วันต่อมา
หลังจากไอวี่และบอลออกไปทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็ขอแยกตัวจากคู่หูไปก่อนเช่นเคย แม้จะถูกตากล้องแซวว่าแอบมีแฟนหรือเปล่า แต่ไอวี่ก็ใช้ใบหน้านิ่งๆ เย็นชาของตัวเองเป็นเกราะกำบัง ไม่นานบอลก็เบื่อหน่ายจนเลิกซักไซ้ไปเอง ร่างเล็กตัดสินใจโบกรถแท็กซี่ต่อไปยังโรงแรม The Crystal Queen โรงแรมหนึ่งในเครือของตระกูล กิจวณิชวงศ์
โรงแรมหรูแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ถือว่าเป็นสำนักงานใหญ่ของเครือโรงแรม Crystal Queen ทั่วประเทศเลยก็ว่าได้ ภายในถูกตกแต่งประดับประดาด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมเท่านั้น และยังมีโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ทำจากคริสตัลสีใสเปล่งประกายระยิบระยับเช่นเดียวกับชื่อโรงแรม
หญิงสาวสวมเสื้อโปโลคอปกสีดำคู่กับกางเกงขายาวเข้ารูป สวมแมสก์ปกปิดใบหน้าบางส่วน นั่งไขว้ขาเปิดมือถืออ่านข่าวทั่วไปในโลกอินเทอร์เน็ตขณะเฝ้ารอเป้าหมายของเธอทำงานเสร็จเหมือนทุกครั้ง ด้วยยุคโรคระบาดเพิ่งเริ่มซา ทำให้ไม่แปลกที่ยังมีลูกค้าบางส่วนซึ่งมาใช้บริการของโรงแรมยังสวมหน้ากากอนามัยอยู่บ้าง นักข่าวสาวจึงสามารถกลมกลืนไปกับฝูงชนได้
ขณะที่กำลังเฝ้าจับจ้องหาตัวลูกชายเจ้าของโรงแรม โทรศัพท์ในกระเป๋าถือไอวี่ก็ดังขึ้น เธอจึงรีบยกมันขึ้นรับสาย
“สวัสดีค่ะ ป้าแก้ว มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
(ไอวี่ ยุ่งอยู่ไหมลูก ยายบ่นคิดถึง รบเร้าให้ป้าโทรหาหนูน่ะ)
“ก็พอคุยได้แป๊บหนึ่งค่ะ วี่ทำงานอยู่”
(งั้นคุยกับยายหน่อยนะลูก)
ว่าจบ ป้าแก้วเพื่อนบ้านวัยกลางคนก็ยื่นโทรศัพท์ในมือให้หญิงแก่เป็นฝ่ายรับช่วงไปคุยต่อ
(วี่ลูก~)
“ค่ะยาย”
เพียงแค่ได้ยินเสียงแหบพร่า อ่อนระโหยโรยแรงของยายบังเกิดเกล้าที่เฝ้าเลี้ยงเธอมาตามลำพังตั้งแต่เล็กแต่น้อย ขอบตาสาวไร้อารมณ์ก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
(กินข้าวยังลูก)
“ยังเลยค่ะยาย แล้วยายทานหรือยังคะ”
(หาอะไรกินด้วย แล้วนี่เมื่อไหร่จะแวะมาหายายบ้างล่ะ)
“ถ้าวี่มีเวลาจะรีบไปหานะคะ ยายก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ทานยาให้ตรงเวลาตามที่หมอบอกด้วยรู้ไหมคะ” หลานสาวเอ่ยกำชับ น้ำเสียงยามพูดคุยกับคุณยายช่างนอบน้อมอ่อนโยนราวกับเป็นคนละคนกับไอวี่ในยามปกติ
(รู้แล้วๆ ว่าแต่กินข้าวหรือยังน่ะเรา ว่างก็แวะมาหายายด้วยรู้ไหม)
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
