 LOGIN
LOGINตายไปเพราะผู้ชาย…เกิดใหม่ก็ขอเลือกใหม่ได้ไหม? ฉันกลับมาในอีกไม่กี่วันก่อนตาย พร้อมคำสัญญาใหม่กับตัวเอง ไม่แย่งพระเอกของใคร ไม่อยากตายซ้ำซาก และจะเล็ง “นายพลเลือดเย็น” ที่ทำให้ฉันตายวันนั้นแทน! แต่ยังไม่ทันได้อ่อย… คุณชายรองแห่งอาณาจักรการค้า ก็เอาแต่จับผิดฉันราวกับฉันคือคู่แข่งทางธุรกิจ ประหนึ่งเป็นแฟนหนุ่มของนายพลจอมโหดที่ฉันเล็งเอาไว้ คนหนึ่งหวง คนหนึ่งหึง คนหนึ่งล่อลวง ส่วนฉัน… แค่พยายามจะร้ายให้อยู่รอด ไม่ใช่ให้ใครรัก และถ้าใครเผลอตกหลุมรักฉันขึ้นมา…ก็ช่วยรับมือกับ “ตัวตนใหม่” ของฉันให้ไหวก็แล้วกัน
View Moreทุกคนบอกว่าฉันเลว…
แต่มีใครเคยฟังฉันบ้างไหม?
พ่อทอดทิ้ง เมียน้อยยิ้มหวาน ลูกติดกลายเป็นนางเอก
ส่วนฉัน…ตายอนาถกลางถนน
พอได้โอกาสกลับมา ฉันจะไม่ขอความรักอีกต่อไป
…แต่จะเป็น “นางร้ายที่รอด” และ “รักตัวเองเป็น” ต่างหาก!
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
เสียงหัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด
ฮึก!
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกจนแทบตกเตียง มือข้างหนึ่งกำผ้าห่มผืนบางแน่น ใจยังสั่นสะท้านจากฝันร้ายที่เหมือนจริงเหลือเกิน… ฝันที่เธอเห็นตัวเองถูกรถชน ต่อหน้าผู้คนมากมายที่เอาแต่ชี้นิ้วด่าว่าเธอว่า นางร้ายผู้ไร้ค่า
กลิ่นฝุ่นและน้ำยาถูพื้นที่ทำจากสมุนไพรกรุ่นจาง ๆ ลอยแตะปลายจมูก ซูจิ้งหนานขมวดคิ้ว ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนที่แสงแดดสีอ่อนจะแยงเข้าตาเธอ พร้อมกับสติที่เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือ…เพดานไม้สีเข้ม ผนังสีขาวที่มีรอยแตกเป็นเส้นบาง ๆ ราวกับอายุของมันมากกว่าตัวเธอ เมื่อมองไปยังหน้าต่างของไม้ที่มีกระจกสีขุ่นเป็นลายดอกโบตั๋นพลันส่งให้เรียวคิ้วของซูจิ้งหนานขมวดแน่นขึ้นอีก
เธอค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นนั่ง หันมองรอบห้องให้ชัดเจนอีกครั้งแต่กลับพบว่า
ตัวเองอยู่ในห้องนอนขนาดกลาง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุค 80 อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะเครื่องเรือนที่วางอยู่ในห้อง แตกต่างจากคอนโดในโลกที่ซูจิ้งหนานจากมาอย่างสิ้นเชิง
ตู้เสื้อผ้าสีเขียวพาสเทลตั้งเด่นข้างผนัง มีโปสเตอร์เก่า ๆ ของโฆษณาสิ่งพิมพ์แปะเอาไว้ สีสันมันก็ไม่ได้สดใสมากนัก แต่ก็ไม่ได้ซีดจางจนไม่เห็นสีอะไร และใบหน้าหนุ่มหล่อที่สาว ๆ ในเมืองเซี่ยงไฮหลายคนหมายปองปรากฏอยู่บนแผ่นนั้น พร้อมกับอักษรบอกว่าเขาคือใคร
