LOGINรามิลนั่งมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟา หลังจากเขาพาเธอเข้ามาในห้องอีกคนก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด กว่าจะปลอบให้ดีขึ้นได้ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ข้าวหอมอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งปิดถึงเข่าของเขาที่พอจะหามาให้เธอใส่ได้ ส่วนด้านล่างใส่แค่กางเกงชั้นในเพราะอีกคนไม่มีอะไรติดตัวมาด้วย
หันมองเสื้อนักศึกษาขาดวิ่นที่เขาพึ่งทิ้งมันลงถังขยะไปอย่างไม่เข้าใจนัก เทน้ำใส่แก้วยื่นให้อีกคนดื่มมันแต่เธอแค่รับแล้วจิบไปนิดหน่อยเท่านั้น เกลี่ยผมสลวยทัดหูแล้วลูบแก้มเนียนแผ่วเบา ดวงตาบวมแดงหันมามองเขานิ่ง
"มีอะไรอยากเล่าไหมครับ?" คนตัวเล็กก้มหน้าหลังได้ยินคำถามของเขา จับมือบางมากอบกุมไว้แล้วไม่ได้เค้นถามอะไรออกไปอีก ขยับไปใกล้แล้วดึงเธอให้ซบลงบนไหล่กว้าง ลูบหัวไปมาให้อีกคนสบายใจขึ้น
คนตัวเล็กพรั่งพรูทุกอย่างออกมาให้เขาฟังทั้งแรงสะอื้นที่กลับมาอีกครั้ง มือหนากำแน่นด้วยความโมโหกับสิ่งที่เธอต้องเจอ กระชับกอดแน่นอีกครั้งแล้วลูบแผ่นหลังปลอบประโลม ผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้ต่อให้ภายนอกพยายามเข้มแข็งขนาดไหน แต่เรื่องที่เจอมันก็หนักเดินกว่าเธอจะรับไหว
รามิลเก็บกวาดบนที่นอนของเขาที่ยับยู่ยี่ราวกลับผ่านสมรภูมิอะไรมา ข้าวหอมนั่งมองไล่ไปตามเตียงที่เธอเคยนอนแล้วสายตาไปสะดุดกับซองถุงยางที่เหมือนจะฉีกออกแต่เขายังไม่ทันได้ใช้มัน คงเป็นเพราะเธอมาที่นี่ก่อน
พอเห็นแบบนี้แล้วในใจดวงน้อยพันรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงยังไงซะรามิลก็อยู่ในสถานะของลูกค้าที่เธอขายตัวให้เขาก็เท่านั้น
น่าแปลกที่ในคืนนั้นของเธอกับอีกคนมันไม่ได้รู้สึกแย่หรือทำให้เธอรู้สึกรังเกียจตัวเอง รามิลทะนุถนอมเธออย่างดู สัมผัสของเขาแผ่วเบาราวกลับกลัวว่าเธอจะแตกสลายไป เพราะแบบนั้นก็เลยรู้สึกมีค่ามากเวลาที่เขาครอบครองเธอไปทั้งตัว
"ข้าวขอโทษนะ" รามิลหันมองคนที่จู่ๆก็ขอโทษเขาแล้วขมวดคิ้ว
"ข้าวไม่รู้ว่าพี่กับพี่มิ้นท์อยู่ด้วยกัน ขอโทษที่ถือวิสาสะมาหานะ"
"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย พี่บอกแล้วไงว่ามีอะไรให้มาหาได้ตลอด" เดินไปนั่งลงข้างคนตัวเล็กเชยคางมลขึ้นมาแล้วขยับเข้าไปหา ไม่ทันได้ครอบครองริมฝีปากก็โดนอีกคนดันเขาออกซะก่อน
"พี่พึ่งจูบกับพี่มิ้นท์รึเปล่า" คำถามที่ทำให้เขาหัวเราะร่าออกมาแล้วบีบที่แก้มอีกคนไปหนึ่งที จะรู้บ้างไหมนะว่าท่าทีแบบนี้มันน่ารักแค่ไหน
"ไม่เคยจูบครับ"
"จะไม่เคยจูบได้ยังไง ก็....."