(แล้วสรุปกินข้าวหรือยังเนี่ย)
เสียงแหบแห้งหญิงชราถามคำถามเดิมวนซ้ำอีกครั้ง ด้วยอายุที่มากถึงแปดสิบปี จึงเป็นธรรมดาที่โรคภัยไข้เจ็บจะรุมเร้า นอกจากเรื่องเบาหวานเฉียบพลันสมัยช่วงที่ไอวี่อยู่มหา’ลัย ช่วงหลังมานี้คุณยายก็เริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ ของอัลไซเมอร์บ้างแล้ว ทำให้ไอวี่ต้องจ้างป้าแก้ว เพื่อนบ้านหลังติดกันให้ช่วยมาดูแลยายของเธอ
“ยังไม่ได้ทานค่ะ ยายไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยววี่จะรีบทานค่ะ”
(เออๆ ดีแล้ว กินข้าวกินปลาบ้าง แล้วเมื่อไหร่จะมาหายายล่ะ หรือยังเรียนหนักอยู่)
“ยายคะ วี่จบมหา’ลัยมาปีกว่าแล้วนะคะ” หญิงสาวระบายยิ้มเอ็นดู ไม่ได้นึกรำคาญแต่อย่างใดที่ต้องมาตอบคำถามเดิมหลายครั้ง
(ดีๆ เรียนเสร็จว่างก็มาหายายนะลูก ยายคิดถึง)
“วี่ก็คิดถึงยายค่ะ”
ในขณะที่กำลังพูดคุยกับยายมาลีอยู่นั้นเอง หางตาเธอก็เห็นหนุ่มเป้าหมายโผล่ออกมาจากลิฟต์กะทันหัน ทำให้ต้องรีบละล่ำละลักขอวางสายยายก่อน
“ยายคะ! เดี๋ยววี่โทรไปหาใหม่นะคะ ขอวี่ไปทำงานก่อน”
(ดะ...เดี๋ยวสิ)
แต่ไอวี่ก็ไม่อยู่รอฟังอีกฝ่ายพูดจนจบ กดวางสายไปด้วยความเร่งรีบ เฝ้าจับตามองหนุ่มหล่อไม่คลาดสายตา พยายามวางตัวนิ่งเฉยเหมือนลูกค้าคนอื่นในล็อบบี้โรงแรม
ร่างสูงของลีออนก้าวออกมาจากตัวลิฟต์ เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มขับเน้นให้ใบหน้าและผิวกายกระจ่างใสของเขายิ่งโดดเด่น ชายหนุ่มคลี่ยิ้มหวานละลายใจส่งให้เหล่าลูกค้าที่เดินผ่านด้วยท่าทางเป็นมิตรไม่ถือตัว ก่อนจะเดินหายไปทางอาคารจอดรถด้านหลัง
เธอไม่รอช้าหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาด้วยท่าทางไม่รีบร้อน เดินออกไปทางหน้าโรงแรมเพื่อเรียกแท็กซี่ ซึ่งก็มีรถหลายคันจอดรอให้บริการหน้าโรงแรมอยู่แล้ว
ปึก
“ลุงคะ เดี๋ยวช่วยจอดรอแป๊บหนึ่ง แล้วถ้าเห็นรถสปอร์ตขาวออกมาจากลานจอดให้ช่วยขับตามไปหน่อยนะคะ”
“หื้ม? ขับตามเหรอ แอบจับผัวมีเมียน้อยหรือเปล่าเนี่ย” ลุงคนขับรถวัยกลางคนขมวดคิ้วหันมาถาม
“ก็ประมาณนั้นค่ะ ยังไงช่วยหน่อยนะคะ” ไอวี่ตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องราวที่เพิ่งบอกคนขับรถ ยิ่งทำให้ชายวัยกลางคนประหลาดใจ แต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรเธอต่อ
“เฮ้ออออ~ ผู้ชายสมัยนี้มันนี่นะ พอมีเงินเข้าหน่อยสันดานก็ออก สู้ลุงกับเมียก็ไม่ได้ แม้จะลำบากกันมามาก แต่ก็ไม่เคยทิ้งกัน”
“...”