‘ซ่งเยี่ยนซิน’ คุณชายรองตระกูลซ่ง ผู้สืบทอดคนต่อไปของบริษัทสิ่งพิมพ์ สถานีวิทยุ และโรงเรียนเอกชนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง
เธอมองข้อความนั้นพลางคิดอะไรต่อมิอะไรก่อนจะแบนสายตาไปยังเครื่องเรือนอื่น ๆ
กระจกแต่งตัวฝังไว้ที่ขอบไม้ ทรงเหลี่ยมสลักเสลาอย่างงดงามประณีต หน้ากระจกมีแป้งและเครื่องสำอางที่ดีไซน์ล้าสมัยมาก ๆ และหวีด้ามไม้สีน้ำตาลวางเรียงอยู่
บนผนังมีพัดลมติดผนังใบใหญ่หมุนเบา ๆ พร้อมเสียง “จี๊ด จี๊ด” แผ่ว ๆ กับโคมไฟสีส้มนวลดูแล้วเหมาะกับการตกแต่งสไตล์นี้อย่างลงตัว
เธอก้มลงมองตัวเอง เสื้อนอนลายดอกคอกลม ผ้าฝ้ายที่ดูไม่เก่าแต่ว่าแบบและลวดลายไม่ทันสมัยและแข็งเล็กน้อย เสื้อแบบที่เธอไม่เคยใส่มาก่อนเลยในชีวิต จนกระทั่งความทรงจำของร่างนี้ไหลเวียนเข้าไปในหัวของเธอทีละนิดทีละนิดอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่ง ดวงตากลมโตประดุจดั่งลูกกวางน้อยเพิ่งเกิดของเธอเบิกกว้าง
ริมฝีปากสั่นพั่บ ๆ
“นะ...นี่...นี่มัน…ห้องนอนของนางร้ายในนิยาย…?”
เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ราวกับจะยืนยันความจริงว่าเธอไม่ได้ฝัน และซูจิ้งหนานไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่ามันจะมีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์แบบนี้เกิดขึ้น จนกระทั่งเธอลองหยิกเนื้อตัวเอง
“อ๊า...ซี๊ด...เจ็บเป็นบ้า” นั่นไม่ผิดแน่...ความเจ็บปวดนี้ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
เธอไม่ได้ฝันไป!
เพราะบนโต๊ะไม้ข้างเตียงนั้น…มี “สมุดบันทึกคูปองอาหาร” วางอยู่
ของที่หายไปจากโลกมานานหลายสิบปี…
ซูจิ้งหนานกลืนน้ำลาย ฝืนลุกขึ้น แล้วค่อย ๆ เดินไปยืนหน้ากระจก ภาพสะท้อนตรงหน้า…ไม่ใช่ร่างกายของเธอที่เคยผอมสูงสไตล์ผู้หญิงยุคใหม่
แต่เป็นหญิงสาวในวัยสิบเจ็ดสิบแปดปี…ใบหน้าสวยคม ดวงตาเรียวสั่นไหว ขนตาแพหนายามกะพริบตาเหมือนผีเสื้อกำลังโบกปีกสะบัด
นั่นมัน…นางร้ายในนิยายที่เธอเคยอ่านจบไปเมื่อเดือนก่อน!
หน้าตาของเธอที่เป็นตัวตนที่สะท้อนอยู่ในกระจก เหมือนในภาพวาดในปกด้านในที่มีภาพนางร้าย และเหล่าผู้ที่มีอิทธิพลในยุคนี้
และนี่คือ...ซูจิ้งหนาน นางร้ายในนิยายที่ตายอย่างอนาถกลางถนน ที่ไม่มีใครเหลียวแลเธอด้วยซ้ำ
แต่ความทรงจำห้วงสุดท้ายก่อนตาย เหมือนจะไม่เป็นอย่างที่นักเขียนกล่าวไว้สักนิด มันเหมือนมีความเจ็บปวดของตัวละครของนางร้ายผู้นี้ติดอยู่ในใจเธอ
เพราะเสียงของนางร้ายก่อนตายมันดังก้องในหัวตอนที่เธอได้อ่านมัน จนเธออดสงสารไม่ได้ แม้ว่าซูจิ้งหนานจะร้ายกาจก็จริง แต่ทว่าชีวิตของเธอก็น่าสงสารเช่นกัน
ทุกคนบอกว่าฉันเลว…
แต่มีใครเคยฟังฉันบ้างไหม?
