LOGINภูมิธรรหันกายกลับไปยังรถ มือจับหน้าอกไว้แน่น อาการปวดร้าวทำนิ่วหน้า เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอด หลายวันมาแทบไม่ได้พักผ่อน เพราะหาหนทางช่วยลูก วิ่งเต้นทุกวิถีทางแต่กลับไม่มีใครยินยอมช่วยเหลือ มันคือความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถ้าหากตอนนั้นไม่ให้ลูกคบกับอนาวินก็คงดี
อาการปวดหน้าอกไม่บรรเทา มือจับพวงมาลัยไว้แน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวด จนบอดี้การ์ดเห็นถึงความผิดปกติ เดินมาส่องผ่านกระจกรถสีดำ แล้วรีบล้วงมือถือ ติดต่อหน้าหัวหน้า
“หัวหน้าครับ ภูมิธรรมอาการไม่ดีแล้วครับ”
“อะไรนะ!”
“ผมเห็นเขาสลบอยู่ในรถ”
“เคาะเรียกสิ!”
ก๊อก ก๊อก
เชนทร์พยายามเคาะ แต่กลับไม่มีการตอบรับ
“ไม่ฟื้นครับหัวหน้า ไม่ตอบสนองอะไรเลย”
“งัดรถแล้วพาคนออกมา เดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ครับหัวหน้า”
รถพยาบาลเคลื่อนออกจากหน้าบ้าน หลังจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนชีพจรกลับมาแล้ว วิรุตต์ล้วงมือถือ ติดต่อหาเจ้านายในทันที
“ว่าไงรุตต์” เขากรอกเสียง
“ท่านครับ ภูมิธรรมช็อกหมดสติหน้าบ้านเราครับ ตอนนี้ผมให้คนพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”
“อะไรนะ!” ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้สีหน้าตระหนก “แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง”
“ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ อีกสักพักลูกน้องคงรายงาน”
“ให้คนไปเฝ้าให้ดี คอยรายงานด้วย ถ้าต้องรักษาอะไรเพิ่มติดต่อมา บอกหมอให้รักษาให้ดีที่สุด ทั้งยาเครื่องมือ อย่าขาดตกบกพร่องเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะปิดโรงพยาบาลพวกมัน!”
“ครับ”
“คอยรายงานความคืบหน้าฉันตลอด เข้าใจไหม!”
“เข้าใจครับ”
อนาวินวางสายจากลูกน้อง ทรุดกายลงบนเก้าอี้ มือยกกุมขมับ ถ้าหากภูมิธรรมเป็นอะไรไป ช่องว่างระหว่างเขากับภริดาคงมากขึ้น และไม่อาจผสานได้อีก เรื่องนี้ทำให้ครุ่นคิดหนัก ระบายลมหายใจออกมา ก่อนลุกยืนเดินมาตรงหน้าต่าง ใช้ความคิดมากมายในหัว
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู ร่างอรชรก้าวเข้ามา สาวเท้ามาถึงด้านหลัง โอบกอดเขาแล้วซบใบหน้ากับแผ่นหลัง อนาวินเบี่ยงกายหนีก่อนหันมาเผชิญหน้า ดวงตาคมกริบหรี่ลง สีหน้าเยือกเย็น
“มาทำอะไร”
“เรศต้องมีธระเหรอคะถึงมาได้ อย่าลืมนะคะว่าคุณกับเรศ เราอยู่ในสถานะคนรักกัน” เยาวเรศบอก แล้วยิ้มพราย
“มันก็แค่เรื่องปลอม ๆ ที่ผมกับคุณสมมติกันขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย”
“เรศแค่อยากทำให้เหมือนจริง หรือว่า...” เธอเดินวนรอบกาย แล้วโอบกอดเขาอีกครั้ง ซบใบหน้ากับแผงอก “จะทำให้มันเป็นจริงก็ได้”
อนาวินจับไหล่ดันออก แววตาเย้ยหยัน
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครงั้นเหรอ ผมให้คุณเล่นละครจนสมองเบลอไปแล้วหรือไง ถึงได้คิดอะไรแบบนี้ ระหว่างผมกับคุณไม่มีวันเป็นไปได้!”
“อนาวิน!” เยาวเรศร้องเรียกชื่อเสียงหลง ชักสีหน้าไม่พอใจ
“ผมแค่ให้คุณเล่นละคร อย่าได้คิดเป็นอื่น อย่าลืมว่าผมหาคนมาเล่นละครฉากนี้ได้อีกเยอะ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ!”
