LOGINโอ๊ย อยากจะบ้าตาย! เธอควรจะทำอย่างไรดี เมื่อคนที่เธอเผลออ้วกใส่ในวันนั้น ดันกลายมาเป็นท่านประธานของบริษัทที่เธอมาฝึกงานด้วยในวันนี้! ตัวอย่าง “เงยหน้า!” ปากพาซวยอีกแล้วนะยัยเคท! เตรียมตัวเก็บของกลับมหาลัยได้เลย เคทเม้มปากแน่นค่อย ๆ พลางเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ตามคำสั่ง เปลือกตาค่อยๆ เผยอลืมขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความประหม่า ทันใดนั้นดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้น เกิดอาการเข่าอ่อนจนเผลอก้าวถอยหลังเมื่อเห็นใบหน้าของท่านประธานตรงหน้าอย่างชัด ๆ เต็ม ๆ ตา โลกคะ โลกไม่ควรกลมขนาดนี้ค่ะ!! “ขะ...ขออภัยค่ะท่านประธาน” เคทรีบก้มหน้าหลุบตามองต่ำหลังได้สติ ใจดวงน้อยเต้นแรงไม่ส่ำด้วยความหวาดหวั่น แย่แล้ว ๆ ๆ หวังว่าเขาจะจำหน้าเธอไม่ได้นะ สายตาคมกริบหรี่จ้องมองปฏิกิริยาของลูกนกตัวน้อยแล้วยกยิ้มมุมปาก แสร้งทำเป็นจำเขาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่หน้าเธอมันฟ้องชัดเจนขนาดนี้เนี้ยนะ ฮึ!
View More@ไนต์คลับ Y
ร่างอรชรเดินนวยนาดผ่านผู้คนมากมายที่กำลังโยกย้ายตามจังหวะเพลงมายังโต๊ะประจำของกลุ่ม ด้วยใบหน้าสวยคมตาเฉี่ยว ทรวดทรงองค์เอวที่ดูไม่มากไปไม่น้อยไป พอเหมาะกับส่วนสูงและขาขาวเรียวบนส้นสูงสีดำสูงกว่า 5 นิ้วที่กำลังสะบัดก้าวฉับ ๆ ด้วยความมั่นใจ จึงไม่แปลกที่มันจะดึงดูดทุกสายตาจากนักท่องราตรีให้หันมามองเธอเฉกเช่นทุกครั้งยามย่างกรายไปไหน
เคทก้าวเข้ามาสมทบ พยักหน้าทักทายบรรดาเพื่อนสาวร่วมโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“กว่าจะมาได้นะยัยเคท ช้าตลอดเว”
ขวัญข้าว สาวฮอตประจำกลุ่มบ่นอุบพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษมาให้ ก่อนจะยัดแก้วเครื่องดื่มสีสวยใส่มือหญิงสาว
“คุณขวัญข้าวคะ รบกวนคุณขวัญข้าวช่วยดูเวลาที่โทรหาดิฉันด้วยนะคะ ไอ้บ้า! แกเล่นโทรมาเรียกฉันตอนทุ่มหนึ่ง เร็วกว่านี้ก็ต้องขี่จรวดมาแล้วไหม?”
เคทพยายามโชว์ตัวเลขบนหน้าจอให้เพื่อนดู ทว่าอีกฝ่ายกลับแบะปากทำท่าไม่อยากจะเชื่อ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ให้ดังในลำคอ เลิกสนใจท่าทางเง้างอนของเพื่อนแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว
เอ...วันนี้จะมีเหยื่อน่ากินน่าตกบ้างไหมน้าา
“มาถึงก็มองหาเหยื่อเลยนะ ยัยคนใจคด”
เสียงแหบพร่าดังข้างหูพร้อม ๆ กับแขนแกร่งพาดกอดที่รอบคอ เคทจึงเบนสายตาไปมองหน้าเจ้าของคำพูด ก่อนจะส่งยิ้มหวานยั่วเย้า
“ทำไม นายหึงเหรอ?”
เคทถามพร้อมกับใช้ร่างกายเบียดเข้าหาผู้มาใหม่ให้แนบชิดยิ่งขึ้น ริมฝีปากบางยกยิ้มสมใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่สะดุดขาดห้วงของอีกฝ่าย
“หึงกับผีสิ!”
