กฤติกาขนของกลับมาอยู่ที่บ้านเช่า หญิงสาวบอกตัวเองว่าเธอโชคดีที่ยังมีน้องสองคน เธอบอกน้องๆ ว่าเธอเลิกทำอาชีพพิเศษแล้ว เกศราและก้องเกียรติดีใจกับพี่สาว
“เดี๋ยวนัทจะรีบเรียนให้จบแล้วเลี้ยงพี่ไก่เอง” เด็กหนุ่มบอก
“หน่อยด้วยค่ะ รอคลอดแล้วหน่อยจะไปลงเรียนรามฯ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย” กฤติกาได้แต่ยิ้ม อย่างน้อยเธอก็มีครอบครัว
เวลาผ่านไปสองเดือนเธอไม่ได้พบสมิติและไม่ได้ข่าวของเขาอีก จิตใจของเธอได้รับการเยียวยาจนเกือบจะเป็นปกติ จนในวันหนึ่งเจ้านายของเธอเรียกพบเธอคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการแจ้งผลทดลองงานของเธอ
“ไก่ทำงานที่นี่สามเดือนแล้ว ความจริงผลงานของเราดีมากเลยนะ” เจ้านายของเธอเกริ่น
“ขอบคุณค่ะพี่” เธอพนมมือไหว้
“พี่ก็อยากได้ไก่มาทำงานด้วย แต่..” เขาหยุดพูดไปแล้วมองเธอนิ่งนาน กฤติกาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ
“มีอะไรเหรอคะพี่”
“ไก่เคยมีปัญหาอะไรกับเอสเอ็มกรุ๊ปรึเปล่า ในเรซูเม่ลงไว้ว่าไก่ฝึกงานที่นี่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะพี่ ไก่ฝึกงานที่นั่นแต่ไม่เคยมีปัญหาอะไรนะคะ” กฤติกางงงันเมื่อเจ้านายพูดแบบนั้น
เจ้านายหนุ่มถอนใจ ก่อนที่เขาจะพูดตรงๆ
“เอสเอ็มเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเราด้วย ตอนนี้เขาส่งหนังสือมาแจ้งว่าไม่ควรให้ไก่ทำงานที่นี่ หรือในวงการสถาปนิกอีกต่อไป”
หา...กฤติกาช็อกไปชั่วขณะ เอสเอ็มกรุ๊ปบริษัทของสมิติ เขาจะทำแบบนั้นกับเธอทำไม
“แล้ว..” เธอพูดได้แค่นั้น เจ้านายเธอพยักหน้าเป็นเชิงรู้กัน
“พี่คงให้ไก่ผ่านทดลองงานไม่ได้” เขาพูด
“พี่คะ ไก่ขอดูหนังสือฉบับนั้นได้ไหมคะ” เธอขอร้องแต่เจ้านายปฏิเสธ
“ตามมารยาทพี่ให้ดูไม่ได้ พี่บอกได้แค่ว่าถ้าไก่มีปัญหาอะไรไปเคลียร์กับเขาดีกว่า เอสเอ็มเป็นบริษัทใหญ่ลงว่าเขาส่งหนังสือเวียนมาตามบริษัทอื่นๆ แบบนี้ไม่มีใครกล้างัดข้อกับทางนั้นหรอก”
เธอเก็บของออกจากบริษัทนั้นอย่างคนที่มึนงง ไม่อยากเชื่อว่าสมิติจะทำแบบนั้นไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะต้องทำร้ายเธอ หลังจากที่เขาบอกเลิกหญิงสาวไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเขาอีก ไม่มีการยื้อหรือติดต่อขอความช่วยเหลือใดๆ
กฤติกามองของที่ท้ายรถ เธอซื้อรถมือสองคันเล็กด้วยเหตุผลเผื่อว่าเกศราเจ็บท้องหรือมีเหตุฉุกเฉินจะได้ไปไม่ลำบาก เธอตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้า ตั้งใจว่าอยากไปหาร้านกาแฟเพื่อสงบสติอารมณ์และคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป
“ไก่ นั่นเธอรึเปล่า” เธอเงยหน้ามองเมื่อมีเสียงเรียก
“นาเดีย” เธอคราง นาเดียคือคนที่แนะนำให้เธอรู้จักสมิติ เธอเป็นเด็กที่เพื่อนของสมิติเลี้ยงดูเหมือนกันในตอนนั้น เธอเป็นเพื่อนจากที่บ้านเกิด ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเพราะชีวิตของนาเดียต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบมากกว่าเธอ
“ไก่เป็นไงบ้างไม่ได้เจอตั้งนาน” นาเดียมีท่าทางดีใจเมื่อพบเพื่อนเก่า
“ก็เรื่อยๆ แล้วเดียเป็นไง”
“ก็สบายดีตอนนี้เราเปิดร้านเสริมสวยในห้างนี้แหล่ะ ถ้าจะไปทำผมก็ไปได้เลยนะ ช่างที่ร้านเราได้รางวัลมาทั้งนั้น”
พวกเธอสองคนคุยกันโดยที่ไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่า กฤติกาสบายใจเมื่อได้พบเพื่อนสมัยยังเด็ก พวกเธอคุยกันถึงเย็นจึงแยกย้ายกลับบ้าน
กฤติกาไม่ยอมแพ้เธอหาสมัครงานที่ใหม่ แต่ไม่มีที่ไหนรับเธอเข้าทำงานเลยสักที่ เธอมองเงินในบัญชีที่ถึงแม้มันจะมีถึงแปดหลักแต่เธอก็สบายใจไม่ได้ ตราบใดที่มีแต่ตัวเลขจ่ายออก จะให้ไปทำธุรกิจเธอก็ไม่มีหัวทางนี้เลย
วันหนึ่งหญิงสาวมีสอบสัมภาษณ์งานใหม่ ซึ่งเธอมีความหวังมากว่าจะได้เพราะที่ผ่านมาหลายบริษัทไม่มีใครเรียกเธอสัมภาษณ์เลย
“คุณกฤติกาเชิญค่ะ” เลขาของผจก.เรียกชื่อเธอ
“สวัสดีค่ะ” เธอเข้าไปด้วยความมั่นใจ แปลกใจนิดๆ ที่ผู้สัมภาษณ์หนุ่มกว่าที่เธอคิด
“เชิญนั่งครับคุณกฤติกา” อัศราทักทาย เขาน่าจะอายุรุ่นเดียวกับสมิติเธอประเมินในใจ
“ผลการเรียนของคุณดีมาก การฝึกงานก็ดีทำไมไม่ทำงานกับเอสเอ็มล่ะครับ”
“เอ่อ ดิฉันอยากอยู่ในที่ที่ส่งเสริมความสามารถจริงๆ น่ะค่ะ” เธอตอบแบบกว้างๆ แต่นั่นทำให้อิศรายิ้มมุมปาก
“เพราะว่าตอนที่อยู่กับคุณสมิติคุณใช้ความสามารถด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานเหรอครับ”
หญิงสาวหน้าร้อนเธอไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใคร รู้เรื่องของเธอกับสมิติมากน้อยแค่ไหน
“ถ้าคุณไม่สะดวกคุยเรื่องงานดิฉันคงต้องขอตัวค่ะ” เธอทำท่าจะลุกขึ้นแต่อัศราเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิครับ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมบริษัทอื่นๆ ไม่มีใครรับคุณเลย มีเหตุผลอะไรที่เป็นแบบนั้น”
กฤติกาชะงัก นั่นคือสิ่งที่เธออยากรู้มาตลอดแต่ไม่เคยมีฝ่ายบุคคลของบริษัทไหนยอมตอบเธอตามตรงว่าทำไม เธอหันไปมองอัศราอย่างชั่งใจ
