กฤติกาตกลงใจทำงานกับอัศราในตำแหน่งผู้ช่วย หน้าที่เธอคือติดสอยห้อยตามเวลาเจ้านายออกไปไซต์งาน อยู่ในที่ประชุมเวลาเขาคุยกับลูกค้าหรือผู้รับเหมา ทำหน้าที่อ่านแบบงานเพื่อมาคุยรายละเอียดหรือออกความคิดเห็นได้
เมื่อได้ทำงานด้วยกันพอสมควรหญิงสาวพบว่าอัศราเป็นคนจริงจังในเวลางาน ทุกอย่างสำหรับเขาต้องเป๊ะและลูกน้องสามารถท้วงได้หากเขาผิดพลาด แต่นอกเวลาชายหนุ่มก็เหมือนคนอารมณ์ดีทั่วไป ชอบพูดเรื่องตลก ชอบทำให้เธอหัวเราะ
“อ้อ ผมได้ข่าวมาว่าคุณสมิติเขาแก้ข่าวให้ลูกไก่แล้วนะเรื่องขึ้นบัญชีดำ” อัศราพูดขึ้นมาในเย็นวันหนึ่งก่อนเลิกงาน
“คะนาย” เธอเงยหน้ามอง หญิงสาวเรียกเขาว่านายเหมือนที่คนอื่นๆ เรียก
“ผมได้ข่าวมาว่าจากวงในว่าคนที่ทำเรื่องเป็นน้องสาวคนเล็กของเขา สั่งให้ผจก.ฝ่ายบุคคลทำ คุณสมิติของคุณเขาเลยไล่ผจก.ออกกับสั่งพักงานน้องสาว ตัดเงินเดือนครึ่งนึงเป็นเวลาหนึ่งปี”
วงในของอัศราคือวงในจริงๆ เพราะอัศราดูโฮมคือหนึ่งในเครือญาติของสมิติ แต่ในด้านการบริหารมีอิสระของตัวเอง ดำเนินการโดยใช้ทุนฝั่งตัวเอง ในลำดับเครือญาติปู่ของเขาเป็นน้องชายของปู่สมิติ ในทางด้านการงานอัศราดูโฮมเป็นคู่แข่งของเอสเอ็มมานานหลายปี โดยเฉพาะเมื่ออัศราก้าวมารับตำแหน่งกุมบังเหียนแทนพ่อของเขา การฟาดฟันกับเอสเอ็มก็ดูเหมือนว่าจะกล้าเปิดหน้าชนมากขึ้น
“ช่างมันเถอะค่ะ ไก่ก็ไม่ได้คิดจะไปหางานที่อื่นหรอกตอนนี้” เธอพูดความยุติธรรมที่มาช้ามันคือความไม่ยุติธรรมอยู่ดี สิ่งที่เธอต้องเจอในช่วงหนึ่งเดือนนั้น โอกาสต่างๆ ที่เสียไปการแก้ข่าวตามหลังไม่ได้ชดเชยอะไรให้เธอได้ แต่ความดีในอดีตที่สมิติเคยมีให้เธอนั่นทำให้หญิงสาวหยุดความโกรธเคืองไว้เพียงแค่นั้น
เย็นนั้นเธอกลับบ้านด้วยใจที่หนักน้อยลง ความทุกข์ในใจยังอยู่แต่ไม่มากเท่าเดิม หญิงสาวชะงักเมื่อเห็นรถยนต์ของสมิติจอดอยู่หน้าหมู่บ้าน
“คุยกันได้ไหมไก่ พี่มีเรื่องคุยด้วย” ข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้น
หญิงสาวตัดสินใจจอดรถที่ริมถนน ตรงนั้นเป็นสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน สมิติเดินมาเคาะกระจกรถเธอลดกระจกลง
“มีอะไรคะ” เธอไม่มองหน้าเขา
“ลงมาคุยกันได้ไหมไก่”
หญิงสาวเปิดประตูรถเดินนำลงไปที่สวนสาธารณะ เธอมองไปทางสระน้ำเหมือนว่ามันน่ามองกว่าหน้าของสมิติ
“มีอะไรคะว่ามาเลย” เธอเร่งเมื่อไม่ได้ยินเขาพูดอะไร
“เรื่องนั้นพี่จัดการให้แล้วนะ ขอโทษด้วยที่น้องสาวพี่ทำแบบนั้น” เขาไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อเจอท่าทีมึนตึงของอดีตคนในปกครอง
“ค่ะ ไม่ขอบคุณนะคะเพราะไก่ไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้แต่แรก” เธอตอบ