“แล้วทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ?”
เคทหัวเราะร่าเมื่ออีกฝ่ายโวยวายเสียงดัง แถมยังแสร้งตีหน้าขรึมทั้ง ๆ ที่ใบหูแดงก่ำเสียยิ่งกว่าอะไร ปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามแนวสันกรามของเขาอย่างช้า ๆ จ้องมองกวางน้อยในมือด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
ต่อให้ปากบอกว่าไม่คิด แต่นายกลับเก็บอาการไม่เคยมิดเลยนะ
นายอคิราห์
“โอ๊ย! ยัยเคท เลิกแกล้งซันมันได้แล้ว เห็นไหมว่ามันใกล้จะขาดใจแล้วเนี้ย”
ขวัญข้าวหันมากลอกตาแล้วรีบดึงตัวเคทให้ออกห่างจาก ‘ซัน’ หรือ ‘อคิราห์’ ก่อนที่เพื่อนชายจะถูกคนใจโฉดหลอกล่อจนตกหลุมพรางไปเสียก่อน แต่เอ๊ะ! หรือว่าเพื่อนเธอจะตกไปแล้ว
เสียงหัวเราะใส ๆ ดังขึ้นอีกหน ก่อนเคทจะยื่นมือไปหยิกแก้มเพื่อนชายด้วยความมันเขี้ยว แล้วฉุดมือให้ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ
ขวัญข้าวทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนสาวอีกฝั่ง ก่อนเอนตัวเข้ามากระซิบถาม
“ตกลงแกได้ฝึกงานที่ไหน?”
“ยังไม่ได้หนังสือตอบรับเลย แล้วแกล่ะ ไปฝึกงานที่บริษัทพ่อสินะ”
เคทยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ที่ผ่านมาเธอส่งหนังสือแนะนำตัวไปสามถึงสี่บริษัทได้ อีกทั้งยังเหลือเวลารอหนังสือตอบรับอีกตั้งเดือนกว่า ๆ
“เออสิ ฉันจะหนีได้ที่ไหนล่ะ โดนพ่อขู่ว่าถ้าไม่มาช่วยจะส่งฉันไปเรียนต่อโทเมืองนอก อ๊ะ! แกเดี๋ยวมาเม้าท์นะ เจองานดีเข้าละ”
ขวัญข้าวที่กำลังบ่นกระปอดกระแปดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหันมาส่งสายตาวิบวับเป็นประกายให้เคทเมื่อเห็นเป้าหมายใหม่ในค่ำคืนนี้ ‘น้องดล’ เด็กปี 1 สุดฮอตพ่วงท้ายด้วยตำแหน่งเทวดาสาขาจากคณะนิเทศนั่นเอง ยังไม่ทิ้งนิสัยชอบกินเด็กหนุ่มกรุบกริบสินะยะ
“จะไปไหนก็ไปไป๊”
เคทโบกไม้โบกมือไล่ปนหัวเราะ รอกระทั่งเพื่อนกลืนหายไปกับฝูงชนแล้วจึงหันมาคุยเล่นกับคนข้างกาย พลันหัวใจดวงน้อยก็หวิวไหวเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่นั่งอยู่คนเดียวในมุมลับตาบริเวณหน้าเคาน์เตอร์บาร์
โอ๊ะโอ! งานดีใช้ได้เลยนะเนี้ยขนาดเห็นแค่ด้านข้าง ดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะทำงานในตำแหน่งสูงพอสมควร
ร่างกายสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นอกกว้างที่ขาวผ่อง ข้างกายมีเสื้อสูทสีดำวางพาดบนพนักเก้าอี้ สายตาคมกริบทอดมองแก้วเหล้าในมือด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าท่วงท่ายามเขายกมันขึ้นจิบช่างแฝงด้วยความเซ็กซี่อย่างประหลาด
“นี่ เธอจะไม่ไปฝึกงานกับฉันจริงเหรอ?”