พ่อทอดทิ้ง เมียน้อยยิ้มหวานขนาบข้าง ลูกติดกลายเป็นนางเอก
ส่วนฉัน…ตายอนาถกลางถนน
นั่นคือถ้อยคำก่อนตาย ของนางร้ายในนิยายเรื่องนี้ และชีวิตของเธอกลับตายแล้วมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยาย
เธอจำได้ว่าชาติที่แล้วเธอก็ต้องตายเพราะความไว้ใจผู้ชายเช่นกัน เธอไว้ใจแฟนของเธอที่อยู่ด้วยกันสักพัก แต่ทว่าเขากลับอาศัยช่วงที่เธอทำงานพาผู้หญิงอื่นมากินกันถึงห้อง ‘หยามน้ำหน้าฉันไม่พอ’ เพราะนั่นคือคอนโดและเตียงนอนที่เธอและเขาพลอดรักกันหวานซึ้งทุกค่ำคืน
ผู้ชายคนนั้นไม่รู้จักพอจนทะเลาะกันหนักมากและเมื่อเธอไล่เขาให้ออกไปจากห้องของเธอ แต่ทว่าดันมีอุบัติเหตุให้เธอต้องพลัดตกลงมาจากบันไดและคอหักตาย
นั่นคือช่วงที่เธอตาย และดันหวนคิดถึงชีวิตนางร้ายในนิยายที่อ่านจบไปพลันคิดว่าชีวิตเราทั้งคู่แสนบัดซบพอ ๆ กันจนกระทั่งเธอได้เกิดมาใช้ชีวิตแทนซูจิ้งหนานในนิยาย
แต่ทว่านี่มันวันที่เท่าไหร่นะ?
ซูจิ้งหนานที่รู้ชะตาชีวิตตอนจบของตัวเอง มองหาปฏิทินที่จะบอกว่าตัวเองจะมีเวลาแก้ไขอีกกี่วัน แต่เมื่อสายตามองไปเห็นแล้วว่า เธอมีเวลาเพียงสามวันในการเปลี่ยนเรื่องราวตอนจบของนางร้าย พลันทำให้ใจเธอร่วงถึงตาตุ่ม
“นี่ฉันจะหายใจได้อีกสามวันแล้วก็ต้องตายงั้นเหรอ...บ้าที่สุด!”
“ไม่ได้...ชาติที่แล้วฉันตายเพราะผู้ชาย ชาตินี้ฉันเกิดใหม่แล้วไม่ขอตายเพราะผู้ชายแล้วล่ะ” เธอพึมพำพลางคิดหาทางรอดชีวิต แต่ดูเหมือนว่าทางรอดของเธอช่างริบหรี่เหลือเกิน เมื่อได้ยินเสียงของพ่อที่โหวกเหวกอยู่ด้านล่าง
“จิ้งหนาน...จะชักช้าถ่วงเวลาไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมลูกชอบสร้างปัญหานัก กับแค่ไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างกับหลิงหลิง พี่สาวของลูกแท้ ๆ”
คำว่าพี่สาวมันทำให้ความคั่งแค้นของเจ้าของร่างที่เก็บไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ พุ่งปรี๊ดจี๊ดขึ้นสมอง เกือบจะพลั้งปากอย่างเคยชินไปเสียแล้ว
หากเป็นจิ้งหนานคนเก่าจะพูดว่า
‘พ่อคะ...เรียกนังลูกนอกคอกนั่นว่าหลิงหลิง แต่เรียกลูกสาวที่เกิดกับภรรยาอย่างถูกต้องอย่างหนูว่า จิ้งหนานไม่จิกหัวกันเกินไปหน่อยเหรอคะ’
และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจากการอาละวาดครั้งนั้น จิ้งหนานโดนตบจนสลบ และต้องโบกเครื่องสำอางหนาเตอะไปงานเลี้ยงของเหล่าตระกูลที่ควบคุมเมืองเซี่ยงไฮก่อนจะพาตัวเองไปตาย ด้วยการวางแผนโง่ ๆ
และแน่นอนว่าครั้งนี้ที่เธอตื่นสาย ไม่ใช่เพราะเธอจงใจถ่วงเวลา แต่เป็นเพราะว่าแม่เลี้ยงของเธอที่บอกว่าคุณพ่อนัดบ่ายโมงต่างหาก นี่เพิ่งสิบโมงเห็นชัด ๆ ว่าใครกันแน่ที่ร้ายกาจ
แค่คิดเธอก็แสยะยิ้มแล้ว...ใครว่าเธอร้าย เหล่านางเอกต่างหากที่หาเรื่องเธอก่อน
ไม่ได้...เธอจะเป็นนางร้ายที่มีสมอง!