"เวลาเอากันก็แค่เอาเฉยๆ พี่ไม่ได้จูบทุกคนที่มีอะไรด้วยหรอกนะ" คนตัวเล็กยังคงทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด รามิลกดจูบคนตรงหน้าขยับบดรอยจูบด้วยความชำนาญอย่างเคย
"ถึงจะจูบเก่งขนาดนี้ แต่ก็เลือกคนนะครับ" นิ้วเกลี่ยเช็ดริมฝีปากที่เปอะเปื้อนเพราะเขาเอาแต่ใจเมื่อครู่
ข้าวหอมลุกขึ้นหนีเขาไปที่เตียงนอน ก้มลงเก็บซองถุงยางอนามัยที่ฉีกแต่ไม่ได้ใช้ไปโยนทิ้งให้ รามิลเดินตามมารวบตัวอีกคนมากอดแน่น
"อยู่กับพี่ที่นี่ไหม"
"ห๊ะ?"
"ไม่ต้องกลับบ้านหรอก ไม่กลัวหรอ" ฉุกคิดตามสิ่งที่รามิลพูด การกลับบ้านมันก็น่ากลัวมากจริงๆหากพ่อเลี้ยงเธอคิดทำแบบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะโชคดีรอดมาได้เหมือนวันนี้ไหม
"อยู่ได้หรอ?" ถามเขากลับไปอย่างไม่แน่ใจนัก รามิลจะให้เธอมาอยู่ที่ได้ยังไง แล้วจะอยู่ในฐานะอะไร
"ทำไมจะไม่ได้ละครับ"
"เดี๋ยวพี่ก็พาใครมาทำอะไรกันที่นี่ ข้าวไม่อยากดูหรอกนะ"
"ก็ถ้าน้องข้าวหอมมาอยู่ด้วยกัน จะต้องไปทำแบบนั้นกับคนอื่นทำไมละครับ" คนเจ้าเล่ห์กระซิบแล้วขบเม้มที่หูเธอแผ่วเบา
"แต่ยังไงข้าวก็ต้องกลับไปที่บ้านก่อน ของยังอยู่นั่นหมดเลย"
"พี่ซื้อให้ใหม่ก็ได้"
"ไม่เอาอ่ะ"
"โอเค งั้นพี่จะพาไปเอา" เขาเอ่ยบอกแล้วหอมแก้มเธอ กลิ่นหอมในตัวหญิงสาวเขายังคงชอบมันตั้งแต่คืนนั้นจนตอนนี้ ยอมรับว่าครั้งแรกสนใจเธอก็แค่เพราะดูแตกต่างจากทุกคนที่เจอ แต่ยิ่งได้อยู่ใกล้แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ลุ่มหลงมากขนาดนี้
.
.
.
.
.
รามิลเปิดประตูให้คนตัวเล็กเดินลงมา เธอถอนหายใจออกมาด้วยความประหม่า มือหนาจับมืออีกคนมากอบกุมไว้ให้เธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรเธอแน่ หันมองผู้คนแถวนั้นพากันมองมาคงจะเพราะรถหรูที่เขาขับมาจอดไว้
บ้านไม้ริมน้ำแสนเก่าทำให้เขามองไปโดยรอบ แผ่นไม้เก่าบ้างใหม่บ้างสลับกันก็พอให้รู้ว่าคงซ่อมไปแล้วหลายครั้ง เพียงแค่เดินเข้าไปในตัวบ้านกลิ่นแอลกอฮอล์ก็คลุ้งมาแตะจมูก
"กลับมาได้แล้วหรอ!" ชายคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซมาจนรามิลต้องมายืนบังเธอเอาไว้ หันไปมองใบหน้าน่ารักที่ดูจะหวาดกลัวก็เข้าใจได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครแบบที่ไม่ต้องเอ่ยปากถาม
"ข้าวหอม เข้าไปเก็บของ" หันไปบอกคนตัวเล็กที่ยืนอยู่หลังเขา เธอพยักหน้าแล้วรีบวิ่งเข้าไปภายในห้อง
"มึงเป็นใครว่ะ! จะเอานังข้าวหอมไปไหน!!"
"ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องรู้" ข้าวหอมวิ่งกลับออกมาพร้อมกระเป๋าผ้าใบเล็กที่เธอใส่แค่ของสำคัญที่ต้องการเท่านั้น ดึงรามิลให้เกินออกจากตัวบ้านเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่อง แต่ตัวเธอเองกลับถูกกระชากกลับไป
"มึงจะไปแรดที่ไหน ริมีผัสหรอ!!"
"ปล่อยข้าวนะพ่อ!!" คนตัวเล็กพยายามสู้แรงคนที่ยื้อเธอไว้ ก่อนรามิลจะผลักจนคนเมาเซถลาไป เตรียมจะพุ่งเข้าไปหามันอีกครั้งแต่ข้าวหอมดึงให้เขาออกมาก่อน
"น่าจะซัดสักที รีบพาออกมาทำไม"
"ใจเย็นๆสิ"
"อยู่กับคนแบบนี้มาได้ยังไงนะ"
"ไม่อยู่แล้วจะให้ไปอยู่ไหนละ" รามิลชะงักแล้วหันไปมอง ดูเหมือนเขาจะเผลอพูดอะไรที่ทำให้อีกคนรู้สึกแย่เข้าให้แล้ว
@ห้างสรรพสินค้า
"พี่พามาที่นี่ทำไม?"
"ซื้อเสื้อไงโดนฉีกขาดไปแล้วนี่นา"
"แต่ข้าวยังเหลืออีกตัวนึง"
"จะใส่ทั้งอาทิตย์เลย? มาเถอะน่า พี่จ่ายให้เอง" จูงมือคนที่มัวแต่ยืนกังวลเดินเข้ามาด้านใน ตรงไปร้านที่เขาชอบซื้ออยู่เป็นประจำ พนักงานเข้ามาต้อนรับและวัดตัวเธอ ไม่นานนักก็ได้เสื้อตามที่ต้องการ บัตรเครดิตถูกยื่นไปให้แบบไม่ถามถึงราคา ก่อนจะจับมือเธอแล้วพาเดินออกมาอีก
ข้าวหอมนั่งมองไปรอบร้านอาหารหรูที่เพียงแค่ดูก็รู้ว่าราคาน่าจะอยู่ในระดับที่เธอเอื้อมไมถึง เครื่องดื่มทยอยมาเสิร์ฟก่อนเธอจะก้มลงลองชิมมันดู ยิ้มรับในรสชาติที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อน
รามิลนั่งไถโทรศัพท์ดูอะไรไปเรื่อย สลับกับมองคนตัวเล็กที่ก้มสนใจแต่โทรศัพท์เหมือนกันเป็นระยะ รอบสังเกตหน้าจอที่แตกจนแทบจะไม่มีพื้นที่เหลือ ทำไมจะยังทนใช้อยู่อีกนะ
"อาหารมาแล้ว ทานสิ"
"พี่จ่ายหรอ"
"เคยมีครั้งไหนที่ออกมากับพี่แล้วพี่ปล่อยให้เราจ่ายหรอ" รามิลพูดแค่นั้นแล้วก้มลงสนใจอาหารในจานของเขา เงยมองคนตัวเล็กที่ชิมคำแรกไปแล้วอมยิ้ม แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย เขาเอาแต่คิเว่าเธอคงจะชอบมันหรือเปล่า
ตักอาหารจานกลางที่เขาตั้งใจสั่งมาให้เธอได้ชิมใส่จานความใส่ใจทำให้ข้าวหอมชะงักไปสักพัก รามิลรู้วิธีการเอาใจผู้หญิงและทำให้ใจเต้นแรงได้ดีจริงๆ แม้แต่กับเธอยังรู้สึกบบนั้นเลย
"ต่อไปก็รอกลับพร้อมกัน"
"ถ้าเกิดพี่เลิกก่อนละ"
"ก็แค่รอไงครับ" เขาพูดออกมาดูง่ายดาย การนั่งรอใครสักคนมันน่าเบื่อออกจะตาย แต่คนอย่างรามิลจะเสียเวลามานั่งรอเธอเพียงเพื่อว่าให้กลับห้องพร้อมกันเนี่ยนะ
"ถ้าวันไหนพี่เลิกก่อน กลับก่อนก็ได้"
"ก็บอกว่าจะกลับพร้อมกันไง"
"ก็ได้ๆ"
"ว่าแต่แม่เป็นยังไงบ้างแล้ว" ถามคำถามแล้วเอื้อมไปหั่นชิ้นเนื้อทีเธอหั่นมันไม่ขาดสักทีให้
"ก็ทรงๆแหละ ต้องรักษาไปเรื่อยๆ"
"เงินหมดรึยัง?"
