“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน
“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู
“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที
“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ
“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้น
เมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ
“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำหรับพนักงานเสริฟโซนวีไอพี และบอกวิธีการทำงานคร่าวๆ
“แขกวีไอพีจะต้องเป็นสมาชิกของคลับ ดังนั้นเวลาใครมาระบบจะขึ้นเลยว่าเขามีเหล้าหรืออะไรฝากไว้ไหม แกต้องเช็คตรงนั้นก่อนที่คนนี้” เธอชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางอายุมากกว่าใครแต่ยังสวยมากอยู่
หนึ่งชั่วโมงต่อมากฤติกาเริ่มงานอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เมื่อได้ทำงานจริงเธอได้พบว่าการทำงานในโซนพิเศษนี้ ไม่ได้น่ากลัวมากเท่าที่คิด แขกส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่ใช้สถานนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์คุยเรื่องงานบ้าง พักผ่อนบ้าง คนส่วนมากในโซนนี้สุภาพหรือมักมีคู่ควงมาด้วย จึงไม่รุ่มร่ามกับพนักงานเท่าไรนักแถมทิปดีมากตามที่สุธนและนาเดียบอกไว้จริง เพียงแค่ลูกค้าชุดแรกกลับไปเธอได้ทิปมากกว่าค่าจ้างรายวันถึงสิบเท่า
“เด็กใหม่เหรอ” เสียงห้าวดังขึ้นด้านหลังทำให้เธอหันไปมอง ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานอายุคงจะมากกว่าเธอหลายปีเดินขึ้นมาที่ชั้นวีไอพี
“ครับนาย น้องเขาเป็นเพื่อนน้องเดียเพิ่งมาสมัครวันนี้ผมเห็นว่าผิวพรรณดี พูดจาสุภาพเรียนค่อนข้างดีเลยให้มาเสริฟที่โซนนี้ครับ” สุธนรีบเข้ามาต้อนรับ เขาหันมาทางกฤติกา
“ลูกไก่นี่คุณพีทเจ้าของร้าน สวัสดีเสียสิ” กฤติการีบยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีค่ะคุณพีท”
ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้ารับ
“งั้นมาลองเสริฟที่โต๊ะผมหน่อยแล้วกัน เรียกเดียมาด้วย” เขาหันไปทางด้านหลังเรียกเพื่อนที่มาด้วยกัน
“เฮ้ยหมิงทำไมมึงเดินช้าวะ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พอกันเดินเอื่อยๆ ตามหลังมา
“ผมลืมของเลยเดินกลับไปที่รถน่ะพี่” เขากวาดตามองไปรอบๆ สายตาหยุดนิ่งที่ดวงหน้าอ่อนเยาว์แต่สวยจัดของกฤติกาชั่วครู่ก่อนจะเบนสายตาไปที่อื่น
“สนใจเหรอมึง เสียใจด้วยนะ” พีรพัทย์กระซิบเมื่อเห็นเพื่อนรุ่นน้องมองกฤติกานานเป็นพิเศษ ทำให้สมิติมีสีหน้าข้องใจทันที
“ทำไมเหรอพี่ หรือว่าพี่จอง”
พีรพัทย์ยักไหล่ “กูจะไปจองได้ไง คนของกูมานั่นแล้ว” เขามองไปที่นาเดียที่กำลังเดินมาหา และพูดต่อ
“แต่เด็กคนนี้เป็นเพื่อนเดีย เดียพามาสมัครเองกำชับสุธนมันไว้ว่าน้องเขาเป็นเด็กดี มาเสริฟอย่างเดียวไม่ทำพิเศษ”
“เด็กดีที่ไหนจะมาทำงานแบบนี้พี่” สมิติแย้ง
“มึงก็รอดูไป” พีรพัทย์เลิกพูดด้วย หันไปสนใจนาเดียแทน ส่วนกฤติกาทำหน้าที่เตรียมชงเหล้าให้สองหนุ่ม สักพักนาเดียลุกจากโต๊ะไปช่วยเพื่อน
