อดีตเด็กเลี้ยง สู่ตำแหน่งเมียที่เคารพ สมิติ หรือชื่อที่รุ่นน้องพากันเรียกว่าเฮียหมิง ทายาทเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจการเสริมเป็นโรงเบียร์ เปิดไว้เพื่อเป็นที่พบปะสังสรรค์ กฤติกา หรือลูกไก่ อดีตเด็กในคอนโทรลที่เฮียหมิงเคยส่งเสียเลี้ยงดูจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เด็กสาวที่ต้องเข้าสู่วังวนของการใช้ร่างกายเข้าโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เธอเป็นพี่สาวคนโตที่มีน้องสามคน ล้วนแล้วแต่คนละพ่อ แม่มีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้างไม่สามารถส่งเสียเธอและน้องๆ ได้ เธอตัดใจยอมเป็นเด็กเสี่ยในวันที่ไม่มีเงินเหลือติดตัวสักบาท น้องๆ ไม่มีข้าวจะกิน อาจจะเป็นความโชคดีที่ลูกค้าคนแรกของเธอคือเขา เฮียหมิงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นเด็กให้เขาเลี้ยงเพียงคนเดียวไม่ต้องรับลูกค้าอื่น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองกินเวลาเกือบห้าปีเมื่อเธอเรียนจบและเขาอยากมีเด็กคนใหม่พอดีทั้งสองจึงไม่พบกันอีกตั้งแต่นั้น จนกระทั่งเด็กสาวคนนั้นเติบโตในฐานะยูทูบเบอร์ชื่อดัง มีธุรกิจของตัวเองและกลายเป็นสาวเต็มตัวในอีก 5 ปีต่อมา เฮียหมิงผู้ที่เคยเป็นเสือมาตลอด กลับอยากเอาตัวเองไปให้อดีตเหยื่ออย่างลูกไก่ตัวน้อยชิม แหกกฎที่ว่า "ถ้าจะเป็นเสือ อย่าหลงรักเหยื่อและอย่ากินเนื้อก้อนเก่าของตัวเอง" เสียสิ้น
View More“ลูกไก่วันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายแล้วไปฉลองกันเถอะ” ญาณินชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียน วันนี้พวกเธอสอบวันสุดท้าย เทอมสุดท้ายแล้ว หมายความว่าต่อไปจะไม่ได้มาเจอกันแบบนี้อีก
ญาณินและกฤติกาไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่สี่ปีที่ผ่านมาก็คุยกันดี ช่วยเหลือกันดีเวลามีงานกลุ่มหรือติวด้วยกัน อาจจะเพราะว่าญาณินมีกลุ่มเพื่อนสนิทเดิมที่แต่ละคนค่อนข้างมีฐานะทางบ้านดีมาก ส่วนกฤติกาเป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดที่หัวดีจนสอบผ่านเข้ามาเรียนด้วยกันเท่านั้น
“เราคงไปไม่ได้ที่บ้านรอฉลองอยู่” กฤติกาปฏิเสธแม้ว่าจะอยากไปกับเพื่อนมากก็ตาม
“ไม่เป็นไร งั้นเอาไว้วันมาฟังผลสอบขึ้นทะเบียนบัณฑิตค่อยไปหาอะไรกินกันนะ” ญาณินเป็นคนพูดง่าย เธอเคารพในเรื่องส่วนตัวของทุกคน เมื่อเธอพูดแบบนั้นกฤติกาจึงมีสีหน้าดีขึ้นเธอพยักหน้า
“ฮื่อ ขอบใจนะนินฝากขอโทษเพื่อนคนอื่นด้วย เราไปล่ะ” กฤติกามองในห้องสอบ ยังมีเพื่อนหลายคนที่ทำข้อสอบไม่เสร็จเธอมองเวลากลัวว่ายิ่งเย็นจะยิ่งรถติดจึงขอตัวกลับก่อน
กฤติกาขึ้นรถประจำทางหน้ามหาวิทยาลัย เธอตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งซื้อของสดไปทำอาหารเตรียมรอใครบางคนที่บอกว่าจะมาฉลองสอบเสร็จกับเธอ เธอเลือกซื้อผัก เนื้อสัตว์หลายอย่างจากนั้นเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
