LOGINหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ พวงชมพูเดินมาตามทางกำลังจะเลี้ยวไปทางด้านขวา แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อพนักงานโรงแรมสองคนช่วยกันยกฉากกั้นเดินผ่านมา เธอจึงหยุดให้ทั้งสองเดินผ่านไปก่อน จังหวะนั้นปราณปวิชได้เดินขนานกับฉากกั้น ทำให้เขามองไม่เห็นคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
และเมื่อพนักงานสองคนเดินผ่านไป พวงชมพูเดินเลี้ยวขวาเพื่อกลับไปหาลูกชายและเพื่อนสนิท ส่วนปราณปวิชเดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านขวามือของเขา ปราณปวิชกับพวงชมพูจึงคลาดกันราวกับว่า พรหมลิขิตไม่ปรารถนาให้ทั้งสองได้พบกันเวลานี้
กลิ่นขนมหม้อแกงลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณใกล้เคียง ใครได้สูดกลิ่นเป็นต้องน้ำลายไหลอยากกินขนมชนิดนี้ขึ้นมาทันทีทันใด แต่ไม่ใช่ว่าคนละแวกบ้านหลังนี้จะได้กลิ่นขนมหม้อแกงทุกวัน คนทำจะทำเดือนละสองครั้ง และทำตามออเดอร์ที่สั่งเท่านั้นด้วย หากใครไม่ได้สั่งก็ต้องอดกิน ต้องรอรอบต่อไปถึงจะได้กินขนมหม้อแกงสูตรโบราณของเอมอร
ระหว่างที่รอขนมหม้อแกงอบได้ที่ เอมอรเจ้าของสูตรขนมกำลังตักขนมตาลใส่กระทงใบตองก่อนนำไปวางไว้บนซึ้งนึ่ง และเมื่อวางเรียงกันจนเต็มก็นำขึ้นไปนึ่งบนเตาไฟ หลังจากตักขนมตาลจนหมด เอมอรตักขนมกล้วยใส่กระทงเป็นลำดับต่อไป
ขณะที่เอมอรกำลังทำขนมขายอยู่นั้น เพชรกล้าหลานชายสุดที่รักเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมขันน้ำใส่น้ำเย็น เด็กชายมายืนข้างผู้เป็นยาย ก่อนยื่นขันน้ำให้
“ยายฮะ น้ำเย็นๆ ชื่นใจฮะ”
“ขอบใจนะเพชรกล้าของยาย” เอมอรรับขันน้ำมาดื่ม ก่อนวางลงบนโต๊ะ
“ยายเหนื่อยไหมฮะ ให้เพชรช่วยยายนะฮะ”
คนเป็นยายยิ้ม มองดูหลานชายหยิบถุงกระดาษที่สำหรับใส่ถาดขนมหม้อแกงมากางเตรียมไว้ เมื่อขนมหม้อแกงสุกและหายร้อนจะได้ใส่ถุงกระดาษรอให้ลูกค้ามารับ ก่อนนางจะเบนสายตามองพวงชมพูลูกสาวเพียงคนเดียวเดินยกโต๊ะพับมาวางกางหน้าบ้าน จัดวางของที่ต้องใช้วางไว้บนโต๊ะพับสองตัวที่เรียงต่อกัน เตรียมตัวขายขนมที่วันนี้ทำขนมตาลและขนมกล้วย
สายตาเอมอรขณะมองพวงชมพูอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิด เสียใจและเศร้าใจ พวงชมพูเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาท หัวอ่อนและรักแม่มาก อาจเป็นเพราะนางเลี้ยงพวงชมพูมาคนเดียวตั้งแต่หนึ่งขวบ อดทนและทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกสาว อดเพื่อให้ลูกอิ่มและได้เรียนหนังสือ ทว่าพวงชมพูต้องมาพบเจอกับเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งเอมอรก็ไม่คิดว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับลูกสาวของนาง เอมอรมารู้เรื่องนี้หลังจากเกิดเรื่องแล้วหนึ่งปีหกเดือน