ร่างเล็กฟังชีวิตของลุงคนขับด้วยสายตาว่างเปล่า ซึ่งในระหว่างรอเขาก็ยังคงอวดภรรยาแสนดีของตัวเองให้ฟังไม่หยุด จนกระทั่งหางตาคมกริบสังเกตเห็นรถสีขาวแล่นออกมาจากลานจอด ทำให้ต้องยกมือเบรกเรื่องราวอันน่ากินใจของลุงคนขับรถเสียก่อน
“ลุงคะ! คันนั้นค่ะ ขับตามไปเลย แต่ขอห่างๆ หน่อยนะ หนูไม่อยากให้เขารู้ตัว”
“หูย รถราคาแพงซะด้วย แถมออกจากโรงแรมหรู เฮ้ออออ น่าเห็นใจแม่หนูจริงๆ” ชายคนขับถอนหายใจ ชำเลืองมองกระจกมองหลังด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะเหยียบคันเร่งแล้วออกรถตามรถสปอร์ตสีขาวไปห่างๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ
ท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนสีจากแดงส้มกลายเป็นสีน้ำหมึก ท้องถนนอัดแน่นด้วยรถรามากมายทำให้การจราจรติดขัดพอสมควร ไอวี่ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง เกาะเบาะหน้าจับตามองรถสปอร์ตขาวราคาแพงที่จอดอยู่ห่างไปหลายคันตาไม่กะพริบ
แม้ใบหน้าจะไร้อารมณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หัวใจในอกซ้ายกลับเต้นโครมคราม ลุ้นระทึกเนื่องจากครั้งนี้เส้นทางที่ลีออนขับแตกต่างจากหลายวันก่อน คาดว่าเขาไม่ได้ไปที่ผับของเพื่อนแน่ สัญชาตญาณนักข่าวในตัวกู่ร้องเป็นสัญญาณ สัมผัสได้ถึงเรื่องฉาวที่รอคอยการค้นพบ ไม่เสียแรงที่ตัดสินใจติดตามหนุ่มกะล่อนต่ออีกวัน!
รถบนท้องถนนเคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง เนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ ทำให้เหล่าคนเมืองพร้อมใจออกจากบ้านเพื่อหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ไม่ก็กำลังจะกลับบ้าน กินเวลากว่าสี่สิบนาที ที่ไอวี่และลุงคนขับติดตามรถของลีออนไป จนกระทั่งครั้งนี้รถสปอร์ตหักเลี้ยวเข้าไปในลานจอดของเลาจน์หรูแห่งหนึ่ง
“โหย แฟนหนูมีเด็กแน่เลย มาเลาจน์ซะด้วย” คุณลุงระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความสงสาร
“นี่ค่ะ เงินค่ารถ ไม่ต้องทอน”
“เดี๋ยวสิ! ใจเย็นๆ นะหนู ค่อยพูดค่อยจากัน เดี๋ยวเรื่องจะใหญ่โต”
ลุงคนขับรถแท็กซี่ตะโกนตามหลังหญิงสาวใจร้อนที่เปิดประตูพรวดลงจากไปรถเสียแล้ว โดยไม่ฟังคำแนะนำของคนอายุมากกว่าแม้แต่น้อย ทำให้เขาได้แต่ส่ายหัว มองตามแผ่นหลังบางที่เดินเลียบชิดกำแพงลานจอดจนกระทั่งหายไปกับความมืดด้วยความสงสารเวทนา
ซึ่งหญิงสาวที่ปั่นเรื่องโกหกก็ไม่คิดจะอธิบายสิ่งใดเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้
บีทรีช คลับ
ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติกวาดมองไปทั่วทางเข้าหรูหรา แล้วก็ต้องพ่นลมหายใจหนักๆ อย่างกลัดกลุ้ม หลังจากเห็นการ์ดตัวใหญ่ยืนหน้าเข้มบริเวณทางเข้า ดูท่าเธอคงไม่อาจเข้าไปด้านในได้ง่ายๆ ซะแล้ว
ขณะกำลังยืนครุ่นคิดอยู่นั่นเองก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังจากเบื้องหลัง พอหันกลับไปมองตามเสียงก็พบกลุ่มหญิงสาวสี่ห้าคน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเซ็กซี่อวดหุ่นอวบอิ่มเร้าอารมณ์ของตัวเองจับกลุ่มเดินคุยกัน พวกเธอเดินอ้อมไปทางด้านหลังร้าน สาวหัวไวจึงไม่รีรอก้าวตามไปห่างๆ จนกระทั่งเดินมาพบกับประตูหลังร้าน