“เมื่อหนึ่งเดือนก่อนมีจดหมายเวียนจากเอสเอ็มกรุ๊ปส่งถึงบริษัทในสังกัดและพาร์ทเนอร์ทุกเครือข่ายว่า... คุณมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางชู้สาว และมีความประพฤติด่างพร้อยอย่างร้ายแรงด้านความซื่อสัตย์” อัศราพูด
เธอหูอื้อตาลายกับสิ่งที่ได้ยิน
“มะ ...ไม่จริง” เธอปฏิเสธแทบไม่มีเสียง เพิ่งรู้ว่าทางที่เคยเลือกเดินนอกจากส่งผลให้เธอเสียความนับถือต่อตัวเอง ยังมีราคาที่ต้องจ่ายมากขนาดนี้
“แต่บริษัทผมไม่ได้อยู่ใต้ปีกของเอสเอ็ม ผมจะบอกคุณว่าถ้าคุณตัดใจจากเขาได้ ผมยินดีรับคุณเข้าทำงาน”
กฤติกามองหน้าอัศราอย่างไม่อยากเชื่อ เธอรู้ดีว่าอัศราดูโฮมเป็นคู่แข่งกับเอสเอ็มมาตลอด แต่ไม่คิดว่าเขาจะตกลงรับเธอง่ายๆ
“ดิฉันขอเวลาให้คำตอบได้ไหมคะ” นี่คือมิติใหม่แห่งการสมัครงาน ที่คนสมัครขอเวลาให้คำตอบแต่อัศรายิ้มพราย เขาเริ่มชอบเธอและคิดว่ารู้แล้วว่าทำไมสมิติถึงเลี้ยงเธอไว้ได้นานมาก
“ยินดีครับ นี่นามบัตรเบอร์ส่วนตัวของผม คุณโทรหาผมได้ยี่สิบสี่ชม.” เขาเดินมาตรงหน้าวางนามบัตรใส่มือเธอ
บ่ายวันนั้นเธอมาที่เอสเอ็มกรุ๊ป ติดต่อเลขาของสมิติเพื่อขอพบเขา โชคดีที่ชายหนุ่มอยู่ที่สำนักงานและไม่มีแขกเธอจึงได้เข้าพบทันที
“ไก่มีอะไร โทรหาพี่ก็ได้นี่” สมิติแปลกใจที่เธอมาพบ แต่เขายอมรับว่าดีใจที่เห็นหน้าเธอ
“ทำไมพี่ต้องทำขนาดนี้คะ ขอจบไก่ก็จบให้แล้วทำไมต้องทำให้ไก่ตกงาน ทำไมต้องส่งจดหมายเวียนไปทั่วว่าไก่มีความประพฤติชั่วร้าย” เป็นครั้งแรกที่กฤติกา ‘วีน’ ใส่สมิติ
สมิติทำหน้างุนงง เขาไม่เข้าใจสักอย่างที่เธอพูดมา
“ไก่พูดอะไร ถ้าอยากของานทำก็พูดดีๆ กับพี่ อย่ามาโวยวายน่าจะรู้ว่าพี่ไม่ชอบ”
“ไก่ก็ไม่ชอบเรื่องที่พี่ทำเหมือนกัน แต่จะมาบอกว่าต่อให้ไม่มีที่ไหนรับทำงานไก่ก็ไม่มีวันมาของานพี่ทำ” เธอเสียงดังขึ้นทั้งความผิดหวัง ความเสียใจที่ต้องแบกมาเป็นเดือนทำให้เธอหมดความอดทน
เธอมองหน้าเขาด้วยความผิดหวังรุนแรงจนชายหนุ่มรู้สึกได้ เขาไม่เคยเห็นเธอในแง่นี้ที่ผ่านมาหลายปี กฤติกามองเขาด้วยความรักและเทิดทูนมาตลอด หญิงสาวหันหลังให้เมื่อคิดว่าเธอพูดจบแล้ว
“ไก่อย่าเพิ่งไปกลับมาคุยกันก่อน” เขาเรียกแต่เธอไม่หยุด สมิติจึงพูดอีกครั้ง
“ถ้าไก่ก้าวขาออกไปจากห้องนี้ ก็ไม่ต้องกลับมาอีก” เธอชะงักไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากเธอ กฤติกาหันมามองเขาอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไป เธอเดินออกไปจากห้องนั้นไม่มองเขาอีกเลย
