สมิติโทรเรียกคนของเขามาพบในห้องทำงานหลังจากที่กฤติกาไปแล้ว
“ครับนาย” วายุมารวดเร็วสมชื่อ
“วันนี้ลูกไก่มาพูดกับฉันแปลกๆ ว่าฉันไปทำให้เขาตกงาน นายลองไปสืบมาสิว่ามันเป็นยังไง มีอะไรเกิดขึ้น”
วายุเป็นคนของสมิติ ทำงานกับเขามาหลายปีและชายหนุ่มรู้จักกฤติกาดีว่าเธอเป็นผู้หญิงของนาย
“ครับนาย” เขาออกไปจากห้องทันทีเพื่อทำงานตามที่สมิติสั่ง
ไม่ถึงหนึ่งชม.วายุเข้ามารายงานผล เขาส่งสำเนาเอกสารดูจากหัวกระดาษส่งออกไปจากบริษัทของเขาเอง จากแผนกทรัพยากรบุคคลอ้างคำสั่งของเขาว่าขอให้ขึ้นชื่อของกฤติกาอยู่ในบัญชีดำ
สมิติกำมือแน่น
“ไปตามผจก.ฝ่ายบุคคลมา” เสียงเขาเยียบเย็นแบบที่วายุรู้ได้ว่านายกำลังโกรธมาก
“ครับท่าน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลยังไม่รู้ชะตากรรมตนเอง แต่เขาก็ต้องเบี่ยงศีรษะหลบเมื่อสมิติเหวี่ยงกระดาษสำเนาหนังสือเวียนใส่ คมกระดาษบาดเข้าที่ขมับจนเลือดซิบ
ผจก.ฝ่ายบุคคลหน้าถอดสีเมื่อเห็นรายละเอียดในกระดาษใบนั้น
“คุณอยู่ฝ่ายบุคคล ไหนลองตอบผมมาสิว่าการอ้างชื่อผู้บริหารกระทำการที่มิชอบควรได้ผลยังไง”
“ท่านครับ... ยกโทษให้ผมเถอะผมทำตามคำสั่งคุณหนูเล็กถ้าไม่ทำผมก็ตกงานนะครับ”
“กลัวตกงานเลยทำให้คนอื่นตกงาน มีความสุขไหมล่ะ” สมิติย้อนถาม
“พฤติกรรมของคุณที่ผ่านมาผมพยายามทำเป็นมองผ่าน เพราะคุณเป็นคนของแม่ผม แต่ก็อย่าคิดว่าจะไม่มีใครกล้าทำอะไร จะเขียนใบลาออกเองหรือว่าจะให้ผมขึ้นแบล็คลิสต์คุณแบบที่คุณทำกับเด็กจบใหม่”
สมิติลุกขึ้นเขาหันไปทางวายุ สั่งสั้นๆ “ดูแลตามที่ฉันสั่งด้วย”
วายุก้มศีรษะ “ครับนาย”
สมิติเดินไปที่แผนกการเงินที่สมาภรณ์ น้องสาวขาทำงานอยู่ เขาได้ยินเสียงเธอคุยกับใครบางคนลอดออกมาจึงหยุดฟัง
“แกทำเกินไปรึเปล่าหนูเล็ก” นั่นเสียงของอัญมณี เพื่อนสนิทสมาภรณ์ที่แม่เขาหมายมั่นปั้นมืออยากได้เป็นลูกสะใภ้นักหนา สมิติจำได้
“ไม่เกินไปหรอก ถ้ามันยังวนเวียนในวงการนี้สักวันมันต้องกลับมาหาเฮีย ฉันไม่ยอมแน่แล้วแกก็ไม่ควรใจอ่อนนะเพชร เฮียเลี้ยงมันมาตั้งหลายปีนี่แกไม่หึงเลยเหรอ” สมาภรณ์พูดด้วยความหงุดหงิด
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเฮียแกเลยนะหนูเล็ก ฉันจะไปหึงทำไม” อัญมณีหมายความตามนั้นจริงๆ
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าฉันไม่ได้แกเป็นพี่สะใภ้ฉันไม่ยอมหรอก” สุ้มเสียงนั้นมีแต่ความเอาแต่ใจ สมิติเปิดประตูเข้าไปทันทีหลังจากฟังจนแน่ใจ
“เฮีย..” สมาภรณ์ตกใจที่พี่ชายมาอยู่ตรงนี้
“เฮียไม่คิดเลยนะ ว่าน้องสาวของเฮียเป็นคนจิตใจแบบนี้” สมิติไม่ได้ใช้คำพูดหยาบคาย แต่สายตาของเขาทำให้สมาภรณ์อายที่ถูกจับได้ว่าทำผิด แต่เพียงไม่นานเธอก็เชิดหน้าขึ้น
“แล้วยังไงคะ เฮียทำตัวดีแล้วใช่ไหมที่ไปเกลือกกลั้วกับมันน่ะ ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะมาเป็นเมียเก็บเฮียล่ะ”
“เธอเอาอะไรมาวัดว่าดีหรือไม่ดี ผู้หญิงที่ชาติตระกูลดีบางคนก็ทำตัวไม่ต่างจากคนที่เธอว่า อีกอย่าง..เวลาที่อยู่บนเตียงมันไม่ได้เอาชาติตระกูลมาชี้วัดหรอก”
“เฮีย..” สมาภรณ์อายเพื่อนที่พี่ชายใช้คำพูดแบบนี้ ส่วนอัญมณีหน้าแดงปนซีด เธอคิดว่าสมิติน่าจะรู้เรื่องอะไรของเธอมาถ้าเขาพูดแบบนี้
“เรากลับก่อนนะหนูเล็ก”
##################
“แม่คะเฮียพักงานหนูเดือนนึงกับตัดเงินเดือนหนูค่ะ แม่จัดการเฮียให้หนูที” สมาภรณ์กลับบ้านมาฟ้องมารดา หลังจากเห็นหนังสือเวียนที่พี่ชายเซ็นว่าให้พักงานเธอหนึ่งเดือน และตัดเงินเดือน 50% เป็นเวลาหนึ่งปี
