LOGINแต่สุดท้ายมันก็เบ่งบานราวกับดอกไม้อวดแสงตะวัน ความร้อนของดวงอาทิตย์ทำให้ปราณปวิชร้อนรุ่ม ใจเหมือนถูกไฟเผาปวดแสบไปทั้งใจ เจียนตายเสียให้ได้ กว่าเขาจะก้าวผ่านความเจ็บปวดอันเงียบเชียบโดยไม่มีใครรู้ก็ใช้เวลาหลายเดือน ทว่ามันไม่เคยหมดไปจากจิตใจ ตราบใดที่ปราณปวิชรักลูกสาวเมียน้อยของบิดา ตราบนั้นความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่...จนถึงทุกวันนี้
เมื่อใจนึกถึง...ปราณปวิชเปลี่ยนรูปที่ดูเป็นรูปพวงชมพูที่ถ่ายเก็บไว้หลายภาพ เขาจ้องมองแต่ละภาพด้วยใจสิเน่หา ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ทว่าเส้นบางๆ ที่กั้นความรู้สึก ทำให้ปราณปวิชปฏิบัติกับพวงชมพูในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ เขาเปิดเผยความรู้สึกให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับมารดาที่ต้องเสียใจกับการกะทำของบิดาที่พาภรรยาน้อยเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน
“เธออยู่ไหนนะชม...ฉันคิดถึงเธอจัง” ช่างเป็นความคิดถึงอันแสนปวดร้าว เขาทรมานใจกับความรู้สึกนี้ คล้ายกับว่าตนเป็นนกในกรงไม่อาจออกไปจากทีกักขัง โบกโบยบินไปหาความคิดถึงอาบแน่นใจหัวใจ เพราะหากเขาทำ คนที่ต้องเสียใจมากที่สุดคือ นารถลดา มารดาบังเกิดเกล้า เขาจึงไม่ออกตามหาพวงชมพูกับเอมอร ปล่อยให้สองแม่ลูกจากไปอย่างคนไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก
ในความเป็นจริง...ปราณปวิชเจ็บหัวใจจะเป็นจะตายเสียให้ได้ในวันที่พวงชมพูก้าวเดินผ่านประตูรั้วไป เป็นภาพอดีตที่เขาจำไม่ลบเลือน
ฉับพลันนั้นน้ำตาก็รินไหลไม่รู้ตัว น้ำตาที่มาจากความคิดถึง โหยหา ปรารถนาเจอหน้าพวงชมพูมากที่สุด แต่ก็รู้ดีว่า ไม่มีวันนั้น ความเสียใจก็ก่อเกิดในความรู้สึก เมื่อใจเศร้า น้ำตาจึงไหลตามอารมณ์
“ชม...ฉันขอโทษ...ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน”
พูดไปน้ำตาก็ไหลไป ยิ่งมองภาพเธอในมือถือ ความรู้สึกทั้งหลายก็พุ่งใส่ใจ เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว เป็นความทุกข์ระทมที่ไม่ชินเสียที
หลายค่ำคืนในความเงียบเหงา ปราณปวิชมักรำพึงรำพันคิดถึงพวงชมพู ก่อนที่น้ำตาจะอาบสองแก้ม เสียงสะอื้นไห้ดังออกมาโดยไม่คิดปิดกั้น ประหนึ่งว่า เขากำลังระบายความรู้สึกทั้งหลายในจิตใจให้ออกไปบ้าง ไม่เช่นนั้นอกเขาคงระเบิดด้วยความร้าวรานใจ
ปราณปวิชทำพวงชมพูเจ็บเท่าไหร่ เขาเจ็บยิ่งกว่าเธอร้อยเท่าพันทวี...