คำถามจากคนข้าง ๆ ดึงความสนใจให้เคทละสายตาจากเป้าหมาย แล้วหันมาเลิกคิ้วถาม
“จะให้ฉันไปเป็นเลขานายเหรอคะพ่อรองประธานใหญ่”
“ไม่ดีเหรอ งานง่าย ๆ เธอทำได้อยู่แล้ว"
“ก็เพราะมันง่ายไง ฉันเลยไม่เอา"
เคทเหยียดยิ้ม มือเรียวลูบไล้ตามขอบแก้วคอกเทลก่อนจะยกดื่มรวดเดียวจนหมด แต่ยังไม่ทันจะได้สั่งแก้วใหม่ แรงยุบยวบก็ทำให้เธอหลงลืมสิ่งที่ตั้งใจจะพูดไปเสียหมด
ดวงตากลมโตเหล่ตามองใบหน้าบึ้งตึงของผู้มาใหม่อีกคนที่ทิ้งตัวลงนั่งแทรกกลางระหว่างเธอกับซันอย่างแรงด้วยความแปลกใจระคนขบขัน
“เป็นอะไรยะยัยบริ้งค์ หน้าง้ำหน้างอขนาดนี้ แกทะเลาะกับพี่ไปป์มาอีกแล้วเหรอ?"
“ทะเลาะอะไรล่ะ ไอ้พี่ไปป์แม่งขอเลิกกับฉันแล้ว ฮือออ~"
คชาเดินทอดน่องไปตามชายหาด ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่แสนเย็นสบาย คลี่ยิ้มบาง ๆ ด้วยความผ่อนคลาย ดีจริง ๆ ที่มาเที่ยวตามคำเชิญของมิริน ไว้เย็นนี้ค่อยแวะไปทักทายครอบครัวนั้นหน่อยแล้วกันขณะกำลังชื่นชมกับความงามทางธรรมชาติอยู่นั้น พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของใครบางคนที่วนเวียน ติดอยู่ในหัวของเขามาตั้งแต่งานแต่ง คชาแอบเดินตามหลังหมอสาวไปเรื่อย ๆ เว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทอดมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวที่กำลังเดินเหม่อลอยอยู่บนชายหาดด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานดูเศร้าหมองเสียจนคชาเกิดความอยากรู้ถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่คชาชะงักฝีเท้า รีบกระโดดเข้าไปหลบหลังต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวหยุดฝีเท้ากะทันหันพลางเหลียวหลังกลับมามอง คล้ายรู้ตัวว่ากำลังถูกเดินตาม“ก็ไม่มีอะไรนี่นา”นิลขมวดคิ้วทำหน้างุนงง รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องจากสายตาคู่หนึ่ง แต่ทว่าพอเหลียวหลังกลับไปตรวจดู ก็พบว่าผู้คนในละแวกนั้นต่างก็เพ่งความสนใจไปที่กิจกรรมของตัวเอง ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างที่เธอนึกสงสัย“สงสัยเราจะดูหนังมากไปจริง ๆ”นิลด
“กล้าดียังไงถึงใส่เสื้อคนอื่นที่ไม่ใช่ผัว”ร่างบางชะงักหยุดทุกความเคลื่อนไหวทันที หลังได้ยินเสียงทุ้มต่ำคำรามอย่างเกรี้ยวกราดข้างๆ หู“พะ...พี่วิน”เคทถอนหายใจโล่งอกเมื่อหันมาพบว่าเจ้าของการกระทำที่แสนหยาบคายเมื่อครู่คือสามีของเธอเอง ดีใจอยู่ชั่วครู่ใบหน้าหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นหงิกงอ ก่อนจะฟาดกำปั้นลงบนอกกว้างอย่างแรง“หายไปไหนมาคะ ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รู้ไหมว่าเป็นห่วงเนี้ย”“ก็รีบบินกลับมาหาเมียไง”มือหนาถอดเสื้อยืดของตัวออกมาสวมให้หญิงสาวแทนตัวเก่าที่ถูกโยนทิ้งอยู่มุมลิฟท์อย่างไม่ใยดีกวินรั้งร่างบางเข้ามาโอบกอด ซุกไซ้จมูกโด่งเข้ากับซอกคอขาวผุดสูดกลิ่นกายสาวด้วยความคิดถึง มือเอื้อมไปบีบเคล้นเนื้อนุ่มใต้เสื้อยืดที่คลุมหมิ่นเหม่ปิดแค่ครึ่งสะโพก คำรามในลำคอเบา ๆ อย่างรู้สึกดี“คิดถึงผัวบ้างไหมครับ หื้มมม”"ไม่ต้องมาพูดเลย!"