เธอรีบลงมือเตรียมทำอาหารอย่างเร่งด่วนเพราะคนที่จะมาเคยบอกว่าชอบอาหารที่เธอทำเอง จากนั้นจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเวลาผ่านไปจนเย็นย่ำเธอเริ่มกระวนกระวายเมื่อคนที่รอยังไม่มา
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาจะโทรหาแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกไว้ได้เธอจึงวางมันลงที่เดิม
“เบอร์โทรพี่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินไก่โทรหาพี่ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ขอให้ฉุกเฉินจริงๆ นะ”
สมิติอาจจะกำลังติดงาน อาจจะกำลังคุยกับลูกค้าอยู่ และการที่เขามาช้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน อีกทั้งเธอเองไม่มีสิทธิ์โทรตามเขา กฤติการู้สถานะตัวเองดี
เธอกัดริมฝีปากเมื่อคิดถึงสถานะที่ว่า เธอไม่ใช่ญาติ ไม่ใข่คนรัก ไม่ใช่ภรรยาแต่เธอเป็นแค่เด็กที่เขาเลี้ยงไว้ในฐานะเมียเก็บ แลกกับการที่เขาส่งเสียเธอเรียน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเงินรายเดือนจำนวนที่มากพอดู อย่างน้อยก็มากกว่าเงินเดือนของเด็กจบใหม่หลายเท่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้มันทำให้ความหิวและความดีใจที่จะได้พบเขาลดลงไปจนเกือบหมด สมิติย้ำเสมอว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยน ตราบใดที่ยังพอใจกับผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนที่ได้ระหว่างกัน มันก็ยังดำเนินไปได้ต่อไปเรื่อยๆ
เธอเคยถามเขาว่าทำไมถึงให้เงินรายเดือนเธอในจำนวนที่มาก ทั้งที่เขาก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของเธออยู่แล้ว
“เอาไปเถอะพี่อยากให้ วันนี้พี่ยังเอ็นดูเราอยู่ไก่ควรจะกอบโกยจากพี่ให้ได้มากที่สุด เพราะสักวันเรื่องของเราก็ต้องจบลง” สมิติพูดเพราะเขาเดาได้ว่าเด็กสาวแบบกฤติกาหากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก คงไม่ยอมมาอยู่เป็นเด็กเสี่ยให้เขาเลี้ยง
ชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจอายุมากกว่าเธอหลายปี ในวันที่พบกันวันแรกจากการแนะนำของเพื่อนเธอที่เป็นเด็กของเพื่อนเขาอีกที วันนั้นกฤติกาอายุ 18 และเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาไม่ปฏิเสธว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาดีมาก แต่สิ่งที่เขาตัดสินใจรับเลี้ยงเธอจริงจังคือแววตาของเด็กสาวทั้งลังเลและไม่แน่ใจในสิ่งที่เธอกำลังทำนั่นต่างหาก
แต่สมิติก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะเสียเงินทิ้งเปล่าๆ แล้วไม่แตะต้องเธอ เขาจะมาค้างกับกฤติกาเฉลี่ยสัปดาห์ละหนึ่งวันโดยที่เขามีเพียงเงื่อนไขเดียวคือเธอห้ามมีคนอื่น ห้ามมีคนรักและเธอต้องเป็นฝ่ายคุมกำเนิด ผ่านมาจากวันนั้นถึงวันนี้สี่ปีเต็ม จากเด็กสาวก้าวมาเป็นหญิงสาวเต็มตัว เธอก็ยังอยู่กับเขาที่คอนโดที่เขาซื้อให้อยู่
