อดีตเด็กเลี้ยง สู่ตำแหน่งเมียที่เคารพ สมิติ หรือชื่อที่รุ่นน้องพากันเรียกว่าเฮียหมิง ทายาทเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจการเสริมเป็นโรงเบียร์ เปิดไว้เพื่อเป็นที่พบปะสังสรรค์ กฤติกา หรือลูกไก่ อดีตเด็กในคอนโทรลที่เฮียหมิงเคยส่งเสียเลี้ยงดูจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เด็กสาวที่ต้องเข้าสู่วังวนของการใช้ร่างกายเข้าโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เธอเป็นพี่สาวคนโตที่มีน้องสามคน ล้วนแล้วแต่คนละพ่อ แม่มีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้างไม่สามารถส่งเสียเธอและน้องๆ ได้ เธอตัดใจยอมเป็นเด็กเสี่ยในวันที่ไม่มีเงินเหลือติดตัวสักบาท น้องๆ ไม่มีข้าวจะกิน อาจจะเป็นความโชคดีที่ลูกค้าคนแรกของเธอคือเขา เฮียหมิงยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นเด็กให้เขาเลี้ยงเพียงคนเดียวไม่ต้องรับลูกค้าอื่น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองกินเวลาเกือบห้าปีเมื่อเธอเรียนจบและเขาอยากมีเด็กคนใหม่พอดีทั้งสองจึงไม่พบกันอีกตั้งแต่นั้น จนกระทั่งเด็กสาวคนนั้นเติบโตในฐานะยูทูบเบอร์ชื่อดัง มีธุรกิจของตัวเองและกลายเป็นสาวเต็มตัวในอีก 5 ปีต่อมา เฮียหมิงผู้ที่เคยเป็นเสือมาตลอด กลับอยากเอาตัวเองไปให้อดีตเหยื่ออย่างลูกไก่ตัวน้อยชิม แหกกฎที่ว่า "ถ้าจะเป็นเสือ อย่าหลงรักเหยื่อและอย่ากินเนื้อก้อนเก่าของตัวเอง" เสียสิ้น
Lihat lebih banyak“ลูกไก่วันนี้สอบเสร็จวันสุดท้ายแล้วไปฉลองกันเถอะ” ญาณินชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียน วันนี้พวกเธอสอบวันสุดท้าย เทอมสุดท้ายแล้ว หมายความว่าต่อไปจะไม่ได้มาเจอกันแบบนี้อีก
ญาณินและกฤติกาไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่สี่ปีที่ผ่านมาก็คุยกันดี ช่วยเหลือกันดีเวลามีงานกลุ่มหรือติวด้วยกัน อาจจะเพราะว่าญาณินมีกลุ่มเพื่อนสนิทเดิมที่แต่ละคนค่อนข้างมีฐานะทางบ้านดีมาก ส่วนกฤติกาเป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดที่หัวดีจนสอบผ่านเข้ามาเรียนด้วยกันเท่านั้น
“เราคงไปไม่ได้ที่บ้านรอฉลองอยู่” กฤติกาปฏิเสธแม้ว่าจะอยากไปกับเพื่อนมากก็ตาม
“ไม่เป็นไร งั้นเอาไว้วันมาฟังผลสอบขึ้นทะเบียนบัณฑิตค่อยไปหาอะไรกินกันนะ” ญาณินเป็นคนพูดง่าย เธอเคารพในเรื่องส่วนตัวของทุกคน เมื่อเธอพูดแบบนั้นกฤติกาจึงมีสีหน้าดีขึ้นเธอพยักหน้า
“ฮื่อ ขอบใจนะนินฝากขอโทษเพื่อนคนอื่นด้วย เราไปล่ะ” กฤติกามองในห้องสอบ ยังมีเพื่อนหลายคนที่ทำข้อสอบไม่เสร็จเธอมองเวลากลัวว่ายิ่งเย็นจะยิ่งรถติดจึงขอตัวกลับก่อน
กฤติกาขึ้นรถประจำทางหน้ามหาวิทยาลัย เธอตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งซื้อของสดไปทำอาหารเตรียมรอใครบางคนที่บอกว่าจะมาฉลองสอบเสร็จกับเธอ เธอเลือกซื้อผัก เนื้อสัตว์หลายอย่างจากนั้นเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
