คืนแรกของการนอนด้วยกัน ต่างคนต่างก็รับรู้ถึงการดิ้นตัวของอีกฝ่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันพลิกซ้ายทีขวาทีเพราะข่มตานอนไม่หลับ จนในที่สุดก็ตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากันและจ้องกันในความมืด
ชั่วขณะของสายตาทั้งสองคู่ที่มองกัน ดวงตาคู่คมก็เหลือบมองดวงตาคู่หวานที่กลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีที่เคลือบด้วยลิปบาร์มบำรุงริมฝีปาก ธีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอและหายใจติดขัดให้กับความรู้สึกประหลาดที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คม เลื่อนลงมองจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากหยักได้รูปคนของตรงหน้า ใจเต้นแรงตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่คนที่นอนร่วมเตียงจะเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอได้สติกระพริบตาถี่ ๆ
“ถ้านอนไม่หลับ ฉันไปนอนโซฟาก็ได้นะ” ธีร์เอ่ยพลางเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว
“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ธีร์ นอนด้วยกันนี่แหละค่ะ” จะให้เจ้าของห้องไปนอนโซฟาได้อย่างไรกัน ถ้าธีร์ไม่ยอมนอนที่เตียงของตัวเอง เธอก็คงต้องขอระเห็จตัวเองย้ายไปนอนที่โซฟาแทน
เมื่อพรีมเอ่ยมาดังนั้น ธีร์จึงเลื่อนผ้าห่มขึ้นไปอยู่ในระดับหน้าอกดังเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายวางมือที่หน้าท้องแทน
“พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”
“อืม”
“เพราะมีพรีมนอนด้วยใช่ไหมคะ”
“...” ธีร์ไม่ได้ตอบ แต่กลับคิดในใจว่าเป็นเพราะเธอนั่นแหละ มีผู้หญิงมานอนร่วมเตียงเดียวกันแบบนี้จะให้เขานอนหลับได้อย่างไร
“พรีมก็นอนไม่หลับเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เป็นเพราะพี่ธีร์หรอกนะคะ พรีมก็แค่ไม่เคยนอนกับใครนอกจากเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน”
“อืม” ธีร์ตอบกลับเสียงเบา ดูเหมือนพรีมจะพูดเป็นนัยว่าเธอไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อน
“ปกติเป็นคนพูดน้อยเหรอคะ ตั้งแต่งานหมั้นจนมาถึงตอนนี้ พรีมนับคำได้เลยว่าพี่พูดกับพรีมกี่คำ”
“ฉันจะพยายามพูดกับเธอให้มากขึ้นก็แล้วกัน”
“ไม่พูดฉันได้ไหมคะ เรียกแทนตัวเองว่าพี่ได้ไหม” พรีมเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย
อายุตั้งสามสิบแต่เรียกตัวเองว่าฉันกับเธอที่เพิ่งจะเป็นสาวอายุยี่สิบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฟังดูเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือไม่ก็คนไม่ค่อยจะถูกกันอย่างไรอย่างนั้น
“ฉัน…” ธีร์หันมองใบหน้าหวานที่กำลังคลี่ยิ้มจ้องมองมา แม้ว่าในห้องจะมืดแต่ก็ยังพอมีแสงสลัวจากแสงไฟด้านนอกตัวบ้านสาดส่องเข้ามา เขาจึงไม่อาจปฏิเสธเธอได้ลงคอ “อืม”
“อืมอะไรคะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” พรีมแกล้งหยอกอีกฝ่ายทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร
“ก็เธอบอกให้ฉัน เอ่อ… เรียกแทนตัวเองว่าพี่ไง” น้ำเสียงของธีร์เอ่ยราวกับไม่มั่นใจในตัวเองเล็กน้อย