สี่ทุ่มคืนนั้นสมิติเปิดประตูห้องเข้ามา เขาเห็นอาหารบนโต๊ะเย็นชืดส่วนคนทำหลับอยู่บนโซฟา สเต็กสองจานยังอยู่ดีแปลว่ากฤติกายังไม่ได้ทานมื้อเย็น วันนี้ไม่ใช่วันประจำที่เขาจะมาค้างด้วย แต่ที่เขาบอกไว้ว่าจะมาเพราะอยากมาฉลองที่เธอสอบเสร็จ
ชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเธอ แต่เขาถอดเสื้อนอกวางพาดบนพนักโซฟาอีกตัว พับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวจนถึงข้อศอกหยิบจานสเต็กอุ่นในไมโครเวฟทีละจาน เสียงกุกกักนั้นทำให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น
“พี่มาแล้วเหรอคะ ทำไมไม่ปลุกไก่” เธอลุกมาหาเขา
“พี่เห็นเราหลับเลยไม่อยากปลุก ทีหลังถ้าพี่มาช้าไม่ต้องรอนะ กินก่อนได้เลยแล้ววันนี้สอบเป็นไง” เขาพูดพลางยกจานมาวางที่โต๊ะ เมื่อเธอทำท่าจะช่วยเขาจึงรีบพูดต่อ
“ไม่ต้องหรอก ไก่เป็นคนทำแล้วพี่ช่วยอุ่นดีกว่าไปนั่งรอเถอะ”
กฤติกานั่งรอตามที่เขาบอก เธอทำตัวเป็นเด็กดีสำหรับเขามาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันเพราะอะไรแต่เธอก็อยากให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเป็นไปด้วยดี
“ก็ดีค่ะ ทำข้อสอบได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร” เธอมั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอต้องได้คะแนนท็อปของรุ่นแต่ไม่ได้พูดออกไป
“ก็ดีแล้วไก่อยากทำงานที่ไหน ทำที่ไปฝึกงานไหม” เขาหมายถึงบริษัทของเขาเองที่เธอเคยไปฝึกงานในเทอมก่อน แต่หญิงสาวส่ายหน้าทันที ที่นั่นมีทั้งมารดาและน้องสาวของเขา แม้ว่าต่อหน้าคนอื่นสมิติปฎิบัติต่อเธอเหมือนคนไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวของเขาจะรู้ว่าเธอเป็นใคร และเธอก็รับรู้ดีว่าน้องสาวของเขาไม่ชอบเธอแบบมากๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไก่อยากหางานทำเองก่อน” เธอปฏิเสธ สมิติไม่แปลกใจเด็กจบใหม่บางคนไฟแรงอยากหางานด้วยความสามารถของตัวเองมีเยอะ เขาจึงไม่ว่าอะไร
ทั้งสองทานอาหารด้วยกันเงียบๆ สมิติทานมาแล้วเขาจึงทานน้อยกว่าปกติ กฤติกามองแล้วถาม
“วันนี้ไก่ทำไม่ถูกปากเหรอคะ”
“เปล่า อร่อยเหมือนเดิมแต่พี่ทานมาแล้วน่ะ ไก่ทานเถอะ” เขาอธิบายแค่นั้น ไม่ได้พูดต่อว่าวันนี้มารดาขอให้เขาไปส่งที่โรงแรมที่ท่านนัดเพื่อนไว้ พอไปถึงเพื่อนแม่พาลูกสาวมาด้วยเขาถูกขอให้ร่วมโต๊ะทานอาหาร สมิติไม่อยากหักหน้าแม่ต่อหน้าคนอื่นเขาจึงมาสายและไม่มีเวลาโทรบอกกฤติกา
กฤติกาหน้าหมองลงนิดหน่อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ สมิติลุกขึ้นไปหยิบเสื้อนอกล้วงเอาซองในนั้นมาส่งให้เธอ
“ของขวัญวันเรียนจบ ถ้าไก่อยากทำงานกับพี่บอกได้ตลอดเวลานะ” เขาเป็นทายาทเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ดำเนินการครบวงจรตั้งแต่สร้างบ้านอยู่อาศัยจนถึงสถานีรถไฟฟ้า ในฐานะลูกชายคนโตครอบครัวของสมิติเตรียมผลักดันเขาให้รับตำแหน่งประธานแทนบิดาในอีกไม่เกินห้าปีข้างหน้า