“แกระวังหน่อยนะไก่ เหมือนว่าคุณหมิงจะสนใจแกเป็นพิเศษ” เธอเห็นสายตาของสมิติที่มองเพื่อนเธอแล้วไม่สบายใจนักจึงทำที่มาช่วยกฤติกาชงเหล้าและเตือนไปในตัว
“แล้วแกจะให้ฉันทำไง ฉันลากลับบ้านเลยได้ไหม” กฤติกาเองก็รู้ตัว แต่เธอถูกสั่งให้มาดูแลโต๊ะเจ้าของร้านจึงไม่ต้องไปเสริฟให้คนอื่น
“บ้าเหรอ ไม่ได้สิ” นาเดียตอบ เธอถือแก้วเหล้าไปส่งให้พีรพัทย์
“ขอบคุณครับ เดียกับเพื่อนนั่งสิ ชื่อลูกไก่ใช่ไหมครับ” พีรพัทย์เอ่ยชวน
“ขอบคุณค่ะ” กฤติกาอ้อมแอ้มตอบ งานของเธอหากลูกค้าขอให้นั่งเธอก็ต้องนั่ง หากเขาอยากได้เพื่อนคุยเธอก็ต้องนั่งคุยจนกว่าลูกค้าจะกลับ หญิงสาวนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวตัวที่ว่างถัดไปจากที่นั่งของสมิติ ในขณะที่นาเดียเบียดตัวเองลงนั่งข้างเจ้าของร้านหนุ่มที่วางแขนบนพนักโอบเธอกรายๆ
“มานั่งตรงนี้ก็ได้ครับ” สมิติตบลงที่ว่างข้างตัว กฤติกาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แอบมองเพื่อน นาเดียจำต้องพยักหน้าให้เธอทำตามนั้น
กฤติกาย้ายมานั่งข้างสมิติตามที่เขาสั่ง เธอนั่งตัวเกร็งจนลูกค้าคนสำคัญของร้านรู้สึกได้
“ดื่มสักนิดไหมครับน้องชื่อลูกไก่ใช่ไหม” เขาส่งแก้วเหล้าของเขาให้เธอแต่เธอส่ายหน้าทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ทานเถอะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ชงให้ใหม่ถ้าน้องรังเกียจแก้วนี้” สมิติขยับตัวจะลุกแต่เธอรีบพูด
“มะ ไม่ใช่ค่ะ ไก่ชงเองได้พี่นั่งเถอะค่ะ” เธอรีบลุกขึ้นหยิบแก้วใบใหม่ชงเหล้าบางที่สุดเท่าที่ทำได้และมานั่งที่เดิม หญิงสาวแตะริมฝีปากกับขอบแก้วแค่พอเป็นพิธี
สมิติยิ้ม เขารู้ว่าเธอแทบไม่ได้ดื่มเหล้าเข้าไปเลย ท่าทีระแวดระวังทำให้เขาสนใจเธอจริงจังมากขึ้น
“ได้ยินว่าเป็นเพื่อนเดีย เรียนที่เดียวกันเหรอครับ” สมิติชวนคุย
“เปล่าค่ะ เรียนคนละที่”
“แล้วมาทำประจำไหมครับ มาทุกวันจะไหวเหรอ”
เธอส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ไก่มาทำพาร์ทไทม์ จะได้มาวันไหนบ้างคงต้องถามผู้จัดการอีกทีค่ะ”
สมิติพยักหน้า เขาดื่มเงียบๆ ชวนเธอพูดคุยบ้างและเมื่อคุยเรื่องอื่นๆ กฤติกาก็เป็นคู่สนทนาที่ดี มีความรู้รอบตัวในระดับดีทีเดียว จนใกล้ได้เวลาร้านปิดซึ่งหมายถึงเวลาเลิกงานของกฤติกาด้วย
“ไก่กลับห้องเองได้ไหม คืนนี้ไปนอนห้องเราก็ได้พรุ่งนี้ต้องมาอีกวันนี่” นาเดียถามหลังจากที่เธอพากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว ส่วนกฤติกาไปรับค่าแรงเป็นเงินรายวันแล้วเรียบร้อย
“อ้าว แล้วเดียไม่กลับเหรอ” หญิงสาวทำหน้าไม่เข้าใจ
“ฉันจะไปกับคุณพีท” นาเดียเป็นเด็กที่พีรพัทย์ดูแล เธอทำงานที่ร้านของเขาได้ แต่เขาไม่อนุญาตให้เธอไปกับแขกคนอื่นหลังเลิกงาน
กฤติกาทำหน้าเข้าใจ เธอยื่นเงินให้เพื่อนห้าพัน วันนี้วันเดียวเธอได้ทิปมามากกว่าเงินที่เธอยืมเพื่อนมาเมื่อตอนบ่ายเสียอีก หญิงสาวตั้งใจว่าจะมาทำงานวันพรุ่งนี้อีกวันจากนั้นคงมีเงินพอที่จะรองานอื่นทำระหว่างเรียน
“เอาไว้ก่อนก็ได้ วันนี้ได้ทิปมาก็เอาไปซื้อของจำเป็นก่อน” นาเดียเข้าใจดีว่าการย้ายเข้าห้องใหม่นอกจากค่าห้องยังมีค่าใช้จ่ายอื่นไม่มากก็น้อย