"เหลือติดตัวนิดหน่อย ที่เหลือจ่ายค่ารักษาแม่ไปแล้ว"
"จะเอาอีกก็บอก" รามิลพูดแบบไม่ได้ใส่ใจว่าเงินจะมากน้อยแค่ไหน แค่มีข้อแลกเปลี่ยนตามแค่ตกลงแค่นั้นเขาก็พร้อมที่จะโอนให้เสมอ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าวให้เจ๊ลี...."
"ไม่ได้!" เขาพูดเสียงแข็งทันควันทั่งที่เธอยังไม่ทันพูดจบ ข้าวหอมมองหน้าคนที่มองจ้องตาเขม็ง ดูเหมือนรามิลจะอารมณ์ไม่ดีเข้าให้แล้ว แต่เธอยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
"แต่ข้าวได้เงินพี่มาเยอะ"
"พี่ยังมีเงินอีกเยอะ แล้วก็ไม่ต้องทำเหมือนเกรงใจหรอก พี่ก็ไม่ได้ให้เราฟรีสักหน่อย" อ่า..จริงด้วยสิ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงขายตัวคนนึงที่ใชคดีเพราะมีลูกค้าเกรดดีอย่างรามิลก็แค่นั้น
"พี่พาข้าวไปอยู่ที่ห้องแบบนี้ จะไม่เป็นไรหรอ"
"ไม่หรอก"
"ข้าวไปอยู่กับยี่หวาก่อนก็ได้นะ" รามิลวางช้อนแล้วเผลอถอนหายใจให้กับอาการกังวลของเธอ
"อยู่ที่นี่แหละ ขืนไปอยู่กับยี่หวาแล้ววันไหนพี่เรียกตัวเรามา เพื่อนจะไม่สงสัยหรอ" มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ต่อให้เพื่อนจะสงสัยแค่ไหนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรามิล แต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่ามันมาถึงขั้นนี้แล้ว
"งั้นข้าวช่วยออกค่าห้องคนละครึ่งก็ได้นะ"
"ค่าห้องพี่เดือนละสองหมื่น แน่ใจหรอว่าจะช่วยจ่าย" ช้อนในมือล่วงกระแทกจานดังลั่นหลังได้ยินราคา คนอย่างเธอจะไปหามาจากไหน ห้องบ้าอะไรขนาดราคาแค่ครึ่งเดียวยังต้องจ่ายตั้งสี่หลักเลย
"ข้าว...."
"แต่มันก็พอจะจ่ายด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่เงินได้นะ"
"อะไร?"
"ก็น่าจะเข้าใจที่พูดไม่ใช่หรอ ทำเป็นถามไปทำไม" รามิลส่งยิ้มแสนเจ้าเล่ห์มาให้แล้วสนใจอาหารในจานต่อ ปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งคิดไม่ตก
จับจูงมือบางแกว่งไปมาจนทั่วห้างแล้วมาหยุดยืนที่ร้านโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดัง เดินเข้าไปแล้วมองหารุ่นที่ใหม่ที่สุด ทำทีถามคนตัวเล็กให้เธอช่วยเลือกแล้วสั่งให้พนักงานนำไปคิดเงิน รับถุงมาก่อนจะยื่นให้เธอ
"ให้ช่วยถือหรอ"
"เปล่าครับ ให้เลย"
"ห๊ะ ได้ไง ไม่เอาอ่ะ มันแพงนะ"
"รับไปเถอะ อย่าขัดใจ" รุ่นพี่ตัวสูงพูดแล้วเดินนำหน้าออกไปคงเพราะไม่อยากให้เธอพูดปฏิเสธที่จะรับมันอีก
"รอด้วย" ขาเรียววิ่งตามเขาไปก่อนจะจับแขนเอาไว้ รามิลหันไปมองคนที่กวักมือให้เขาก้มลงไปหา ถึงจะไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไรแต่ก็ยอมก้มไปแต่โดยดี
ฟอด! คนตัวเล็กหอมแก้มเขาก่อนจะขอบคุณแล้ววิ่งหนีออกไป รามิลมองตามแล้วยกมือขึ้นมาจับที่แก้มตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอหอมแก้มเขาก่อน ปกติมีแค่เขาที่เอาแต่กอดแต่หอมเธอทั้งวัน