“แต่เมื่อกี้พี่ยังแทนตัวเองว่าฉันอยู่เลยนะคะ”
“เริ่มดื้อกับพี่แล้วนะพรีม จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่คุณแม่ของเธอขึ้นมาส่ง ท่านบอกกับเธอว่ายังไง”
“ไม่ได้ดื้อสักหน่อยค่ะ ก็แค่อยากได้ยินพี่แทนตัวเองว่าพี่ ไม่ใช่ฉัน”
“พี่ก็แทนตัวเองว่าพี่อยู่นี่ไง เซ้าซี้อยู่ได้”
“แค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย ไม่แกล้งแล้วก็ได้ค่ะ” พรีมเอ่ยพลางพลิกตัวนอนหงายแล้วถอนหายใจ
“พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า” วันนี้ธีร์ยังไม่มีโอกาสได้ถาม ไหน ๆ ก็นอนไม่หลับกันแล้วก็ถามในเวลานี้เลยแล้วกัน
“มีค่ะ พรีมมีเรียนเก้าโมง”
“งั้นกินข้าวเสร็จก็ไปพร้อมกันเลย”
“พี่จะให้พรีมติดรถไปด้วยเหรอคะ” พรีมถามอย่างสงสัย หรือว่ามีใครบังคับให้ทำแบบนี้กันแน่
“แม่พี่ต้องการให้พี่เป็นคนคอยดูแลเธอ จากนี้เธอก็อยู่ในความดูแลของพี่ก็แล้วกัน แล้วก็อย่าดื้อกับพี่ล่ะ เพราะพี่ไม่ใช่คนใจดีอย่างที่เธอคิด” ธีร์ตอบกลับและไม่ลืมที่จะตบท้ายด้วยคำขู่เล็กน้อยเพื่อให้เธอไม่กล้าที่จะแผงฤทธิ์กับคนอย่างเขา
“นึกว่าจะเต็มใจ ที่แท้ก็โดนคุณแม่พี่บังคับนี่เอง”
“พรีม” เสียงทุ้มแต่ทรงพลังเอ่ยขึ้นในความมืด พรีมถึงกับรีบยกมือขึ้นปิดปากไม่กล้าที่จะเถียงกลับ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเริ่มจะหมดความอดทนแล้วที่ถูกเธอกระเซ้าเย้าแหย่
“ขอโทษค่ะ”
“รีบนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสาย”
“ค่ะ”
เช้าวันต่อมาธีร์ก็ตื่นขึ้นเป็นคนแรกและพบว่าหญิงสาวที่นอนข้างๆ กัน ลากหมอนข้างพลิกไปกอดแล้วหันหลังให้เขา แต่ยังดีที่เหลือหมอนข้างอีกใบกั้นกลางเอาไว้อยู่
ธีร์รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน พอออกมาก็พบว่าคนตัวเล็กกำลังปรือตาขึ้นและบิดขี้เกียจอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ว้าย…” พรีมตกใจกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายยามเช้า และดันลืมตัวไปเลยว่านี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอ
“พี่ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกพรีมล่ะคะ” ขณะที่ถามเธอก็ยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าที่สดเอามากๆ และไม่รู้ว่าเผลอทำตัวหน้าเกลียดให้เขาเห็นหรือเปล่า
“ก็เห็นนอนหลับกอดหมอนข้างที่บอกจะเอาไว้คั่นกลางอย่างสบายใจ เลยไม่ได้เรียก”
“พี่เสร็จแล้วใช่ไหมคะ พรีมจะได้เข้าไปอาบน้ำต่อ”
“อื้ม”
เมื่อได้รับคำตอบพรีมก็รีบขยับตัวลุกออกจากเตียง และวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวหยิบเอาเสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ยี่สิบนาทีต่อมา คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดนักศึกษาก็ออกมาจากห้องน้ำ และมานั่งแต่งหน้าหวีผมอยู่หน้ากระจก โดยที่เจ้าของห้องกำลังหนังอ่านหนังสือรออยู่ที่โซฟา
“ถ้าพี่รีบก็ไปก่อนได้นะคะ” พรีมเห็นสายตาคู่คมที่มองเข้ามาในกระจกเป็นระยะอยู่หลายครั้ง ราวกับกดดันให้เธอรีบแต่งหน้าให้ไวกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือ จนอดใจไม่ได้ที่จะบอกให้เขาไปก่อน
“ไม่เป็นไร พี่รอได้”