“แต่ฉันคือคนเดียว ที่จะทำให้ภริดาเกลียดคุณ ไม่อย่างนั้นคุณจะเลือกฉันทำไม!”
“ใช่สินะ ผมเกือบลืมไป ก็คุณเล่นหักอกน้องชายภริดา จนหมอนั่นฆ่าตัวตาย จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ที่หมอนั่นไม่ตาย แต่ดันกลายเป็นบ้าแทน”
ริมฝีปากเม้มสนิท ชักสีหน้าไม่พอใจ ย้อนความหลังกันงั้นเหรอ ก็ใครใช้ให้มันมายุ่งความลับของเธอกันเล่า ตั้งแต่แรกก็ไม่เคยคิดคบหากับมันอยู่แล้ว แค่ใช้เป็นสะพานทำร้ายภริดาเท่านั้น จนตอนนี้แผนการก็สำเร็จแล้ว
“มันก็สมควรแล้วนี่ ฉันไม่ได้ร้องขอให้ภีรพลรักมั่นกับฉันขนาดนั้นสักหน่อย หมอนั่นมันบ้าไปเอง” เยาวเรศยิ้มเยาะ
“งั้นเหรอ แต่ว่า... คุณอาจจะหลอกใครได้ ใช้ผู้ชายเป็นเครื่องมือได้ แต่อย่าได้มาใช้เล่ห์มารยากับผม เพราะผมไม่ได้โง่เหมือนคนอื่นหรอกนะ” พูดจบ ดวงตาคมกริบวาววับ ทำเอาคนฟังหนาว ๆ ร้อน ๆ
“แหม.. พูดเล่นไปได้ค่ะ ฉันจะหลอกคุณทำไม ฉันไม่หลอกคนที่ตัวเองหลงรักหรอกค่ะ”
“อย่าพูดคำว่ารักกับผมเลย เสียปากเปล่า ๆ เพราะผมไม่มีวันรักผู้หญิงโกหกหลอกลวงเก่งหรอกนะ” อนาวินหัวเราะในลำคอ ทำเอาอีกคนหน้าตึง
“หมายความว่าไง!”
“คุณทำอะไรไว้รู้อยู่แก่ใจ” เขาเอื้อมมือมาบีบปลายคาง “คุณก็แค่เครื่องมือของผม ไม่มีวันเป็นอื่นได้หรอกเยาวเรศ อย่าใฝ่สูง เพ้อให้มันมากนัก แล้วอย่าได้มายุ่งกับภริดาอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะเผาบ้านของคุณซะ!” สะบัดมือปล่อยคางมนจนเรือนผมกระจาย
เยาวเรศกำมือข้างตัวแน่น มองเขาซึ่งหันหลังให้ กระแทกส้นเท้าเดินออกจากห้องไป มือข้างตัวกำแน่น ไม่ให้ยุ่งงั้นเหรอ ดูสิถ้าเธอทำให้มันเสียโฉม ยังจะพิศวาสมันลงไหม แค้นเคืองกันขนาดนั้น ยังอาลัยอาวรณ์ไม่ให้มันไปไหนอีก ในเมื่อตัดไม่ขาด ก็ขอช่วยเองแล้วกัน
รถยนต์จอดหน้ารั้ว เยาวเรศบีบแตรเพื่อให้สัญญาณ เชนทร์เดินเข้ามาหา เลยลดกระจกลง เมื่อเห็นหน้าเลยจำได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้คือคนของเจ้านาย
“คุณเยาวเรศ”
“เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ พอดีวินให้ฉันมาดูแลภริดาน่ะ”
สีหน้าของเชนทร์คิดหนัก แน่ใจเหรอว่ามาดูแล จากสีหน้าแววตาไม่ได้บอกเช่นนั้นเอาเสียเลย
“เอ่อ...”
“มีปัญหาอะไร ฉันบอกให้เปิดก็เปิดสิ เรื่องมากไปได้ ฉันคือคนสนิทคุณอนาวิน ไม่รู้หรือไงกัน!”