เธอรีบลงมือเตรียมทำอาหารอย่างเร่งด่วนเพราะคนที่จะมาเคยบอกว่าชอบอาหารที่เธอทำเอง จากนั้นจึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเวลาผ่านไปจนเย็นย่ำเธอเริ่มกระวนกระวายเมื่อคนที่รอยังไม่มา
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาจะโทรหาแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกไว้ได้เธอจึงวางมันลงที่เดิม
“เบอร์โทรพี่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินไก่โทรหาพี่ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ขอให้ฉุกเฉินจริงๆ นะ”
สมิติอาจจะกำลังติดงาน อาจจะกำลังคุยกับลูกค้าอยู่ และการที่เขามาช้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน อีกทั้งเธอเองไม่มีสิทธิ์โทรตามเขา กฤติการู้สถานะตัวเองดี
เธอกัดริมฝีปากเมื่อคิดถึงสถานะที่ว่า เธอไม่ใช่ญาติ ไม่ใข่คนรัก ไม่ใช่ภรรยาแต่เธอเป็นแค่เด็กที่เขาเลี้ยงไว้ในฐานะเมียเก็บ แลกกับการที่เขาส่งเสียเธอเรียน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเงินรายเดือนจำนวนที่มากพอดู อย่างน้อยก็มากกว่าเงินเดือนของเด็กจบใหม่หลายเท่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้มันทำให้ความหิวและความดีใจที่จะได้พบเขาลดลงไปจนเกือบหมด สมิติย้ำเสมอว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยน ตราบใดที่ยังพอใจกับผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนที่ได้ระหว่างกัน มันก็ยังดำเนินไปได้ต่อไปเรื่อยๆ
เธอเคยถามเขาว่าทำไมถึงให้เงินรายเดือนเธอในจำนวนที่มาก ทั้งที่เขาก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของเธออยู่แล้ว
“เอาไปเถอะพี่อยากให้ วันนี้พี่ยังเอ็นดูเราอยู่ไก่ควรจะกอบโกยจากพี่ให้ได้มากที่สุด เพราะสักวันเรื่องของเราก็ต้องจบลง” สมิติพูดเพราะเขาเดาได้ว่าเด็กสาวแบบกฤติกาหากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก คงไม่ยอมมาอยู่เป็นเด็กเสี่ยให้เขาเลี้ยง
ชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจอายุมากกว่าเธอหลายปี ในวันที่พบกันวันแรกจากการแนะนำของเพื่อนเธอที่เป็นเด็กของเพื่อนเขาอีกที วันนั้นกฤติกาอายุ 18 และเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาไม่ปฏิเสธว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาดีมาก แต่สิ่งที่เขาตัดสินใจรับเลี้ยงเธอจริงจังคือแววตาของเด็กสาวทั้งลังเลและไม่แน่ใจในสิ่งที่เธอกำลังทำนั่นต่างหาก
แต่สมิติก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะเสียเงินทิ้งเปล่าๆ แล้วไม่แตะต้องเธอ เขาจะมาค้างกับกฤติกาเฉลี่ยสัปดาห์ละหนึ่งวันโดยที่เขามีเพียงเงื่อนไขเดียวคือเธอห้ามมีคนอื่น ห้ามมีคนรักและเธอต้องเป็นฝ่ายคุมกำเนิด ผ่านมาจากวันนั้นถึงวันนี้สี่ปีเต็ม จากเด็กสาวก้าวมาเป็นหญิงสาวเต็มตัว เธอก็ยังอยู่กับเขาที่คอนโดที่เขาซื้อให้อยู่