เวลาก้าวผ่านสู่ปีที่สี่ที่ได้แต่งงานกัน กิจการโรงทอตระกูลหลิวรุดหน้าไปมาก ทั้งยังเป็นโรงทอที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง มีเครื่องจักรที่ทำงานใหญ่โตรวมทั้งทอผ้าอย่างมีคุณภาพ จิ้งหนานยังซื้อพื้นที่ในการปลูกฝ้ายแบบพิเศษที่คิดค้นพันธุ์โดยเธอเอง และยังรับซื้อฝ้ายจากทั่วประเทศอีกด้วย ทำให้หมู่บ้านชนบทแถบชานเมืองที่อยู่ติดโรงทอที่ขยายใหญ่เริ่มมีความเจริญเข้ามามากขึ้น ถนนหนทางสร้างใหญ่โตรองรับอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น แต่ทว่าในหมู่บ้านของจิ้งหนานยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติงดงาม เพราะเป็นที่ดินตระกูลหลิวเกือบทั้งหมด ดังนั้นยังเงียบสงบและคนในหมู่บ้านยังมีวิถีชีวิตเรียบง่ายอยู่ ร้านค้ายังมีระบบสหกรณ์และการซื้อขายใช้คูปองอยู่ ซึ่งข้าว น้ำตาล น้ำมัน ยังมีใช้เงินคู่กับคูปอง แต่ทว่าตระกูลหลิวไม่ได้ขาดแคลนคูปองเท่ากับชาวบ้าน ดังนั้นเพื่อรองรอบความเจริญที่เธอได้เปรียบคือรู้ก่อนจึงคิดกับสามีในการจัดตั้งโรงงานน้ำมันโดยที่เริ่มแรกรัฐควบคุมก่อน เพราะอีกไม่กี่ปีจากนี้ก็จะเข้าสู่การค้าเสรี เมื่อนั้นก็จะมีพร้อมทุกอย่าง โรงทอตระกูลหลิวที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นยังต้องปันส่วนจ่ายภาษีให้รัฐบาล และได้รับสิทธิพิเศษหลาย
ระยะเวลาผ่านไปจนกระทั่งจิ้งหนานคลอดลูกชายตัวขาวอวบออกมาสร้างความชื่นมื่นให้กับครอบครัว คุณปู่หานรับขวัญเหลนคนแรกด้วยที่ดินทำเลทองในเมืองเซี่ยงไฮ และท่าเรือนเฟตใหม่ของตระกูล คุณปู่อวิ๋นก็ไม่ได้น้อยหน้า ต่อให้ไม่ใช่เหลนสายตรง แต่เพราะรักหลานอย่างหนานหนานมาก ดังนั้นการค้าแห่งใหม่จึงถูกใส่ชื่อของเหลนตัวน้อยเอาไว้ส่วนคุณปู่คนอื่น ๆ ก็ไม่น้อยหน้า ทั้งเงินและทองล้วนวางรายรอบตัวของลูกชายตัวขาวอวบเหมือนก้อนซาลาเปาของจิ้งหนาน ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มดีใจที่ลูกชายของเธอเกิดมาสุขสบายและมีคนสนับสนุนอย่างดี“คุณปู่ตั้งชื่อเหลนให้หน่อยได้ไหมคะ” จิ้งหนานอยากให้คุณปู่อวิ๋นช่วยตั้งชื่อให้ เพราะตอนมาเกิดใหม่เธอก็ได้คุณปู่อวิ๋นยืนข้างเธอจนเหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายคล้อยตาม“ไม่ได้...ปู่ก็ต้องตั้งด้วย”เธอคิดเอาไว้แล้วว่าปู่หานต้องไม่เห็นด้วย ก็เหลนสายตรงนี่เนอะ แต่เธอเตรียมหาทางเอาไว้แล้ว“เอาไว้เหลนคนต่อไปดีไหมคะ”คำว่าเหลนคนต่อไปทำให้หานอวี้เฉิงยิ้มหน้าบาน คนที่อยากมีลูกหลาย ๆ คนอย่างเขาชอบคำนี้ที่สุด ครั้งหน้าเขาต้องพยายามให้มากกว่านี้“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ตาเฒ่าอวิ๋น จะตั้งชื่อหลานว่าอะไรล่ะ” ปู่หานถาม“อวี้หรง แ
