หลายวันต่อมา
Zonic Pub
ลีออนก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเสร็จงานที่โรงแรม เขาก็จะมานั่งชิลยังผับของไคโร ส่งสายตาหาสาวสวยน่ารักมากหน้าหลายตามาควงเป็นเพื่อนคุยชั่วคราว ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้ เขาก็ยังคงมีความรู้สึกเสมอว่ามีใครกำลังแอบตาม คอยจับจ้อง แต่ก็จับตัวไม่ได้สักที สิ่งนั้นทำให้อารมณ์ที่มักจะร่าเริงของเพลย์บอยตัวร้ายดิ่งลงจนลูกน้องต่างก็เข้าหน้าไม่ติด
คงมีเพียงตอนที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนฝูงเท่านั้น ที่ชายหนุ่มยังคงพยายามทำตัวสดใส กวนตีนคนอื่นไปเรื่อยเหมือนปกติ
ครั้งนี้เพื่อนในกลุ่มมาพร้อมหน้ากันครบแก๊ง เนื่องจากมีนัดรวมตัวเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจสีดำที่ทำร่วมกัน และสถานที่ที่เหมือนจะโคตรไม่ปลอดภัยก็มักจะไม่เป็นจุดสนใจของเหล่าตำรวจ เหมือนเช่นวันนี้
เสียงบีตจังหวะเพลงดังกระหึ่มร้าน ทำให้เหล่ามาเฟียแทบต้องตะเบ็งเสียงคุยกัน
“ใครแม่งเป็นคนต้นคิดว่าควรใช้ผับไอ้ไคโรคุยงานวะ” วิคเตอร์หัวเสียไม่น้อยที่จะต้องมาคุยเรื่องสำคัญในสถานที่คนพลุกพล่านและเสียงดังขนาดนี้
“จะมีใคร”
“...”
ทุกสายตาเบนไปทางชายหนุ่มหน้าระรื่นที่ยังคงเอนพิงพนักโซฟายาวท่าทางสบายอารมณ์ พร้อมกระดิกเท้าไปตามจังหวะเพลง และเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาเพื่อนก็มีสีหน้าเลิ่กลั่ก
“อะ...อะไร?”
“นี่มึงตั้งใจมาคุยงานจริงๆ หรือแค่อยากหาเรื่องเที่ยวกันแน่?” เพื่อนร่างยักษ์ถามย้ำด้วยใบหน้าหงุดหงิดฉุนเฉียว
“อะไรนะ? มึงปวดเยี่ยว?”
“กูละเชื่อ...แบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมวะ”
“เฮ้อออออ~ ถ้าไม่มีอะไรกูกลับก่อนนะ” โอนิกซ์ถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย ตั้งท่าเตรียมจะลุกหนี แต่ก็ถูกลีออนคว้าแขนเอาไว้ แล้วออกแรงดึงบังคับให้นั่งลงที่เดิม
“โธ่~ ใจเย็นสิวะ คนเยอะๆ แบบนี้แหละ ไม่เป็นที่จับตามอง พวกมึงก็ช่วยทำตัวชิลๆ ไปตามบรรยากาศรอบด้านหน่อย จะจริงจังเพื่อ?”
“จะคุยอะไรก็ว่ามาสักที”
เจ้าของร้านพ่นลมหายใจยาว สังเกตจากหน้าโอนิกซ์ที่คิ้วกระตุกอยากจะถีบหนุ่มกะล่อนหลายครั้ง จึงเร่งให้ไอ้คนต้นเรื่องรีบเข้าประเด็นเสียที
“พวกมึงนี่ใจร้อนจริงๆ เพิ่งมานั่งกันแท้ๆ” เพลย์บอยตัวแสบส่ายหัว แต่เมื่อถูกสายตากดดันจากทุกคนก็ทำให้เขาจำเป็นต้องเปิดปาก ก่อนใครสักคนในกลุ่มจะหมดความอดทนแล้วชักปืนมายิงเขาทิ้ง “อะๆๆ พูดแล้ว...เรื่องของล็อตหน้า ใกล้จะผลิตแล้วนะ ดีลลูกค้าไม่มีปัญหาแน่นะ”
“ไม่น่ามีปัญหา ของมึงจะส่งมาได้เมื่อไหร่” วิคเตอร์ตอบกลับรวดเร็ว พลางคว้าแก้วตรงหน้าขึ้นมากระดกดื่ม ดับความขุ่นเคืองในใจ
“อีกประมาณสิบวันของจะส่งมาถึงโกดัง เผื่อเวลาเช็กของอีกหน่อยแล้วมึงก็นัดเวลากับสถานที่ลูกค้าได้เลย”
“รอบนี้ใครเป็นคนซื้อนะ” โอนิกซ์หนุ่มเย็นชาที่มักจะเงียบและผู้ฟังเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“กำนันภูรดิศ”
“ใครวะนั่น?” ไคโรที่นั่งไขว่ห้างขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“ก็พวกมีตำแหน่งคนหนึ่งอะ แถวต่างจังหวัด” ร่างสูงตอบกลับอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
“สั่งเยอะหรือเปล่า?”