“หื้ม? ใครกันล่ะเนี่ย เด็กใหม่เหรอ” หนึ่งในกลุ่มสาวสวยหันมานิ่วหน้าถามด้วยความสงสัย หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังพวกเธอมา
“แต่งตัวงี้เนี่ยนะ ไม่ใช่หรอกแก”
“คือ เพิ่งมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟวันแรกค่ะ” ไอวี่ใช้สกิลหน้าตายของตัวเองให้เป็นประโยชน์เอ่ยตอบรวดเร็ว ไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย
เหล่าสาวๆ หันมามองการแต่งตัวของเธออีกครั้ง และตอนนี้เธอก็สวมหน้ากากอนามัยอยู่จึงไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงๆ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะสนใจเด็กเสิร์ฟหน้าใหม่เช่นนี้อยู่แล้ว
“งั้นก็แล้วไป เดินตามพวกฉันเข้าไปก็ได้ คงรู้หน้าที่ตัวเองหมดแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
“งั้นก็ตามมา”
หนึ่งในกลุ่มพนักงานสาวไหวไหล่ไม่สนใจ แต่ก็เรียกให้ไอวี่เดินตามเข้าประตูมาด้วยกัน ถือเป็นโชคดีของนักข่าวสาวไม่น้อย เนื่องจากประตูหลังมีเครื่องสแกนบัตรอยู่ หากเธอมาเพียงลำพังคงไม่อาจเข้าไปข้างในได้แน่นอน เทพแห่งโชคมาอยู่ข้างเธอเสียขนาดนี้ ครั้งนี้จึงค่อนข้างมั่นใจว่าเธอจะต้องได้ข่าวเด็ด หรือข้อมูลน่าสนใจไปขุดคุ้ยต่อแน่นอน
ไอวี่เดินตีเนียนเข้ามาพร้อมกลุ่มพนักงานสาวที่คาดว่าคงเป็นเหล่าเด็กเอนเตอร์เทนของร้าน ก่อนจะแยกตัวหลบเพื่อหาทางแฝงตัวต่อ
สายตาเรียบเฉยสังเกตเห็นเหล่าเด็กเสิร์ฟในชุดยูนิฟอร์มสีขาวดำของร้านเดินออกมาจากห้องหนึ่ง ทำให้ไอวี่ไม่รอช้าผลักประตูบานนั้นเข้าสู่ด้านใน ร่างเล็กชะงักค้าง เมื่อเห็นจำนวนพนักงานที่อยู่ในห้อง กลุ่มคนเหล่านั้นหันมามองเธอด้วยความสงสัย บ้างก็ลอบประเมินเงียบๆ
“เด็กใหม่เหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย” หนึ่งในพนักงานเสิร์ฟขมวดคิ้วถามขึ้นมา
“ค่ะ เพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้วันแรก ยังไงช่วยแนะนำด้วยนะคะ”
“เทรนด์กับใครมาล่ะ”
ไอวี่ถึงกับเหงื่อตก ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไปต่อไม่ถูกกับคำถามที่ระบุเจาะจงเช่นนี้ แต่ความหัวไวก็ทำให้หญิงสาวตอบไปกลางๆ
“ขอโทษค่ะ จำชื่อพี่เขาไม่ได้แล้ว แต่เป็นพี่ผู้หญิงผมยาวๆ”
“พี่ปรางมั้งแก” พนักงานสาวอีกคนสะกิดบอกเพื่อน ทั้งคู่จึงไม่ได้สนใจอะไรในตัวเล็กในท่าทางเงียบๆ คนนี้ต่อ
“เอาเถอะ เทรนด์มาแล้วก็ดี รีบเปลี่ยนชุดซะ ใกล้เวลาร้านเปิดแล้ว”
ไอวี่พยักหน้าเบาๆ แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นกองชุดพนักงานประจำร้านวางพับเอาไว้เรียบร้อยอยู่บนตู้มุมหนึ่งของห้อง จึงตีเนียนหยิบมันมาหนึ่งตัว แล้วเดินไปเปลี่ยนชุดราวกับเป็นพนักงานคนหนึ่งของร้าน โดยไม่มีใครสนใจเธออีกเลย
หญิงสาวถูกคนในร้านซักถามบ้าง เนื่องจากไม่คุ้นหน้าค่าตา แต่ใบหน้าเรียบเฉยไร้ข้อพิรุธก็ทำให้นักข่าวสาวหน้านิ่งเอาตัวรอดมาได้เช่นเคย เพียงแค่บอกว่าเป็นเด็กใหม่ ก็ไม่มีใครสนใจเธอแล้ว
