'วินตา' กับ 'จาริล' ศิลปินไอดอลชื่อดังของประเทศที่ต่างก็เคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนมกันมาก แต่แล้วค่ำคืนอันเลวร้ายกลับทำลายทุกอย่างที่เคยมี วินตายื่นข้อเสนอแลกกับการให้โอกาสอีกครั้ง ทว่าเงื่อนไขนั้นกลับเป็นสิ่งที่จาริลไม่อาจยอมรับได้ และเมื่อหัวใจของวินตาได้พบกับคนที่ใช่ เส้นบางๆ ในความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่เปราะบางของทั้งสองจะแปรเปลี่ยนไปคงมั่น หรือจะกลายเป็นบาดแผลในใจของเขาและเธอ เมื่อคนหนึ่งรู้ตัวในวันที่สาย และคนหนึ่งเหนื่อยล้าไปทั้งใจ
더 보기“แฮ่กๆๆ”
เสียงหอบหนักของวินตาดังขึ้นเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง แต่อย่าเป็นอิสระเสียยังดีกว่า หากมันจะดึงดูดความสนใจจากร่างสูงไว้ให้หยุดทุกอย่างอยู่เพียงเท่านี้ วินตาก็จะยอมให้อีกฝ่ายจูบต่อให้นานตราบเท่าที่อีกฝ่ายพึงพอใจ ทว่าการจูบไม่เคยเพียงพอสำหรับจาริล ชายหนุ่มผละกายออกมาก็เพื่อจะเริ่มบรรเลงบทรักที่แท้จริงต่อจากนี้ เขากำลังจะครอบครองเรือนร่างของวินตาในไม่ช้า “ริล... ริลอย่า...” วินตาอ้อนวอนรุ่นน้องด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่เตรียมจะไหลรินได้ทุกเมื่อ และในไม่ช้า... มันจะหลั่งไหลลงมาเพราะการกระทำของจาริล “จาริลอย่า... ฮือออ...” หญิงสาวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นบิดบังใบหน้า เธอทำใจไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นคนที่กำลังทำร้ายเธอ จาริลยกขาเปลือยเปล่าของวินตาขึ้นอ้ากว้าง ก่อนจะยัดเอียดความเป็นชายของตนผ่านช่องทางคับแน่นจนไม่สามารถแทรกแก่นกายผ่านเข้าไปได้ ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ต่างอะไรจากการถูกเศษแก้วบาดเมื่อครู่ แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ได้รู้ว่ามันเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลที่ถูกเศษแก้วแทงที่ต้นขาขนาดไหน จาริลพยายามกระแทกกายเข้าไปจนกระทั่งสามารถสอดใส่แก่นกายได้เติมความยาว กายบางสะดุ้งเฮือก ความเจ็บปวดแล่นพล่านจนยากจะบรรยาย ยิ่งร่างสูงกระเสือกกระสนกายเข้ามามากยิ่งขึ้น หน้าท้องเกร็งของเธอก็จุกแน่นไปหมด มันยิ่งเจ็บปวดทรมาน เมื่อกายหนาถาโถมใส่ไม่เว้นจังหวะ ร่างบางเคลื่อนไหวไปตามแรงชักนำของจาริลอย่างทุกข์ทรมานจนในที่สุดก็ไม่อาจสะกดกั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ได้อีกแล้ว วินตาระเบิดเสียงร้องไห้โฮปานจะขาดใจให้กับเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ เธอเจ็บ... เจ็บเหลือเกิน... “ฮือๆๆๆ.... ริล...หยุดเถอะ ขอร้อง ฟังพี่อยู่ไหม...” ถ้อยคำขอถูกส่งไปหา ทว่าใบหน้าของคนเมาด้วยฤทธิ์ยากลับแสดงออกถึงความสุขใจที่ได้ครอบครองร่างกายของอีกฝ่าย ไม่มีวี่แววว่าจะสนใจใยดีรุ่นพี่คนนี้เลย จาริลคนนี้ ใจร้ายเหลือเกิน... “ฮือออ...จาริล... ฮือๆๆ” กายแกร่งยังคงเร่งจังหวะไม่หยุดพัก ราวกับไม่เคยเหนื่อยล้าทั้งที่หยาดเหงื่อไหลโทรมกายราวกับคนวิ่งแข่งมาเป็นเวลานาน ตรงข้ามกับคนด้านล่างที่เหน็ดเหนื่อยทรมานมากกว่าร่างหนานั้นหลายเท่า จาริลไม่ปราณีเธอเลยสักนิด และสิ่งที่น่าอับอายสำหรับวินตาในตอนนี้ก็คือร่างกายของเธอ ร่างกายที่เธอไม่รู้ว่ามันตอบสนองต่อการกระทำอันแสนโหดร้ายนี้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อรู้ตัวอีกทีเธอกลับต้องการปลดปล่อยอย่างยิ่งยวด แม้จะเคยมีประสบการณ์ด้วยตนเองมาบ้าง แต่เธอกลับไม่เคยหลับนอนกับใครเลยสักคน นี่นับเป็นครั้งแรก อีกทั้งคนที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นคนที่เธอสนิทสนมและยังไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอย่างดี ความจริงข้อนี้กำลังแผดเผาหัวใจของเธอ ต่อจากนี้เธอจะมองหน้าจาริลด้วยความรู้สึกอย่างไร หากอีกฝ่ายตื่นขึ้นแล้วรู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป นั่นไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับเจ้าตัวหรอกหรือ เธอเองรู้สึกโกรธอีกฝ่ายอย่างมาก แต่ทั้งหมดนั้นคงจะเทียบไม่ได้กับความเสียใจที่เกิดขึ้น เพราะทุกวินาทีที่จาริลได้เสพสม ทุกวินาทีที่จาริลมีความสุข เธอคนนี้รู้สึกเสียใจเหลือเกิน... “ฮึก...ฮึก...” วินตาสะอื้นฮักเมื่อร่างสูงแตะถึงฝั่งฝัน ทั้งสองร่างที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวถึงเวลาปลดปล่อยสายธารออกมาพร้อมๆ กัน ซึ่งนั่นเป็นเสมือนเจลหล่อลื่นอย่างดีให้กับร่างสูง จาริลดึงส่วนที่เชื่อมอยู่ภายในกายของวินตาออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปใหม่ ช่องทางรักที่ฉีกขาดตอดรัดส่วนแข็งขืนของชายหนุ่มไว้อีกครั้ง แม้ครั้งนี้การสอดใส่จะทำได้ง่ายขึ้นเพราะของเหลวที่เอ่อล้นออกมาพร้อมด้วยเลือดข้นที่ช่วยให้ความหล่อลื่นก็ตาม แต่ผิวอ่อนนุ่มของหญิงสาวก็ยังคงเจ็บปวดมากเหลือเกิน จาริลกระชับท่อนขาของหญิงสาวเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้วส่งแรงทั้งหมดชำแรกผ่านร่างบางด้วยท่อนเนื้อร้อนขนาดใหญ่ ทุกครั้งที่แก่นกายกรีดผ่านผิวเนื้อของร่างบางเลือดสีแดงสดก็จะไหลหยดลงเปื้อนผ้าปูที่นอนเป็นวงไม่นับรวมรอยเลือดที่เกิดจากบาดแผลที่ต้นขาข้างขวานั้นด้วย เพราะยามนี้เลือดที่ต้นขาขาวก็ยังคงไม่หยุดไหล สายเลือดกระเด็นเปือนผืนผ้าสีขาวไปตามจังหวะโยกไหวของจาริล ร่างหนาซอยสะโพกถี่กระชั้นเป็นสัญญาณบอกให้คนด้านล่างรับรู้ว่าอีกไม่นานร่างสูงจะถึงจุดสูงสุด และหญิงสาวแอบหวังว่าการกระทำอันแสนป่าเถื่อนนี้จะจบลงได้สักที “อาห์...” จาริลครางตํ่า ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเมื่อตนเองใกล้ถึงฝั่งฝัน แต่ถึงกระนั้นใครอีกคนกลับไม่ถึงฝั่งฝันไปด้วย ร่างกายของวินตาบาดเจ็บจนไม่อาจตอบรับสัมผัสของเขาอีกแล้ว ทว่าร่างสูงกลับไม่ปล่อยให้อีกคนถูกเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว เขาใช้มือปลุกปั่นอารมณ์ของร่างบางด้วยการบีบขยำทรวงอกของหญิงสาวพลางซุกไซ้ริมฝีปากไปตามซอกคอขาว วินตาส่ายหน้าอย่างทรมาน เธอเอื้อมมือไปเพื่อหยุดมือของจาริลแล้ว แต่กลับถูกมือหนาสะบัดจนหลุดออกราวกับจะกลั่นแกล้ง “อย่า... พอได้แล้ว พอ!” วินตาแผดเสียงแหบแห้งห้ามอีกฝ่ายออกไปด้วยความกลัวและเกลียดสัมผัสนี้ใจแทบขาด แต่จาริลก็ยังไม่ยอมหยุดปรนเปรอความเสียวซ่านให้แก่เธอ ชายหนุ่มจงใจหยอกเย้ายอดปทุมถรรพ์สีชมพูอ่อนอย่างสำราญมือไม่ยอมหยุด มือหนาบีบเค้นทรวงอกอันเต่งตึงสลับกับการบีบบิดยอดถรรพ์อย่างรุนแรง