สี่ทุ่มคืนนั้นสมิติเปิดประตูห้องเข้ามา เขาเห็นอาหารบนโต๊ะเย็นชืดส่วนคนทำหลับอยู่บนโซฟา สเต็กสองจานยังอยู่ดีแปลว่ากฤติกายังไม่ได้ทานมื้อเย็น วันนี้ไม่ใช่วันประจำที่เขาจะมาค้างด้วย แต่ที่เขาบอกไว้ว่าจะมาเพราะอยากมาฉลองที่เธอสอบเสร็จ
ชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเธอ แต่เขาถอดเสื้อนอกวางพาดบนพนักโซฟาอีกตัว พับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวจนถึงข้อศอกหยิบจานสเต็กอุ่นในไมโครเวฟทีละจาน เสียงกุกกักนั้นทำให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น
“พี่มาแล้วเหรอคะ ทำไมไม่ปลุกไก่” เธอลุกมาหาเขา
“พี่เห็นเราหลับเลยไม่อยากปลุก ทีหลังถ้าพี่มาช้าไม่ต้องรอนะ กินก่อนได้เลยแล้ววันนี้สอบเป็นไง” เขาพูดพลางยกจานมาวางที่โต๊ะ เมื่อเธอทำท่าจะช่วยเขาจึงรีบพูดต่อ
“ไม่ต้องหรอก ไก่เป็นคนทำแล้วพี่ช่วยอุ่นดีกว่าไปนั่งรอเถอะ”
กฤติกานั่งรอตามที่เขาบอก เธอทำตัวเป็นเด็กดีสำหรับเขามาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันเพราะอะไรแต่เธอก็อยากให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเป็นไปด้วยดี
“ก็ดีค่ะ ทำข้อสอบได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร” เธอมั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอต้องได้คะแนนท็อปของรุ่นแต่ไม่ได้พูดออกไป
“ก็ดีแล้วไก่อยากทำงานที่ไหน ทำที่ไปฝึกงานไหม” เขาหมายถึงบริษัทของเขาเองที่เธอเคยไปฝึกงานในเทอมก่อน แต่หญิงสาวส่ายหน้าทันที ที่นั่นมีทั้งมารดาและน้องสาวของเขา แม้ว่าต่อหน้าคนอื่นสมิติปฎิบัติต่อเธอเหมือนคนไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวของเขาจะรู้ว่าเธอเป็นใคร และเธอก็รับรู้ดีว่าน้องสาวของเขาไม่ชอบเธอแบบมากๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไก่อยากหางานทำเองก่อน” เธอปฏิเสธ สมิติไม่แปลกใจเด็กจบใหม่บางคนไฟแรงอยากหางานด้วยความสามารถของตัวเองมีเยอะ เขาจึงไม่ว่าอะไร
ทั้งสองทานอาหารด้วยกันเงียบๆ สมิติทานมาแล้วเขาจึงทานน้อยกว่าปกติ กฤติกามองแล้วถาม
“วันนี้ไก่ทำไม่ถูกปากเหรอคะ”
“เปล่า อร่อยเหมือนเดิมแต่พี่ทานมาแล้วน่ะ ไก่ทานเถอะ” เขาอธิบายแค่นั้น ไม่ได้พูดต่อว่าวันนี้มารดาขอให้เขาไปส่งที่โรงแรมที่ท่านนัดเพื่อนไว้ พอไปถึงเพื่อนแม่พาลูกสาวมาด้วยเขาถูกขอให้ร่วมโต๊ะทานอาหาร สมิติไม่อยากหักหน้าแม่ต่อหน้าคนอื่นเขาจึงมาสายและไม่มีเวลาโทรบอกกฤติกา
กฤติกาหน้าหมองลงนิดหน่อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ สมิติลุกขึ้นไปหยิบเสื้อนอกล้วงเอาซองในนั้นมาส่งให้เธอ
“ของขวัญวันเรียนจบ ถ้าไก่อยากทำงานกับพี่บอกได้ตลอดเวลานะ” เขาเป็นทายาทเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ดำเนินการครบวงจรตั้งแต่สร้างบ้านอยู่อาศัยจนถึงสถานีรถไฟฟ้า ในฐานะลูกชายคนโตครอบครัวของสมิติเตรียมผลักดันเขาให้รับตำแหน่งประธานแทนบิดาในอีกไม่เกินห้าปีข้างหน้า
กฤติการับซองนั้นมาเธอเดาได้ว่าคงเป็นเช็คเงินสดแบบที่เขามักจะให้ในโอกาสพิเศษแบบทุกคราว แต่วันนี้เธอต้องตกใจเมื่อเห็นจำนวนตัวเลขในนั้น