กรรมกำลังตามสนองปราณปวิชอย่างเข้มข้น
เวลาเดียวกันต่างกันที่สถานที่
พวงชมพูนั่งมองเพชรกล้าที่นอนหลับบนเตียงนอนด้วยรอยยิ้ม เพชรกล้าถือว่าเป็นกำลังใจสำคัญให้เธอต่อสู้ชีวิต ผลักดันให้ความเข้มแข็งในตัวให้ออกมา จากผู้หญิงอ่อนแอกลายเป็นหญิงแกร่งที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อคนอันเป็นที่รัก แม้เหน็ดเหนื่อยและลำบากมากแค่ไหนเธอพร้อมสู้ ไม่มีวันท้อถอย
การที่พวงชมพูมีลูกและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้เธอเข้าใจและรักมารดามากขึ้น เอมอรเหนื่อยหนักมากกับการเลี้ยงดูเธอมาเพียงลำพัง ตรากตรำทำงานเก็บเงินส่งเสียตนเรียนจน มาสบายก็ตอนได้พบรักกับปริญญา บุรุษที่บอกว่าไม่มีภรรยา
ขณะพวงชมพูมองหน้าเพชรกล้าก็เหมือนกำลังมองเห็นหน้าอีกคนหนึ่ง เป็นคนที่เธอไม่เคยลืมราวกับว่าฝังอยู่ในกล่องความทรงจำ แม้ว่าความทรงจำนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทว่าหัวใจของเธอก็ไม่เคยลืมเลือนปราณปวิช
แม้นรักหมดหัวใจ ลำบากยากเข็ญแค่ไหน พวงชมพูก็ไม่คิดกลับไปหาเขา...
และนั่นทำให้พวงชมพูนึกย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน ในวันที่มารดาพาพวงชมพูเข้าไปอยู่ในบ้านปริญญา บ้านหลังใหญ่ที่พวงชมพูไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสเดินเข้าเดินออกบ้านหลังนี้ เอม-อรหวังว่า การเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จะเปลี่ยนชีวิตสองแม่ลูกให้ดีขึ้น นางไม่ต้องลำบากหาเงินส่งเสียลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเรียนระดับชั้นปริญญาตรีปีที่สอง เพราะปริญญาจะรับหน้าที่ต่อจากนางเอง
ทว่า...ไม่ได้เป็นไปตามที่เอมอรคิดไว้ มีบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาทำลายความสุขและความหวังของนางให้พังทลาย
เอมอรเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาน้อย แต่ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนารถลดาภรรยาหลวงที่ให้ความยินยอมยอมให้เอมอรมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ซึ่งเอมอรให้ความเกียรติและให้ความเคารพนารถลดามาก และคนรับใช้ในบ้านก็ให้เกียรติเอมอรกับพวงชมพูในฐานะเจ้านายด้วยเช่นกัน ทว่ามีเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมรับการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
คนนั้นคือปราณปวิช ลูกชายเพียงคนเดียวของปริญญากับนารถลดา ที่ตอนนั้นกำลังศึกษาปริญญาโทใบที่สองในประเทศอังกฤษ เขาอยากกลับมาอาละวาดทันทีที่รู้เรื่อง แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากการเรียนกำลังเข้มข้น กำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่กี่เดือน อีกทั้งนารถลดาบอกให้ลูกชายเอาเรื่องเรียนไว้ก่อน เขาจึงอดทนรอจนกว่าตนจะเรียนจบ แล้วบินกลับบ้านเกิดเมืองนอนทันทีที่สำเร็จการศึกษา