จนกระทั่งเสียงร้องห้ามแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางแห่งความเสียวซ่าน ยามนั้นจึงได้เวลาที่ร่างสูงรุกคืบเข้ามาภายในกายของวินตาอีกครา “อ๊ะ” วินตาร้องครางด้วยความเจ็บจากแผลสดที่ถูกกรีดซ้ำตรงรอยเดิม หญิงสาวผันหน้าหนีเพราะไม่อาจทนมองอีกฝ่าย ร่างสูงเคลื่อนไหวกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเสียงร้องแหบแห้งของวินตาค่อยๆ เบาหายไป เหลือเพียงเสียงครางกระเส่าของจาริลที่ดังสลับกับเสียงเสียดสีของผิวกายแต่เพียงเท่านั้น ร่างของเธอกระตุกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ของเหลวอุ่นจะฉีดพุ่งภายในกายและเอ่อล้นออกมาอาบช่องทางสีสดอย่างมากมาย คราวนี้จาริลถอนแก่นกายออกมาจากช่องทางรักที่บอบช้ำแล้วถอยตัวออกห่าง เป็นโอกาสให้วินตากระเถิบตัวถอยหนีได้บ้าง ร่างบางรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีลุกหนีลงไปจากเตียงนอน แต่ก็ถูกกระชากเรือนผมกลับมาจนล้มลงนอนหงายบนเตียงกว้าง หญิงสาวพลิกกายนอนตะแคงข้าง ลำตัวขดเกร็งเข้าหากันด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเธออีก ดวงตาของเธอปิดสนิทแน่น ริมฝีปากแดงสั่นระริก ก่อนที่มันจะอ้ากว้างกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อจาริลยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นพาดบ่าแล้วกดแท่งเนื้อร้อนลงมาชำแรกผ่านช่องทางรักที่เปื้อนของเหลวสีขุ่นและคราบเลือดเกรอะกรังโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของเธอ แม้ว่าเลือดจากบาดแผลที่ขาจะหยุดไหลลงแล้ว แต่น้ำตาที่เคยเหือดแห้งกลับไหลลงรดหมอนไม่หมดสิ้น เช่นเดียวกับการกระทำของจาริลที่วินตาไม่รู้ว่าจะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน นานจนกว่าเธอจะหยุดร้องไห้ หรือนานจนกว่าทุกคนจะกลับมาถึง เธอไม่อยากให้ใครมาเห็นภาพของเธอกับจาริลตอนนี้เลย “ริล... พอแล้ว... พอได้แล้ว” เสียงสะอื้นไห้ของวินตาทำให้ร่างสูงชะงัก จาริลย่นหัวคิ้วมองจ้องรุ่นพี่ชั่ววินาที จนทำให้หญิงสาวเริ่มมีความหวัง แต่สุดท้ายความหวังของเธอก็ต้องพังลงไป เมื่อจาริลจับขาทั้งสองข้างของเธอถ่างออกกว้างแล้วกระแทกเข้ามาอย่างไม่ปราณีปราศรัย วินตากรีดร้องลั่น น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บที่ทวีมากยิ่งขึ้น “ฮึก อ๊ะ... อ๊ะ! อ๊า!!” “จาริล เจ็บ! ฮือออ พอสักที! พอที!!” ร่างบางรํ่าร้องอย่างเจ็บปวด ไม่มีทางเลยที่เธอจะห้ามปรามอีกคนหนึ่งได้ เธอจำต้องนอนนิ่งให้ร่างสูงตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอมากเท่าที่อีกฝ่ายต้องการ “จาริลพี่ไม่ไหวแล้ว เจ็บ อ๊ะ จาริล!” เสียงของวินตาขาดหายเมื่อถูกร่างสูงก้มลงจุมพิตปิดปาก จาริลส่งผ่านเรียวลิ้นเข้าไปลุกล้ำภายในโพรงปากอุ่นร้อนด้วยความรุนแรงเหมือนทุกครั้งจนร่างบางหายใจไม่ออก มือข้างหนึ่งของวินตาบีบเข้าที่ลำคอของจาริลเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายหยุดการกระของตัวเองครั้งนี้ แต่ผลของการถือดีทำร้ายร่างสูงก็คือความรุนแรงที่มากขึ้นจนร่างบางทนรับไม่ไหว จึงไม่กล้าต่อกรกับคนใจร้ายผู้นี้อีก แล้วเมื่อไรกันที่อีกฝ่ายจะพอ เมื่อไรที่เธอจะถูกปลดปล่อย นานเท่าไรแล้ว... วินตาไม่อาจรู้ เวลาแห่งความทุกข์ทรมานล่วงเลยผ่านไปนับชั่วโมงจนเธออยากจะหายตัวไปจากสถานที่แห่งนี้ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปถึงจุดสุดยอดแล้วกี่ครั้ง รวมถึงไม่สามารถนับหยดน้ำตาที่สูญเสียไปได้เช่นเดียวกัน ภายในห้องพักของวินตายามนี้กลับกลายเป็นสถานที่ก่อกิจกามของร่างสูงที่การเสพสมครั้งไหนก็ยังไม่สามารถสนองตัณหาของเขาได้ ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ร่างสูงไม่เคยถอนส่วนที่เชื่อมอยู่ภายในกายของอีกคนออกมาเลย... เสร็จแล้วก็เริ่มใหม่... เหมือนยังไม่หนำใจและจะดำเนินต่อไปแม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะจบลงและเริ่มเข้าสู่เช้ากันใหม่ สิ่งเดียวที่วินตาทำได้ในตอนนี้คืออดทนรอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป “อืม... นี่ฉันมีอะไรกับท่อนไม้เหรอเนี่ย ทำไมถึงได้นิ่งเงียบขนาดเน้” จาริลส่ายหน้าไม่พอใจ ก่อนจะก้มลงกดจูบไปที่ทรวงอกงามของหญิงสาวจนเป็นรอยแดง อีกฝ่ายพยายามดันใบหน้าของคนด้านบนออกห่างแต่ก็ถูกตรึงมือทั้งสองข้างไว้ กับเตียงแน่น ใบหน้าของวินตาเชิดขึ้นเมื่อปลายลิ้นของจาริลระรานยอดอกข้างซ้ายของเธอ “อื้มมม” อีกฝ่ายส่งเสียงครางในลำคออย่างอิ่มเอมใจเมื่อได้ครอบครองเรือนร่างงามทั้งส่วนบนและส่วนล่างไปพร้อมๆ กัน เขี้ยวคมของเขากัดกระชากเชอร์รี่ผลงามจนถูกตอกกลับด้วยกำปั้นไปหลายครั้ง กายบางพยายามอดทนและอดกลั้นอารมณ์อย่างยิ่งยวดเพราะรู้ดีว่าหากถูกปลุกปั้นอารมณ์ขึ้นมาแล้วนั้น ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร เธอไม่อยากจะปลดปล่อยความอัดอั้นนั้นอีกแล้ว เพราะในสถานการณ์เช่นนี้มันทำให้เธอเจ็บปวดทรมานมากนัก ดังนั้นถ้าเธอไม่รู้สึกอะไรกับมัน เธอก็จะไม่ตกหลุมพรางของจาริลอีก กายแกร่งพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของวินตาอย่างบ้าคลั่ง โดยทุกพื้นผิวที่ริมฝีปากของเขาเคลื่อนผ่าน ร่างหนาก็จะฝากรอยสีกลีบกุหลาบไว้ให้เห็นอยู่ประปราย ลิ้นร้อนลากวนอยู่บริเวณท้องน้อยของหญิงสาว ปลุกความเสียวซ่านของอีกฝ่ายจนคนที่พยายามอดทนอดกลั้นต้องแพ้พ่าย ปล่อยให้ผู้ชนะครอบครองเรือนกายของเธออย่างน่าอับอาย “อา...” หญิงเผลอปล่อยเสียงครางที่คิดว่าน่าอายนั้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เธอรีบเม้มริมฝีปากแน่น อดทนกับสัมผัสรุนแรงที่ปรนเปรอส่วนล่างของเธอด้วยเรียวนิ้ว แต่ก็ผวาครางทุกครั้งที่ก้านนิ้วยาวกดย้ำเข้าที่จุดกระสัน เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกได้ถึงมวลของเหลวที่กำลังจะปลดปล่อย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่จาริลยันตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มยกเอวบางให้ขึ้นมานั่งทับบนตักของตน เขานำพาให้ช่องทางรักของหญิงสาวสัมผัสกับยอดของแท่งเนื้อร้อนของเขาจนนำมาซึ่งความรู้สึกวาบหวาม ก่อนจะกดร่างวินตาลงจนสุดให้สามารถครอบครองเจ้าโลกของเขาไว้ได้มิด หญิงสาวอ้าปากค้าง อยากร้องออกมาด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อโพรงปากถูกแทนที่ด้วยลิ้นร้อนที่เริ่มคุ้นเคยนั้นอีกครั้ง มันเกี่ยวกระหวัดชอนไชและพรากลมหายใจของเธอไปไม่เคยพลาด ร่างสูงเกือบจะทำให้ร่างบางโอนอ่อนด้วยรสจูบอันร้อนแรงนั่นแล้ว หากไม่ใช่เพราะกายท่อนล่างของเธอถูกกระแทกจากกายท่อนล่างของเขา “อื้อ” วินตาส่งเสียงครางในลำคอแล้วผันหน้าหนีออกมาด้วยความตกใจ เห็นดังนั้นจาริลจึงกระชับเอวบางของอีกฝ่ายไว้เพื่อไม่ให้ดิ้นตัวหนีไปได้ ร่างบางที่กำลังจะเผชิญชะตากรรมครั้งใหม่รีบดันหน้าอกกว้างของจาริลให้ออกห่าง “ไม่! ไม่เอาแล้ว พอแล้ว!” วินตาตะคอกบอกคนที่โอบรั้งกายเธอไว้ แต่คนด้านล่างก็กระแทกแก่นกายเข้ามาในทันที หญิงสาวเอี้ยวตัวออกไปด้านข้าง หวังจะหลุดออกจากส่วนกายที่เชื่อมต่อร่างกายของพวกเขาไว้ แต่จาริลก็จับสะโพกของเธอไว้แน่นก่อนจะยกร่างเธอขึ้นรับกับแรงกระแทกที่แรงไม่ต่างจากครั้งไหนๆ ดวงหน้าหวานถึงกับเปลี่ยนสีหน้า อยากจะร้องไห้อีกครั้งแต่ก็ร้องไม่ออก ในเมื่อเธอสูญเสียน้ำตามากเสียจนไม่เหลือน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากความเจ็บปวด... ร่างบางเริ่มหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งใกล้จะปลดปล่อยมากเท่าไรเธอก็ยิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้นเท่านั้น ใบหน้าของเธอเอนซบลงไปกับแผ่นอกกว้างของจาริลอย่างไม่รังเกียจ หากนาทีนี้มันจะเป็นที่พักพิงให้เธอได้บ้าง เธอก็ยอม... ในตอนนั้นเธอได้ยินเสียงหัวใจของจาริลดังชัดเจนเมื่อใบหูแนบเข้ากับแผ่นอกกว้าง และจังหวะการเต้นของหัวใจเธอเองก็ไม่แตกต่าง เว้นเสียแต่มันมีที่มาของความรู้สึกที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง เปลือกตาสีน้ำนมปิดลงช้าๆ เมื่อหยาดน้ำหวานหลั่งไหลออกมาปนเมือกเหลวและคราบเลือดที่โคนขาด้านในของวินตา ก่อนที่หลังจากนั้นจาริลจะพลิกร่างบางให้ควํ่าหน้าลงกับเตียงแล้วเสือกไสแก่นกายเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนอีกครั้งโดยไม่ทอดทิ้งจังหวะ วินตาครางหวือกับการรุกล้ำครั้งนี้ มือข้างหนึ่งของเธอจำต้องยกขึ้นปิดปากเพื่อปิดกั้นเสียงคราง ทั้งที่ไม่อยากเปล่งเสียงที่น่าอับอายเช่นนั้นออกไปแท้ๆ แต่จาริลก็บังคับให้เธอต้องร้องมันออกมาอยู่ดี “อย่าเงียบสิ ฉันเกลียดความเงียบ” “ร้องออกมา! เวลาเอากับฉันจำไว้ว่าต้องครางออกมาดังๆ ร้องสิ!” “อ๊ะ!” กายหนาถาโถมเข้ามารัวเร็วเพื่อเร่งจังหวะให้ตนเองไปถึงฝั่งฝัน ใบหน้าที่โชกไปด้วยหยาดเหงื่อแนบเข้ากับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของร่างบางก่อนบรรจงจูบมันอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งแรกโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดใดไว้ วินตาครางแผ่วเป็นระยะและไม่สามารถหยุดได้จนกว่าร่างสูงจะพึงพอใจ กายหนายังตอกย้ำ แกล้งเธอให้ครางหวือด้วยจังหวะรุนแรงที่ส่งมาไม่หยุดง่าย และเสียงของเธอคงจะดังต่อไปเรื่อยๆ หากไม่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“นี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเป็นแฟนของรามิลแล้วแต่งเข้าบ้านน้องหรอกนะ ก็แค่อยากจะคุยกับมิลก็เท่านั้น แต่ถ้านายไม่เปิดโอกาสให้พี่คบกับมิล ก็ถือว่าเราจบกันแค่นี้” คำประกาศิตของวินตาทำให้อีกฝ่ายเหมือนถูกบังคับ จาริลต้องเลือกระหว่างความเห็นแก่ตัวของตนกับความปรารถนาของรุ่นพี่ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากแนะนำพี่ชายของตนให้ใคร แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ของตนกับคนตรงหน้าไป เขาถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไหล่ทั้งสองห่อลงและคอตกด้วยท่าทางที่หงอยลงไปถนัดตา “น้องจะยอมไหม พี่จะนับถึงห้า หนึ่ง สอง สาม” “ก็ได้ครับ! ผมยอมเปิดทางให้พี่เข้าหามิลก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าจะได้คบรึเปล่า” “แค่ให้มิลเป็นคนตัดสินใจโดยไม่มีน้องมาเกี่ยวข้องก็พอ” “แล้วผมต้องทำยังไง?” “เอาเบอร์โทรของพี่ชายน้องมาให้พี่ แล้วที่เหลือพี่จะจัดการเอง” “นี่พี่จะจีบพี่ชายผมจริงๆ หรือทำเพื่อแก้แค้นผมกันแน่ พี่ก็รู้นี่ว่าเราไม่ถูกกัน ผมไม่เคยยอมให้คนใกล้ตัวไปสนิทสนมกับเขาหรอกนะ” “ฟังนะ พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากจะแก้แค้น มันก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกใคร คือมิลกับพี่เคยเจอกันมาก่อน พี่คิดว่าเข
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเว
“ก่อนหน้านี้เห็นให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอยากโฟกัสกับงานมากกว่า” คราวนี้เซร่าเพื่อนร่วมวงของรีเบคก้าและเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่เอ่ยเสริม วินตาพยักหน้าช้าๆ “อื้ม ถ้าถามเราตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แล้วที่วงในเขาลือกันว่าวินนี่แอบกิ๊กกับรุ่นน้องร่วมค่ายล่ะ” “จาริล…” เป็นเธอเองที่เอ่ยพร้อมกับเผลอหันไปมองร่างสูงข้างกาย จาริลหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมอะนะ?” วินตารีบเบือนใบหน้ากลับมาแล้วเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟังในตอนนั้นอย่างเนิบช้าแต่ชัดเจน “ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนคิดว่าเรากับริลชอบกันหรือว่าแอบคบกันอยู่ ไม่รู้คนพวกนั้นเขาเห็นเคมีอะไรในตัวพวกเรา” “พี่วินนี่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างผมครับ” “เนี่ย ริลมันหยอดสาวแบบนี้ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว” เซร่าลงความเห็นพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนอีกฝ่าย “ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าหว่านเสน่ห์หรอก เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” จาริลหันไปจ้องมองคนข้างกายไม่วางตา เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงจากรุ่นพี่เช่นนั้น “ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั
“ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั้งนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของรุ่น “ก็แค่แสดงความรักออกไปให้คนที่ชอบรับรู้” “ไม่คิดว่าจะเป็นสายบวกแฮะ วินนี่ดูเป็นคนขี้อายอะ” “ถ้าได้เจอคนที่ชอบจริงๆ ก็ไม่อายหรอก แต่จะรีบหาโอกาสใกล้ชิดให้ได้เลย” “ใจกล้าเหมือนกันนะพี่น่ะ” จาริลได้ทีแซววินนี่อย่างมีอารมณ์ขัน “แล้วจะให้พี่ทำยังไงเล่า อย่างน้อยถ้าไม่รีบทำความรู้จัก อาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไปให้ได้เจอกันอีกแล้วป้ะ” ยิ่งได้ฟังคนข้างกายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้เธอ “อย่างมึงน่ะไม่ต้องจีบใครก็มีผู้ชายเข้าหา ทุกครั้งที่กูไปกินเหล้ากับพวกมึงห้าคนมันต้องมีผู้ชายมาขอชนแก้วกับมึงทุกครั้ง พวกไอ้แมนเป็นพยายานให้กูได้” วินตาทำได้แค่ยิ้มเป็นคำตอบให้ กรรชิง ศิลปินชายเดี่ยวที่นับว่าได้ว่าสนิทกับเธอและอีกสี่หนุ่มมากที่สุด ก่อนที่เซร่าจะเอ่ยแซวเธออีกครั้ง “วินนี่มีสเน่ห์ก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ เอ๊ะ หรือว่าซื่อบื้อดี” ตอนนั้นเองที่จาริลต้องกลั้นขำ วินตาถลึงตาใส่รุ่นน้องข้างกายไปหนึ่งที “วินนี่เนี่ย คือสมบัติของร