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างในห้องนอนที่ไม่ได้รั้งม่านให้สนิท จิ้งหนานขยับตัวเล็กน้อยควานหาความอบอุ่นรอบตัวก่อนจะผลิยิ้มเมื่อสัมผัสที่โหยหากอดกระชับจากร่างหนาที่แนบชิดกันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มือเรียวเล็กได้รูปลูบไล้แผ่นอกหนาแผ่วเบาพลางซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นที่พักพิงใจของเธอ ดวงตาเล็กพริ้มตาหลับอย่างมีความสุขเพราะเมื่อคืนสามีเอาอกเอาใจทั้งปรนเปรอบำเรอรักให้เธออย่างสุขสม สมกับการที่เข้าอกเข้าใจกันดีแล้ว ปลายจมูกโด่งของสามีซุกเข้าหากลุ่มผมพลางสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพูเข้าเต็มปอดพลันให้ดวงตาหวานซ่อนความเจ้าเล่ห์ในฉบับจิ้งจอกน้อยขยับเปิดเปลือกตาขึ้น ‘เขาคือสามีของเธอ’ คนที่หล่อเหลาขนาดนี้เป็นของเธอนะ ด้วยเพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่ลงตัวให้เธอได้เกิดใหม่มาเป็นคู่ของเขา ทั้งการสืบทอดตระกูลหลิว ทั้งเขาที่เลือกจะตามอกตามใจเธอจนเธอรู้ว่าโชคดีที่สุดแล้วที่ได้เขามาเป็นสามี “สามี...เคยคิดมากไหมคะว่าฉันไม่ได้มีการศึกษาที่สูงเหมือน ๆ เหล่าคุณหนูคนอื่น” จิ้งหนานถามขณะนิ้วยังวนเวียนอยู่แถวหน้าอกของสามี เรื่องนี้จะว่าไปเธอก็ไม่อยากเสียเวลาเรียนอะไรที่ซ้ำเดิม
หานอวี้เฉิงใช้ชีวิตอยู่ที่ชานเมืองเป็นส่วนใหญ่ โดยหนึ่งสัปดาห์จะมาทานข้าวที่ในตัวเมืองเซี่ยงไฮหนึ่งครั้ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นเหล่าผู้อาวุโสจะมารวมตัวกัน ซึ่งบ้านที่เสนอตัวจัดการงานนี้ก็ยังไม่พ้นบ้านตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่รับหนานหนานเป็นลูกสาวบุญธรรม ตอนที่หานอวี้เฉิงไปทำภารกิจบางอย่างที่ท่าเรือค่อนข้างเสี่ยงอันตราย และแน่นอนว่ามีการบาดเจ็บขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ทว่าเขาปกปิดเอาไว้ไม่ให้ภรรยาที่น่ารักของเขาได้รับรู้กลัวจะเป็นห่วง ส่วนพี่ใหญ่ที่วิ่งมารับกระสุนแทนเขาต้องเก็บตัวอยู่สักพักกว่าจะออกมาพบหน้าผู้คนได้อีก แต่ถึงให้ปกปิดอย่างไรก็ดูเหมือนภรรยาตัวน้อยที่ช่างสังเกตก็รู้อยู่ดี แล้วเขาก็โดนสั่งให้ดูแลตัวเองให้ดี เพราะว่าหากให้เลิกทำงานนี้คงยาก เขาที่รับปากอย่างดีว่าจะดูแลตัวเองให้ดีเพื่อจะอยู่เป็นสามีเธอไปจนกว่าเราจะแก่ไปด้วยกัน ความรักอันแสนหวานชื่นของพวกเราก็เป็นไปด้วยดีเสมอมาจนกระทั่งผมที่ได้ยินเสียงนินทาเรื่องของภรรยาอีกแล้ว แน่นอนผมควรชินได้แล้วหากไม่ใช่ว่าคืนหนึ่งผมตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วได้ยินเสียงหนึ่ง ‘พี่เหวินอวี้’ เสียงครา