สีหน้าเกศราไม่ดีนักในตอนที่อัศรามารับตอนบ่าย แต่เธอยิ้มออกเมื่อเห็นแม่หนูเชอรี่นั่งอยู่ในคาร์ซีตด้วย“ไปรับเชอรี่มาด้วยเหรอคะพี่ฮาน จริงๆ ให้หน่อยกลับเองก็ได้นะคะ มาส่งตอนเช้าก็พอ” “ครับวันนี้แม่มีธุระช่วงเย็นพี่เลยไปรับลูกมาอยู่ที่ทำงานแล้วเลยมารับหน่อย” “อ่อ... ค่ะ จริงๆ ไม่น่าต้องลำบากเลย พี่เลี้ยงจากบ้านโน้นก็พอดูเชอรี่ให้ได้ค่ะถ้าไม่นานมาก” “ไม่เป็นไร พี่อยากเลี้ยงลูกเองบ้างเดี๋ยวห้องที่ทำไว้ที่ทำงานจะไม่ได้ใช้ ถ้าหน่อยไม่อยากให้พี่มารับก็เอารถไว้ขับเองไหมสักคัน เอาคันไหนก็ได้หรืออยากได้ใหม่ก็ได้พี่จะซื้อให้” ชายหนุ่มยังไม่ละความพยายาม“ไม่ต้องหรอกค่ะ เอามาหน่อยก็ขับไม่เป็น” เธอปฎิเสธเพราะไม่อยากรับอะไรจากอัศรามากเกินเส้นความเป็นพ่อแม่ของลูก“พี่สอนได้ เรื่องขับรถไม่มีปัญหาหรอก”“ไม่เอาค่ะพี่ฮาน มันมากไป” เกศราพูดจริงจัง“ไม่เอาก็ไม่เอา” เดี๋ยวถึงเวลาจะทำให้เอาเอง เขาคิดในใจ“แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดี” ชายหนุ่มถามต่อ อัศราเป็นคนช่างสังเกตแม้ว่าใครจะผิดปกติไปเพียงนิดเดียวเขาก็รู้สึกได้ชัดเจน“เปล่าค่ะ” เธอตอบซึ่งไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของเ
คืนนั้นนางอัมพรอยู่ค้างที่บ้าน นอกจากนั้นยังมีกฤติกามาอยู่เป็นเพื่อนน้องและหลานสาวอีกคน ส่วนอัศราถูกมารดาไล่กลับตั้งแต่หัวค่ำชายหนุ่มกลับไปแบบไม่เต็มใจนัก“แม่ทำไมรีบไล่ผมล่ะ ให้ผมนอนค้างกับลูกไม่ได้เหรอครับ” เขาอ้อนมารดาในยามที่สองสาวพี่น้องขอไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องนอนชั้นบนโดยที่พาเชอรี่ขึ้นไปด้วย “ลูกจะมาค้างได้ยังไงมันน่าเกลียดมาก หนูหน่อยกับลูกไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” นางอัมพรพูดตามความจริง“แล้วถ้าแม่ไม่ให้โอกาสผมกับหน่อยจะเป็นอะไรกันได้ยังไงล่ะ” “มะเหงกแน่ะ” นางอัมพรใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากบุตรชาย “แม่เป็นผู้ใหญ่จะทำแบบนั้นได้ยังไง จีบเขาดีๆ น่ะเป็นไหม แล้วให้หน่อยตัดสินใจเอง ไม่ใช่ว่าเขาพลาดมีลูกแล้วจะต้องเอาทั้งชีวิตมาจมอยู่กับเรานะ” อัศราเงียบนางจึงพูดต่อ“ความเป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กร่วมกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันนะฮาน พ่อแม่แยกกันอยู่ก็ช่วยกันเลี้ยงเด็กให้โตมาอย่างดีได้ ดีกว่าทนอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้รักกันเลย ถ้าเราอยากได้ทั้งแม่ทั้งลูกมาเป็นครอบครัวก็เอาชนะใจผู้หญิงให้ได้” วันต่อมาอัศรามาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ ชายหนุ่มมาถึงพอดีกับที่เกศรากำลังจะออกไปตลาดด้วย