“อะไรของพวกมึงกันวะ ทำไมครั้งนี้ดูสงสัยเยอะแยะจัง”
วิคเตอร์นิ่วหน้ามองใบหน้าของไคโรสลับกับโอนิกซ์ด้วยความไม่เข้าใจ แม้ทั้งกลุ่มจะเพิ่งเริ่มทำธุรกิจค้าอาวุธเถื่อนร่วมกัน แต่หลังจากการส่งสินค้าผ่านไปสี่ห้าครั้ง ก็ดูไม่มีใครใส่ใจคนซื้อเท่าไร ผิดกับครั้งนี้
“ชื่อเสียงไม่ค่อยดี...” หนุ่มเงียบขรึมเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ ด้วยใบหน้าเฉยชาไม่เปลี่ยนแปลง
“ยังไงวะ ไปได้ยินอะไรมา”
“...”
และคนเปิดประเด็นขึ้นมาก็เงียบกะทันหันเสียอย่างนั้น ทำเหล่าชายหนุ่มได้แค่ขมวดคิ้วมองตาม แต่เจ้าตัวก็ทำเพียงไหวไหล่เบาๆ แล้วไม่พูดอะไรออกมาอีก
"ง้างปากเพื่อนมึงดิ๊ไอ้วิคเตอร์ พูดไม่เคลียร์จะพูดเพื่อ?" ลีออนหันไปแขวะเพื่อนร่วมโต๊ะ ส่วนคนถูกสั่งก็ได้แต่ยกมือนวดขมับเบาๆ แล้วรินเหล้าใส่แก้วแล้วยกดื่มรวดเดียวจนหมด ระบายความน่าปวดหัวไม่เต็มบาตรของเพื่อนแต่ละคน
“ยังไงไอ้นิกซ์ พวกกูจะได้ระวัง” ไคโรช่วยถามย้ำ
“เฮ้ออออออ~ ระวังก็ดี คนนี้ได้ข่าวมีเส้นสายวงการตำรวจเยอะ แต่เบื้องหลังก็ไม่ขาวสะอาดเท่าไร”
“หรือยกเลิกดีลนี้ไปเลยดี”
วิคเตอร์พอได้ยินสิ่งที่เพื่อนรักบอกก็หน้าเครียดขึ้นมา เขาเองแม้จะชอบความตื่นเต้น แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงถูกจับตั้งแต่เพิ่งเริ่มธุรกิจได้ไม่นาน แถมแต่ละคนธุรกิจเบื้องหน้าก็ใหญ่โต ถือว่าเป็นกลุ่มนักธุรกิจไฟแรงที่กำลังเป็นที่จับตาไม่น้อย ไม่ควรมีข่าวฉาวเช่นนี้หลุดออกไปให้ใครสงสัย
“เฮ้ยๆๆ แต่ของกูผลิตไปแล้วนะโว้ย ลงทุนไปตรวจโรงงานเองเลยด้วย จะปล่อยให้ของราขึ้นแล้วล้มเลิกง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ” ลีออนก็ถือเป็นโต้โผใหญ่ของขบวนการโวยวายไม่พอใจขึ้นมา
“กูแค่บอกให้ระวังเฉยๆ”
“ปวดหัวเลยแม่ง! กูขอคิดก่อนว่าควรทำยังไงดี”
หนุ่มร่างกำยำสูงใหญ่สุดในกลุ่มหน้าครึ้มลง ปวดขมับจี๊ด เนื่องจากเขาเป็นคนดีลหาลูกค้า ส่วนไคโรมีหน้าที่ตรวจเช็ก เฝ้าของยังโกดัง และเรื่องการขนส่งก็จะเป็นหน้าที่ของโอนิกซ์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโลจิสติกส์จึงมีช่องทางซอกแซก และเส้นสายพอสมควรช่วยเป็นฉากกำบังกิจการมืดเบื้องหลัง