“อ้าวทำไมหมิงทำแบบนั้น แล้วหนูเล็กไปทำอะไรล่ะ” มารดาที่ถึงจะรักบุตรสาวคนเล็กแค่ไหน แต่ก็รู้นิสัยลูกชายคนโตดีว่าปกติเขาไม่แกล้งใคร
“เอ่อ..หนู” สมาภรณ์อึกอัก
“บอกแม่ไปสิว่าเธอทำอะไร” สมิติกลับเข้าบ้านใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
“เฮียเข้าข้างมัน นังเมียเก็บนั่นน่ะ” สมาภรณ์ยังไม่รู้ตัว
“ถ้าการที่เธอออกจดหมายขึ้นแบล็กลิสต์ลูกไก่ส่งให้ทุกบริษัทในวงการนี้ แล้วพี่ลงโทษเธอแค่นี้จะบอกว่ามันไม่ยุติธรรมก็ไม่ผิด เพราะเธอควรจะเจอเหมือนที่เขาเจอ” สมิติเสียงกระด้าง
“หมิงน้องยังเด็ก ทำไมลงโทษรุนแรงแบบนี้แล้วต่อไปใครจะนับถือน้อง” นางชื่นฤดีถึงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกสาวทำ แต่ความเป็นแม่ทำให้เธอเข้าข้างลูกมากกว่าคนนอกครอบครัว
“แล้วที่ลูกสาวแม่ทำให้เราหมดความน่าเชื่อถือด้วยการเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กนี่ไม่เสียหายกว่าเหรอครับ จริงอยู่ว่าการขึ้นแบล็คลิสต์แบบนั้นไม่จำเป็นต้องแบบหลักฐาน แต่คิดเหรอว่านานไปคนอื่นจะไม่รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องความไม่ชอบส่วนตัว เอสเอ็มไม่ได้สร้างชื่อเสียงมาหลายสิบปีเพื่อให้ลูกสาวแม่ดึงมันลงมาปู้ยี่ปูยำแบบนี้” สมิติพูดยาวเหยียดจนแม่และน้องตกใจ
“อีกเรื่องที่ผมจะบอกคือ ผมไม่แต่งงานไม่หมั้นกับใครก็ตามที่แม่หาให้แน่ ไม่ต้องพยายามแล้วไปฟาดงวงฟาดงาใส่คนอื่นแบบนี้อีก”
“ไม่ได้นะหมิง แกจะเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาเป็นเมียไม่ได้นะ” นางชื่นฤดีโวยวาย
สมิติหันมามองมารดา ก่อนจะพูดว่า
“แม่ก็เลือกเอาว่าแม่จะอยู่เฉยๆ เรื่องเมียผมหรือว่าจะให้ผมทิ้งเอสเอ็มไปทำงานอย่างอื่น แม่น่าจะรู้นะว่าผมไม่เดือดร้อนอะไรถ้าจะทิ้งมันไป” เขาพูดจบแล้วเดินออกจากบ้าน
นางชื่นจิตเงียบกริบเมื่อได้ยินแบบนั้น นางรู้ดีว่าสมิติไม่ได้ชอบการเป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่แบบที่เป็นอยู่ และรู้ว่าลูกชายคนโตมีทรัพย์สินส่วนตัวที่ได้จากปู่ย่ามากจนเขาไม่ต้องทำงานทั้งชาติก็ไม่หมด
สมิติไม่ทำงานให้เอสเอ็มเขาก็สบายดี แต่เอสเอ็มที่ไม่มีสมิติคงพังลงในไม่ช้าและหากเป็นแบบนั้นเครือญาติทุกคนในตระกูลที่ยังอยู่ในร่มเงาของเอสเอ็มต้องเดือดร้อนไปด้วย
สมิติกลับขึ้นรถที่วายุรออยู่ ทันทีที่เขาก้าวขึ้นนั่งวายุออกรถทันทีตรงไปที่หมู่บ้านที่กฤติกาเช่าบ้านอยู่
ชายหนุ่มสั่งให้จอดรถเยื้องกับบ้านเช่าของเธอ เขาไม่ได้ลงไปเพียงแค่มองหญิงสาวและน้องที่อยู่ในบ้านนั้น
“คุณกฤติกาตกลงไปทำงานกับทางอัศราดูโฮมแล้วครับนาย” วายุรายงาน
สมิติไม่แปลกใจ กฤติกาคงไม่รู้ว่าเขาล้างมลทินเรื่องบัญชีดำแล้วโดยการออกจดหมายเวียนฉบับใหม่ว่าการขอให้ชื่อของเธออยู่ในแบล็คลิตส์เป็นเรื่องเข้าใจผิด กฤติกาในครั้งที่เป็นพนักงานฝึกงานมีความประพฤติที่ดีไม่มีความด่างพร้อยใดๆ
แต่ถึงเรื่องนี้จะคลี่คลายแต่มันไม่ได้ทำให้ความตั้งใจเดิมของเขาที่จะจบความสัมพันธ์ในฐานะเมียเก็บของเธอเปลี่ยนจากเดิม สมิติรู้ว่าเขาเก็บเธอไว้ในมุมมืดตลอดไปไม่ได้ หากเธอจะเป็นคนที่เขารักและเชิดชู กฤติกาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเธอมีค่ามากพอกับตำแหน่งนั้น
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