“อีกเรื่องคือพี่อยากอธิบายที่พี่บอกเลิกไก่ พี่หวังดีไก่อายุยังน้อยยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ พี่อยากให้ไก่ใช้ชีวิตอิสระให้คุ้มแล้ววันนึงถ้าเรายังมีโอกาสเส้นทางของเราก็คงได้กลับมาเจอกันอีก”
นกทุกตัวย่อมต้องการอิสระที่จะบินไปเท่าที่ปีกของมันไปถึง แต่สมิติลืมไปว่านกที่มีเจ้าของ นกที่ถูกเลี้ยงมาทั้งชีวิตอิสระอาจจะไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการ
กฤติกายอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดมันดีกับตัวเธอเอง หากเธอไม่ต้องการอนาคตที่ดีเธอคงไม่ยอมอยู่กับเขาเพื่อให้เรียนจบ เพื่อให้มีเงินส่งเสียน้องๆ แต่การตัดสินใจฝ่ายเดียวของเขามันก็โหดร้ายกับความรู้สึกของเธอเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะสำหรับอิสระ แค่นี้ใช่ไหมคะ”
ในใจเธอร่ำร้องว่าเธอไม่ได้ต้องการอิสระที่เขาให้ เธอต้องการเขาต่างหากแต่ถ้าสมิติตัดสินใจไปแล้วเธอก็ยอมรับ
และตัวเขาเอง...ก็ต้องยอมรับเช่นกัน
ทุกการเติบโตย่อมผ่านคืนวันที่เจ็บปวด เหมือนกับเรื่องของเธอและเขาที่ต่อไปมันจะเป็นเพียงแค่ลมที่พัดผ่านแล้วหายไป เหลือเพียงความทรงจำให้คิดถึงเท่านั้น
##############
จากวันนั้นกฤติกาใช้ชีวิตตามปกติ ถึงจะมีเรื่องภายในใจแต่เธอไม่ลืมว่าตนเองยังมีคนที่เธอต้องดูแล ในเทอมต่อมาก้องเกียรติได้เข้าเรียนต่อในระดับปวช. เด็กหนุ่มเลือกเรียนสาขาช่างยนต์ด้วยเหตุผลที่ว่าสามารถหางานง่าย หรือทำอู่เล็กๆ ของตัวเองก็ยังได้
เกศราท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน เด็กสาวดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้พี่สาวเหนื่อยเกินไป อัศราเองที่พักหลังเข้านอกออกในบ้านเธอมากขึ้น เขามีของฝากมาฝากคนท้องบ่อยๆ
ครบกำหนดคลอดเกศราคลอดทารกเป็นเพศหญิง กฤติกาเป็นคนตั้งชื่อให้เองว่าอัญชุลี เด็กหญิงผิวขาว จ้ำม้ำ ริมฝีปากเป็นสีชมพูเข้มจนอัศราที่มาเยี่ยมเรียกว่าน้องเชอรี่ เป็นอันว่าเธอได้ชื่อว่าเชอรี่เป็นนิคเนมตั้งแต่นั้น
เกศราเลี้ยงลูกอยู่บ้านสองเดือน จากนั้นเธอไปลงเรียนมหาวิทยาลัยเปิดตั้งใจจะหางานทำไปด้วย
“อย่าเพิ่งเลยหน่อย เลี้ยงลูกอยู่บ้านสักปีแล้วค่อยว่ากัน” กฤติกาไม่เห็นด้วย
พอมีเด็กอ่อนครอบครัวเธอเริ่มมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามไม่ให้เสียงร้องของหลานไปรบกวนคนอื่น แต่มันก็ต้องมีบ้างที่ต้องมีเสียงร้อง จนกฤติกาถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนไปที่เจ้าของบ้าน
“ซื้อบ้านเองดีกว่าไหมลูกไก่” อัศราเสนอในวันหนึ่งที่เธอปรึกษาเขา
“ไก่เพิ่งทำงานปีเดียวเองค่ะ เครดิตพอเหรอคะ” เธอยังไม่อยากเอาเงินก้อนที่มีมาใช้ซื้อบ้าน เธอกลัวความไม่แน่นอนในอนาคต