เคทเบี่ยงหน้าหลบกวินที่ยื่นหน้าเข้ามาฉกจูบ ทำให้จมูกโด่งฝังเข้าที่แก้มนุ่มแทน ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากลิฟท์ตรงไปยังห้องพักอย่างแง่งอนติ้ด!ขาเรียวก้าวออกไปยืนนอกระเบียงโดยไม่สนใจสามีที่กำลังเดินตามมาติด ๆ เมินใส่สามีที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อคืนอยู
อาทิตย์ถัดมา @โรงแรม Nava สาขาประจำจังหวัดกระบี่“เคท!”หญิงสาวหันตามเสียงเรียก ก่อนจะหวีดร้องด้วยความดีใจทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาทักทายร่างบางถลาเข้าสวมกอดพี่สาวคนสนิทแล้วหอมแก้มซ้ายขวาไปหลายฟอดแทนความคิดถึงมิรินหัวเราะร่ากับความน่ารักสดใสไม่เคยเปลี่ยนของเธอ แล้วกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจหลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่สาวจนหนำใจแล้ว เคทจึงคลายกอดแล้วหันไปยกมือขึ้นประนมไหว้ชายผู้เป็นสามีของพี่สาวอย่างอ่อนช้อย"สวัสดีค่ะพี่ชินท์"เตชินท์ยิ้มรับบาง ๆ มองสาวน้อยด้วยความเอ็นดู คิ้วหนามุ่นเข้าหากับเล็กน้อย เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจแปลกๆ ว่าครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นความบังเอิญอย่างที่คาดคิดไว้สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณที่มองหาตัวการอีกคนที่คาดว่าน่าจะดักซุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล“หุยยยยย เคทคิดถึงพี่มิรินจังเลย ขอกอดอีกที ๆ ๆ”“ฮ่า ๆ มาเที่ยวไกลเชียวนะ แล้วนี่มากับใครเนี้ย คชาล่ะ? เจ้าตัวเล็กล่ะมาด้วยกันไหม?”มิรินยืดตัวขึ้นพลางชะโงกมองหาเพื่อนชายคนสนิทไปด้วย ถ้ามาด้วยกันก็คงดีเพราะเธอก็ไม่ได้เจอคนทั้งคู่มานานจนแทบลืมหน้าไปแล้วเคทคลายอ้อมกอดออก ส่ายหัวไปมาแล้วเบ้หน้าทำปากคว่ำด้วยความหมั
“ปา ป๊า”คีรินทร์ร้องเรียกเสียงอ้อเอ้ พร้อมกับอ้าแขนออดอ้อน ขอให้คุณพ่ออุ้มเธอเดินเล่นอย่างที่ชอบทำอยู่ทุกวัน“เรียกปะป๊าเหรอครับ หื้มมม เจ้าตัวยุ่ง”กวินช้อนตัวลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาอุ้มแนบอก ชูร่างเล็กขึ้นสูงก่อนจะใช้ใบหน้าซุกหน้าพุงป่อง หยอกเย้าจนลูกสาวส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจดังลั่น“ชอบใช่ไหมครับ จั๊กจี้ใช่ไหมมมม”“ปา ป๊า เอิ๊ก ๆ ปา ป๊า”กวินทำอีกซ้ำ ๆ พลางหัวเราะประสานไปกับเสียงของลูกสาว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกที่ขากางเกง เขาขบต้นขาลูกสาวเบา ๆ ส่งท้ายก่อนจะก้มลงมองร่างกลมขาวจั๊วะที่เกาะข้อเท้า เงยหน้ามองเขาตาใสแป๋วเพราะอยากเล่นแบบนี้บ้าง“อยากเล่นเหมือนกันเหรอครับคิมหันต์”กวินหัวเราะเบา ๆ กำลังจะส่งลูกสาวตัวน้อยคืนให้เมียรัก เพื่อผลัดเปลี่ยนมาหยอกล้อกับลูกชายบ้าง แต่ไม่ทันอีกคนที่ไวกว่าเควินช้อนตัวหลานชายขึ้นมาอุ้มแนบอก สายตาสงสัยจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เกิดจากการผสมผสานความสวยหล่อของพี่ชายและภรรยาอย่างพินิจพิจารณาเขาใช้ปลายนิ้วจิ้มเข้าไปที่แก้มนุ่มหยุ่นสองสามที ดวงตาฉายแววประหลาดใจขณะมองแก้มป่องที่เด้งดึ๋งสู้มือถ้าเขามีลูกบ้าง จะมีหน้าตาเป็นแบบ