วันนั้นจิ้งหนานไม่ได้บอกใครถึงการกระทำร้ายกาจของตนเอง และไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะฟ้องใคร แต่เธอรู้เพียงว่าได้สั่งสอนให้กับคนที่สมควรสั่งสอน เธอมันเป็นประเภทตาต่อตาฟันต่อฟัน และตลอดห้าวันที่มาอยู่ที่ในเมือง เธอวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าในฤดูหนาวที่กำลังจะออก มียอดสั่งล่วงหน้าเอาไว้จนต้องอยู่จัดการด้วยตนเองให้เสร็จ ดังนั้นก็คิดว่าจะรอสามีอยู่ที่นี่เลย จะได้ไม่เสียเวลาเจอหน้ากัน แต่วันนี้พี่เหวินอวี้เดินเข้ามาด้วยเครื่องแบบเต็มยศพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเธอ “สวัสดีค่ะพี่ชาย...วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้คะ หรือว่านัดสาวคนไหนเอาไว้บอกได้ไหม” จิ้งหนานมักจะหยอกล้อนายพลสุดหล่อเป็นที่หมายปองของเหล่าสาว ๆ เสมอ “คุณพ่อคุณแม่ และคุณปู่บอกให้ไปนอนที่บ้านครับ ให้พี่มาตาม” หลี่เหวินอวี้รู้ว่าเธอมาที่ในเมือง แต่น้องสาวบุญธรรมคนเก่งกลับเลือกจะพักบ้านตระกูลหลิวอีกหลังทำเอาเหล่าอาวุโสน้อยใจกันเป็นแถว ๆ “คิวค้างคืนยาวมากเลยค่ะ ต้องต่อแถวนะคะ” เธอว่าพลางหัวเราะคิก ๆ อย่างน่าเอ็นดูจนหลี่เหวินอวี้ยกมือขึ้นยีหัวเล่น “เป็นยังไงล่ะ คิดถึงอวี้เฉิงล่ะสิ” จิ้งหนานหุบยิ
หลังจากสามีบอกว่าต้องไปจัดการงานบางอย่างที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย สีหน้าของเธอก็ไม่ค่อยดี แต่ทว่าอวี้เฉิงก็รับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดีและจะกลับมาหาเธอให้เร็วที่สุด แต่เธอก็เอาแต่กอดเขาเอาไว้แน่น ๆ อย่างเป็นห่วงพลางคิดว่าในห้องมิติของเธอมีอะไรบ้าง จึงหยิบมันขึ้นมาเปิดต่อหน้าสามีเสียเลย เธอเองก็ไม่อยากปิดบังเขา เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน ต้องมีสักวันที่ความลับแตก“พี่อวี้เฉิง...รอสักครู่นะคะ ฉันหยิบของให้พี่ก่อน”จิ้งหนานรู้ว่ามิติของเธอเมื่อนึกของที่ต้องการมันก็จะออกมาให้ เธอจึงเรียกเสื้อเกราะออกมา อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยป้องกันอันตรายให้เขาก็ยังดีแต่ทว่าอวี้เฉิงมองเธออย่างตกตะลึง เขารู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนเดิมตามที่หลี่เหวินอวี้บอก แต่ไม่นึกว่าจะมีอะไรประหลาดแบบนี้ด้วย“เสื้อนี้จะกันกระสุนได้ พี่ใส่เอาไว้นะคะ ใส่เอาไว้ด้านในเสื้อ ตัวนี้เอาไปเผื่อพี่เหิง เผื่อต้องใช้เหมือนกัน” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ยิ่งเห็นเขามองด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถามเธอจึงตัดตอน“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะแปลกไปสักหน่อย แต่เอาไว้พี่กลับมาแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง แต่เชื่อฉันนะคะ พี่ต้องใส่ พี่เหิงก็ด้วย”อวี้เฉิงยิ้มให้เธอและ

Comments