แค่อีกฝ่ายยังทนอยู่ใกล้กันก็ดีเท่าไร ขืนโลภมากไปกว่านี้เขาอาจไม่เหลือพื้นที่พอสำหรับตัวเองในโลกของพี่วินนี่เลยก็ได้ ในใจนั้นเอาแต่ภาวนาอย่างไม่เป็นผลว่า ‘อย่าทำแบบนี้กับผมเลยนะ’ แต่เทวดานางฟ้าตนใดจะมาให้พรกับคนเลวๆ อย่างเขา โดยเฉพาะกับคนเลวที่ทำร้ายนางฟ้าประจำกายของตัวเอง วินตาเปรียบเหมือนนางฟ้าแม่ทูนหัวหรือถ้าพูดให้ไม่เวอร์ไปกว่านั้น คืออีกฝ่ายเปรียบเหมือนพี่สาวที่คอยทำให้เขามีความสุขยามอยู่ด้วยกัน เขาคงทำใจได้ยากถ้าจะต้องสูญเสียใครบางคนในรูปแบบที่คุ้นเคยจากไป หากนี่คือความใกล้ชิดที่อีกฝ่ายมอบให้ มันก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาเลยสักนิด แม้อยากจะอ้อนวอนดูอีกครั้งแต่ก็คงจะไม่สำเร็จ ในเมื่อพี่สาวคนดีของเขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว “ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูดกับพี่ พยายามอยู่ให้ห่างกันอย่างน้อยสองเมตร” “…….” “แต่ถ้าอยู่ด้วยกันกับทุกคน ก็ถือซะว่าพี่ไม่เคยพูดแบบนี้แล้วกัน” กลางดึกคืนนั้นวินตาและจาริลต่างเดินทางออกจากคอนโดเพื่อซ้อมการแสดงสำหรับงานมีตติ้งเป็นคืนสุดท้าย ทั้งสองคนขับรถแยกย้ายกันไปตามทางของตนเองโดยที่รุ่นน้องวงบอยแบนด์อย่างจาริลเดินทางไปรวมตัวกับสมาชิกในวงเพื่อทำการฝึกซ้อม ส่วนรุ่
ศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายเพลงของเธอต่างไล่ให้เธอกลับคอนโดในช่วงบ่าย จึงเหลือแค่วินตาและจาริลที่เดินทางกลับมาพักผ่อนก่อนคนอื่น วินตาคงจะยินดีหากเธอไม่ต้องเดินทางโดยมีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ใกล้ๆ นั่นเพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นคือรุ่นน้องร่วมค่ายอย่างจาริล เธอกลับรู้สึกต่อต้านหากก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากบอกตนเองว่าจะยอมให้รุ่นน้องได้แค่วันนี้เท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ขึ้นอยู่กับตารางงานของค่าย ถึงจะตะขิดตะขวงใจหรือยากเย็นเพียงใด เธอก็จะไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหากระทบต่อการทำงานเด็ดขาด ในเมื่อทุกคนเข้าใจว่าเธอกับจาริลเพียงแค่ทะเลาะกันจนเกิดอุบัติเหตุ เธอก็ต้องแกล้งทำเป็นให้อภัยและกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับจาริลให้ได้ในที่สุด เพราะไม่อย่างนั้น ทุกคนก็จะเป็นห่วงและพลอยลำบากใจไปด้วย อีกทั้งเธอเองก็ไม่ได้ต้องการจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจาริลอย่างแท้จริง เรื่องที่จะโกรธเกลียดจนไม่ให้อภัยกันไปตลอดทั้งชาตินั้นจึงเป็นไปไม่ได้ นับว่าเป็นโชคดีของจาริลนักที่ต่อให้ทำความผิดรุนแรงเอาไว้กับเธออย่างไรแต่ก็ยังได้รับการให้อภัย แต่ถึงแม้ผลลัพธ์จะเป็นเช่นนั้น คนทำผิดอย่างจาริลก็ยังต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ แ