“งั้นคิดไป กูหาสาวดีลดีกว่า” ลีออนยิ้มกรุ้มกริ่มพลางสอดส่ายสายตาหาเหยื่อเบื้องล่างยังโซนทั่วไป
เหล่านักท่องราตรีทั้งหญิงและชายต่างก็ชูมือส่ายเอวโยกย้ายคลอไปกับบีตจังหวะมันๆ โดยดีเจบนเวทียกสูงด้านหน้า แสงสปอตไลต์หลายสีสาดส่องไปทั่วบริเวณบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสนุกสุดเหวี่ยง ทุกคนต่างปลดปล่อยความเคร่งเครียดจากการเรียนและงานมาผ่อนคลายในวันศุกร์สิ้นเดือนเต็มที่
ชายหนุ่มบนโต๊ะวีไอพีต่างส่ายหน้าถอนหายใจ เมื่อเสือผู้หญิงประจำกลุ่มหาเรื่องอู้งานทั้งที่ยังสรุปประเด็นร้อนไม่ถึงไหน แต่ทุกคนก็เหมือนจะหมดอารมณ์ตั้งแต่ลีออนเลือกผับของไคโรมานัดคุยแล้ว โอนิกซ์เอนพิงเบาะนุ่ม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านหนังสือออนไลน์ในมือถือเงียบๆ ในขณะที่วิคเตอร์ก็ยังคิดไม่ตกเรื่องการซื้อขายครั้งต่อไป ไคโรมองหน้าทุกคนก็ได้แต่ทอดถอนใจแล้วคว้าขวดเหล้าหน้าวิคเตอร์มารินใส่แก้วตัวเองบ้าง ปล่อยหนุ่มอารมณ์ดีตาวาวขณะหาสาวตรง สเปกมากกในคืนนี้
เรื่องธุรกิจถูกหยุดพูดถึง ไม่นานลีออนก็เจอเหยื่อ เพียงแค่เขาส่งสายตาชูแก้วเหล้าในมือ หญิงสาวด้านล่างก็บิดกายขวยเขิน แล้วชูแก้วในมือตัวเองกลับ ยกจิบเพียงเล็กน้อย ก่อนที่หนุ่มตัวดีจะพเยิดหน้าไปทางบันไดให้ขึ้นมาโซนวีพีไอ และเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นงานพอตัว พยักหน้ารับ ก้มบอกบางอย่างกับเพื่อนในโต๊ะตัวเองแล้วปลีกตัวเดินขึ้นมาชั้นบน
“กูบอกแล้วมันไม่ได้ตั้งใจมาคุยงาน” ไคโรหันไปแขวะหนุ่มข้างกายที่ยิ้มกว้าง มองสาวสวยที่เยื้องกรายเข้าใกล้โต๊ะพวกเขายิ่งขึ้น
“เอาน่า พวกมึงก็หาสาวสักคนสิวะ มีน้องๆ น่ารักมาคุยด้วย เผื่อจะคิดอะไรออกบ้าง” ลีออนไม่สนใจคำค่อนแคะ ตีหน้าตายตอบเพื่อนไปแบบมึนๆ
“กูขอผ่าน นัดเด็กพรุ่งนี้”
“มึงก็แดกแต่อะไรซ้ำๆ ไม่คิดจะหาใหม่บ้าง?”
“กูไม่แดกมั่วเหมือนพวกมึง” ร่างสูงของเจ้าของผับแขวะกลับ ซึ่งก็ถูกวิคเตอร์ตวัดสายตาค้อนเช่นเดียวกัน เพราะเขายังไม่ทันทำอะไรก็ถูกลากโยงมาเป็นพวกเดียวกับหนุ่มเจ้าชู้ซะแล้ว
“กูยังไม่ทันทำอะไรเลย ทำไมต้องเอาไปเหมารวมกับไอ้ลีออนวะ”
“ไม่นานหรอก เดี๋ยวมึงก็หาเหยื่อจนได้”
“...”
