อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา
“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!”
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง
“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วง
ตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วย
ภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน
“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”
ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้
“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”
เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร เขาก็ไม่ควรทำกับฉันแบบนี้ค่ะป้า”
แววตาเธอ ทำให้ป้าศรีนวลน้ำตาคลอ มันเศร้าเสียจนคิดว่า บางทีคุณภริดา อาจไม่ต้องการอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
“ฉันอยากกลับบ้านป้าศรีนวล อยากกลับไปหาพ่อ งานหมั้นถูกยกเลิก พ่อต้องเป็นห่วงฉันแน่”
“แต่ว่า..”
“ฉันรู้ค่ะ มีแต่ต้องให้เขาปล่อยฉันไป แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาถึงยอมปล่อย ฉันไม่อยากทรมานเลยค่ะ ทำไมอนาวินต้องทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจเลย” หญิงสาวตัดพ้อเสียงสั่น
“คุณดาทำใจให้สบายนะคะ ป้าเชื่อว่าคุณอนาวินต้องใจอ่อน ยอมปล่อยคุณไป”
“ฉันก็หวังให้เป็นแบบนั้นค่ะ” เธอบอกเสียงแผ่ว
ป้าศรีนวลลุกจากเตียง แล้วหยิบถาดอาหารส่งให้
“ทานอาหารก่อนนะคะ จะได้มีแรง อิ่มแล้วสมองคงแล่น คิดหาทางออกได้”
“ค่ะป้า”
เธอรับมา แล้วตักข้าวต้มใส่ปาก ศรีนวลสาวเท้าถึงหน้าประตู ก่อนหันมองถอนหายใจออกมา แล้วปิดลงตามเดิม คนในห้องทานได้ไม่กี่คำก็วางมันลง ค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง ความเจ็บปวดแผ่ซ่าน เธอพยุงกายจนถึงห้องน้ำ เพื่อจัดการกับตัวเอง ถึงตอกย้ำให้ตัวเองเข้มแข็งแค่ไหน แต่มันจะทำได้สักเท่าไหร่ ในเมื่อถูกคนที่ตัวเองรัก ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจถึงเพียงนี้
ภริดาสาวเท้าหยุดยืนตรงหน้าต่าง เฝ้ามองรถยนต์กำลังเคลื่อนลับหาย ดูท่าแล้วอนาวินคงเดินทางไปประชุม วันนี้มีงานเซ็นต์สัญญาสำคัญ และเป็นโอกาสดี ให้เธอได้หนีออกจากที่นี่ เดินมาถึงประตูจับลูกบิด เปิดออกมาด้านนอก สาวเท้าลงบันได ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้คิดกักขังเธอไว้อีกแล้ว
“จะไปไหนครับ!” ได้ยินเสียงทัก คนถูกทักสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันไปเผชิญหน้า ที่แท้ก็บอดี้การ์ดของอนาวิน
“ฉัน... หิวน่ะ เลยมาหาอะไรกิน”
“คุณจะไปไหนก็ได้ในบ้านหลังนี้ แต่ออกไปข้างนอกไม่ได้ครับ คุณชายสั่งไว้”
ภริดากัดริมฝีปาก ชักสีหน้าไม่พอใจ ไม่ใช่นักโทษ เราสองคนไม่ได้มีอะไรติดค้างกันแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยเธอไป
“ฉันรู้แล้ว”
เจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ ภริดาหย่อนกายลงบนศาลาไม้หกเหลี่ยมสีขาว ในสวนภายในบริเวณคฤหาสน์ ระบายลมหายใจออกมาหลายครั้ง อยากติดต่อพ่อ ไม่รู้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง น้องชายตอนนี้อาการสงบดีหรือเปล่า เธอเป็นห่วงไปเสียทุกอย่าง แต่อนาวินกลับไม่ยินยอมให้ออกไปไหนเลย เสียงรถยนต์จอดหน้าประตูรั้ว
“อนาวิน! แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง แกขังลูกสาวฉันไว้ทำไม ถ้าแกไม่ปล่อยดาออกมา ฉันจะแจ้งความเอาผิดแก!”
