมพาต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูอาการตอนฟื้นอีกทีว่า จะออกมาในทิศทางใดได้ยินเพียงแค่นี้ทุกคนก็ปล่อยน้ำตาออกมา เพราะไม่คิดว่าปราณปวิชจะตกอยู่ในอาการเช่นนี้ ทว่าทุกคนก็คิดในทางเดียวกันว่า ก็ยังดีกว่ายมทูตคร่าชีวิตเขาไป ไม่ว่าปราณปวิชเป็นอย่างไร ทุกคนก็พร้อมดูแลเขาเต็มที่ โดยเฉพาะพวงชมพูที่เวลานี้โทษตัวเองว่า เพราะตนทำให้ปราณปวิชต้องเป็นเช่นนี้พวงชมพูไม่ต้องการให้ปราณปวิชตายหรือเป็นอัมพาต พวงชมพูแค่ต้องการให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับอดีตที่เคยทำไว้กับตนแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ7 เดือนต่อมา ในเรื่องร้ายยังมีความโชคดี อาการของปราณปวิชไม
Chapter 73“เจ็ดปีที่ผ่านมา มีใครมีความสุขแบบเต็มอิ่มบ้าง ลุงเชื่อว่าไม่มี ที่เห็นกับตาทุกวันคือปราบ ปราบไม่มีความสุขเลยนับตั้งแต่ชมจากไป ปราบบอกความจริงกับตาลเรื่องของชม แล้วยังบอกด้วยว่า หัวใจของเขามีแต่ชมคนเดียว ตาลเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายนะ เมื่อรู้ว่าปราบไม่รักก็ไม่ได้ตื้อหรือโวยวาย ทั้งคู่จึงจบกันด้วยดี หลังจากนั้นหนึ่งปีตาลก็แต่งงานกับนักธุรกิจชาวเยอรมัน ปราบยังไปงานแต่งงานตาลเลย พอกลับมาจากงานแต่งก็เอาแต่ดื่มเหล้าอยู่สามวัน ดื่มไปก็ร้องไห้ไปเพราะคิดถึงชม ปราบอยากมีงานแต่งงานบ้าง อยากแต่งชุดเจ้าบ่าวโดยที่เจ้าสาวคือชม เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เหล้าจึงเป็นที่พึ่งทางใจอย่างเดียว มาห่างดื่มก็ตอนแม่ไปขอร้องนี่แหละ” ปริญญาเล่าอีกเรื่องให้พวงชมพูฟัง “ปราบเคยคิดออกตามหาชมนะ แต่ลุงคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะวันนั้นอรกับชมก็ประกาศตัดขาด แล้วยังเรื่องที่ปราบทำกับชมอีก บางทีเวลาเจ็ดปีอาจเป็นบทลงโทษปราบไปในที ทำให้ปราบรู้ซึ้งถึงคำว่าเจ็บปวดทางใจที่หนักหนาสาหัสกว่าที่ชมเจอ ตอนนี้ลุงคิดว่า มันสมควรกับเวลาแล้วนะ ที่พวกเราจะมีความสุขกันเสียที ชมคิดเหมือนลุงไหมลูก” พวงชมพูน้ำตาไหล เธอน้ำมือ
Chapter 72“ชมแม่ว่า...” เอมอรได้ยินก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าลูกสาวจะยื่นเงื่อนไขนี้ ปริญญากับนารถลดาก็พลอยตกใจไปด้วย“แม่ไม่ต้องยุ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องของชมกับเขา ถ้าเขากล้าทำตามที่ชมบอก ชมก็กล้าทำตามข้อตกลงค่ะ” ในใจพวงชมพูคิดว่าปราณปวิชไม่กล้า “ว่าไงกล้าหรือเปล่า”“ชมก็คอยดูก็แล้วกัน” คำพูดของพวงชมพูว่าน่าตกใจแล้ว การกระทำของปราณปวิชน่าตกใจยิ่งกว่า ตอนนี้เขาหมุนตัววิ่งออกไปจากบ้าน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน“ปราบลูก ปราบจะไปไหน” นารถลดาวิ่งตามลูกชาย ปริญญา เอมอรกับพวงชมพูจึงวิ่งตามไปด้วย แต่ก่อนพวงชมพูจะวิ่งตามรั้งท้ายไป เธอสั่งให้เพชรกล้าอยู่ที่บ้าน สั่งเสร็จจึงรีบวิ่งออกไปบ้านที่พวงชมพูอาศัยอยู่เป็นซอยย่อย ความยาวของซอยนี้ประมาณสามร้อยเมตร บ้านของเธออยู่ห่างจากถนนหลักที่ตัดผ่านไปถนนใหญ่ได้ถึงสองถนน รถยนต์จึงค่อนข้างมาก ปราณปวิชวิ่งออกจากบ้านพวงชมพู ก่อนวิ่งออกไปยังถนนสายหลักที่อยู่ห่างจากบ้านของเธอประมาณหนึ่งสิบเมตร ขณะที่กำลังก้าวเท้าวิ่งอยู่นั้น เขาหันไปมองรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนน ระยะห่างจากตัวเขากับรถเป้าหมายคันนั้นราวสิบเมตร เขาวิ่งออกไปยืนกลางถนนอย่างไม่ลังเล หมายให้รถคันนั้นชนตนเอง