เอมอรไม่ต้องลำบากทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งเสียพวงชมพูเรียนมหาวิทยาลัย อีกทั้งหนี้สินที่ติดรุงรังมาหลายปีก็เคลียร์หมดภายในหนึ่งวัน แต่ก่อนพวงชมพูต้องขึ้นรถเมล์ไปเรียน แต่ตอนนี้เธอมีรถยนต์ส่วนตัวที่ปริญญาเป็นคนซื้อให้ ไม่อยากรับแต่ก็ขัดคนอยากให้ไม่ได้ เงินทองก็ให้ใช้ไม่ขาดมือ จ่ายเป็นเงินเดือนและให้ส่วนตัว
Chapter 77 “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นหลังจากวันที่เพชรทำการแสดง กล้ามเนื้อขาและแขนของปราบดีขึ้น ปราบมารู้ในวันที่หัดเดินกับตั้ม วันนั้นชมไม่อยู่ออกไปเอายาให้แม่ ปราบเดินได้หลายก้าว ปราบเลยมีความตั้งใจว่า จะไม่บอกเรื่องนี้ให้ชมรู้เพื่อจะได้มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ชม ปราบหัดเดินกับตั้มบ่อยขึ้นตอนที่ชมไม่อยู่บ้าน ไปรับเพชรบ้าง ไปทำธุระอื่นๆ บ้าง แต่เวลาชมอยู่ปราบก็จะทำเหมือนยังเดินไม่ได้ ส่วนเรื่องพูดก็ดีขึ้นพร้อมกับแขนขา หัดขยับปาก นวดปากและหัดพูด จนมาถึงวันนี้อาการปราบดีขึ้นมาก คุณหมอบอกว่าเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อีกสักหน่อยก็คงหายเป็นปกติ เป็นไงลูก ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้คงถูกใจชมนะ” พวงชมพูยืนฟังเรื่องเซอร์ไพร์สด้วยรอยยิ้ม เธอไม่โกรธที่ปราณปวิชปิดบังเรื่องนี้กับตน รวมถึงทุกคนในที่นี้ด้วย พวงชมพูดีใจด้วยซ้ำไปที่สามีหายจนเกือบเป็นปกติ “เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในโลกค่ะแม่” พวงชมพูตอบทั้งน้ำตา โผกอดร่างสามี “ชมดีใจที่สุดค่ะพี่ปราบ” ปราณปวิชยกลำแขนกอดร่างเมียรัก อยากกอดแบบนี้นานแล้ว หลายครั้งที่เขาอยากกอด อยากหอม อยากทำอะไรหลายๆ อย่าง ทว่าก็เก็บความอยากนั
Chapter 76 ปราณปวิชนั่งอยู่ในรถวีลแชร์ระบบไฟฟ้า แล้วรถที่เขานั่งกำลังถูกเข็นเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ภายในโรงแรมหรูกลางกรุง ที่วันนี้มีงานกาล่าดินเนอร์และมีการแสดงให้ความบันเทิงหลายชุด หนึ่งในหลายชุดคือการแสดงของเพชรกล้ากับเหล่าเพื่อนในโรงเรียนสอนร้อง เล่นและเต้นแสดงที่เด็กชายเรียนอยู่ ครอบครัวปราณปวิชจึงมาให้กำลังใจเพชรกล้าครบทุกองค์ประชุม รวมถึงเหล่าพี่เลี้ยงนามว่ารัชนีกรกับรวิกาญน์ รวมถึงวรเทพก็มาดูการแสดงของหลานรักครั้งนี้ด้วย ก่อนการแสดงเพชรกล้าที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จรอเวลาขึ้นเวที ได้เดินมาหาบิดาที่นั่งอยู่บนโต๊ะวีไอพี เด็กชายขึ้นไปนั่งบนตักบิดาที่ก้มหน้าหอมแก้ม “เพชรมาขอกำลังใจจากพ่อฮะ” ปราณปวิชยิ้ม หอมแก้มบุตรชายแทนคำพูด เพชรกล้ายิ้ม หอมแก้มบิดาตอบกลับ ก่อนลงจากตักแล้วเดินไปยังห้องเตรียมตัวแสดงโดยมีรัชนีกรเดินไปพร้อมกันด้วย อีกสิบนาทีต่อมาเด็กชายเพชรกล้าขึ้นไปแสดงบนเวทีร่วมกับเพื่อนอีกเจ็ดคน ปราณปวิชมองดูลูกชายเต้นบนเวทีด้วยรอยยิ้ม เขาพยายามยกแขนขึ้นเพื่อโบกมือให้ เพชรกล้า แต่ก่อนกว่าเขาจะยกแขนได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมคว
Chapter 75“วันนี้ชมทำแกงเผ็ดเป็ดย่างให้พี่ปราบกินด้วยนะคะ” พวงชมพูวางถาดที่ใส่อาหารจานโปรดของเขาลงบนโต๊ะลาก จากนั้นก็มาปรับเตียงนอนให้เขาอยู่ในท่านั่งเพื่อสะดวกในการกินข้าว “ค่อยๆ อ้าปากนะคะ”พวงชมพูบอกสามีที่อ้าปากรับอาหารรสชาติอร่อย ค่อยๆ เคี้ยวและกลืนลงคอ พวงชมพูหยิบแก้วน้ำให้สามีจิบเพื่อให้น้ำทำให้คล่องคอ“พี่ปราบอยากกินของหวานเป็นอะไรคะ วันนี้มีสัปปะรดลอยแก้ว หรือว่าจะเอาผลไม้คะ มีแอปเปิ้ล ส้ม แก้วมังกรค่ะ” เธอพูดไปป้อนข้าวเขาไป “วันมะรืนกล้าต้องขึ้นทำการแสดงที่โรงแรมค่ะ เป็นงานการกุศลที่คุณแม่เป็นโต้โผใหญ่ ชมเตรียมชุดหล่อๆ ไว้ให้พี่ปราบแล้ว เราจะได้ไปดูลูกเต้นด้วยกันค่ะ”ปราณปวิชพยักหน้ารับรู้ มองภรรยาที่ปรนนิบัติตนอย่างดีทั้งน้ำตา การที่เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง อย่างหนึ่งที่แน่ชัดคือ สถาบันครอบครัวของเขาแข็งแรงมาก มีความรักและความเอาใจใส่ต่อกัน ไม่มีใครทอดทิ้งเขาสักคน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นห่วง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องอดีตให้ตนเจ็บช้ำ มีแต่ให้กำลังใจให้เกิดความฮึกเหิมฮึดสู้กับอาการป่วย“ขะ...ขอ...โทด” การพูดของปราณปวิชเป็นอีกเรื่องที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่เป็นการพูดค
Chapter 74“เรื่องนี้ต้องให้คุณหมอตอบนะคะ อีกสักครู่คุณหมอก็จะออกมาค่ะ”“เดี๋ยวผมกับแทคไปจัดการเรื่องห้องพักให้เองครับ คุณพ่อคุณแม่รอฟังอาการปราบอยู่ที่นี่นะครับ” อิสทัชอาสา“ขอบใจมากทัช แทค” สองหนุ่มยิ้มก่อนเดินไปจัดการเรื่องห้องพักให้เพื่อนรักอีกราวสิบนาทีต่อมา นายแพทย์มงคลผู้ให้การรักษาเดินออกมาจากห้องผ่าตัด มงคลแจ้งกับญาติคนไข้ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้อาจทำให้สมองของปราณปวิชช้ำ ผลข้างเคียงคือทำให้แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หรือจะเรียกว่าเป็นอัมพาต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูอาการตอนฟื้นอีกทีว่า จะออกมาในทิศทางใดได้ยินเพียงแค่นี้ทุกคนก็ปล่อยน้ำตาออกมา เพราะไม่คิดว่าปราณปวิชจะตกอยู่ในอาการเช่นนี้ ทว่าทุกคนก็คิดในทางเดียวกันว่า ก็ยังดีกว่ายมทูตคร่าชีวิตเขาไป ไม่ว่าปราณปวิชเป็นอย่างไร ทุกคนก็พร้อมดูแลเขาเต็มที่ โดยเฉพาะพวงชมพูที่เวลานี้โทษตัวเองว่า เพราะตนทำให้ปราณปวิชต้องเป็นเช่นนี้พวงชมพูไม่ต้องการให้ปราณปวิชตายหรือเป็นอัมพาต พวงชมพูแค่ต้องการให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับอดีตที่เคยทำไว้กับตนแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ7 เดือนต่อมา ในเรื่องร้ายยังมีความโชคดี อาการของปราณปวิชไม