เหล่ามาเฟียโต้เถียงกันต่อไม่กี่คำ หญิงสาวที่ลีออนเชื้อเชิญก็เดินยิ้มหวานมาถึงโต๊ะซะแล้ว
“เฮ้ย ไอ้นิกซ์ ไอ้วิค ขยับไปดิ๊ น้องคนสวยครับนั่งข้างพี่เลยมา”
“กูละเอือมไอ้ลีออนฉิบหาย”
“พูดเยอะ! อย่าให้เห็นมึงกลับพร้อมสาวแล้วกันไอ้วิคเตอร์!” คนถูกจิกกัดหันไปแขวะเพื่อนอีกครั้ง ก่อนฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี พลางตบที่ข้างตัว “มานั่งนี่เลยครับ ชื่ออะไรเอ่ย พี่ชื่อลีออนนะครับ”
“ขนมปังค่ะ”
“แค่ชื่อก็น่ากินแล้วครับ”
หญิงสาวก้มหน้ายิ้มเขิน หัวใจเต้นโครมครามกับออร่าความหล่อของเหล่าชายหนุ่มทุกคนบนโต๊ะ ราวกับเธอได้มานั่งอยู่ท่ามกลางวงนายแบบดาราเลยด้วยซ้ำ แถมหนุ่มที่เล็งเธอก็หล่อแสบสันดูซุกซนแต่กลับมีเสน่ห์เหลือล้นจริงๆ
ขนมปังผงกหัวขอทางเหล่าชายหนุ่มคนอื่น เดินมานั่งข้างกายลีออน ทันทีที่ทิ้งตัวมือซุกซนของเขาก็คว้าหมับเข้าที่เอวบางของเธอซะแล้ว พลางใช้ก้านนิ้วลูบไล้แผ่วเบา แค่นั้นขนในกายเธอก็ลุกวูบ ร้อนรุ่มขึ้นมาทันตา
เพื่อนร่วมโต๊ะเบนหน้าไปทางอื่นด้วยความเบื่อหน่ายกับภาพเช่นนี้ ไม่นานวิคเตอร์ก็ทนมองเพื่อนคลอเคลียสาวอยู่คนเดียวไม่ไหว ต้องเรียกเด็กเอนเตอร์เทนในผับของไคโรมาเอาใจบ้าง
หนุ่มอารมณ์ดีหัวเราะเสียงใส ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่มีสีหน้าแตกต่างกันออกไป วิคเตอร์หันไปนัวเนียสาวคนใหม่เช่นกัน โอนิกซ์ทำหน้าเบื่อโลกขณะอ่านหนังสือเงียบๆ ในมือถือ ส่วนไคโรก็กลอกสายตาพลางกระดกดื่มเหล้าในมือ พร้อมพิมพ์ข้อความใส่มือถือไม่หยุด คาดว่าคงจะเลื่อนนัดสาวมาคืนนี้แทนแน่นอน
ลีออนทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ หยอกล้อกับสาวข้างกาย ดื่มเหล้าสนุกสนาน แต่ว่าสัญชาตญาณระวังภัยก็ร้องเตือนตลอดเวลาว่ามีคนกำลังจับตาเขาอยู่ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่อาจหาตัวคนร้ายพบ จึงเลือกที่จะยุติบทสนทนาของกลุ่มเอาไว้เพียงแค่นี้ อยากจะลากตัวไอ้คนที่มันแอบตามเขาออกมาใจจะขาด แต่หากบอกคนอื่นไป ก็มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน จึงเลือกจะเงียบและแสดงละครต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไอวี่ถอนหายใจยาว ก้มมองเวลายังนาฬิกาหนังบนข้อมือตัวเองก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แต่วันนี้เป้าหมายของเธอก็ยังทำตัวเหมือนปกติ แม้จะมีการรวมกลุ่มเพื่อนเพื่อพูดคุยอะไรกันบางอย่าง แต่ไม่นานก็จบที่อีหรอบเดิม คือแต่ละคนหาสาวมาคลอเคลีย ดูไม่ต่างจากเหล่าคนรวยที่มาใช้ชีวิตเสเพลยามค่ำคืน เพื่อหาความสนุก