นั่นเสียงของพ่อ พ่อมาที่นี่งั้นเหรอ หญิงสาวลุกยืนวิ่งไปตรงประตู ทว่ากลับถูกขวางไว้ด้วยลูกน้องของอนาวิน
“หลีกไปนะ ฉันจะไปหาพ่อ!”
“กลับเข้าห้องดีกว่าครับ คุณจะได้พบพ่อของคุณ ต่อเมื่อคุณอนาวินอนุญาตเท่านั้น!”
“พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้ พวกคุณกำลังทำผิดกฎหมายนะรู้ไหม!”
ภริดาไม่ฟังเสียง มือยกผลักดัน พยายามวิ่งหนี แต่กลับถูกจับแขนสองข้างเอาไว้ แล้วพาตัวเข้าบ้านไป วิรุตต์สาวเท้ามายังประตู เปิดมันออกจนเผชิญหน้ากับคนที่ตะโกนโวยวาย
“มีธุระอะไรครับ คุณอนาวินไม่อยู่ ท่านไปประชุม”
“ปล่อยลูกสาวฉันออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ที่นี่เป็นคฤหาสน์คุณอนาวินครับ ไม่ใช่ของลูกสาวคุณ ถ้าคุณอยากตามหาลูกสาว คงต้องไปที่อื่นแล้วล่ะครับ”
“ฉันรู้ว่ายัยดาอยู่ที่นี่ ในเมื่อเจ้านายแกไม่เอาลูกสาวฉันแล้ว ก็อย่าได้กักขังกันอีกต่อไปเลย!”
“ผมไม่ทราบว่าคุณพูดเรื่องอะไร ที่นี่เป็นที่อยู่ของคุณอนาวิน ไม่มีใครสั่งได้นอกจากคุณอนาวินครับ”
เขาอยากช่วยเหลือ และสงสารคุณภริดา แต่ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ เพราะคุณอนาวินไม่ยินยอมปล่อยคุณภริดาไป นี้เป็นการบอกใบ้อย่างถึงที่สุดแล้ว
“คิดว่ามีอิทธิพล ทำอะไรตามใจชอบ ทำร้ายลูกสาวฉันขนาดนั้นแล้ว ยังไม่พอใจอีกเหรอ!”
“ผมขอโทษด้วยครับ แต่ผมให้คำตอบกับคุณไม่ได้”
“ไอ้พวกสารเลว ฉันขอสาปแช่งให้พวกแกลงนรกกันให้หมด!”
อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!” ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วยภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร
ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง แยกกลีบดอกไม้ออกจากกัน ก้มลงชื่นชม ช่างงดงามสดใหม่ จนไม่อาจทานทน ลิ้นแตะแผ่วเธอผวามือสอดเข้าเรือนผมหนา สีหน้าราวกับปวดร้าวทรมาน ความรู้เสียดเสียวพุ่งทะยาน ยิ่งลิ้นขยับตวัดหนักเบาสลับ ยิ่งทำร่างกายสั่นสะท้าน เรียวขาเกร็ง ร่างกายบิดเร้าตามแรงปรารถนา“อ๊า! อย่าทำแบบนี้ ออกไปนะ!” เธอยังคงประท้วง ฝืนตัวเองสุดกำลังเขาชะงัก เงยหน้าสบตา เห็นมองมาพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อ“แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยภริดา ดูสิ” เขายกมือตัวเอง ที่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวแก้มคนสวยแดงขึ้น อับอายมากเหลือเกิน เธอไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ ปฏิเสธกับปาก แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย อนาวินแสยะยิ้มแล้วก้มลงหาดอกไม้งามอีกครั้ง ใช้ลิ้นตวัดลากไล้ สัมผัสเกสรดอกไม้ คนตัวเล็กสะดุ้ง หนีบเรียวขาเข้าหากัน มือกอบกุมศีรษะเขาไว้มั่น“อื้อ!” ภริดาร้องลั่น ร่างกายมันรับไม่ไหวแล้วความเสียวซ่าน ปั่นป่วนท้องน้อยเช่นนี้ “กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลซึม อนาวินมองดูแล้วใช้ลิ้นตวัดกลืนมัน ก่อนผละห่างคนงามกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก สะบัดออกจากเรือนร่าง แล้วตามด้วยเข็มขัด กางเกงสแลค และชั้นใ