เอมอรตัดสินใจออกจากบ้านหลังนั้น ไม่สนใจความรู้สึกของตนเองว่าจะต้องเจ็บปวดเมื่อจากคนที่ตนรัก ละทิ้งความสุขสบายทุกอย่างที่สามีมอบให้ นางสนใจเพียงความรู้สึกและเรื่องที่พวงชมพูได้รับ หลังออกมาเผชิญความลำบากอีกครั้ง พวงชมพูสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้มารดาลำบาก เธอทำงานมาตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ นอกจากจะทำขนมสูตรโบราณของเอมอรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากกมลผู้เป็นยายขายเลี้ยงชีพ เธอยังรับจ้างสอนพิเศษให้เด็กระดับชั้นประถมและมัธยมต้นหารายได้พิเศษอีกทางหนึ่ง เก็บหอมรอมริบไว้ใช้จ่ายยามลูกน้อยคลอด
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นหน้าที่ที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่มาก เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน เธอต้องเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ก้าวผ่านสิ่งต่างๆ อย่างกล้าหาญ หลังจากคลอดนองเพชรกล้า ความขยันของพวงชมพูเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมองหางานประจำทำ แต่ก็ไม่ทิ้งการขายขนมแม้ว่ากำไรจะไม่มากมาย แต่อย่างน้อยๆ ก็มีเงินเข้าบ้าน งานประจำที่ว่านี้คือ เป็นพนักงานทำความสะอาดห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท เป็นโรงแรมระดับห้าดาว มีเงินเดือนและเซอร์วิสชาร์ต ที่สำคัญมีอาหารให้พนักงานกินฟรี ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่อเดือนไปได้มาก
จากเดิมที่ขายขนมทุกวัน พอได้งานประจำพวงชมพูจะทำขายในวันหยุด หลังจากช่วยกันทำขนมเสร็จ เธอก็จะรับจ๊อบทำความสะอาดห้องชุดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เจ้าของเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรมที่ตนทำอยู่ เหตุผลที่พวงชมพูไปทำความสะอาดห้องชุดราคาเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบล้านนั้นได้ เพราะพวงชมพูเก็บต่างหูเพชรที่ตกในห้องน้ำได้ และนำมาคืนเจ้าของ ซึ่งราคาต่างหูข้างนั้นหากนำไปขายจะได้หลักแสนบาท เจ้าของห้องชุดมองเห็นความดีและความซื่อสัตย์ จึงจ้างวานพวงชมพูมาทำความสะอาดที่ห้องอาทิตย์ละหนึ่งวันคือในวันหยุด ตอบแทนความดีของเธอไปในที
แม้ว่าจะทำงานไม่มีวันหยุด ทำงานพิเศษทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่มีสามีคอยช่วยเหลือแบ่งเบาภาระที่แบกไว้จนหนักบ่า พวงชมพูไม่เคยบ่น ไม่เคยโทษโชคชะตา เหนื่อยแค่ไหนไม่ท้อ ไม่ถอย บางครั้งเหนื่อยจนร้องไห้ในห้อง ร้องไห้โดยไม่ให้มารดารู้ พอร้องเสร็จก็สร้างพลังกายใจให้เข้มแข็ง ตระหนักในใจว่า ตนมีคนอันเป็นที่รักต้องดูแลสองคน ฉะนั้นจะอ่อนแอหรือท้อถอยไม่ได้ พวงชมพูทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต หวังให้แม่กับลูกชายสุขสบาย มีเงินเก็บไว้ให้เพชรกล้าเรียนสูงๆ เก็บเงินอีกส่วนหนึ่งสำหรับดูแลมารดาที่มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิตสูง ในความเหน็ดเหนื่อยพวงชมพูก็มีความสุข เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเอมอรกับเพชรกล้า
Chapter 77 “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นหลังจากวันที่เพชรทำการแสดง กล้ามเนื้อขาและแขนของปราบดีขึ้น ปราบมารู้ในวันที่หัดเดินกับตั้ม วันนั้นชมไม่อยู่ออกไปเอายาให้แม่ ปราบเดินได้หลายก้าว ปราบเลยมีความตั้งใจว่า จะไม่บอกเรื่องนี้ให้ชมรู้เพื่อจะได้มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ชม ปราบหัดเดินกับตั้มบ่อยขึ้นตอนที่ชมไม่อยู่บ้าน ไปรับเพชรบ้าง ไปทำธุระอื่นๆ บ้าง แต่เวลาชมอยู่ปราบก็จะทำเหมือนยังเดินไม่ได้ ส่วนเรื่องพูดก็ดีขึ้นพร้อมกับแขนขา หัดขยับปาก นวดปากและหัดพูด จนมาถึงวันนี้อาการปราบดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่าเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อีกสักหน่อยก็คงหายเป็นปกติ เป็นไงลูก ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้คงถูกใจชมนะ” พวงชมพูยืนฟังเรื่องเซอร์ไพร์สด้วยรอยยิ้ม เธอไม่โกรธที่ปราณปวิชปิดบังเรื่องนี้กับตน รวมถึงทุกคนในที่นี้ด้วย พวงชมพูดีใจด้วยซ้ำไปที่สามีหายจนเกือบเป็นปกติ “เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในโลกค่ะแม่” พวงชมพูตอบทั้งน้ำตา โผกอดร่างสามี “ชมดีใจที่สุดค่ะพี่ปราบ” ปราณปวิชยกลำแขนกอดร่างเมียรัก อยากกอดแบบนี้นานแล้ว หลายครั้งที่เขาอยากกอด อยากหอม อยากทำอะไรหลายๆ อย่าง ทว่าก็เก็บความอยากนั
Chapter 76 ปราณปวิชนั่งอยู่ในรถวีลแชร์ระบบไฟฟ้า แล้วรถที่เขานั่งกำลังถูกเข็นเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ภายในโรงแรมหรูกลางกรุง ที่วันนี้มีงานกาล่าดินเนอร์และมีการแสดงให้ความบันเทิงหลายชุด หนึ่งในหลายชุดคือการแสดงของเพชรกล้ากับเหล่าเพื่อนในโรงเรียนสอนร้อง เล่นและเต้นแสดงที่เด็กชายเรียนอยู่ ครอบครัวปราณปวิชจึงมาให้กำลังใจเพชรกล้าครบทุกองค์ประชุม รวมถึงเหล่าพี่เลี้ยงนามว่ารัชนีกรกับรวิกาญน์ รวมถึงวรเทพก็มาดูการแสดงของหลานรักครั้งนี้ด้วย ก่อนการแสดงเพชรกล้าที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จรอเวลาขึ้นเวที ได้เดินมาหาบิดาที่นั่งอยู่บนโต๊ะวีไอพี เด็กชายขึ้นไปนั่งบนตักบิดาที่ก้มหน้าหอมแก้ม “เพชรมาขอกำลังใจจากพ่อฮะ” ปราณปวิชยิ้ม หอมแก้มบุตรชายแทนคำพูด เพชรกล้ายิ้ม หอมแก้มบิดาตอบกลับ ก่อนลงจากตักแล้วเดินไปยังห้องเตรียมตัวแสดงโดยมีรัชนีกรเดินไปพร้อมกันด้วย อีกสิบนาทีต่อมาเด็กชายเพชรกล้าขึ้นไปแสดงบนเวทีร่วมกับเพื่อนอีกเจ็ดคน ปราณปวิชมองดูลูกชายเต้นบนเวทีด้วยรอยยิ้ม เขาพยายามยกแขนขึ้นเพื่อโบกมือให้ เพชรกล้า แต่ก่อนกว่าเขาจะยกแขนได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมคว
Chapter 75“วันนี้ชมทำแกงเผ็ดเป็ดย่างให้พี่ปราบกินด้วยนะคะ” พวงชมพูวางถาดที่ใส่อาหารจานโปรดของเขาลงบนโต๊ะลาก จากนั้นก็มาปรับเตียงนอนให้เขาอยู่ในท่านั่งเพื่อสะดวกในการกินข้าว “ค่อยๆ อ้าปากนะคะ”พวงชมพูบอกสามีที่อ้าปากรับอาหารรสชาติอร่อย ค่อยๆ เคี้ยวและกลืนลงคอ พวงชมพูหยิบแก้วน้ำให้สามีจิบเพื่อให้น้ำทำให้คล่องคอ“พี่ปราบอยากกินของหวานเป็นอะไรคะ วันนี้มีสัปปะรดลอยแก้ว หรือว่าจะเอาผลไม้คะ มีแอปเปิ้ล ส้ม แก้วมังกรค่ะ” เธอพูดไปป้อนข้าวเขาไป “วันมะรืนกล้าต้องขึ้นทำการแสดงที่โรงแรมค่ะ เป็นงานการกุศลที่คุณแม่เป็นโต้โผใหญ่ ชมเตรียมชุดหล่อๆ ไว้ให้พี่ปราบแล้ว เราจะได้ไปดูลูกเต้นด้วยกันค่ะ”ปราณปวิชพยักหน้ารับรู้ มองภรรยาที่ปรนนิบัติตนอย่างดีทั้งน้ำตา การที่เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง อย่างหนึ่งที่แน่ชัดคือ สถาบันครอบครัวของเขาแข็งแรงมาก มีความรักและความเอาใจใส่ต่อกัน ไม่มีใครทอดทิ้งเขาสักคน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นห่วง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องอดีตให้ตนเจ็บช้ำ มีแต่ให้กำลังใจให้เกิดความฮึกเหิมฮึดสู้กับอาการป่วย“ขะ...ขอ...โทด” การพูดของปราณปวิชเป็นอีกเรื่องที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่เป็นการพูดค
Chapter 74“เรื่องนี้ต้องให้คุณหมอตอบนะคะ อีกสักครู่คุณหมอก็จะออกมาค่ะ”“เดี๋ยวผมกับแทคไปจัดการเรื่องห้องพักให้เองครับ คุณพ่อคุณแม่รอฟังอาการปราบอยู่ที่นี่นะครับ” อิสทัชอาสา“ขอบใจมากทัช แทค” สองหนุ่มยิ้มก่อนเดินไปจัดการเรื่องห้องพักให้เพื่อนรักอีกราวสิบนาทีต่อมา นายแพทย์มงคลผู้ให้การรักษาเดินออกมาจากห้องผ่าตัด มงคลแจ้งกับญาติคนไข้ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้อาจทำให้สมองของปราณปวิชช้ำ ผลข้างเคียงคือทำให้แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หรือจะเรียกว่าเป็นอัมพาต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูอาการตอนฟื้นอีกทีว่า จะออกมาในทิศทางใดได้ยินเพียงแค่นี้ทุกคนก็ปล่อยน้ำตาออกมา เพราะไม่คิดว่าปราณปวิชจะตกอยู่ในอาการเช่นนี้ ทว่าทุกคนก็คิดในทางเดียวกันว่า ก็ยังดีกว่ายมทูตคร่าชีวิตเขาไป ไม่ว่าปราณปวิชเป็นอย่างไร ทุกคนก็พร้อมดูแลเขาเต็มที่ โดยเฉพาะพวงชมพูที่เวลานี้โทษตัวเองว่า เพราะตนทำให้ปราณปวิชต้องเป็นเช่นนี้พวงชมพูไม่ต้องการให้ปราณปวิชตายหรือเป็นอัมพาต พวงชมพูแค่ต้องการให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับอดีตที่เคยทำไว้กับตนแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ7 เดือนต่อมา ในเรื่องร้ายยังมีความโชคดี อาการของปราณปวิชไม