“ถ้ารอได้ก็อย่ามองมาบ่อยสิคะ กดดันกันแบบนี้พรีมแต่งหน้าไม่ได้หรอกค่ะ” ก็เล่นมองกันแทบจะทุกสามนาที ห้านาทีแบบนี้ ใครจะกล้าแต่งหน้ากันล่ะ
“ที่จริงไม่เห็นต้องแต่งอะไรให้มากมายเลย แค่นี้ก็ดีแล้ว”
หญิงสาวกระตุกยิ้มหันหน้ามองชายหนุ่มแล้วเอ่ยถาม
“ที่ว่าดีแล้ว พี่หมายถึงพรีมสวยอยู่แล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” ธีร์เอ่ยขณะที่ก้มอ่านหนังสือและคงไม่คิดว่าจะถูกหญิงสาวตะล่อมถามเข้าให้แล้ว แต่เมื่อรู้ตัวว่าเผลอตอบอะไรออกไปก็รีบพับหนังสือวางที่โต๊ะหน้าโซฟาแล้วลุกขึ้นยืน
“จะแต่งก็รีบๆ แต่งเถอะ พี่จะลงไปรอข้างล่างก็แล้วกัน” เอ่ยจบก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตรงไปที่ประตู
“แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นงอน ก็แค่ชมว่าพรีมสวยแค่นี้ถึงกับเสียอาการเลยเหรอคะ” พรีมรีบเอ่ยตามหลัง
“พี่หิวข้าว เสร็จแล้วก็รีบตามลงไปล่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน”
“รับทราบค่ะพี่ธีร์สุดหล่อ”
ธีร์วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ พรีมก็ส่งสายตาคู่หวานมองหน้าคนที่กำลังถอดชุดคลุมอาบน้ำของตนเองออกแล้วขึ้นมานอนทาบทับบนตัวของเธออย่างเย้ายวนธีร์ส่งริมฝีปากบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเร้าร้อน มือหนาดึงรั้งสายชุดคลุม พรีมก็ดึงแขนของเธอออกโดยยังนอนทับชุดนั้นอยู่ริมฝีปากหยักถอนจูบออกแล้วเลื่อนลงไปงับเม็ดสีหวานที่แข็งชูชันบนยอดอกทั้งสองข้าง ละเลงปลายลิ้นสะกิดระรัว และดูดเลียสลับข้างกันไปมา มือหนาก็บีบขย้ำอกอวบเต็มไม้เต็มมือเจ้ามังกรที่ผ่านศึกในห้องน้ำไปแล้วสองรอบเริ่มจะแข็งขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงส่งมือไปจับท่อนเอ็นแล้วถูไถขึ้นลงที่กลีบกุหลาบน้ำที่มีน้ำสีใสไหลเยิ้มออกมา จากนั้นก็กดจ่อที่ปากทางร่องรักกดเอวสอบส่งตัวตนเข้าไปจนมิดลำธีร์กระแทกน้องชายขนาดใหญ่เข้าใส่ร่องรักของเมียสาวถี่รัว พรีมอยากเปลี่ยนบรรยากาศทั้งที เขาก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง อยากจะได้กี่น้ำ หรืออยากจะจัดจนฟ้าสางก็จะตามใจ เพราะไหน ๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ซึ่งธีร์ไม่ได้เข้าไปทำงานที่บริษัทอยู่แล้วเสียงครวญครางประสานกันดังลั่นห้องที่ถูกก่อสร้างและเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี สองร่างผลัดเปลี่ยนกันจัดบทรักให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อ
หลังจากงานรับปริญญาพรีมและเพื่อนๆ ในคณะก็นัดกันไปกินเลี้ยงส่งท้ายชีวิตนักศึกษา ต่อไปทุกคนต้องเดินหน้าหางานทำและบางคนก็กลับไปช่วยธุรกิจครอบครัว ไม่ต่างจากพรีมที่เธอเลือกไปช่วยงานที่โรงพิมพ์ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของเธอนับจากวันที่ธีร์คุกเข่าขอแต่งงาน อมรภัคและพิมลพรรณผู้เป็นแม่ของทั้งสองฝ่ายก็ได้พากันไปดูฤกษ์แต่งงานเอาไว้ และฤกษ์ที่เหมาะสมทั้งเวลาและพรีมก็เรียนจบพอดีก็คืออีกสองเดือนข้างหน้า“ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ เรียนก็จบแล้วและกำลังจะได้แต่งงานมีสามี แต่แกดูฉันสิยังเหี่ยวเฉาอยู่เลย” ระหว่างที่นั่งดื่มและเมาท์มอยกันในกลุ่มเพื่อน