หญิงสาวครุ่นคิดหนักว่าควรจะตามสืบเรื่องของลีออนต่อไปดีไหม หลังจากตามดูพฤติกรรมชายหนุ่มอยู่หลายวันก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ เขามักจะออกไปไหนมาไหนตามลำพัง ส่วนใหญ่หากไม่อยู่โรงแรมของตัวเองก็จะมาสิงยังผับโซนิคของเพื่อน ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนทำธุรกิจผิดกฎหมาย ก็แค่หนุ่มหน้าตาดีเปลี่ยนสาวควง เมาหัวราน้ำเท่านั้น
ร่างบางในชุดเสื้อครอปแขนยาวอวดเอวบางวางแก้วเครื่องดื่มลง พร้อมส่งเงินให้บาร์เทนเดอร์ก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างหัวเสีย อุตส่าห์เสียเวลาตามอยู่หลายวัน แต่ครั้งนี้เซ้นส์ของเธอเหมือนจะทำงานผิดพลาดเสียแล้ว
เธอก้าวขายาวๆ เบียดแทรกเหล่านักท่องราตรีที่อยู่ในอาการเมามายออกจากผับหรู ยืนกอดอกริมถนนพร้อมกดรัวแป้นโทรศัพท์ในมือส่งข่าวให้ฝ้าย ก่อนจะเห็นแสงไฟหน้ารถของแท็กซี่ก็โบกมือเรียก หลังจากบอกจุดหมายเรียบร้อยก็ยังไม่วายบ่นกับเพื่อนสาวต่อที่ทำเธอเสียเวลามาหลายวัน
Line
Ivy : ข้อมูลแกมั่วมาก ฉันลองตามดูผู้ชายคนนั้นมาหลายวันแล้วนะ
Ivy : นอกจากเป็นพวกชอบปาร์ตี้ เปลี่ยนสาวควงไม่ซ้ำหน้า ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะทำธุรกิจมืดแบบที่แกบอกเลย
Faii : โห! อย่าบอกนะว่า ตั้งแต่ที่ฉันบอกแกเรื่องนี้ก็ตามสืบตลอดเลย
Ivy : ใช่สิ โคตรเสียเวลา
Faii : เออๆ งั้นก็ไม่ต้องแล้ว ฉันก็บอกแกแต่แรกแล้วว่าไม่ชัวร์ ไม่คิดว่าแกจะจริงจังขนาดนี้
Ivy : แค่มีเรื่องติดใจ แต่จะเลิกสนใจแล้วเนี่ย
เรื่องติดใจเดียวที่ว่าคือสายตาเหี้ยมโหดเย็นชาคู่นั้นในแวบแรกที่สบมองเธอ ไอวี่ไม่เชื่อว่าคนที่มีสายตาเช่นนั้นจะเป็นเพียงหนุ่มกะล่อน ไม่เอาไหน แต่ความเชื่อนั้นก็ถูกทำลายลงไปซะแล้ว หลังเธอพยายามตามดูพฤติกรรมของลีออนต่อ กลับไม่มีวี่แววหลักฐานอะไรออกมาอีก และลีออนก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัว แถมยังไม่เพิ่มการคุ้มกันแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่มีอะไรซุกซ่อน หรือแค่แสร้งอ่อยเหยื่อให้เธอเผยตัว แต่นั่นก็ทำให้นักข่าวสาวหมดความสนใจ ตัดสินใจหยุดตามข่าวเรื่องนี้ต่อ
เธอพูดคุยกับฝ้ายอีกสักพักก็เก็บมือถือ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองแสงไฟบนท้องถนนและวิวต้นไม้ที่ผ่านไปด้วยสายตาว่างเปล่าไร้อารมณ์ ใจหนึ่งไอวี่ก็ตงิดใจในตัวลีออนอยู่ แต่อีกใจก็คิดว่าคงเป็นเพียงข่าวโคมลอยเพื่อทำลายภาพลักษณ์นักธุรกิจหน้าใหม่เท่านั้น ทำความคิดในหัวเริ่มตบตีกันเองว่าจะเอายังไงต่อดี
“เฮ้อออออ~ เอาวะ! ลองดูพรุ่งนี้อีกวัน ถ้าเขายังโผล่หัวมาผับนี้อีกฉันเลิกตามจริงๆ แน่!”