Chapter 73“เจ็ดปีที่ผ่านมา มีใครมีความสุขแบบเต็มอิ่มบ้าง ลุงเชื่อว่าไม่มี ที่เห็นกับตาทุกวันคือปราบ ปราบไม่มีความสุขเลยนับตั้งแต่ชมจากไป ปราบบอกความจริงกับตาลเรื่องของชม แล้วยังบอกด้วยว่า หัวใจของเขามีแต่ชมคนเดียว ตาลเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายนะ เมื่อรู้ว่าปราบไม่รักก็ไม่ได้ตื้อหรือโวยวาย ทั้งคู่จึงจบกันด้วยดี หลังจากนั้นหนึ่งปีตาลก็แต่งงานกับนักธุรกิจชาวเยอรมัน ปราบยังไปงานแต่งงานตาลเลย พอกลับมาจากงานแต่งก็เอาแต่ดื่มเหล้าอยู่สามวัน ดื่มไปก็ร้องไห้ไปเพราะคิดถึงชม ปราบอยากมีงานแต่งงานบ้าง อยากแต่งชุดเจ้าบ่าวโดยที่เจ้าสาวคือชม เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เหล้าจึงเป็นที่พึ่งทางใจอย่างเดียว มาห่างดื่มก็ตอนแม่ไปขอร้องนี่แหละ” ปริญญาเล่าอีกเรื่องให้พวงชมพูฟัง “ปราบเคยคิดออกตามหาชมนะ แต่ลุงคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะวันนั้นอรกับชมก็ประกาศตัดขาด แล้วยังเรื่องที่ปราบทำกับชมอีก บางทีเวลาเจ็ดปีอาจเป็นบทลงโทษปราบไปในที ทำให้ปราบรู้ซึ้งถึงคำว่าเจ็บปวดทางใจที่หนักหนาสาหัสกว่าที่ชมเจอ ตอนนี้ลุงคิดว่า มันสมควรกับเวลาแล้วนะ ที่พวกเราจะมีความสุขกันเสียที ชมคิดเหมือนลุงไหมลูก” พวงชมพูน้ำตาไหล เธอน้ำมือ
Chapter 72“ชมแม่ว่า...” เอมอรได้ยินก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าลูกสาวจะยื่นเงื่อนไขนี้ ปริญญากับนารถลดาก็พลอยตกใจไปด้วย“แม่ไม่ต้องยุ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องของชมกับเขา ถ้าเขากล้าทำตามที่ชมบอก ชมก็กล้าทำตามข้อตกลงค่ะ” ในใจพวงชมพูคิดว่าปราณปวิชไม่กล้า “ว่าไงกล้าหรือเปล่า”“ชมก็คอยดูก็แล้วกัน” คำพูดของพวงชมพูว่าน่าตกใจแล้ว การกระทำของปราณปวิชน่าตกใจยิ่งกว่า ตอนนี้เขาหมุนตัววิ่งออกไปจากบ้าน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน“ปราบลูก ปราบจะไปไหน” นารถลดาวิ่งตามลูกชาย ปริญญา เอมอรกับพวงชมพูจึงวิ่งตามไปด้วย แต่ก่อนพวงชมพูจะวิ่งตามรั้งท้ายไป เธอสั่งให้เพชรกล้าอยู่ที่บ้าน สั่งเสร็จจึงรีบวิ่งออกไปบ้านที่พวงชมพูอาศัยอยู่เป็นซอยย่อย ความยาวของซอยนี้ประมาณสามร้อยเมตร บ้านของเธออยู่ห่างจากถนนหลักที่ตัดผ่านไปถนนใหญ่ได้ถึงสองถนน รถยนต์จึงค่อนข้างมาก ปราณปวิชวิ่งออกจากบ้านพวงชมพู ก่อนวิ่งออกไปยังถนนสายหลักที่อยู่ห่างจากบ้านของเธอประมาณหนึ่งสิบเมตร ขณะที่กำลังก้าวเท้าวิ่งอยู่นั้น เขาหันไปมองรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนน ระยะห่างจากตัวเขากับรถเป้าหมายคันนั้นราวสิบเมตร เขาวิ่งออกไปยืนกลางถนนอย่างไม่ลังเล หมายให้รถคันนั้นชนตนเอง