กฤติการับซองนั้นมาเธอเดาได้ว่าคงเป็นเช็คเงินสดแบบที่เขามักจะให้ในโอกาสพิเศษแบบทุกคราว แต่วันนี้เธอต้องตกใจเมื่อเห็นจำนวนตัวเลขในนั้น
“สิบล้าน ทำไมเยอะขนาดนี้ค่ะ”
“ไม่เยอะหรอก ไก่อยู่กับพี่มาตั้งสี่ปีแค่นี้ทำไมพี่จะให้เมียไม่ได้” เขาพูดแล้วชะงักแต่ไม่ได้แก้คำพูดอะไร คนฟังใจฟูกับคำว่า 'เมีย' สมิติไม่เคยเรียกเธอด้วยคำนี้ตลอดเวลาที่อยู่กันมา
แต่ความดีใจของเธอก็หายไปเมื่อเขามองเวลาหยิบเสื้อมาพาดบนแขนทำท่าเหมือนจะออกไปไหน
“พี่กลับก่อนนะไก่”
“คืนนี้ไม่นอนนี่เหรอคะ”
สมิติส่ายหน้า “พรุ่งนี้พี่ต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า ส่วนคืนวันเสาร์ต่อจากนี้พี่คงไม่ได้สักสองสามเสาร์นะ ถ้าไก่อยากจะไปเที่ยวไหนกับเพื่อนก็ไม่ต้องกังวลไปได้เลย” เขาพูดแล้วไม่ได้รอฟังว่าเธอจะว่าอย่างไรเปิดประตูออกไปไม่หันกลับมามองเธอ
คืนนั้นเธอร้องไห้จนหลับ และสมิติไม่ได้มาหาเธอในวันเสาร์ต่อๆ มาตามที่เขาพูดจริง
“พี่ฮานคะ เพื่อนหน่อยชื่อเมนี่เรียนคณะเดียวกัน ส่วนเมนี่นี่พี่ฮานน่ะ” เกศราแนะนำให้อัศรากับเพื่อนใหม่รู้จักกันตามมารยาท จงใจไม่บอกว่าอัศราเป็นใครเพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะแนะนำสถานะใดจึงข้ามไปเสีย“สวัสดีค่ะพี่ฮาน หน่อยให้เราลงข้างหน้านี่ก็ได้ห้องเราอยู่ฝั่งตรงข้ามเดี๋ยวเราเดินข้ามสะพานลอยไปเอง” “ไปเองได้แน่นะเมนี่” อัศราจอดรถที่หน้าสะพานลอยตามที่มาลีรินทร์บอก ชายหนุ่มรับไหว้เพื่อนของเกศราก่อนที่เธอจะลงจากรถไป “พี่ไก่ล่ะคะ” เกศราถามถึงพี่สาวทันที “ไก่ไปธุระ พี่ไปรอรับแม่มาเมื่อเช้าตอนนี้แม่มาอยู่ที่บ้านเราแล้ว ยายหนูเชอรี่ก็อยู่กับแม่ด้วย พี่เลยบอกว่าจะมารับหน่อยเอง” อัศราอธิบาย บ้านเราที่เขาพูดถึงคือบ้านหลังที่เขาซื้อต่อจากกฤติกาตั้งใจจะยกให้เกศราและลูกแต่เธอไม่ยอมรับมันสักที เกศรานั่งนิ่ง เธอไม่รู้จะพูดอะไรจะว่าเขามารับลูกไปโดยไม่บอกก็ไม่ได้เพราะเขาบอกไว้แล้วอัศราเลี้ยวรถไปทางบ้านที่เขาซื้อให้หญิงสาว ตอนนี้เขาทำห้องเด็กและตกแต่งห้องนอนข้างบนหมดแล้ว ด้านล่างเหลือส่วนในสวนและที่ต้องต่อเติมที่อยากรอถามเจ้าของบ้านก่อนเกศรามองบ้านที่ครอบครัวเธอย้ายออก
พวกเขาไปถึงกรุงเทพฯ ในเวลาเย็น อัศรายกผลไม้ลงมาไว้ที่บ้านของกฤติกาจนเกือบหมด อีกส่วนแบ่งให้คนขับรถไป“ทำไมไม่แบ่งไปกินบ้างคะพี่ฮาน” “พี่เอาไปก็กินไม่ทัน เอาไว้พี่มากินที่นี่ก็ได้ครับ ต้องมาทุกวันอยู่แล้ว” “งั้นนัทแบ่งไปให้แม่บ้างสิ เยอะขนาดนี้กินกันไม่หมดหรอก” เกศราพูดขึ้นบ้าง ทำให้กฤติกาและก้องเกียรติมองหน้ากัน“ได้ๆ ดีเลย แม่ชอบเงาะกับทุเรียนนัทจำได้ พรุ่งนี้นัทเอาไปให้แม่เอง” ก้องเกียรติดีใจที่เกศรามีทีท่าอ่อนลงต่อมารดา เขารู้ว่าบาดแผลระหว่างพี่สาวกับแม่มันกว้างและลึกจนเข้าใจพี่สาวดี อาจจะเพราะว่าตอนนี้เธอเองก็เป็นแม่กระมัง