ไอวี่พึมพำกับตัวเอง เธอก็ไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ หากว่าพยายามจนถึงที่สุดแล้วผลยังเหมือนเดิม ครั้งนี้คงจะปล่อยผ่านข่าวนี้ไปจริงๆ เสียที และสิ่งนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตนักข่าวสาวคนสวยไปตลอดกาล
กลางดึกไฟในห้องนอนกว้างถูกปิดสนิท มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศช่วยให้ความเย็นเท่านั้น ลีออนนอนอยู่อีกฟากของเตียงกว้างเพ่งสายตามองผ่านร่างเล็กๆ ของลูกสาวทั้งสองที่นอนคั่นกลางไปหาร่างเย้ายวนของภรรยาเปลือกตาของสาวลูกครึ่งปิดลง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอท่อนแขนข้างหนึ่งวางพาดบนก้นเล็กๆ ของเอวาอยู่ ในขณะทั้งสามสาวกำลังจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ชายหนุ่มเพียงคนเดียวรู้สึกกระสับกระส่ายครั้นเนื้อครั้นตัว พยายามสะกดข่มแรงปรารถนาให้สงบ แต่ไม่ว่าพลิกกายกี่รอบก็ไม่อาจจะหลับได้สักทีสุดท้ายก็ตัดสินใจเอื้อมมือผ่านลูกทั้งสองสะกิดแขนภรรยาเบาๆ“อื้มมมม~” หัวคิ้วบางขมวดเข้าหากัน ส่งเสียงอื้ออ้ารำคาญใจในลำคอหลังจากถูกกวนตอนกำลังหลับสนิท“วี่...วี่ครับ...ที่รักจ๋า”“หื้ม?”คนตัวเล็กผงกหัวขึ้นมาพยายามเปิดปรือดวงตาง่วงงุนขึ้นมอง“มีอะไร”“ชู่~ เบาสิครับ เดี๋ยวลูกตื่น” ลีออนกระซิบบอก ซึ่งไอวี่ก็ได้แต่ยกหลังมือขยี้ตา“คะ?”“ลุกมานี่หน่อยครับวี่”ลีออนค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงเชื่องช้าระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆ รบกวนการนอนของลูกๆ แม้หญิงสาวจะยังไม่เข้าใจแต่ก็ยอมหย่อนขาลงจากเตียง เดินสะลึมสะลือด้วยความง่วงต
สามปีต่อมาคฤหาสน์หลังใหม่ของลีออนคฤหาสน์สุดหรูหลังใหญ่สามชั้นมีเนื้อที่กว้างขวาง พร้อมสนามหญ้าและสระว่ายน้ำส่วนตัว ตั้งอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรสำหรับเหล่าเศรษฐี ซึ่งทั้งโครงการมีคฤหาสน์ใหญ่เช่นนี้เพียงแค่สามหลังเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็เป็นของวิคเตอร์เรียบร้อย ทำให้ลีออนได้คฤหาสน์อีกหลังริมทะเลสาบเช่นกัน แม้จะไม่ได้อยู่มุมดีที่สุด แต่ก็อยู่ห่างจากบ้านเพื่อนรักเพียงนิดเดียว สามารถเดินเท้าไปหาได้ด้วยซ้ำเด็กน้อยวัยสามขวบกว่า ลูกสาวคนแรกอย่างอีฟ หัวเราะวิ่งเล่นอยู่กับบิดายังสนามโล่งกว้างร่มรื่น สายลมยามเย็นไม่อาจจะช่วยดับร้อนให้ร่างเล็กซึ่งมีพลังงานเหลือล้นได้เลย จนใบหน้ากระจ่างใสแดงระเรื่อไม่ต่างจากลูกมะเขือเทศ“จับได้แล้ว”“คิกๆๆ หนูจั๊กจี้” เธอหัวเราะเสียงใสจนตาหยีเมื่อคุณพ่อคว้าเธอเอาไว้แล้วใช้ตอหนวดสากระคายถูไถแก้มเนียนๆ เป็นการหยอกล้อ“เหนื่อยยังคนเก่ง”“ม่ายยยยย~ เล่นอีก”“ปะป๊าหมดแรงแล้วนะครับอีฟ”“นะคะ”ใบหน้าน่ารักของลูกสาวในอกกะพริบตาปริบๆ อ้อนวอน ทำใจคนพ่ออ่อนยวบเหลวเป็นน้ำ แม้ใบหน้าตนเองจะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและเหนื่อยกับการวิ่งไล่จับลูกสาวคนโต แต่พอเห็นท่าทา