พอเข้ามาในร้านด้วยสถานะพนักงาน เธอจึงจำเป็นต้องถอดหน้ากากอนามัยออก และด้วยที่เป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า ทำให้เมื่อเทียบกับพนักงานสาวสวยในร้านทั้งหลาย ไอวี่จึงแทบจะกลืนหายไปจนไม่มีใครใส่ใจ
เพื่อให้ตัวเองเนียนไปกับพนักงานอื่น หญิงสาวจึงจำเป็นต้องเดินตามกลุ่มพนักงานเสิร์ฟไปทำหน้าที่ของตัวเอง พลางใช้โอกาสนั้นสอดส่ายสายตาหาเป้าหมายของตัวเองไปด้วย
“น้อง! ขอเหล้าขวด โซดาห้า น้ำแข็งหนึ่งถัง”
เสียงเรียกของกลุ่มลูกค้าดังขึ้นเรียกความสติของนักข่าวสาวที่กำลังมองหาหนุ่มเป้าหมายอยู่ให้กลับเข้าร่าง เธอพยักหน้าเดินเข้าไปจดออร์เดอร์เงียบๆ ประหนึ่งเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านจริงๆ ก่อนจะหมุนกายจากไปยังโซนเครื่องดื่มเพื่อนำออร์เดอร์ของลูกค้ามาส่ง
หลังจากเดินเวียนรอบเลาจน์หรูจนทั่วแล้ว ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของหนุ่มกะล่อนที่ตามหา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรต่อ หากไม่ได้ข่าวอะไรต่อเห็นทีคืนนี้เธอคงได้กลายเป็นเด็กเสิร์ฟไปจริงๆ
เธอใช้จังหวะที่ยกถาดเครื่องดื่มและกับแกล้มไปให้ลูกค้าอีกโต๊ะเรียบร้อย จึงตีเนียนเดินหลบฉากออกมาจากห้องโถงใหญ่ แล้วก็พบทางเดินโล่งที่ดูหรูหราแตกต่างจากด้านนอกสิ้นเชิง สองข้างทางมีแต่ประตูปิดทึบจนไม่อาจมองเข้าไปด้านในได้ ท่อนขาเพรียวยาวใต้กระโปรงทรงเอยูนิฟอร์มประจำร้านก้าวย่างอย่างเชื่องช้า เพื่อสำรวจห้องบริเวณนี้ คาดว่าคงจะเป็นโซนวีไอพีที่มีความเป็นส่วนตัวจึงแยกจากโซนปกติ
เรียวขาบางชะงักยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อประตูห้องหนึ่งถูกเปิดออก พร้อมพนักงานก้มหน้าอมยิ้มหวานท่าทางมีความสุข เธอคนนั้นกำลังจะเดินผ่าน ทำให้สาวมนุษยสัมพันธ์ติดลบต้องเอ่ยอะไรออกไปบ้าง เพื่อหวังจะได้ข้อมูลให้มากที่สุด
“สวัสดีค่ะ อมยิ้มอารมณ์ดีเชียวนะคะ เจอลูกค้าน่ารักเหรอ” ใบหน้าสวยจัดฝืนแค่นรอยยิ้มเป็นมิตร ซึ่งมันก็ดูขัดๆ เหมือนฝืนใจชอบกล ทำหญิงสาวอีกคนนั้นขมวดคิ้วมองหน้าเธอด้วยความงุนงง
“เอ่อ...ก็ใช่ ว่าแต่เธอเป็นใครล่ะเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
“ชื่อตาลค่ะ เป็นเด็กใหม่เพิ่งมาทำงานวันแรก”
ไอวี่บอกชื่อมั่วๆ ออกไป ซึ่งพนักงานสาวก็ไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากในร้านก็มักจะมีเด็กเสิร์ฟหรือพนักงานหน้าใหม่วนเปลี่ยนสลับไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว
“อ๋อ เราชื่อแอม”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ไอวี่ฝืนส่งยิ้มที่คิดว่าคงเป็นมิตรที่สุดออกไปอีกครั้ง พยายามหาจังหวะเพื่อถามเรื่องที่ค้างคาใจ "คือ...เมื่อกี้"
“อ๋อใช่! เรื่องลูกค้าที่ถามใช่ไหม?”
“อืมใช่”
“งานดีมากแม่! หล่อ ยิ้มละลายใจ ดูขี้เล่น แถมยังทิปหนักอีก ลูกค้าใจสปอร์ตเปย์หนักแม้กระทั่งเด็กเสิร์ฟแบบนี้มีไม่บ่อยซะด้วย”
“อ๋อ แอมโชคดีจัง เราเพิ่งมาทำงานยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไร”
“น่า ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง ถ้ามีอะไรก็ถามได้...”