เด็กหนุ่มคิดในใจเกศราอุ้มลูกเดินกลับห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง อัศราช่วยถือของเดินตามไปให้ เขามองไปรอบห้องอย่างพิจารณา ถ้าใครรู้ว่าลูกเมียเขาอยู่ในห้องธรรมดาแบบนี้เสียชื่อแย่ บริษัทอัศราดูโฮมงานไม่ได้น้อยหน้าใคร เกศราและเชอรี่ควรมีที่อยู่ที่สะดวกกว่านี้“พี่ว่าตอนนี้หน่อยย้ายไปอยู่ข้างบนได้แล้วมั้ง” “ข้างล่างสะดวกกว่าค่ะ เวลาทำงานบ้านจะได้มาดูลูกได้ง่าย สะดวกเวลาพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยงลูกด้วย” “ก็ทำห้องเด็กข้างล่างไว้ให้เวลาพาเชอรี่ลงมาตอนกลางวั
“ข้างบนไม่มีห้องน้ำนะครับ ใครอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำก็เปลี่ยนที่ห้องน้ำด้านล่างเลย” บูรพาแจ้งสมาชิกปุ๊บปั๊บทัวร์ของเขาให้รู้กันว่าด้านบนไม่มีห้องน้ำ โดยเฉพาะสาวสวยสองคนที่น่าจะต้องมีธุระกับห้องน้ำมากกว่าหนุ่มๆ แบบพวกตน“เอาไงดีเรา จะเล่นน้ำไหมหน่อย” กฤติกามองหน้าน้องสาว เกศรามองไปที่น้องเชอรี่ทันทีว่าถ้าลงเล่นน้ำลูกสาวจะทำอย่างไร“ถ้าหน่อยกับลูกไก่อยากลงพี่จะดูเชอรี่เอง” อัศรารีบตอบ“ยังไม่แน่ใจค่ะว่าอยากลงไหม แต่อยากไปห้องน้ำเปลี่ยนชุดก่อนก็ดี” เกศราพูดกฤติกาเองก็เห็นด้วย สองสาวจึงขอเวลาครู่หนึ่งไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัวประสาผู้หญิง ปล่อยให้สามหนุ่มกับหนึ่งเด็กหญิงนั่งเล่นที่ซุ้มม้านั่งรอท่ามกลางบรรยากาศที่สดชื่น รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่มีมากกว่าข้างนอกอุทยานไม่นานนักสองสาวกลับมาในชุดใหม่ที่คล่องตัวขึ้นคือเสื้อยืดแขนกุดกับกางเกงยีนขาสั้นสามส่วนเหนือเข่าเล็กน้อย กฤติกามีกล้องดิจิทัลมาด้วยเผื่อถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้“เฮียจ้องอะไรน่ะ” บูรพาถามเขาเห็นอัศราจ้องขาของเกศราเหมือนไม่เคยเห็น“ว่าแต่เมียกับพี่สาวเมียเฮียเขาสวยกันดีจังนะ สูงยาวเข่าดี ขาวดีด้วย” บูรพาเอ่ยชมโดยไม่คิดอะไร
เกศราลงมาพอดี คุณอัมพรกวักมือเรียกแม่ของหลานสาวมาหา “มาหาแม่จ้ะหนูหน่อย” “คะคุณแม่” เธอไปหาผู้ใหญ่อย่างงงๆ คุณอัมพรส่งสร้อยทองมีพระองค์เล็กซึ่งเป็นพระเครื่องดังของจ.ระยอง ส่งให้เกศรานางตั้งใจเลือกเส้นไม่ใหญ่มากเพื่อให้เกศราไม่ปฏิเสธ“แม่กับพ่อให้รับขวัญนะลูก จะได้เป็นสิริมงคลกับชีวิตไปไหนแคล้วคลาดปลอดภัยนะ” เหตุผลของผู้ใหญ่ทำให้หญิงสาวพนมมือไหว้รับ “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากค่ะ” “ตาฮานส่งลูกมาให้แม่แล้วใส่สร้อยให้น้อง” นางชูสร้อยข้อมือเมื่อครู่ให้หลานสาวดู เด็กหญิงโผเข้าหาคุณย่าทันทีเพราะชอบเสียงกรุ๊งกริ๊งของมัน ชายหนุ่มรวบผมของเกศราไปทาง เขาแบมือขอสร้อยจากเธอแต่หญิงสาวเอียงศีรษะหลบ“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฮาน หน่อยทำเองได้”“เอามาพี่ใส่ให้จะได้ไปกินมื้อเช้ากันเร็วๆ” อัศราทำเสียงดุ ทำให้เธอยอมส่งสร้อยให้ลมหายใจที่ปัดผ่านต้นคอทำให้เกศราตัวเกร็ง หญิงสาวออกห่างเขาทันทีเมื่อเขาสวมสร้อยให้เสร็จแล้ว “ขอบคุณค่ะ” เธอเดินตรงไปนั่งข้างน้องชายแต่ก้องเกียรติลุกขึ้นย้ายไปนั่งข้างกฤติกา“พี่ฮานนั่งตรงนี้เลยครับ นัทอยากชิมขนมครกกับพี่ไก่” อัศรานั่งลงข้างเกศรา เขารินกาแฟจากเหยือกใส่ถ้วยเลื่