ตั้งแต่ทราบข่าวว่าตั้งครรภ์ทั้งลีออนและแม่เขาก็สั่งให้เธอพักงานอย่างเด็ดขาด และด้วยอิทธิพลของสิรินดา พอลูกสะใภ้คนโปรดบอกว่ายังอยากทำงานเป็นนักข่าวต่อ เธอจึงได้ต่อสายตรงไปหาเจ้าของสถานี X News TV ขอลาพักร้อนให้ไอวี่เสร็จสรรพ เรียกว่าต่อให้เธอจะหยุดงานไปเป็นปี แต่ทางช่องก็ไม่กล้าไล่เธอออกเพราะนามสกุลใหม่ต่อท้ายของนักข่าวคนเก่งทั้งสามนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหาร หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดอ้า รับสายลมเย็นๆ จากด้านนอกพัดเข้ามาในตัวบ้านช่วยบรรยากาศยามเช้าสดชื่นปลอดโปร่ง คงมีแต่เพียงหนุ่มแสบคนเดียวที่นั่งกุมขมับด้วยใบหน้าซีดเซียว“วี่ทานเยอะๆ ลูก หมอบอกน้ำหนักน้อยไป ต้องบำรุงเพิ่มอีกรู้ไหม” สิรินดาซึ่งย้ายฝั่งมาโอ๋ลูกสะใภ้เต็มที่ช่วยตักผัดผักบุ้งให้เธอ โดยไม่คิดจะสนใจสีหน้าย่ำแย่ของลูกชายเลย“ขอบคุณค่ะคุณแม่” เธอส่งยิ้มให้แม่สามี ก่อนจะเบนสายตามาดูอาการลีออน “ไหวไหม กินข้าวไม่ลงเหรอ”“แย่ พะอืดพะอม”มือหนาดันชามข้าวต้มออกห่าง ทั้งที่อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะก็ไม่มีอะไรมีกลิ่นคาว แต่เขากลับเวียนตื้อรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาทุกเมื่อ“เมื่อวานแม่บ้านซื้อมะม่วงเปรี้ยวมาไว้ให้ วี่ไปปอก
สัปดาห์ต่อมาพิธีในช่วงเช้าจัดขึ้นยังคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวลีออน แน่นอนว่าไอวี่ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว จึงได้เชิญครอบครัวป้าแก้วและน้าพิณพยาบาลที่คอยดูแลยายมาลีหลายปีมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญนี้ ส่วนเพื่อนก็มีทั้งเพื่อนสมัยมัธยมและมหาลัย รวมถึงเพื่อนร่วมงานอย่างบอล และ แมนด้วยอดีตตากล้องคู่ใจถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน หลังจากทราบว่าแท้จริงแล้วลีออนคือทายาทนักธุรกิจตระกูลดัง ทำหนุ่มท้วมยืนตัวเกร็งไม่กล้าหยอกล้อกับเจ้าบ่าวเหมือนแต่ก่อนส่วนญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวต้องบอกว่าเยอะมากจนเจ้าสาวสับสน ร่างระหงในชุดพิธีแบบไทยสวยประดุจนางในวรรณคดีหลุดมาสู่โลกแห่งความจริง ใบหน้าสวยจัดมีส่วนผสมจุดเด่นของสาวไทยและเชื้อสายยุโรปไว้อย่างลงตัว มวยผมเกล้าต่ำประดับด้วยดอกไม้ส่งกลิ่นหอม ควงท่อนแขนเจ้าบ่าวในชุดไทยประยุกต์สีขาวสะอาดตา ยกมือขึ้นไหว้บรรดาญาติพี่น้องจากครอบครัวฝั่งแม่ชายหนุ่มจนเหงื่อตกขนาดว่าเป็นงานส่วนตัว แต่จำนวนแขกที่มาร่วมงานกลับมีมากเกือบร้อยคน หัวสมองคนตัวเล็กไล่ทบทวนชื่อของญาติๆ เขาทั้งพี่สาวยาย ลูกของป้า น้าเขย หลานลูกพี่ลูกน้อง ทำเธอมึนตื้อไปหมด แต่ก็ได้เจ้าบ่าวสุ