“...อืม” จาริลดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มเฝื่อนกับตัวเองพลางลุกมายืนข้างเตียงก่อนจะยกถาดวางแก้วน้ำและถ้วยข้าวต้มที่คนป่วยทานเหลือนำออกไปเก็บ แต่ไม่ทันที่ร่างสูงจะก้าวไปถึงจุดหมาย บานประตูห้องนอนก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมด้วยสมาชิกทุกคนของบ้านหลังนี้ วินตาหันไปมองเหล่าคนคุ้นเคยที่เดินกรูเข้ามาก็เริ่มรู้สึกกังวลใจ ทั้งที่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าใครเลยทั้งนั้น แต่ด้วยอาการป่วยของเธอคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทุกคนตามเข้ามานั่งห้อมล้อมอยู่ข้างเตียงแบบนี้ หญิงสาวเบนสายตากลับไปยังรุ่นน้องที่ชะโงกกายอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้จาริลก้าวเดินออกไปก่อน วินตาก็แค่ไม่อยากให้ใครเอะใจสงสัยหรือดึงจาริลเข้ามาอยู่ในวงสนทนาตอนนี้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจความประสงค์ของเธอเลย เพราะพอเสร็จจากการนำภาชนะไปเก็บที่ห้องครัวแล้ว จาริลก็พาร่างของตัวเองกลับมาเผชิญหน้ากับเธอและทุกคนอีกครั้ง นั่นทำให้วินตายิ่งรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่อยากเอ่ยคำพูดใดออกมาอีก แต่ก็นั่นแหละ คำโป้ปดของเธอ คงฟังดูเข้าท่ากว่าคำพูดของจาริลเป็นไหนๆ “นั่นไง ตัวการมาแล้ว รีบมาอธิบายเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อคืนนี้ให้พวกก
“พี่จะใจร้ายกับผมได้ลงคอจริงๆ เหรอ”จาริลเอ่ยอย่างหมดความอดทน ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อรุ่นพี่อีกต่อไปไม่ไหว ด้วยบทลงโทษที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายถอยห่างอีกฝ่ายไป เขาไม่อาจทนได้ และที่เขาแสร้งทำตัวคุกคามรุ่นพี่อยู่นี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายคิดเปลี่ยนใจหยุดการกระทำของตนซะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ยอมเหินห่างอีกฝ่ายแล้ว เขายังพร้อมจะครอบครองอีกฝ่ายด้วย แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ถ้ารุ่นพี่ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ ถึงเวลานั้นเขาจะหยุดทุกอย่างและยอมแพ้แต่ไม่ใช่ในตอนนี้วินตาดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้ร่างหนอย่างยากและเหนื่อยกายแต่เธอก็ยังพยายาม เพราะหวังจะชนะอีกฝ่าย เธอไม่อยากเป็นคนที่ถูกเขาไล่ต้อน แม้เธอจะรังเกียจสัมผัสที่ได้จากร่างสูงเพียงใดแต่เธอก็จำต้องตอบรับมันและสนองกลับไปให้เหนือกว่าครู่ต่อมาจาริลก้มลงจูบบดเบียดริมฝีปากของวินตาอย่างรุนแรงมากกว่าในค่ำคืนที่ตนขาดสติ สัมผัสที่รุนแรงและเจ็บปวดนั้นได้ไปจุดชนวนความโกรธของวินตาจนเธอไม่สามารถหยุดการกระทำของตนได้เช่นเดียวกัน ยิ่งจาริลรุกล้ำและเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากของเธออย่างเนิ่นนานไม่รู้จักหยุด วินตาก็ล่งผ่านเรียวลิ้นแลกกับค
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตามแต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา“บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็วจาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบท
댓글