ไอวี่กำลังจะเอ่ยปากเพื่อขออีกฝ่ายดูแลลูกค้ากระเป๋าหนักคนนี้ต่อ แต่แอมก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“แต่ฉันไม่ยกลูกค้าให้นะจ๊ะ วันนี้ขอกอบโกยหน่อยเถอะ”
ว่าจบพนักงานสาวก็ยัดแบงก์สีเทาเข้ากระเป๋าแล้วเดินอารมณ์ดีจากไปตามทางเดินที่ไอวี่เพิ่งจะเดินมา
จากคำบรรยายรูปลักษณ์ลักษณะหนุ่มในห้อง ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เธอกำลังตามหาตัวอยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอเข้าไปดีๆ ไอวี่จึงต้องวางแผนซะหน่อย เพื่อที่จะได้มีโอกาสเข้าไปสอดส่องเช็กดูว่าหนุ่มคนนั้นใช่ลีออนหรือเปล่า และเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่
สัญชาตญาณนักข่าวในตัวกู่ร้องว่าเธอกำลังจะเจอหลักฐานสำคัญ
นักข่าวสาวคลี่รอยยิ้มเยือกเย็น จ้องมองตัวเลขหน้าห้องวีไอพีนั้นให้ขึ้นใจ ก่อนจะหมุนกายเดินกลับไปด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม
กลางดึกไฟในห้องนอนกว้างถูกปิดสนิท มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศช่วยให้ความเย็นเท่านั้น ลีออนนอนอยู่อีกฟากของเตียงกว้างเพ่งสายตามองผ่านร่างเล็กๆ ของลูกสาวทั้งสองที่นอนคั่นกลางไปหาร่างเย้ายวนของภรรยาเปลือกตาของสาวลูกครึ่งปิดลง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอท่อนแขนข้างหนึ่งวางพาดบนก้นเล็กๆ ของเอวาอยู่ ในขณะทั้งสามสาวกำลังจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ชายหนุ่มเพียงคนเดียวรู้สึกกระสับกระส่ายครั้นเนื้อครั้นตัว พยายามสะกดข่มแรงปรารถนาให้สงบ แต่ไม่ว่าพลิกกายกี่รอบก็ไม่อาจจะหลับได้สักทีสุดท้ายก็ตัดสินใจเอื้อมมือผ่านลูกทั้งสองสะกิดแขนภรรยาเบาๆ“อื้มมมม~” หัวคิ้วบางขมวดเข้าหากัน ส่งเสียงอื้ออ้ารำคาญใจในลำคอหลังจากถูกกวนตอนกำลังหลับสนิท“วี่...วี่ครับ...ที่รักจ๋า”“หื้ม?”คนตัวเล็กผงกหัวขึ้นมาพยายามเปิดปรือดวงตาง่วงงุนขึ้นมอง“มีอะไร”“ชู่~ เบาสิครับ เดี๋ยวลูกตื่น” ลีออนกระซิบบอก ซึ่งไอวี่ก็ได้แต่ยกหลังมือขยี้ตา“คะ?”“ลุกมานี่หน่อยครับวี่”ลีออนค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงเชื่องช้าระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆ รบกวนการนอนของลูกๆ แม้หญิงสาวจะยังไม่เข้าใจแต่ก็ยอมหย่อนขาลงจากเตียง เดินสะลึมสะลือด้วยความง่วงต
สามปีต่อมาคฤหาสน์หลังใหม่ของลีออนคฤหาสน์สุดหรูหลังใหญ่สามชั้นมีเนื้อที่กว้างขวาง พร้อมสนามหญ้าและสระว่ายน้ำส่วนตัว ตั้งอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรสำหรับเหล่าเศรษฐี ซึ่งทั้งโครงการมีคฤหาสน์ใหญ่เช่นนี้เพียงแค่สามหลังเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็เป็นของวิคเตอร์เรียบร้อย ทำให้ลีออนได้คฤหาสน์อีกหลังริมทะเลสาบเช่นกัน แม้จะไม่ได้อยู่มุมดีที่สุด แต่ก็อยู่ห่างจากบ้านเพื่อนรักเพียงนิดเดียว สามารถเดินเท้าไปหาได้ด้วยซ้ำเด็กน้อยวัยสามขวบกว่า ลูกสาวคนแรกอย่างอีฟ หัวเราะวิ่งเล่นอยู่กับบิดายังสนามโล่งกว้างร่มรื่น