ต่อให้อยู่ด้วยกัน ในคฤหาสน์หลังนี้ อนาวินแทบไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อนเลย มีเพียงแค่กอดจูบ ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ แต่จากที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่เลย“ฉันจะให้เธอเป็นนางบำเรอดีไหมภริดา”“หยุดความคิดอุบาทว์ของคุณซะ เยาวเรศสุดที่รักคุณกำลังรออยู่ ไปขอให้นังนั่นขึ้นเตียงกับคุณสิ!”เขาหัวเราะในลำคอ “ฉันต้องยกย่องเยาวเรศเหนือกว่าเธอสิ เพราะเยาวเรศคือผู้หญิงที่คู่ควรกับฉัน ส่วนเธอเหมาะไว้ระบายความใคร่ เวลาอยาก.. เธอควรดีใจนะภริดา ที่ฉันกำลังเสนอหน้าที่นางบำเรอให้”“ไอ้สารเลวชาติชั่ว!” หญิงสาวด่าทอเสียงกร้าว พยายามหาทางเอาตัวรอด“ด่าสิ ด่าเลย มีคำด่าอีกไหม ฉันอยากฟัง ก่อนเอากับเธอภริดา!”“ไอ้อนาวิน ฉันจะไม่มีวันอภัยให้แก ฉันเกลียดแก!”มือข้างหนึ่งยกบีบปลายคางมน จนเจ้าของเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เบือนหน้าหนีแต่เขากลับออกแรงมากขึ้น อนาวินขบกราม หัวเราะในลำคอ แววตาเยือกเย็น“ปากดีแบบนี้ สงสัยรสริมฝีปากน่าจะจัดจ้านไม่เบา!”“ฉันปากดีเฉพาะกับแก!”“ถ้างั้นเวลาตอนเรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็อย่างลืมร้องครางให้สุดเสียงด้วยล่ะ”ริมฝีปากบางถูกฉกฉวย มือเธอยกผลักดัน ลมหายใจกำลังถูกกลืนหาย เมื่อลิ้นร้อนแทรกเ
ร่างบางถูกกระชากเข้ามากอดรัด เยาวเรศกัดฟันแน่น มือกำข้างตัว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้โวยวายจนเกิดเรื่อง“อนาวินปล่อยฉัน!”“เอากระเป๋าของภริดาไปไว้ในห้องตามเดิม แล้วต้นสร้อยคอออกมาให้ฉัน!” เขาสั่งบอดี้การ์ด“หยุดนะ! เป็นบ้าหรือไง คุณทำลายฉัน ทำให้ฉันเสียหน้า เสียเกียรติ คุณควรพอได้แล้ว ฉันยินดีไปจากคุณ ไม่ยุ่งกับคุณแล้ว ยังต้องการอะไรอีก!”“เธอไปไหนไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่!”“พูดจาเอาแต่ได้ ไม่คิดถึงความรู้สึกผู้หญิงของคุณบ้างหรือไง ที่นี่ควรเป็นเยาวเรศอยู่ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว!”“ฉันไม่เคยพูดว่าจะให้เยาวเรศอยู่ที่นี่”“แล้วคุณจะให้อยู่ทำไม อยู่ในฐานะอะไร!” เธอตะโกนลั่นทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้คำตอบ เพราะเขาไม่อาจยอมเสียภริดา ต่อให้อยากปล่อยไปแค่ไหน วันนี้สิ่งที่เขากระทำ มันร้ายแรง และทำให้ภริดาต้องเจ็บปวด กระนั้นก็ไม่อยากปล่อยเธอไปอยู่ดี“ในฐานะทาสรับใช้ของฉันไง!”คนในอ้อมแขนดิ้นรนไม่ยินยอม“ไม่มีทาง! ฉันไม่มีวันลดตัว ลดศักดิ์ศรีตัวเองเด็ดขาด ปล่อยฉันอนาวิน คุณอย่าหยามกันให้มากนัก คุณควรพอได้แล้ว ฉันขอให้เราต่างคนต่างเดิน ได้ยินไหม!”“ได้ยิน”“ได้ยินก็ปล่อยฉัน!”“ถ้าเธอไป ฉันจะทำลายสร้อยคอแม่เธอ