นิวเยียร์ก็หันมาคุยกับเพื่อนรักที่หลังจากนี้อาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนตอนเรียน“ก็แกมัวแต่เล่นตัวไม่ยอมคบใครสักที กะจะรอให้ขึ้นคานก่อนหรือไง”“ไม่ได้เล่นตัว แต่มันยังไม่เจอคนที่ถูกใจนี่นา” นิวเยียร์เอ่ยพลางถอนลมหายใจ ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำเมาจรดริมฝีปากแล้วกระดกลงคอไปหลายอึกพรีมได้แต่ส่ายหัวและหลุดขำเบาๆ ให้เพื่อน ใช่ว่านิวเยียร์จะไม่มีคนคุย แต่คุยเยอะจนเหมือนเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาเสียมากกว่า คุยทุกคืน มือไม่ได้จับ แก้มไม่ได้หอม และก็ไม่ยอมคบใครจริงจัง หรือว่ามีคนท
วันนี้พรีมไม่มีเรียนเพราะเป็นวันเสาร์ ธีร์ใช้เวลาครึ่งวันเช้าในการเคลียร์งานที่บ้าน และพาเธอออกไปเดตในตอนเย็นรถหรูเคลื่อนตัวออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังร้านสเต๊กเฮาส์สุดหรูในโรงแรมชื่อดังที่ได้โทรจองเอาไว้พรีมควงแขนของธีร์เดินเข้าไปในร้านอาหาร เข้าไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกมองเห็นวิวตึกสูงและแสงไฟในเมืองกรุง พอเข้าไปนั่งก็มีพนักงานของร้านเข้ามารับเมนูอาหาร ธีร์เลือกสั่งเป็นเซตโรแมนติกดินเนอร์ ทั้งสองคนนั่งกินสเต๊กเนื้อนุ่ม ท่ามกลางแสงเทียนที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ และมองบรรยากาศรอบนอกในยามค่ำคืน“เข้าใจเลือกร้านนะคะ” พรีมระบายรอยยิ้มหวานพร้อมกับเอ่ยปากชม เพราะร้านนี้มันเหมาะกับการพาคู่รักมานั่งเดต และเธอก็ชอบบรรยากาศของที่นี่มาก“จะเอาใจเมียทั้งทีก็ต้องเลือกให้ดีที่สุดสิครับ” ระหว่างที่เคลียร์งานที่บ้าน ธีร์ได้ใช้เวลาในช่วงเช้าเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อมองหาร้านอาหารที่เหมาะกับคู่รัก และเขาก็ถูกใจกับร้านแห่งนี้เป็นอย่างมากจึงได้โทรจองโต๊ะเอาไว้“สเต๊กถูกใจไหมครับ” ธีร์เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม สำหรับเขามื้อนี้ถือเป็นมื้อที่แสนพิเศษ เพราะตั้งแต่เคลียร์เรื่องอลิซได้ ทั้งคู่ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้มาดิ
เช้าวันทำงาน วันนี้พรีมมีเรียนตอนสิบโมง เช้านี้เลยไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของธีร์ เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นตอนเย็นของวันศุกร์ ดีที่วันหยุดทั้งสองวันไม่ได้เจอหน้าตัวต้นเรื่อง ไม่อย่างนั้นพรีมคงจะได้ต่อปากต่อคำกับอลิซอีกเป็นแน่ก๊อก ก๊อกธีร์และพรีมเพิ่งมาถึงได้ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“เข้ามา”“มีคนมาขอพบครับ ตอนนี้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้” พิรัชย์เข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะและรายงานเจ้านาย“ใครครับ”“เห็นว่าชื่อไมเคิลครับ เป็นสามีของคุณอลิซ” หลังจากรายงานเจ้านายเสร็จพิรัชย์ก็เดินออกจากห้องไป“ไปกับพี่นะ” ธีร์ลุกออกจากโต๊ะเดินไปหาพรีมที่โซฟา แล้วพากันลงไปที่ล็อบบี้ที่อยู่ด้านหน้าของแผนกประชาสัมพันธ์“สวัสดีครับคุณไมเคิล ผมธีร์ ซีอีโอของที เอส กรุ๊ป” พอเข้าไปถึงธีร์ก็ยื่นมือออกไปทักทาย และพูดกับอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ“สวัสดีครับ ผมไมเคิล”พอทักทายกันเสร็จ ธีร์และพรีมก็นั่งลงที่โซฟา หญิงสาวเลือกที่จะนั่งฟังอยู่เงียบๆ ปล่อยให้คนทั้งสองพูดคุยธุระกัน“คุณไมเคิลมาขอพบผมด้วยเรื่องอะไรหรือครับ” ธีร์เอ่ยถามกับอีกฝ่าย เบื้องต้นพิรัชย์บอกเขาแล้วว่าไมเคิลคือสามีของอลิซ คงจะเป็นคนที่หนีไปแต่งงานด้วย แต่ที่เ