"แบบนี้ก็หลงตายไอมิลเอ้ย"
รามิลเดินเอากระเป๋าเสือผ้าที่ขนไปเฝ้าคนตัวเล็กที่โรงพยาบาบเข้าไปไว้ในห้อง เขาเดินออกมาแล้วเห็นว่าเธอกำลังยืนมองออกไปนอกระเบียงด้วยรอยยิ้ม รามิลเดินไปโอบกอดอีกคนจากด้านหลัง เขาโน้มลงไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่จนเะอหัวเราะออกมา "คิดถึงห้องของเราไหมครับ?" "ห้องของพี่ต่างหาก" ข้าวหอมพูดเถียงขึ้น สุดท้ายก็เลยโดนรามิลจับให้หมุนไปหาแล้วดันตัวเธอชิดเอาไว้กับบานกระจก นิ้วยาวจิ้มที่ริมฝีปากเธออย่างไม่ชอบใจกับสิงที่เธอพูดเท่าไหร่นัก แต่เธอกลับเอาแต่ยิ้มทั้งที่รู้ว่าเขาไม่พอใจอยู่ "ไม่ต้องมายิ้มเลย" รามิลขมวดคิ้วใส่แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอาการของเขาแม้สักนิดแถมยังจะเอาแต่ยิ้มไม่ยอมหยุดอีก แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้แล้วเขย่งเท้าขึ้นไปกดจูบคนที่เอาแต่ทำหน้าไม่พอใจอยู่ รามิลยังคงตีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นจนเธอต้องลองทำอย่างเดิมอีกรอบ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลอีกตามเคย ข้าวหอมยืนคิดพักใหญ่ก็พอจะคิดอะไรออก มือเล็กจับไล้ตั้งแต่กลางอกเขาจนมาถึงหน้าท้อง ลูบลงไปจนถึงเป้ากางเกงก่อนจะถูกรามิลรวบมือเอาไว้ "พึ่งนะหายดีก็หาเรื่องใส่ตัวเลยหรอ?" "หรือว่าพี่ไม่ชอบละ" สายตาเย้ายวนแบบนั้นนั่นมันอะไร จะเล่นกับใจขอ
รามิลอุ้มร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดเข้ามาด้านใน เขาพอจะมีสติขึ้นแล้วถึงได้อุ้มเธอไหว เตียงคนไข้เข็นเข้ามารับร่างไร้เรี่ยวแรงจากมือเขา รามิลวิ่งตามเตียงที่เข็นไปด้วยความเร็ว ก่อนจะต้องหยุดในตอนที่พยาบาลดันเขาออกมาแล้วประตูห้องฉุกเฉิดก็ปิดลงเขาทิ้งตัวลงเต็มแรงราวกับคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ใจของเขาหลุดลอยออกไปตั้งแต่ได้เห็นเลือดสีแดงสดเต็มตัวข้าวหอมแล้ว เขานั่งนิ่งสมองไม่อาจประมวลผลก่อนเพื่อนจะเดินเข้ามาหา พร้อมแม่เขาที่นั่งลงข้างกายแล้วลูบแผ่นหลัง"แม่ขอโทษนะลูก แม่ไม่คิดว่าหนูมิ้นท์จะทำถึงขนาดนี้""น้องจะตายไหมครับแม่ ข้างหอมจะตายไหมครับ""แม่ไม่ยอมให้ลูกสะใภ้แม่ตายหรอก""แม่...."รามิลมองหน้าแม่ของเขาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความดีของข้างหอมกับแสดงออกให้เธอได้รับรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้รักลูกชายเธอมากแค่ไหน และนั่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขัดขวางความรักของทั้งสองคนอีกบายประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมา เป็นพยาบาลที่วิ่งมาหาด้วยสีหน้าตกใจจนรามิลใจล่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?""กระสุนถูกจุดสำคัญ แล้วคนไข้ก็เสียเลือดมาก เราจำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วนค่ะ""รักษาได้เลยค่ะ ช่