Chapter 73“เจ็ดปีที่ผ่านมา มีใครมีความสุขแบบเต็มอิ่มบ้าง ลุงเชื่อว่าไม่มี ที่เห็นกับตาทุกวันคือปราบ ปราบไม่มีความสุขเลยนับตั้งแต่ชมจากไป ปราบบอกความจริงกับตาลเรื่องของชม แล้วยังบอกด้วยว่า หัวใจของเขามีแต่ชมคนเดียว ตาลเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายนะ เมื่อรู้ว่าปราบไม่รักก็ไม่ได้ตื้อหรือโวยวาย ทั้งคู่จึงจบกันด้วยดี หลังจากนั้นหนึ่งปีตาลก็แต่งงานกับนักธุรกิจชาวเยอรมัน ปราบยังไปงานแต่งงานตาลเลย พอกลับมาจากงานแต่งก็เอาแต่ดื่มเหล้าอยู่สามวัน ดื่มไปก็ร้องไห้ไปเพราะคิดถึงชม ปราบอยากมีงานแต่งงานบ้าง อยากแต่งชุดเจ้าบ่าวโดยที่เจ้าสาวคือชม เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เหล้าจึงเป็นที่พึ่งทางใจอย่างเดียว มาห่างดื่มก็ตอนแม่ไปขอร้องนี่แหละ” ปริญญาเล่าอีกเรื่องให้พวงชมพูฟัง “ปราบเคยคิดออกตามหาชมนะ แต่ลุงคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะวันนั้นอรกับชมก็ประกาศตัดขาด แล้วยังเรื่องที่ปราบทำกับชมอีก บางทีเวลาเจ็ดปีอาจเป็นบทลงโทษปราบไปในที ทำให้ปราบรู้ซึ้งถึงคำว่าเจ็บปวดทางใจที่หนักหนาสาหัสกว่าที่ชมเจอ ตอนนี้ลุงคิดว่า มันสมควรกับเวลาแล้วนะ ที่พวกเราจะมีความสุขกันเสียที ชมคิดเหมือนลุงไหมลูก” พวงชมพูน้ำตาไหล เธอน้ำมือ
Chapter 72“ชมแม่ว่า...” เอมอรได้ยินก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าลูกสาวจะยื่นเงื่อนไขนี้ ปริญญากับนารถลดาก็พลอยตกใจไปด้วย“แม่ไม่ต้องยุ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องของชมกับเขา ถ้าเขากล้าทำตามที่ชมบอก ชมก็กล้าทำตามข้อตกลงค่ะ” ในใจพวงชมพูคิดว่าปราณปวิชไม่กล้า “ว่าไงกล้าหรือเปล่า”“ชมก็คอยดูก็แล้วกัน” คำพูดของพวงชมพูว่าน่าตกใจแล้ว การกระทำของปราณปวิชน่าตกใจยิ่งกว่า ตอนนี้เขาหมุนตัววิ่งออกไปจากบ้าน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน“ปราบลูก ปราบจะไปไหน” นารถลดาวิ่งตามลูกชาย ปริญญา เอมอรกับพวงชมพูจึงวิ่งตามไปด้วย แต่ก่อนพวงชมพูจะวิ่งตามรั้งท้ายไป เธอสั่งให้เพชรกล้าอยู่ที่บ้าน สั่งเสร็จจึงรีบวิ่งออกไปบ้านที่พวงชมพูอาศัยอยู่เป็นซอยย่อย ความยาวของซอยนี้ประมาณสามร้อยเมตร บ้านของเธออยู่ห่างจากถนนหลักที่ตัดผ่านไปถนนใหญ่ได้ถึงสองถนน รถยนต์จึงค่อนข้างมาก ปราณปวิชวิ่งออกจากบ้านพวงชมพู ก่อนวิ่งออกไปยังถนนสายหลักที่อยู่ห่างจากบ้านของเธอประมาณหนึ่งสิบเมตร ขณะที่กำลังก้าวเท้าวิ่งอยู่นั้น เขาหันไปมองรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนน ระยะห่างจากตัวเขากับรถเป้าหมายคันนั้นราวสิบเมตร เขาวิ่งออกไปยืนกลางถนนอย่างไม่ลังเล หมายให้รถคันนั้นชนตนเอง