“ผมทราบครับ แต่ผมจำเป็นต้องรายงานหัวหน้าก่อน”
“เธอเครียดน่ะครับ อาจจะมีเรื่องกระทบจิตใจ เลยทำให้อ่อนเพลีย”อนาวินพยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณมากครับหมอ”“หมอขอตัวก่อนนะครับ”เดินเข้าห้อง เห็นคนบนเตียงใบหน้าเขียวช้ำ ถึงหมอบอกไม่เป็นอะไรมาก แต่สภาพที่เห็นทำเอาใจหาย ถ้าภริดาเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง หย่อนกายลงข้างเตียง หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้า“พ่อคะ” เธอละเมอออก “วัตร”ชายหนุ่มชะงักมือ กำผ้าแน่น กรามขบเป็นสันนูน เขาไม่อยากได้ยินชื่อสองคนนี้เลย ต่อให้ภริดาไม่รู้เรื่อง กระนั้นแล้วเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวและน้องสาวของสารเลวสองคนอยู่ดี โยนผ้าไว้ในอ่างตามเดิม แล้วเดินออกมาด้านนอก“เฝ้าเธอไว้ให้ดีด้วยป้าศรีนวล”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อย อนาวินมายังรถ เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล รถจอดเทียบแพทย์เจ้าของไข้ออกมาต้อนรับทันที เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลที่บริษัทของเขาจัดตั้งและสนับสนุนตลอดระยะเวลาหลายปี ชายหนุ่มมาหยุดยืนหน้าห้องไอซียู ด้านในเห็นชายวัยกลางคน กำลังใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่ได้สติ“อาการเป็นยังไงบ้าง” อนาวินถามเสียงเครียด“อาการทรงตัวครับ ถ้าจะให้ดีต้องผ่าตัด ถ้าเกิดญาติเซ็นต์ผมเตรียมผ่าให้ได้เลย”“ถ้าไม่ผ่าจะเป็นอะไรไหม”“ไม่ดี
หญิงสาวสะดุ้ง ยอมเอามีดให้กับอนาวิน เขาพับแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า ก่อนเดินไปหาร่างที่กำลังสลบกับพื้น ไม่นานนักเธอขยับกาย ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ในสภาพที่เปลือกตาแทบปิด อนาวินขบกรามแน่นพยายามข่มใจ ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ ชายหนุ่มย่อกายลง“เป็นยังไง ยังไม่ตายใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม แม้ใจเป็นห่วง แต่คำพูดกลับทำร้ายอีกฝ่าย“ยังเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เอามีดที่คนรักของคุณ มาเสียบคอฉันเลยดีไหม จะได้ตาย ๆ สมใจคุณเสียที”อนาวินชะงัก เก็บอาการอ่อนไหวเอาไว้“ได้ยังไงกันเล่าภริดา ฉันไม่ยอมให้เธอตายง่าย ๆ หรอก เธอต้องอยู่เป็นของเล่นของฉัน กับเยาวเรศไปอีกนาน”คนเจ็บกัดฟันกรอด ร่างกายมันปวดร้าวแทบทนไม่ไหว แต่จำต้องอดทนเอาไว้“ไอ้สารเลว!”“ด่าได้ดี เห็นไหมเธอยังด่าฉันได้ขนาดนี้ แสดงว่ายังมีแรง ไม่ตายง่าย ๆ หรอก”“น่าเสียดาย...”“เสียดายอะไร”ปรือตามอง คนที่ตนเองเคยรักมากเหลือเกิน บัดนี้ไม่หลงเหลืออะไรเลย ทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น ถ้าหาก... มองให้ลึก มองให้ชัดกว่านี้ คงไม่ต้องโดนหลอก จนต้องอับอาย ทำให้พ่อต้องเป็นทุกข์“เสียดายที่ฉันตายยากไปหน่อย”ชายหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วลุกยืนทันที ทว่าใ
เยาวเรศชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นเชนทร์กำลังโทรหา เปิดประตูลงจากรถ แล้วแย่งมือถือเขวี้ยงลงพื้น ก่อนเดินไปยังป้อมด้านหน้า กดเปิดประตู แล้วขับรถเข้าไป เชนทร์รีบโทรหาหัวหน้า ซึ่งตอนนี้กำลังปฏิบัติงานอยู่ข้างนอก ใช้เวลากลับมาก็คงเกือบชั่วโมง“หัวหน้าครับคุณเยาวเรศมาที่นี่ครับ!” เขารีบรายงานเสียงสั่น“อะไรนะ! รีบห้ามสิ อย่าให้ขึ้นไปบนห้องคุณภริดาได้!”“ผมห้ามแล้วครับ แต่เธอไม่ยอม”“แกเป็นผู้ชายหรือเปล่าไอ้เชนทร์ ถ้าแกไม่ห้าม หัวเราได้หลุดกันหมดแน่ รีบไปจัดการ เดี๋ยวฉันกลับไป!”“ครับหัวหน้า”เยาวเรศลงจากรถ แล้วสาวเท้าเข้าด้านใน สาวใช้วัยแรกรุ่นรีบวิ่งเข้ามาหา“มันอยู่ไหน!”“อยู่ห้องติดกับห้องคุณผู้ชายค่ะ!” บ่าวรับใช้รายงานในทันทีเธอไม่รอช้าพอมาถึงหน้าห้อง จับลูกบิดเปิดเข้าไปด้านใน เห็นหญิงสาวกำลังนอนหลับบนเตียง ตรงเข้าหากระชากแขนลากลงมาตุบ!“โอ้ย!” ภริดาร้องคลำช่วงเอว แล้วจ้องมองคนทำ เห็นยืนกอดอกตาเขียว “เยาวเรศ!”“ใช่ ฉันเอง!”ภริดาพยุงกายลุกยืน มองไปยังหญิงสาว ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิท ที่เธอรักและหวังดี คิดว่าคนคนนี้คือคนที่เชื่อใจได้ แต่สุกท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เยาวเรศซ่อนเขี้ยวเล