สายลมยามเย็นไม่อาจจะช่วยดับร้อนให้ร่างเล็กซึ่งมีพลังงานเหลือล้นได้เลย จนใบหน้ากระจ่างใสแดงระเรื่อไม่ต่างจากลูกมะเขือเทศ“จับได้แล้ว”“คิกๆๆ หนูจั๊กจี้” เธอหัวเราะเสียงใสจนตาหยีเมื่อคุณพ่อคว้าเธอเอาไว้แล้วใช้ตอหนวดสากระคายถูไถแก้มเนียนๆ เป็นการหยอกล้อ“เหนื่อยยังคนเก่ง”“ม่ายยยยย~ เล่นอีก”“ปะป๊าหมดแรงแล้วนะครับอีฟ”“นะคะ”ใบหน้าน่ารักของลูกสาวในอกกะพริบตาปริบๆ อ้อนวอน ทำใจคนพ่ออ่อนยวบเหลวเป็นน้ำ แม้ใบหน้าตนเองจะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและเหนื่อยกับการวิ่งไล่จับลูกสาวคนโต แต่พอเห็นท่าทา
ตั้งแต่ทราบข่าวว่าตั้งครรภ์ทั้งลีออนและแม่เขาก็สั่งให้เธอพักงานอย่างเด็ดขาด และด้วยอิทธิพลของสิรินดา พอลูกสะใภ้คนโปรดบอกว่ายังอยากทำงานเป็นนักข่าวต่อ เธอจึงได้ต่อสายตรงไปหาเจ้าของสถานี X News TV ขอลาพักร้อนให้ไอวี่เสร็จสรรพ เรียกว่าต่อให้เธอจะหยุดงานไปเป็นปี แต่ทางช่องก็ไม่กล้าไล่เธอออกเพราะนามสกุลใหม่ต่อท้ายของนักข่าวคนเก่งทั้งสามนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหาร หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดอ้า รับสายลมเย็นๆ จากด้านนอกพัดเข้ามาในตัวบ้านช่วยบรรยากาศยามเช้าสดชื่นปลอดโปร่ง คงมีแต่เพียงหนุ่มแสบคนเดียวที่นั่งกุมขมับด้วยใบหน้าซีดเซียว“วี่ทานเยอะๆ ลูก หมอบอกน้ำหนักน้อยไป ต้องบำรุงเพิ่มอีกรู้ไหม” สิรินดาซึ่งย้ายฝั่งมาโอ๋ลูกสะใภ้เต็มที่ช่วยตักผัดผักบุ้งให้เธอ โดยไม่คิดจะสนใจสีหน้าย่ำแย่ของลูกชายเลย“ขอบคุณค่ะคุณแม่” เธอส่งยิ้มให้แม่สามี ก่อนจะเบนสายตามาดูอาการลีออน “ไหวไหม กินข้าวไม่ลงเหรอ”“แย่ พะอืดพะอม”มือหนาดันชามข้าวต้มออกห่าง ทั้งที่อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะก็ไม่มีอะไรมีกลิ่นคาว แต่เขากลับเวียนตื้อรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาทุกเมื่อ“เมื่อวานแม่บ้านซื้อมะม่วงเปรี้ยวมาไว้ให้ วี่ไปปอก
สัปดาห์ต่อมาพิธีในช่วงเช้าจัดขึ้นยังคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวลีออน แน่นอนว่าไอวี่ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว จึงได้เชิญครอบครัวป้าแก้วและน้าพิณพยาบาลที่คอยดูแลยายมาลีหลายปีมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญนี้ ส่วนเพื่อนก็มีทั้งเพื่อนสมัยมัธยมและมหาลัย รวมถึงเพื่อนร่วมงานอย่างบอล และ แมนด้วยอดีตตากล้องคู่ใจถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน หลังจากทราบว่าแท้จริงแล้วลีออนคือทายาทนักธุรกิจตระกูลดัง ทำหนุ่มท้วมยืนตัวเกร็งไม่กล้าหยอกล้อกับเจ้าบ่าวเหมือนแต่ก่อนส่วนญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวต้องบอกว่าเยอะมากจนเจ้าสาวสับสน ร่างระหงในชุดพิธีแบบไทยสวยประดุจนางในวรรณคดีหลุดมาสู่โลกแห่งความจริง ใบหน้าสวยจัดมีส่วนผสมจุดเด่นของสาวไทยและเชื้อสายยุโรปไว้อย่างลงตัว มวยผมเกล้าต่ำประดับด้วยดอกไม้ส่งกลิ่นหอม ควงท่อนแขนเจ้าบ่าวในชุดไทยประยุกต์สีขาวสะอาดตา ยกมือขึ้นไหว้บรรดาญาติพี่น้องจากครอบครัวฝั่งแม่ชายหนุ่มจนเหงื่อตกขนาดว่าเป็นงานส่วนตัว แต่จำนวนแขกที่มาร่วมงานกลับมีมากเกือบร้อยคน หัวสมองคนตัวเล็กไล่ทบทวนชื่อของญาติๆ เขาทั้งพี่สาวยาย ลูกของป้า น้าเขย หลานลูกพี่ลูกน้อง ทำเธอมึนตื้อไปหมด แต่ก็ได้เจ้าบ่าวสุ