ภูมิธรรมขบกราม “เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว เห็นลูกสาวฉันเป็นอะไร!”“ไม่รู้สิครับ แล้วแต่จะคิดเลย”“สารเลว!” คนเป็นพ่อสบถออกมาเพียะใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ เยาวเรศสีหน้าตระหนก ลูบแก้มสากแล้วหันมองคนตบ อิงอรน้ำตานองหน้า ไม่คิดว่าหลานชายจะกลายเป็นคนแบบนี้ ไร้มนุษยธรรม เล่นกับความรู้สึกคนอื่น“แกทำแบบนี้ ไม่เห็นแกหน้าย่า ไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง ถ้าแกไม่อยากหมั้นแกก็ไม่ควรจัดงานขึ้นมา หนูดาทำผิดอะไรนักหนา ถึงได้ทำร้ายเธอขนาดนี้ แกมันไม่ใช่คนแล้ว!”น้ำท่วมปากอยากบอกความจริง ทว่าย่าก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ดาริการักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ ถ้าย่ารู้คงอาการทรุดเป็นแน่“ครับคุณย่า ผมมันเลว ผมแค่อยากสั่งสอนดาให้รู้จักเจียมตัวเสียบ้าง วันนี้เธอคงรู้สำนึกแล้วล่ะครับ”ภริดากำมือข้างตัวแน่น พ่อรีบเข้ามาโอบไหล่บางเอาไว้“ไม่เป็นไรดา เรากลับบ้านกันนะ”เธอรู้ดีว่า พ่อกับเขามีการร่วมงานกันมากมาย ถ้าหากขาดบริษัทของอนาวินไป ทางพ่อคงแย่แน่ กระนั้นแล้ว ตนเองก็ไม่อยากอยู่กับชายคนนี้ แม้แต่วินาทีเดียว อยากหนีไปให้ไกล ไม่ต้องพบเจอกันอีก“กลับไปสิดา ผมน่ะไม่ว่าอะไรคุณหรอก ถ้าคุณกลับไปกับพ่อคุณ คนอย่างคุณจะมีค่าอะไร สุดท
เสียงปรบมือ ท่ามกลางแขกเหรื่อกำลังชื่นชมหญิงสาว ซึ่งกำลังยื่นมือให้กับคนรัก เพื่อสวมแหวนหมั้น ทว่ายังไม่ทันได้สวมมัน หญิงสาวรูปร่างสมส่วนสาวเท้าเข้ามา ในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากอิ่ม จมูกโด่งเป็นสัน นามอนาวิน ประธานบริษัทไฮดีไซน์ ลุกยืนจ้องมองผู้หญิงอีกคน ที่กำลังสาวเท้า ภริดาลุกยืนตามว่าที่คู่หมั้น สับสนไม่เข้าใจ ทำไมเยาวเรศถึงได้มาที่งานนี้“เธอมาที่นี่ทำไม!” ภูมิธรรมเอ่ยถาม น้ำเสียงแข็งอดีตผู้หญิงคนนี้ เคยเป็นคนรักของพี่ชายมาก่อน แต่กลับหักอกเขาจนพี่ชายเธอกลายเป็นคนสติไม่ดี ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล“ทำไมคะ ฉันมาไม่ได้เหรอ ในเมื่อแฟนของฉัน กำลังจะหมั้น”แฟนงั้นเหรอ ภริดามองคู่หมั้น สีหน้าสับสนไม่เข้าใจ ที่เยาวเรศเอ่ยออกมา มันคืออะไรกัน“แฟนเธอใครกัน ที่นี่มีคนกำลังหมั้นแค่สองคนเท่านั้นคือลูกสาวฉัน กับอนาวิน!” ภูมิธรรมย้อนถามเยาวเรศยกยิ้ม เข้าไปควงแขนอนาวินไว้ ภูมิธรรมนิ่งงัน เสียงแขกในงานเริ่มดังขึ้น ภริดาสับสนไม่เข้าใจ เหตุใดอนาวินถึงไม่พูดอะไร นอกจากยืนนิ่ง แล้วมองดู“หมายความว่ายังไงคะวิน” เธอถามเขา“ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง”“คุณปฏิเ