ภูมิธรรหันกายกลับไปยังรถ มือจับหน้าอกไว้แน่น อาการปวดร้าวทำนิ่วหน้า เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอด หลายวันมาแทบไม่ได้พักผ่อน เพราะหาหนทางช่วยลูก วิ่งเต้นทุกวิถีทางแต่กลับไม่มีใครยินยอมช่วยเหลือ มันคือความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถ้าหากตอนนั้นไม่ให้ลูกคบกับอนาวินก็คงดีอาการปวดหน้าอกไม่บรรเทา มือจับพวงมาลัยไว้แน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวด จนบอดี้การ์ดเห็นถึงความผิดปกติ เดินมาส่องผ่านกระจกรถสีดำ แล้วรีบล้วงมือถือ ติดต่อหน้าหัวหน้า“หัวหน้าครับ ภูมิธรรมอาการไม่ดีแล้วครับ”“อะไรนะ!”“ผมเห็นเขาสลบอยู่ในรถ”“เคาะเรียกสิ!”ก๊อก ก๊อกเชนทร์พยายามเคาะ แต่กลับไม่มีการตอบรับ“ไม่ฟื้นครับหัวหน้า ไม่ตอบสนองอะไรเลย”“งัดรถแล้วพาคนออกมา เดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”“ครับหัวหน้า”รถพยาบาลเคลื่อนออกจากหน้าบ้าน หลังจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนชีพจรกลับมาแล้ว วิรุตต์ล้วงมือถือ ติดต่อหาเจ้านายในทันที“ว่าไงรุตต์” เขากรอกเสียง“ท่านครับ ภูมิธรรมช็อกหมดสติหน้าบ้านเราครับ ตอนนี้ผมให้คนพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”“อะไรนะ!” ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้สีหน้าตระหนก “แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง”“ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ อีกสักพักลู
อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!” ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วยภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร
ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง แยกกลีบดอกไม้ออกจากกัน ก้มลงชื่นชม ช่างงดงามสดใหม่ จนไม่อาจทานทน ลิ้นแตะแผ่วเธอผวามือสอดเข้าเรือนผมหนา สีหน้าราวกับปวดร้าวทรมาน ความรู้เสียดเสียวพุ่งทะยาน ยิ่งลิ้นขยับตวัดหนักเบาสลับ ยิ่งทำร่างกายสั่นสะท้าน เรียวขาเกร็ง ร่างกายบิดเร้าตามแรงปรารถนา“อ๊า! อย่าทำแบบนี้ ออกไปนะ!” เธอยังคงประท้วง ฝืนตัวเองสุดกำลังเขาชะงัก เงยหน้าสบตา เห็นมองมาพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อ“แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยภริดา ดูสิ” เขายกมือตัวเอง ที่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวแก้มคนสวยแดงขึ้น อับอายมากเหลือเกิน เธอไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ ปฏิเสธกับปาก แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย อนาวินแสยะยิ้มแล้วก้มลงหาดอกไม้งามอีกครั้ง ใช้ลิ้นตวัดลากไล้ สัมผัสเกสรดอกไม้ คนตัวเล็กสะดุ้ง หนีบเรียวขาเข้าหากัน มือกอบกุมศีรษะเขาไว้มั่น“อื้อ!” ภริดาร้องลั่น ร่างกายมันรับไม่ไหวแล้วความเสียวซ่าน ปั่นป่วนท้องน้อยเช่นนี้ “กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลซึม อนาวินมองดูแล้วใช้ลิ้นตวัดกลืนมัน ก่อนผละห่างคนงามกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก สะบัดออกจากเรือนร่าง แล้วตามด้วยเข็มขัด กางเกงสแลค และชั้นใ