หลายสัปดาห์ต่อมางานที่ลีออนเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิตก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ท่ามกลางความยินดีของกลุ่มเพื่อนและครอบครัว เว้นเพียงคนเดียวที่ยังคงแสดงอาการต่อต้านอยู่ นั่นก็คือสิรินดาวันนี้ไอวี่ไปลองชุดแต่งงานพร้อมแก๊งสาวๆ ซึ่งก็มีแพรวา คลีโอ มิลิน รวมถึงอันดามันที่ท้องใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่วายพยุงร่างตุ้ยนุ้ยของตัวเองไปด้วยเนื่องจากเธอถือเป็นสไตล์ลิสประจำกลุ่ม วิคเตอร์จึงต้องติดตามไปดูแลภรรยาสาวตัวเองไม่ห่าง คงมีเพียงว่าที่เจ้าบ่าวที่ต้องมานั่งแกร่วเตรียมเข้าพบนักธุรกิจหนุ่มใหญ่เพื่อติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงสวยในจังหวัดกระบี่ลีออนมุ่ยหน้าขัดใจที่ตนเองอดไปดูเจ้าสาวแสนสวยของตนเองลองชุด เหมือนว่าแม่ของเขาจะวางแผนกลั่นแกล้งหาเรื่องมากกว่าถึงได้โยนหน้าที่นี้มาให้ในช่วงเวลาใกล้งานแต่งเช่นนี้“ทำหน้าดีๆ หน่อยสิครับนาย”“กูไม่อยากมา ทำไมกูต้องมาเจรจาขอซื้อที่ด้วยตัวเองวะ”“คุณปรีชาค่อนข้างหัวแข็ง แต่ประธานอยากจะได้ที่ดินตรงนั้น เคยส่งคนมาพูดคุยแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทันที ผมคิดว่าถ้าคุณลีออนมาเองเขาน่าจะยอมตกลงด้วย”“แม่งเอ๊ย! กูอยากไปดูเมียลองชุด ไม่ใช่มาเจอหน้าลุงแก่ๆ”“
เช้าตรู่ในวันต่อมาแล้วก็เป็นไปอย่างที่ลีออนคาด เพราะทันทีที่ทั้งสองก้าวลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานเช้าก็พบกับนายหญิงเจ้าของบ้านนั่งเชิดหน้าชูคอรออยู่ในห้องรับแขกซะแล้ว“ลีออน! มานี่! เราต้องคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง” น้ำเสียงทรงอำนาจตวาดลั่น ตวัดสายตาเกลียดชังไปทางหญิงสาวหน้าลูกครึ่งซึ่งตนไม่ชอบขี้หน้าเอาซะเลยการแสดงออกของผู้เป็นแม่ทำลูกชายหน้าตึง เอื้อมคว้ามือเล็กบีบแน่นแล้วจูงว่าที่ภรรยามาเผชิญหน้ากับพ่อแม่เขาเป็นครั้งแรก“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลยนะเนี่ย” ร่างสูงยิ้มกริ่มไม่ได้ยกมือไหว้ทักทายแบบไทย เพียงแค่ยืนส่งยิ้มกวนอารมณ์ให้ทั้งคู่ แม้ไอวี่จะรู้ตัวว่าสิรินดาไม่ชอบหน้าเธอ แต่เมื่อพบผู้ใหญ่เธอก็ยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองตามมารยาท“สวัสดีค่ะ”“กองไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่รับ!”“สิรินดา...”แอลวินเอ่ยปรามภรรยาเสียงเข้ม คำพูดไร้เยื่อใยของแม่ลีออนทำไอวี่หน้าเสีย กัดปากข่มความโมโหกับสายตาเหยียดหยามที่จ้องมาไม่วางตา“กรุณาให้เกียรติเมียผมด้วย ผมเตือนแม่ไปแล้ว!” ลีออนก็ออกปากช่วยปกป้อง น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวเรียกความสนใจจากมารดาให้กลับมามองหน้าลูกชายตัวดีแทน“แกน่ะ