รามิลลืมตาขึ้นมาด้วยความมึนงง อาการปวดหนึบที่หัวทำให้เขาต้องสะบัดไปมาเพื่อคลายมันลง กว่าจะปรับการมองเห็นได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ภาพแรกทำให้ทำเขาเบิกตากว้าง คนตัวเล็กถูกมัดเอาไว้ติดกับเก้าอี้ตรงหน้าเขาทั้งมีผ้ามัดที่ปากเอาไว้ด้วย รามิลพยายามขยับสุดแรงแต่แขนที่ถูกมัดไขว้หลังไว้ทำให้เขาทำตามใจได้ลำบากเขาได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโหถึงขีดสุด มุมปากสวยมีรอยแผลอยู่ด้วย สถานการณ์ที่เขาสองคนกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องบอกจะะรามิลก็รู้ดีว่าใครเป็นคนทำ"ข้าวหอม ไหวไหมครับ?" คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับเขาเพราะไม่สามารถพูดออกมาได้ ก่อนบานประตูจะเปิดขึ้นแล้วคนที่เขาคิดไว้ว่าเป็นคนทำจะเดินเข้ามา"มิ้นท์จับเรากับน้องมาทำไม?""เราแค่มีเรื่องคุยกับมิลหน่อย ส่วนนังเด็กนี่....""อย่าทำอะไรข้าวหอมนะ!" คนตรงหน้าเดินแสยะยิ้มมาหาเขาแล้วมองนิ่ง แววตาแสนอาฆาตแค้นนั้นเขาแทบไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาคิดผิดไปสินะที่เข้าไปพัวพันกับผู้หญิงคนนี้ ถึงมาคิดได้ในเวลานี้มันก็สายเกินไปแล้ว"ห่วงมันเหลือเกินนะ ความจริงมันควรจะตายไปตั้งแต่รอบที่แล้วด้วยซ้ำ""เราไม่เคยคิดเลยนะ ว่ามิ้นท์จะเป็นคนแบบนี้""ก็มิลนั่นแหละที่ทำให้เราเ
"สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนไม่ไหว""มึงก็ลองมีเมียมาอ้อนดูบ้างสิว่ะ" รามิลสวนกลับทิวเขาทันควัน ปกติข้าวหอมไม่ใช่คนขี้อ้อนอะไร แต่พออ้อนขึ้นมาทีใจเขาก็อ่อนยวบไปหมด สุดท้ายก็ต้องแพ้ทางทุกที"กูก็มีแล้วไงเมีย""ปากดีเข้าไปเถอะ คนไหนละเมียมึงอ่ะ" เขาพูดเย้าเพื่อนไปแต่เหมือนว่าอีกคนจะหัวเสีบ ก็กำลังพูดความจริงอยู่นี่ นิรินที่เป็นว่าที่คู่หมั้น หรือว่าปลายฟ้าที่มันได้ไปแล้วทั้งตัวทั้งใจละที่เป็นเมีย"อาหารมาแล้ว" คนตัวเล็กจาเป็นประกายทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ ดูแล้วคงจะหิวมากเพราะนั่งทำงานกับเพื่อนมาหลายชั่วโมง"เป็นครั้งแรกเลยนะที่มาร้านเหล้าแล้วสั่งอาหารเยอะขนาดนี้อ่ะ" ข้าวหอมหันไปมองริวแล้วเกาต้นคอแก้เขิน ก็คนมันหิวจะให้ทำยังไงละ ที่อยากมาที่นี่ก็แค่อยากจะดูหน่อยว่าบรรยากาศร้านเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น"ทานกันได้เลยนะสาวๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง""ก็นึกว่ามีเงินพอเลี้ยงข้าวคนเดียว เลี้ยงเพื่อนข้าวไหวด้วยหรือไง""สบายมาก""เลี้ยงเพื่อนข้าวได้ แต่ห้ามเลี้ยงสาวคนอื่นเชียว""ดูสภาพเพื่อนพี่ มันจะไปเลี้ยงสาวที่ไหนได้" คิมหันต์ขำแล้วส่ายหัว ข้างหอมน่าจะเป็นคนแรกที่เอาเพื่อนเขาอยู่ขนาดนี้ รามิลแทบไม่มอง