เย็นวันศุกร์มาถึงอัศรานำรถคันใหญ่มารับครอบครัวของเกศราไปบ้านพ่อแม่เขาที่ระยอง นางอัมพรมารดาของเขาเดิมเป็นบุตรสาวเจ้าของสวนผลไม้รายใหญ่ในระยอง เมื่อมาแต่งงานกับบิดาของอัศราทั้งสองไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพ-ระยอง จนถึงวันที่ยกหน้าที่ในบริษัทให้ลูกชายจึงพากันโยกย้ายไปอยู่ที่สวนเป็นหลักสมาชิกที่เดินทางไปด้วยมีเกศรา เด็กหญิงอัญชุลี กฤติกาและก้องเกียรติ ส่วนนางแก้วคำขอตัวไม่มาเพราะมะลิ บุตรสาวคนเล็กมีไข้เล็กน้อยวันนี้อัศราไม่ได้ขับรถเอง เขาให้คนขับรถที่บริษัททำหน้าที่เพื่อที่ตนเองจะได้มีเวลาดูแลคณะเดินทางได้มากขึ้น“แวะซื้อกาแฟข้างหน้าก่อนได้ไหมคะพี่ฮาน” กฤติกาส่งเสียงมาจากเบาะหน้าภายในตัวรถมีที่นั่งสองแถวด้านหน้ามีสองที่กฤติกานั่งคู่กับน้องชาย ส่วนเบาะแถวที่สองอัศราติดตั้งคาร์ซีตให้ลูกสาวตรงกลาง เกศราจึงต้องมานั่งเบาะหลังกับลูก ส่วนอีกที่เป็นของพ่อของเด็กหญิงนั่งขนาบคนละข้าง“ได้ครับ ลูกไก่เปิดกระจกบอกคนขับข้างหน้าได้เลย” อัศราหันมาสนใจเด็กหญิงที่คว้าแขนเสื้อพ่อไว้แน่น“ลูกหิวหรือเปล่าหน่อย มีขวดนมมาไหมครับ”“ยังหรอกค่ะ เพิ่งกินมาเมื่อชั่วโมงก่อน ถ้าจับแบบนี้คือจะชวนเล่น”เกศราอธิบาย ลูก
อัศรากดลิฟต์ไปที่ชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นบนสุด เป็นส่วนการทำงานเฉพาะฝ่ายผู้บริหารและกรรมการบริษัท รวมถึงผู้ช่วยและเลขานุการของอัศรา ปีนี้ชายหนุ่มขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารหลังจากที่บิดาของเขาวางมือจากงาน ปล่อยให้ลูกชายคนเดียวรับหน้าที่ดูแลบริษัทดูแลพนักงานต่อ“นี่คุณกิจเลขาพี่ เวลาหน่อยมาที่นี่ถ้าไม่เจอพี่จะเอาอะไรบอกเขาได้เลย” อัศราแนะนำให้เธอรู้จักกับชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับตนเองนามว่านพกิจซึ่งพ่วงทั้งตำแหน่งผู้ช่วยและเลขานุการส่วนตัว“สวัสดีค่ะคุณกิจ” หญิงสาวพนมมือไหว้นพกิจทันทีซึ่งอีกฝ่ายรับไหว้และสนทนาทักทายทำความรู้จักกัน แต่ในใจก็สงสัยคำพูดของเขาเธอไม่คิดว่าตนเองจะมีธุระอะไรที่นี่ หากว่าอัศราไม่ได้เป็นคนพาเธอมาอยู่แล้ว“ห้องเรียบร้อยรึยังนายกิจ” อัศราถามเลขา“เรียบร้อยครับคุณฮาน ตรวจดูได้เลยถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมแจ้งผมได้นะฮะ” เกศราเข้าไปในห้องทำงานของอัศรา มันก็ดูปกติดีมีโต๊ะทำงาน เก้าอี้ ตู้เอกสาร โต๊ะรับแขก แล้วไหนที่ว่าเขาเตรียมที่ให้เชอรี่มาอยู่ที่นี่ช่วงกลางวัน“ไหนคะห้องเด็กของเชอรี่” อัศราเปิดประตูบานหนึ่งขึ้นมองเข้าไปภายในเกศราจึงเข้าใจ ภายในถูกตกแต่งด้ว
Comments