“สิบล้าน ทำไมเยอะขนาดนี้ค่ะ”
“ไม่เยอะหรอก ไก่อยู่กับพี่มาตั้งสี่ปีแค่นี้ทำไมพี่จะให้เมียไม่ได้” เขาพูดแล้วชะงักแต่ไม่ได้แก้คำพูดอะไร คนฟังใจฟูกับคำว่า 'เมีย' สมิติไม่เคยเรียกเธอด้วยคำนี้ตลอดเวลาที่อยู่กันมา
แต่ความดีใจของเธอก็หายไปเมื่อเขามองเวลาหยิบเสื้อมาพาดบนแขนทำท่าเหมือนจะออกไปไหน
“พี่กลับก่อนนะไก่”
“คืนนี้ไม่นอนนี่เหรอคะ”
สมิติส่ายหน้า “พรุ่งนี้พี่ต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า ส่วนคืนวันเสาร์ต่อจากนี้พี่คงไม่ได้สักสองสามเสาร์นะ ถ้าไก่อยากจะไปเที่ยวไหนกับเพื่อนก็ไม่ต้องกังวลไปได้เลย” เขาพูดแล้วไม่ได้รอฟังว่าเธอจะว่าอย่างไรเปิดประตูออกไปไม่หันกลับมามองเธอ
คืนนั้นเธอร้องไห้จนหลับ และสมิติไม่ได้มาหาเธอในวันเสาร์ต่อๆ มาตามที่เขาพูดจริง
จากที่ตั้งใจว่าจะไม่ออกไปไหน วันรุ่งขึ้นกฤติกาต้องเข้าสำนักงานโดยที่เธอไปกับวายุ ส่วนสมิติเขาบอกว่า“พี่มีงานด่วน ไก่ไปกับวายุเขาจะรอรับกลับหรือไก่อยากไปไหนก็บอกเขาได้เลย”“ขอบคุณค่ะ” เธอร้อนใจจนต้องออกจากบ้านแต่เช้ามาถึงสำนักงานก่อนเวลาเข้างานของพนักงานเสียอีก“คุณวายุรอตรงนี้นะคะ เชิญตามสบายเลยค่ะ” เธอเดินนำวายุไปรอในห้องรับรองสั่งให้สุพรรณ์จัดกาแฟและน้ำให้เขาด้วย“เรื่องที่ให้สืบว่าไง” สมิติอยู่ที่บริษัทอัศราดูโฮม เจ้าของบริษัทถูกปลุกให้มาตั้งแต่เช้า หน้าตาค่อนข้างยับยู่ยี่“เฮียปลุกผมวันไหนไม่เคยโมโหเท่าวันนี้เลยว่ะ” เขาบ่นเบาๆ ทำให้สมิติมองหน้า“ทำไม กกเมียอยู่เหรอแต่คงไม่ใช่เพราะท่าทางน้องหน่อยน่าจะรองานแต่ง” “ชิ.. แล้วเฮียไม่คิดจะทำอะไรให้ถูกต้องตามประเพณีมั่งเหรอ นี่ผมกำชับหน่อยไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกแม่ว่าพี่สาวไปอยู่กับใคร” อัศราถามถึงการที่สมิติพากฤติกาไปอยู่ด้วยกันตั้งแต่วานนี้“ฉันคิดเองได้ ไม่ต้องมาเตือนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไก่ไปหาคุณย่าใหญ่” คุณย่าใหญ่ที่สมิติพูดถึงคือพี่สาวของปู่ ท่านผู้หญิงสุวดี วดีภิรมย์ สามีของท่านเป็นอดีตผบ.ทบ. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี ท่านผู้หญิงและสา
เย็นนั้นสมิติมารับกฤติกาจริง ท่ามกลางความสงสัยของญาณินแต่กฤติกาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจึงเลือกที่จะไม่พูดตอนที่ชายหนุ่มเข้ามาพวกชายชุดดำพวกนั้นยังวนเวียนอยู่หน้าสำนักงานของกฤติกา แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรไม่ได้ใช้การ์ดเพิ่มเติมมีเพียงวายุคนเดียวที่ทำหน้าที่ขับรถให้ เมื่อเขาออกมาอีกทีพวกมันไปกันหมดแล้ว“ไก่ไปรถพี่ เอากุญแจรถไก่ให้วายุขับไปให้” สมิติพูดเสียงเรียบ เธอยอมทำตามเขาพูดแต่โดยดี อาจจะเพราะความเครียดหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่วันนี้เธอยอมรับว่าดีใจที่เห็นสมิติมา“เราจะไปไหนกันคะ” เธอถามเมื่อเขาไม่มีทีท่าจะจอดที่ร้านไหน