“พี่ฮานคะ เพื่อนหน่อยชื่อเมนี่เรียนคณะเดียวกัน ส่วนเมนี่นี่พี่ฮานน่ะ” เกศราแนะนำให้อัศรากับเพื่อนใหม่รู้จักกันตามมารยาท จงใจไม่บอกว่าอัศราเป็นใครเพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะแนะนำสถานะใดจึงข้ามไปเสีย“สวัสดีค่ะพี่ฮาน หน่อยให้เราลงข้างหน้านี่ก็ได้ห้องเราอยู่ฝั่งตรงข้ามเดี๋ยวเราเดินข้ามสะพานลอยไปเอง” “ไปเองได้แน่นะเมนี่” อัศราจอดรถที่หน้าสะพานลอยตามที่มาลีรินทร์บอก ชายหนุ่มรับไหว้เพื่อนของเกศราก่อนที่เธอจะลงจากรถไป “พี่ไก่ล่ะคะ” เกศราถามถึงพี่สาวทันที “ไก่ไปธุระ พี่ไปรอรับแม่มาเมื่อเช้าตอนนี้แม่มาอยู่ที่บ้านเราแล้ว ยายหนูเชอรี่ก็อยู่กับแม่ด้วย พี่เลยบอกว่าจะมารับหน่อยเอง” อัศราอธิบาย บ้านเราที่เขาพูดถึงคือบ้านหลังที่เขาซื้อต่อจากกฤติกาตั้งใจจะยกให้เกศราและลูกแต่เธอไม่ยอมรับมันสักที เกศรานั่งนิ่ง เธอไม่รู้จะพูดอะไรจะว่าเขามารับลูกไปโดยไม่บอกก็ไม่ได้เพราะเขาบอกไว้แล้วอัศราเลี้ยวรถไปทางบ้านที่เขาซื้อให้หญิงสาว ตอนนี้เขาทำห้องเด็กและตกแต่งห้องนอนข้างบนหมดแล้ว ด้านล่างเหลือส่วนในสวนและที่ต้องต่อเติมที่อยากรอถามเจ้าของบ้านก่อนเกศรามองบ้านที่ครอบครัวเธอย้ายออก
พวกเขาไปถึงกรุงเทพฯ ในเวลาเย็น อัศรายกผลไม้ลงมาไว้ที่บ้านของกฤติกาจนเกือบหมด อีกส่วนแบ่งให้คนขับรถไป“ทำไมไม่แบ่งไปกินบ้างคะพี่ฮาน” “พี่เอาไปก็กินไม่ทัน เอาไว้พี่มากินที่นี่ก็ได้ครับ ต้องมาทุกวันอยู่แล้ว” “งั้นนัทแบ่งไปให้แม่บ้างสิ เยอะขนาดนี้กินกันไม่หมดหรอก” เกศราพูดขึ้นบ้าง ทำให้กฤติกาและก้องเกียรติมองหน้ากัน“ได้ๆ ดีเลย แม่ชอบเงาะกับทุเรียนนัทจำได้ พรุ่งนี้นัทเอาไปให้แม่เอง” ก้องเกียรติดีใจที่เกศรามีทีท่าอ่อนลงต่อมารดา เขารู้ว่าบาดแผลระหว่างพี่สาวกับแม่มันกว้างและลึกจนเข้าใจพี่สาวดี อาจจะเพราะว่าตอนนี้เธอเองก็เป็นแม่กระมัง เด็กหนุ่มคิดในใจเกศราอุ้มลูกเดินกลับห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง อัศราช่วยถือของเดินตามไปให้ เขามองไปรอบห้องอย่างพิจารณา ถ้าใครรู้ว่าลูกเมียเขาอยู่ในห้องธรรมดาแบบนี้เสียชื่อแย่ บริษัทอัศราดูโฮมงานไม่ได้น้อยหน้าใคร เกศราและเชอรี่ควรมีที่อยู่ที่สะดวกกว่านี้“พี่ว่าตอนนี้หน่อยย้ายไปอยู่ข้างบนได้แล้วมั้ง” “ข้างล่างสะดวกกว่าค่ะ เวลาทำงานบ้านจะได้มาดูลูกได้ง่าย สะดวกเวลาพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยงลูกด้วย” “ก็ทำห้องเด็กข้างล่างไว้ให้เวลาพาเชอรี่ลงมาตอนกลางวั