ตั้งแต่ออกจากลิฟต์จนกระทั่งกลับถึงบ้าน พรีมก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ถามคำก็ตอบคำ พอถึงเวลากินข้าวเธอยังคงมานั่งกินด้วยกันเหมือนเดิม แต่แทบจะไม่มองหน้ากันเลยทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปอาบน้ำ พรีมอาบเป็นคนแรกก็ขึ้นมานอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง พอธีร์อาบน้ำเสร็จก็เห็นคนตัวเล็กนอนหันหลังให้ทางฝั่งที่เขานอน ซึ่งต่างจากทุกครั้งที่เธอมักจะรอเขาขึ้นมาบนเตียงก่อน แล้วแทรกตัวเข้ามานอนหนุนแขนซบใบหน้าเข้ากับแผงอกคืนนี้ธีร์ไม่ได้นั่งทำงานที่โต๊ะเหมือนทุกคืน พออาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานอนที่ของเขาเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจ จะปล่อยให้เมียโกรธนานแบบนี้ไม่ได้“โกรธกันขนาดนั้นเลยเหรอ”“ลองเห็นพรีมไปจูบกับผู้ชายคนอื่นดูไหมคะ” พรีมตอบกลับเสียงแข็ง เป็นใครจะไม่โกรธบ้างถ้าเจอแบบเธอ“พรีม” ธีร์เอ็ดเสียงเบา ถ้าเขาเห็นแบบนั้นคงทนดูไม่ได้แน่ๆ“เรียกทำไมคะ ทีตัวเองทำได้ พรีมแค่เปรียบเทียบแค่นี้รับไม่ได้แล้วเหรอคะ”ธีร์ขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวของเธอให้หันหน้ามาหากัน แล้วขยับขึ้นไปนอนคร่อมอยู่ด้านบน“ปล่อยพรีมนะคะ” พรีมส่งสายตาแง่งอนและดิ้นตัวอยู่ใต้ร่าง“ไม่ปล่อย” เอ่ยจบก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปาก
ช่วงที่อลิซยังต้องเข้าบริษัท ธีร์มักก็จะขอให้พรีมไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานของเขาในเวลาที่เธอไม่มีเรียน ส่วนอลิซก็ยังหอบงานมานั่งทำร่วมโต๊ะกับธีร์ทุกวันโดยไม่สนใจว่าคู่หมั้นของเขาจะนั่งอยู่ด้วยหรือไม่ระหว่างที่นั่งทำงานจนใกล้จะสามโมง ธีร์ก็ได้รับข้อความที่ถูกส่งมาจากพรีม……….Noo’ Preme : เย็นนี้พรีมขอกลับกับนิวเยียร์นะคะThee : จะพากันไปไหนNoo’ Preme : ไปดูหนังค่ะThee : จะให้พี่รอที่นี่หรือว่าจะไปที่กลับบ้านเลยNoo’ Preme : ไปเจอกันที่บ้านเลยก็ได้ค่ะThee : ครับNoo’ Preme : สติ๊กเกอร์ส่งจูบ……….“บอกพี่ธีร์แล้วเหรอ” นิวเยียร์ที่เห็นเพื่อนปิดหน้าจอมือถือก็ได้ถามขึ้นวันนี้พวกเธอมีนัดไปดูหนังที่ห้างสรรพสินค้า เป็นเรื่องที่เพิ่งจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ นิวเยียร์จึงชวนพรีมไปดูเป็นเพื่อน“อื้ม”“งั้นไปกันเถอะ”สองสาวพากันไปขึ้นรถของนิวเยียร์ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยแล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้า พากันไปซื้อตั๋วเรื่องที่อยากดูแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่าที่อยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแอร์เย็นเฉียบ พรีมและนิวเยียร์ก็พากันหัวเราะชอบใจให้กับความสนุกของภาพยนตร์แนวโรแมนติก