“เอาไปเถอะ เอาไว้ถ้าฉันไม่พอจริงๆ ค่อยยืมใหม่” กฤติกาไม่ยอม นอกจากเรื่องภาระทางบ้าน เรื่องน้องและแม่เธอไม่ใช่คนใช้เงินเปลือง
นาเดียยอมรับเงินคืนมาเธอเก็บมันไว้ในกระเป๋าแบบไม่สนใจนัก ขณะที่พากันเดินออกจากห้องแต่งตัวเมื่อออกมาถึงหน้าร้านเธอค้นกระเป๋าเปิดออกหยิบกุญแจห้องส่งให้เพื่อนสาว
“ไม่เป็นไรเดีย ฉันกลับไปนอนที่หอได้” กฤติกาปฏิเสธ
“เอางั้นเหรอ” นาเดียลังเล แต่เธอคิดว่ากฤติกาอาจจะอยากกลับไปห้องเพื่อจัดการธุระในตอนเช้าพรุ่งนี้ก่อนที่จะมาทำงานในตอนเย็นเธอจึงเออออ
“งั้นให้ฉันไปส่งไหม ฉันขอให้คุณพีทวนรถไปส่งแกที่หอได้ก่อนนะ” นาเดียเป็นห่วงเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไร ฉันไปได้แกไปเถอะพรุ่งนี้เจอกันฉันจะเข้าไปหาแกที่ห้องก่อนก็ได้” กฤติกาปฏิเสธรุนหลังเพื่อนให้เดินไปทางที่พีรพัทย์รออยู่
กฤติกาตรงไปเรียกแท็กซี่หลายคันที่จอดเรียงราย ก่อนเริ่มงานนาเดียบอกไว้ว่าแท็กซี่ที่มาจอดรอรับแถวนี้มักจะเป็นหน้าเดิม ไว้ใจได้ในระดับหนึ่งแต่เธอยังไม่ทันจะได้เปิดประตูรถก็ถูกกระชากแขนจนเซถลา
“น้องสาว คนนี้ไม่เคยเห็นเพิ่งมาเหรอ คืนนี้ไปต่อกับพี่ดีกว่า” กลิ่นแอลกอฮอร์คละคลุ้งจากร่างชายที่เธอไม่รู้จัก มือแข็งจับข้อมือเธอแน่น กฤติกาปัดป้องหน้าซีดเผือด
“อะไรของคุณ เราไม่รู้จักกันนะปล่อย” เธอดิ้นรน บิดข้อมือหนีมองไปรอบๆ บริเวณไม่มีใครสนใจจะช่วยเหลือเธอเลย ทั้งที่มีคนมากมายอยู่ตรงนี้
“ก็ปายทำความรู้จักกันบนเตียงไง สวยฉิบหายแม่มกูมองมาทั้งคืน นางฟ้าอยู่แต่ชั้นบนไม่คิดจะลงมาบริการแขกชั้นล่างเลยเหรอ” ชายที่เมาจัดยังพล่ามต่อ ในขณะที่กฤติกาเริ่มร้องตะโกน
“ช่วยด้วยค่า... ช่วยด้วย” หญิงสาวส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นจึงชกเข้าที่ท้องจนเธอทรุดฮวบ
“แม่งจะเล่นตัวทำไมวะ” เขาพึมพำ ก้าวเข้าไปจะอุ้มร่างเล็กที่ทรุดลงกับพื้น จุกจนตัวงอขึ้นรถแต่ก็ถูกเหนี่ยวไหล่ให้หันกลับไปหาและมีกำปั้นซัดใส่หน้าแบบไม่มีสัญญาณเตือน
“ทำร้ายผู้หญิงนี่มึงต้องไปเป็นลูกหมาแล้ว ไอ้สันดาน” จากนั้นหลายคนมาช่วยกันรุมสกรัมชายคนนั้น สมิติหันไปดูหญิงสาวที่ยังลุกไม่ขึ้น
“คุณ คุณเป็นไงบ้าง”
เธอเงยหน้าขึ้นมอง ต่างฝ่ายต่างตกใจเมื่อเห็นหน้ากันชัดๆ
“พี่หมิง”
“ลูกไก่”
สมิติคิดว่าเธอกลับไปกับเพื่อน เขาไม่คิดว่าจะผู้หญิงที่ถูกทำร้ายหน้าร้านจะไปเป็นพนักงานคนใหม่เพื่อนของนาเดีย
“พี่คิดว่าเรากลับไปกับนาเดียแล้วซะอีก เดินไหวไหม” เขาถาม
“เปล่าค่ะ เดียจะให้คุณพีทไปส่งไก่ก่อนแต่เกรงใจค่ะ เลยจะกลับเอง” เธอกัดฟันพยายามลุกขึ้นเองแต่ความเจ็บทำให้เธอหน้าเหยเก สมิติเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจช่วยเหลือ
“โทษนะครับ” เขาพูดจากนั้นอุ้มร่างเล็กลอยขึ้นจากพื้น ตรงไปที่รถของตนเอง การ์ดร้านรีบวิ่งมาช่วยเขาเปิดประตูรถวางร่างเธอลงบนเบาะหน้า สมิติหันไปคุยกับการ์ดคนนั้น
“ไอ้หมอนั่นอยู่ไหน”
“การ์ดจัดการเคลียร์แล้วครับคุณหมิง ส่วนเรื่องที่เกิดทางเราจะรีบแจ้งคุณพีท”
สมิติพยักหน้า “ถ้าเฮียพีทเขาถามก็บอกว่าผมจะพาลูกไก่ไปตรวจที่โรงพยาบาล ให้เขาจัดการเรื่องที่ร้านได้เลยไม่ต้องห่วงคนเจ็บ”
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