หรือหาที่คุยที่ไหนสักที่“ป่านนี้เรื่องที่พี่มารับไก่คงไปถึงหูธำรง” สมิติเปรย เขาไม่เรียกชายคนนั้นว่าท่าน ในเมื่อไม่มีความดีใดให้นับถือก็ไม่จำเป็นต้องยกย่องเกินควร และนั่นคือสิ่งที่ธำรงไม่พอใจเขามาตลอด“คะ แล้ว..” กฤติกาคิดอะไรไม่ออก “ช่วงนี้ไก่ไปอยู่กับพี่ก่อนน่าจะดีที่สุด” เขาพูดง่ายๆ เธอไม่ทันสังเกตว่าเขาเลี้ยวเข้าซอยหนึ่งจนรถไปจอดหน้าคอนโดมิเนียมที่ได้ชื่อว่าราคาต่อยูนิตแพงติดอันดับแห่งหนึ่ง ตึกนี้เป็นโครงการของสมิติเอง ห้องของเขาอยู่ชั้นบนสุดเป็น Triplex Pent
“พี่ลูกไก่ ท่านธำรงบอกว่าขอคุยกับพี่ค่ะ” เกศรารับโทรศัพท์เบอร์หลักของเพจแล้วได้รับการแจ้งว่าปลายทางคือท่านธำรง เธอปิดเสียงไว้และหันมาบอกพี่สาวเสียงกระซิบกฤติกาพยักหน้า ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะเลี่ยงไปเลี่ยงมาอีก“สวัสดีค่ะท่าน กฤติกาพูดค่ะ” “แหม..หนูลูกไก่พูดซะเป็นทางการเลย เลขาของหนูคงบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” ปลายเสียงตอบกลับมา ในขณะที่กฤติกาเบ้ปาก เธอจะไม่พูดเป็นทางการได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายใช้ตำแหน่งมาคุยกับเธอ“ค่ะท่านธำรง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ลูกไก่รับใช้คะ” อีกฝ่ายหัวเราะร่าเมื่อเธอตอบแบบนี้“ใครจะไปกล้าใช้หนู ฉันแค่อยากเลี้ยงข้าวหนูสักมื้อเห็นงานที่หนูทำเพื่อประโยชน์ของสังคม หนูน่าจะมีชื่อในคณะกรรมาธิการในสภาด้านการพัฒนาสังคมนะจ๊ะ” “ขอบพระคุณมากค่ะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยที่จะได้ร่วมโต๊ะทานข้าวกับรัฐมนตรี แต่ต้องขออภัยด้วยนะคะช่วงนี้ลูกไก่ไม่ค่อยว่างงานยุ่งมากเลยค่ะ” เธอปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากบอกหนูตรงๆ ว่าอยากทานข้าวด้วยสักมื้อให้หนูเก็บไปคิดดูนะ หนูยอมไปทานข้าวกับฉันสักมื้อหนูอาจจะมีการงานที่รุ่งโรจน์ไปมากกว่านี้อีก” ธำรงทิ้งท้ายด้วยข้อเ
สมิติใช้มืออังหน้าผากเธอเมื่อรู้สึกว่ามีไอร้อนจากตัวกฤติกา “ไม่สบายแล้วกินยารึยัง” กฤติกาหันหน้าไปทางอื่น จนเขาต้องเรียกอีกครั้ง“ไก่ พี่ถามทำไมต้องดื้อ” “แล้วยังไงคะ ถึงไม่ดื้อไก่ก็ไม่ดีอยู่แล้วออกไปเถอะค่ะ กินยาแล้วนอนแล้วจนพี่มาปลุกนี่ล่ะ” ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่อยากยั่วโมโหเขามากนัก กลัวว่าสมิติจะโมโหแล้วทำอะไรเธอจริงๆ สมิติปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระเขารู้ว่าเธอยังโกรธเคืองเขาอยู่จึงไม่อยากทำอะไรที่ฝืนใจกฤติกามากกว่านี้ เขาแค่อยากมาคุยจริงๆ ชายหนุ่มขยับตัวเอาผ้ามาห่มให้และลุกขึ้นยืน“พี่ไปล่ะ ไก่ตกลงใจได้เมื่อไหร่ก็ไปหาพี่ได้ตลอดเวลา อ้อปลดบล็อกไลน์ให้พี่ด้วยถ้าไม่อยากให้พี่มาคุยกันแบบตัวต่อตัวอย่างนี้อีก” เขาพูดถึงไลน์ที่เธอบล็อกเขาทันทีที่รู้ว่าคนที่เธอส่งโลเคชั่นให้เป็นเขาเองสมิติออกไปแล้วกฤติการีบไปล็อกประตู หัวใจเธอเต้นแรงหญิงสาวปลดบล็อกไลน์ตามที่เขาบอก เธอไม่อยากให้เขามีข้ออ้างอะไรอีกแล้ว หลังจากนั้นเธอกลับนอนไม่หลับเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาพูดใช่เธอเป็นแบบที่เขาบอกว่าเธอขาดอำนาจที่ปกป้องตัวเอง ผู้หญิงตัวเล็กๆ ต่อให้มีชื่อเสียง ต่อให้อยู่ในสปอร์ตไลฟ์ก็ไม่ใช่ว่าจะสู้กับอิทธิพล