"มึงคิดว่าจะเป็นยังไงต่อ?" รามิลมองไปที่ทิวเขาแล้วหยุดนิ่ง คำถาของเพื่อนทำให้นึกคิดอยู๋แต่ก็พอจะเดาได้ไม่อยาก แม่ของคนที่เขาพึ่งแจ้งตำรวจจับคงไม่ยอมปล่อยไปแบบนี้แน่ แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำแล้วก็แค่ต้องรอรับมือกับมันให้ได้ "จะเป็นยังไงก็ให้เป็นไป กูแค่อยากจะปกป้องคนของกู""พี่รามิล" พูดไม่ทันจบเสียงหวานจากคนของเขาก็ดังขึ้นพอดี ข้าวหอมโบกมืออยู่ไม่ไกลแล้วเดินเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อนของเธอ วันนี้เขาไม่มีเรียนแต่ก็มานั่งรอรับน้องตั้งแต่เช้า ไม่อยากให้ละสายตาไปไหนอีกแล้ว"เลิกแล้วหรอครับ เรียนเป็นไงบ้าง?""เหนื่อยมาก มีงานต้องทำด้วย" รามิลลูบหัวคนที่ปากยู่ลงยามเราให้เขาฟัง ดูจากสีหน้าแล้วเธฮคงเหนื่อยกับการเรียนมากอย่างที่บอก"พี่รามิลนี่ดีจัง มารอรับข้าวหอมทุกวันเลย" ยี่หวาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว ไม่ว่าจะมีเรียนหรอไม่มี ยุ่งมากแค่ไหนทุกครั้งที่เรียนเสร็จแล้วเดินลงมาก็จะเห็นรามิลมารอเพื่อนเธอแบบนี้ตลอด น่าจะเริ่มตั้งแต่ที่ข้าวหอมโดนแทงจนเข้าโรงพยาบาลวันนั้นละมั้ง"เมียทั้งคนก็ต้องมารอสิครับ""พี่รามิลพูดอะไรเนี่ย!?" อดไม่ได้ที่จะะบีบแก้มเนียนด้วยความหมั่นเขี้ยว ยิ่งในยามที่มันกำลังแดงระเรื่อด
เสียงเรียกจากพนักงานส่งอาหารดังขึ้นจังหวะเดียวกันกับที่รามิลออกมาจากห้องน้ำพอดี พอรับของมาจ่ายเงินเสร็จแล้วก็เตรียมมันใส่จานเอาไว้ เหลือมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เดินกลับไปในห้องก็ยังเห็นคนตัวเล็กนอนคุดคู้อยู่บนเตียง รามิลนั่งลงแล้วหอมแก้มเธอแทนการเอ่ยปลุกแต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เลยเปลี่ยนมานั่งลูบหัวเธอแทนอย่างเอ็นดูเวลาอาทิตย์กว่าที่เขายุ่งกับการจัดการเรื่องที่คนตัวเล็กเจอมา ขุนเขายอมเปิดปากทั้งหมดว่ามิ้นท์เป็นคนสั่ง จริงๆก็ไม่ใช่ว่ายแมหรอกแต่เป็นเขาที่ไปขู่ต่างหาก ตอนนี้น้องชายของคนตัวเล็กถูกคุมตัวเอาไว้ เหลือก็แค่เพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาที่เขาอยากจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง รามิลก็แค่อยากลองให้โอกาสอีกคนเป็นครั้งสุดท้าย ถือว่าชดใช้ที่เป็นต้นเหตุของความแค้นในครั้งนี้เอนตัวลงนอนแล้งดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด หอมแก้มเธออยู่หลายครั้งเป็นการก่อกวนให้คนขี้เซาลืมตาตื่น ครั้งนี้ได้ผลข้าวหอมลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งมุ่ยหน้าใส่คงจะหงุดหงิดที่เขาไปกวนเวลาฝันหวาน"ทำไมงอแงครับ?""ข้าวเปล่างอแงก็แค่ยังนอนสบายอยู่เลย""ขี้เซาจัง จะเที่ยงแล้วครับ ลุกมาทานข้าวได้แล่ว" คนตัวเล็กผุดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งยังทำห