“ถ้าถามผม ผมว่าบ้านซื้อเงินสดได้ก็ควรซื้อ ถ้าลูกไก่เสียดายเงินก้อนก็กู้ตัวเองสิ พอถึงรายเดือนเงินเดือนออกก็คืนใส่บัญชีไปเหมือนผ่อนกับธนาคาร ถือว่าให้ตัวเองได้ดอกเบี้ย” อัศราช่วยออกความคิด จากการที่ทำงานร่วมกันมาหนึ่งปีกฤติกาทำให้เขามองเธอใหม่ ภาพความเป็นเด็กเสี่ยไม่มีเหลือเธอใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า
กฤติกาไม่ใช่คนตระหนี่ เธอใช้ของดีมีคุณภาพแต่ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ ไม่สุรุ่ยสุร่ายไม่ฟุ่มเฟือย เธอใช้ของแบรนด์เนมที่แน่ใจแล้วว่ามันคุ้มราคาและไม่ต้องซื้อบ่อย จนอัศราแปลกใจว่าสมิติเลี้ยงดูเธอมาแบบอัตคัตหรืออย่างไร
กฤติกายิ้มออก “จริงด้วยค่ะ”
“ผมมีบ้านของคนรู้จักที่เขาบอกขาย ลูกไก่ไปลองดูก่อนไหมถ้าชอบเดี๋ยวผมช่วยต่อรองราคาให้” อัศราพูดต่อ
“ขอบคุณค่ะนาย”
วันเสาร์ต่อมาเธอไปดูบ้านหลังนั้นกับอัศราและน้องๆ มันเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 70 ตร.ว. สองชั้นครึ่งมีสี่ห้องนอน ห้าห้องน้ำ มีห้องเก็บของและห้องแม่บ้าน
ในตัวบ้านมีบ่อปลาและต้นไม้ลงไว้แล้ว ตัวบ้านร่มรื่นเธอรู้สึกชอบตั้งแต่ตอนแรกที่เข้าไปดู ส่วนเกศราและก้องเกียรติก็ชอบมากเช่นกัน
“ราคาเท่าไหร่คะนาย”
“ห้าล้านแต่ถ้าคุณกับน้องๆ ชอบผมจะต่อรองราคาให้” อัศราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเอาตัวเองมาพัวพันกับครอบครัวนี้ โดยเฉพาะเด็กหญิงอัญชุลีที่เขาเอ็นดูเป็นพิเศษ
###############
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากฤติกาเซ็นสัญญาซื้อขายบ้านเรียบร้อย เธอมองเช็คเงินสดจำนวนสี่ล้านห้าแสนด้วยความเสียดาย แต่เมื่อคิดว่าแลกกับบ้านหนึ่งหลังมันก็คุ้มค่า และเธอไม่ต้องรู้สึกผิดกับสมิติที่เป็นเจ้าของเงินก้อนนี้
หนึ่งปีผ่านมาทำให้ความโกรธของเธอลดลง และนั่นทำให้เธอมองเห็นว่าที่สมิติเคยบอกว่าเขาอยากให้เธอไปใช้ชีวิตของตัวเองมันหมายความว่าอย่างไร และยิ่งทำให้เธอเห็นถึงความต่างของเขาและเธอว่าไม่มีวันที่เธอจะก้าวไปยืนเคียงข้างเขา อยู่ในสังคมของเขาได้จริง
“เตรียมเก็บของได้เลย เดี๋ยวเราจะทยอยย้ายของ” เธอบอกก้องเกียรติและเกศรา หญิงสาวก้มลงอุ้มน้องเชอรี่ขึ้นมา
“ว่าไงคะหนูชอบบ้านใหม่ที่แม่ซื้อให้ไหมลูก” เธอรับเด็กหญิงเป็นลูกตามที่เธอเคยบอกน้องสาวไว้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าน้องเชอรี่มีแม่สองคนเพราะเอาเข้าจริง เกศราก็ไม่สามารถตัดใจยกเด็กหญิงให้เธอได้แบบเด็ดขาด
น้องเชอรี่หัวเราะ เด็กหญิงวัยหกเดือนกำลังมองสิ่งรอบตัวอย่างสนใจ โลกของเด็กมักจะสดใสเสมอ
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