หลายสัปดาห์ต่อมางานที่ลีออนเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิตก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ท่ามกลางความยินดีของกลุ่มเพื่อนและครอบครัว เว้นเพียงคนเดียวที่ยังคงแสดงอาการต่อต้านอยู่ นั่นก็คือสิรินดาวันนี้ไอวี่ไปลองชุดแต่งงานพร้อมแก๊งสาวๆ ซึ่งก็มีแพรวา คลีโอ มิลิน รวมถึงอันดามันที่ท้องใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่วายพยุงร่างตุ้ยนุ้ยของตัวเองไปด้วยเนื่องจากเธอถือเป็นสไตล์ลิสประจำกลุ่ม วิคเตอร์จึงต้องติดตามไปดูแลภรรยาสาวตัวเองไม่ห่าง คงมีเพียงว่าที่เจ้าบ่าวที่ต้องมานั่งแกร่วเตรียมเข้าพบนักธุรกิจหนุ่มใหญ่เพื่อติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงสวยในจังหวัดกระบี่ลีออนมุ่ยหน้าขัดใจที่ตนเองอดไปดูเจ้าสาวแสนสวยของตนเองลองชุด เหมือนว่าแม่ของเขาจะวางแผนกลั่นแกล้งหาเรื่องมากกว่าถึงได้โยนหน้าที่นี้มาให้ในช่วงเวลาใกล้งานแต่งเช่นนี้“ทำหน้าดีๆ หน่อยสิครับนาย”“กูไม่อยากมา ทำไมกูต้องมาเจรจาขอซื้อที่ด้วยตัวเองวะ”“คุณปรีชาค่อนข้างหัวแข็ง แต่ประธานอยากจะได้ที่ดินตรงนั้น เคยส่งคนมาพูดคุยแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทันที ผมคิดว่าถ้าคุณลีออนมาเองเขาน่าจะยอมตกลงด้วย”“แม่งเอ๊ย! กูอยากไปดูเมียลองชุด ไม่ใช่มาเจอหน้าลุงแก่ๆ”“
เช้าตรู่ในวันต่อมาแล้วก็เป็นไปอย่างที่ลีออนคาด เพราะทันทีที่ทั้งสองก้าวลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานเช้าก็พบกับนายหญิงเจ้าของบ้านนั่งเชิดหน้าชูคอรออยู่ในห้องรับแขกซะแล้ว“ลีออน! มานี่! เราต้องคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง” น้ำเสียงทรงอำนาจตวาดลั่น ตวัดสายตาเกลียดชังไปทางหญิงสาวหน้าลูกครึ่งซึ่งตนไม่ชอบขี้หน้าเอาซะเลยการแสดงออกของผู้เป็นแม่ทำลูกชายหน้าตึง เอื้อมคว้ามือเล็กบีบแน่นแล้วจูงว่าที่ภรรยามาเผชิญหน้ากับพ่อแม่เขาเป็นครั้งแรก“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลยนะเนี่ย” ร่างสูงยิ้มกริ่มไม่ได้ยกมือไหว้ทักทายแบบไทย เพียงแค่ยืนส่งยิ้มกวนอารมณ์ให้ทั้งคู่ แม้ไอวี่จะรู้ตัวว่าสิรินดาไม่ชอบหน้าเธอ แต่เมื่อพบผู้ใหญ่เธอก็ยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองตามมารยาท“สวัสดีค่ะ”“กองไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่รับ!”“สิรินดา...”แอลวินเอ่ยปรามภรรยาเสียงเข้ม คำพูดไร้เยื่อใยของแม่ลีออนทำไอวี่หน้าเสีย กัดปากข่มความโมโหกับสายตาเหยียดหยามที่จ้องมาไม่วางตา“กรุณาให้เกียรติเมียผมด้วย ผมเตือนแม่ไปแล้ว!” ลีออนก็ออกปากช่วยปกป้อง น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวเรียกความสนใจจากมารดาให้กลับมามองหน้าลูกชายตัวดีแทน“แกน่ะ