“ว่าไงเรื่องที่ให้ติดต่อคุณลูกไก่” ท่านธำรงถามเลขา“เธอปฏิเสธครับท่าน เธอบอกว่าเธอไม่ต้องการให้รายการมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง” เลขานุการตอบอย่างนอบน้อม“ฉันก็ไม่ได้อยากให้ลูกไก่มาเกี่ยวข้องกับการเมือง แค่มาเกี่ยวข้องกับฉันก็พอ” ท่านธำรงพูดแต่เลขาทำหน้าลำบากใจ“เกรงว่าจะยากนะครับ จากการสืบประวัติคุณลูกไก่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณสมิติ ถ้าท่านออกตัวแรงมากไปผมว่าเราอาจจะเสียความสนับสนุนที่เคยได้จากเอสเอ็มกรุ๊ป” เอสเอ็มกรุ๊ปถือเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กิจกรรมทางการเมืองของท่านธำรงโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ซึ่งได้มาจากการวิ่งเต้นของสมาภรณ์ลูกสะใภ้ของท่านธำรง“แล้วยังไง ไอ้หมอนั่นมันก็ไม่เคยอยากมาสนับสนุนอะไรฉันอยู่แล้ว ขนาดฉันเป็นรัฐมนตรีมันยังผยองไม่เคยลงให้ถ้าได้ผู้หญิงของมันมาอยู่บนเตียงของฉันก็ดีสิ ไอ้สมิติมันจะได้รู้ตัวว่ามันไม่ได้เหนือกว่าไปทั้งหมด” ถึงแม้ท่านธำรงจะเป็นนักการเมืองระดับต้นๆ ของประเทศเรียกว่าทุกรอบของการจัดตั้งรัฐบาล เขาจะได้ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสมอจากฐานเสียงในพรรคที่มีอย่างเหนียวแน่น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะวางกล้ามต่อสมิติได้ เพราะชายหนุ่มถือว่าเขาเป็นคนจ่
“เฮียจะใจเย็นถึงไหน” อัศราถามในวันต่อมาที่สมิติมาหาเขาที่บริษัท“หน้าตาฉันเหมือนคนใจเย็นเหรอ” สมิติย้อนถาม“หน้าตาเฮียเหรอให้ผมพูดตรงๆ ไหม แม่มเหมือนมหาโจรว่ะตอนนี้” อัศราไม่เกรงใจ“แล้วเฮียมาทำไมวันนี้” เขาถามต่อ“ฉันอยากรู้เรื่องลูกไก่” สมิติยอมรับตรงๆ อัศราพยักหน้าก่อนจะพูดว่า“อืม ผมจะบอกเท่าที่บอกได้นะลูกไก่เขาเรียนจบปริญญาโท ตอนนี้เขาทำคอนเท้นต์ทางยูทูป อ้อเขาเคยเป็นสถาปนิกด้วยล่ะแต่ตอนนี้เขาเลิกทำแล้ว สงสัยคนในวงการนี้บางคนคงเฮงซวยเกินไป” อัศราพูดเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้ว่าสมิติอยากถามถึงอะไร“กูไม่ได้อยากรู้เรื่องพวกนั้น” สมิติแทรกขึ้นมา อีกฝ่ายมองหน้ารู้ว่าถ้าขึ้นมึงกูเมื่อไหร่ อารมณ์คงไม่ปกติ“เฮียหงุดหงิดอะไรว่ามาตรงๆ ดีกว่า” เรื่องของกฤติกาหากสมิติอยากรู้ไม่น่าเกินความสามารถของเขา ไม่เห็นจำเป็นจะต้องถ่อมาถึงที่นี่ อัศราคิดในใจสมิติถอนใจ บางทีอัศรามันก็อ่านใจคนอื่นเก่งจนน่าเตะ“เบื่อที่บ้าน ยุ่งไม่เลิกเรื่องเมียกูเนี่ย” อัศราหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินดังนั้น “เฮียก็ควรยอมรับว่าแก่แล้ว ใครๆ ก็ห่วงปะ” “กูอายุมากกว่ามึงปีเดียว” สมิติพูดเสียงลอดไรฟัน แค่มันได้หมั้นก่อน มีลูกก่อนนี่
Komen