@คฤหาสน์ประจำตระกูลกวินจำต้องพาลูกเมียมายังคฤหาสน์ตามคำสั่ง เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และทนการรบเร้าของคนเป็นปู่ต่อไปไม่ไหวแล้วคิมหันต์และคีรินทร์มีอายุได้ 1 ขวบกว่าๆ กำลังอยู่ในช่วงหัดพูดเป็นคำ ๆ เงยหน้ามองผู้เป็นปู่ตาใสแป๋ว สลับกับปรบมือเปาะแปะทำตามผู้ใหญ่"อ๊ะ! จ๊ะเอ๋! ว่าไงครับหลานปู่ หิวหรือยังงงงง หื้มมม หิวหรือยังงง""แอะ แอะ หม่ำ"กฤษดานั่งหยอกเย้าหลานทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงอ้อเอ้ของหลานตัวน้อยผลัดกันขานรับทุกประโยคที่คุยด้วย น่ารักน่าชังเสียจนคุณปู่ผู้เห่อหลานแต่ไม่ยอมรับ ทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะประเคนทุกอย่างให้หมดแล้ว"มาลี! เอาขนมมาให้หลานฉันสิ!""เจ้าค่ะ"ไม่ถึงนาที ขนมนมเนยที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ กวินมองอาการเห่อหลานจนเข้าขั้นวิกฤตของพ่อตัวเองแล้วส่ายหัวไปมาทั้งแก้วแหวนเงินทอง ทั้งของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กที่กองพะเนินจนล้นลัง กว่าลูก ๆ ของเขาจะเล่นครบทุกชิ้นคงกินเวลาไปทั้งปี แถมยังมีที่ดินย่านใจกลางเมืองที่ให้เพื่อรับขวัญหลานคู่แรกของตระกูล มูลค่ากว่าห้าสิบล้านอีกผืนอีกหน่อยถ้าลูก ๆ พูดได้แล้วขอนู้นนี่นั่น เพนท์เฮ้าส์ของเ
“อะ...อะไรของนายเนี้ย!?”คชาสบเข้ากับสายตาคำถามของหญิงสาว เบือนหน้าหนีไปอีกทางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“รับไปสิ ฉันให้”“อุ้ย! ได้สองช่อติดขนาดนี้ สงสัยเจ้าบ่าวจะอยู่ใกล้ ๆ ตัวนะคะหมอนิล คิกคิก”มิรินกระเซ้าเหย้าแหย่ ขยั้นขยอให้หมอสาวยอมรับช่อดอกลิลลี่ไว้ พลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนชาย บอกเป็นนัย ๆ ว่าเจ้าบ่าวคนต่อไปก็อาจจะยืนอยู่แถว ๆ นี้ก็เป็นได้“นั่นสิ! หมอผีที่โสดนาน ๆ อย่างเธอ คงไม่อยากแต่งงานกับภูติผีที่เลี้ยงไว้หรอกใช่ไหม หรือว่าอากาศข้างบนมันดีซะจนไม่อยากลงจากคาน?”“ไอ้…..!!!”นิลกัดฟันกรอด ๆ อยากจะด่าต่ออีกสักชุด แต่พอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวจึงกลืนคำด่าลงท้องไปก่อน เพราะการกระทำของชายหนุ่มทำให้เธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในงานกว่าครึ่ง"อย่างน้อย ๆ ผีที่ฉันเลี้ยงไว้ก็ไม่ปากเสียแบบนาย!"นิลตีหน้ายักษ์ใส่คชาแล้วสะบัดหน้าเดินหนีอย่างแง่งอน ทั้งหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องปล่อยหมาออกมากัดเธอทุกครั้งที่พบกันมิรินเดินเข้ามาหาเพื่อนชายคนสนิท ตบบ่าเขาหนัก ๆ สองสามที นึกอยากจะปรามความปากเสียของเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่คชาคงจะแก้นิสัยนี้ไม่หายแล้วล่ะมั้ง จึงเปลี่ยนเป






Comments