“ข้างบนไม่มีห้องน้ำนะครับ ใครอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำก็เปลี่ยนที่ห้องน้ำด้านล่างเลย” บูรพาแจ้งสมาชิกปุ๊บปั๊บทัวร์ของเขาให้รู้กันว่าด้านบนไม่มีห้องน้ำ โดยเฉพาะสาวสวยสองคนที่น่าจะต้องมีธุระกับห้องน้ำมากกว่าหนุ่มๆ แบบพวกตน“เอาไงดีเรา จะเล่นน้ำไหมหน่อย” กฤติกามองหน้าน้องสาว เกศรามองไปที่น้องเชอรี่ทันทีว่าถ้าลงเล่นน้ำลูกสาวจะทำอย่างไร“ถ้าหน่อยกับลูกไก่อยากลงพี่จะดูเชอรี่เอง” อัศรารีบตอบ“ยังไม่แน่ใจค่ะว่าอยากลงไหม แต่อยากไปห้องน้ำเปลี่ยนชุดก่อนก็ดี” เกศราพูดกฤติกาเองก็เห็นด้วย สองสาวจึงขอเวลาครู่หนึ่งไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัวประสาผู้หญิง ปล่อยให้สามหนุ่มกับหนึ่งเด็กหญิงนั่งเล่นที่ซุ้มม้านั่งรอท่ามกลางบรรยากาศที่สดชื่น รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่มีมากกว่าข้างนอกอุทยานไม่นานนักสองสาวกลับมาในชุดใหม่ที่คล่องตัวขึ้นคือเสื้อยืดแขนกุดกับกางเกงยีนขาสั้นสามส่วนเหนือเข่าเล็กน้อย กฤติกามีกล้องดิจิทัลมาด้วยเผื่อถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้“เฮียจ้องอะไรน่ะ” บูรพาถามเขาเห็นอัศราจ้องขาของเกศราเหมือนไม่เคยเห็น“ว่าแต่เมียกับพี่สาวเมียเฮียเขาสวยกันดีจังนะ สูงยาวเข่าดี ขาวดีด้วย” บูรพาเอ่ยชมโดยไม่คิดอะไร
เกศราลงมาพอดี คุณอัมพรกวักมือเรียกแม่ของหลานสาวมาหา “มาหาแม่จ้ะหนูหน่อย” “คะคุณแม่” เธอไปหาผู้ใหญ่อย่างงงๆ คุณอัมพรส่งสร้อยทองมีพระองค์เล็กซึ่งเป็นพระเครื่องดังของจ.ระยอง ส่งให้เกศรานางตั้งใจเลือกเส้นไม่ใหญ่มากเพื่อให้เกศราไม่ปฏิเสธ“แม่กับพ่อให้รับขวัญนะลูก จะได้เป็นสิริมงคลกับชีวิตไปไหนแคล้วคลาดปลอดภัยนะ” เหตุผลของผู้ใหญ่ทำให้หญิงสาวพนมมือไหว้รับ “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากค่ะ” “ตาฮานส่งลูกมาให้แม่แล้วใส่สร้อยให้น้อง” นางชูสร้อยข้อมือเมื่อครู่ให้หลานสาวดู เด็กหญิงโผเข้าหาคุณย่าทันทีเพราะชอบเสียงกรุ๊งกริ๊งของมัน ชายหนุ่มรวบผมของเกศราไปทาง เขาแบมือขอสร้อยจากเธอแต่หญิงสาวเอียงศีรษะหลบ“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฮาน หน่อยทำเองได้”“เอามาพี่ใส่ให้จะได้ไปกินมื้อเช้ากันเร็วๆ” อัศราทำเสียงดุ ทำให้เธอยอมส่งสร้อยให้ลมหายใจที่ปัดผ่านต้นคอทำให้เกศราตัวเกร็ง หญิงสาวออกห่างเขาทันทีเมื่อเขาสวมสร้อยให้เสร็จแล้ว “ขอบคุณค่ะ” เธอเดินตรงไปนั่งข้างน้องชายแต่ก้องเกียรติลุกขึ้นย้ายไปนั่งข้างกฤติกา“พี่ฮานนั่งตรงนี้เลยครับ นัทอยากชิมขนมครกกับพี่ไก่” อัศรานั่งลงข้างเกศรา เขารินกาแฟจากเหยือกใส่ถ้วยเลื่