รูปร่างสูงใหญ่กำยำคิ้วเข้มพาดเฉียงจมูกโด่งเป็นสันในชุดคราบราชการ เอียงหน้าอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า
"ข้ามีนามว่า จ่าแฉล้ม" สิ้นสุดเสียงประโยคสุดท้ายทุกอย่างรอบตัวเงียบงันไปชั่วคราวรูหูหลายคู่มันตันไปชั่วขณะ "จ่าแฉล้ม? " ทันใดนั้นทุกคนนึกได้ขึ้นมาพร้อมกันว่า นั้นคือตำรวจที่เขาเล่าลือว่าเก่งกาจไม่แพ้โจรไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ "ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ ท่าทางสุขุมพูดน้อยต่อยหนักแต่ทว่าจ่าแฉล้มนั้นมีบุตรสาวเพียงผู้เดียวไม่มีบุตรชายเลย" ชาวบ้านพูดถึงจ่าแฉล้มนานนับเป็นชั่วโมงเล่าเรื่องราวในอดีตที่เคยเป็นที่จดจันไปทั่วราชบุรี แต่มีฝีมือขนาดนี้โจรชั่วก็ไม่เคยลดลงมีแต่เพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่องราวต่อจากนี้มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง "ว.9 มีเหตุฉุกเฉิน...ว.2 ได้ยินหรือไม่ได้ยินแล้วตอบด้วย " เสียงวอวิทยุสื่อสารติดขัดดังขึ้นในขณะที่จ่าแฉล้มกำลังเดินทางกลับไปยังที่ประจำการอำเภอสวนผึ่ง ดูท่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจ่าแฉล้มได้ติดต่อกลับไปทันที "ว.2 ได้ยินหรือไม่ " " ว.2 เกิดเหตุการขนยาบ้าที่ชายแดนพม่าให้ส่งกำลังเสริมเข้ามาด่วน" น้ำเสียงลูกน้องดังจนแสบหูได้ติดต่อกลับมาด้วยความตื่นตระหนก ทันที่วางสายตนนั้นรีบต่อสายวิทยุไปยังหน่วยสืบสวนการสุ่มโจมตีเพื่อขอกำลังบุกเข้าพื้นที่ติดชายแดนพม่า "สารวัตร ให้กระผมเดินทางไปยังเส้นไหนดีขอรับ" "เราต้องเปลี่ยนชุดพลางตัวก่อน" ตัดมาที่ฝั่งชายแดนพม่า ตูม.. เสียงระเบิดทิ้งลงพื้นจนเกิดสะเก็ดไฟกระจายตัวฆ่าตำรวจที่แฝงอยู่ไปหลายสิบนาย "โอ๊ย หนีเร็ว" ลูกน้องกลุ่มโจรเสือใบวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศทางส่วนที่เหลืออยู่มีแต่มือปืนฝีมือดีทั้งนั้น "ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง" ชายวัยกลางคน ชื่อว่า เสือใบ กำลังบ่นให้ลูกน้องจนควันออกหูทำอะไรไม่ดังใจขัดหูขัดตาไปสะทุกอย่าง มาคราวนี้ฝั่งเสือหาญมาเหนือแบบไม่คาดคิด ทันใดนั้นเสือใบจึงจุดพลุส่งสัญญานให้เหล่าขมังเวทมารวมตัวกันที่นี่ ดูเหมือนว่าเสือใบจะไม่ยอมเสียสินค้าเถื่อนที่ลักลอบนำเข้า ทันใดชายชุดดำปรากฎตัวต่อหน้าเสือใบ "เกิดอะไรขึ้นพี่เสือใบ" "ไอเสือหาญ ไอเด็กเวร" เสือใบไม่รอช้ารีบใช้คาถาบดบังพลางตัวหายวับไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ลูกน้องจัดการกับฝั่งโจรเสือหาญ ทันใดนั้นชายชุดดำได้เริ่มรายคาถาเสกควายธนู " ไป ลูกพ่อฆ่ามัน" ควันดำโพยพุ่งกระโดดเหินกลางอากาศร่างควยธนูดวงตาแดงก่ำเปล่งประกายกลิ่นอายความชั่วร้าย มันส่งเสียงขวิดขาพร้อมปะทะฝ่ายเสือหาญ เพื่อนพ้องเสือหายไม่มีทีท่าว่าจะกลัวมือหนา ๆ กำดินขึ้นมาแล้วร่ายคาถา หลับตาทำสมาธิแล้วปล่อยพลังออกไปโจมตีเขย่งเท้ากระโจนเหวี่ยงตัวหมุนรอบทิศ พลั่ว ! ควายธนูถอยหลังไปหลายสิบก้าวเมื่อโดนพลังโจมตีอย่างรุนแรง ฝั่งเสือใบถึงกับตะลึงไม่คิดว่าทางฝั่งเสือหาญจะมีฝีมือมากขนาดนี้ "เป็นไปไม่ได้" ลูกน้องเสือใบถึงกับชงัคไปชั่วครู่ แต่มันยังคิดว่ามันนั้นเก่งกาจกว่าจึงร่ายมนต์คาถาปล่อยควายธนู 10 ตัวออกมา "ไปลูกพ่อ ฆ่ามันให้ตายแล้วพ่อจะเลี้ยงเลือดสดๆให้เจ้าได้กินอิ่มหนำสำราญ " ควายธนูยืนเรียงประจันหน้าขวิดขาไปมารอคำสั่งจากนายมัน "ฆ่ามัน" พวกมันวิ่งมาพร้อมกันจนแผ่นดินสะเทือนรอบๆ ป่า เมื่อใกล้จะถึงเป้าหมายควายธนูนั้นได้แยกกันไปคนทิศคนละทางดักล้อมเพื่อนๆ ของเสือหาญไว้ ตึก ! ตึก ! มันกระทืบเท้าจนเพื่อนเสือหาญเซเล็กน้อย เพื่อนเสือหาญได้ตั้งสติให้มั่นแล้วช่วยกันสู้กับควายธนู "จัดการมันลูกพ่อ" ดินฝั่งศพร้อยปีได้ถูกเป่าออกคำสั่งให้จัดการฝั่งเสือใบ รูปร่างค่อย ๆ ปรากฏเป็นเสือสมิงสายขาวสองตัว เพียงแค่เสือทั้งสองตัวเดินเพียงสองก้าวคลื่นพลังบริสุทธิ์ได้พัดกระหน่ำไปยังควายธนูทั้ง ทำให้พวกมันนั้นสูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่ง ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มโจมตี "บร๊า..." เสียงร้องดังกังวานแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าด้วยความเจ็บปวด มันส่งเสียงพร้อม ๆ กัน จนคลื่นพลังงานความชั่วร้ายเริ่มจางหายไป แต่ดวงตาของมันยังแข็งกราว ทันใดนั้น ! พวกมันไม่รอช้าวิ่งกระโจนเข้ามาโจมตีเสือสมิงขาว แต่ทันใดนั้น...สมิงขาวร้องคำรามออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ควายธนูกระเด็นกระดอนถอยออกไปอย่างง่ายดาย ไม่นานนักร่างควายธนูก็ค่อยๆ ลบเลื่อนหายไป "อึก.." เลือดสด ๆ ทะลักออกมาจากปากจอมขมังเวทรอบๆ ตัวมีแต่เลือดบนพื้นหญ้าสีเขียวที่กำลังเหี่ยวเฉา "เป็นไปได้อย่างไร" หัวเข่าอ่อนแรงทรุดลงพื้นเพราะของเข้าตัวจนภายในบาดเจ็บ กระอักกระอ่วนจนแทบลุกไม่ขึ้น ในวินาทีนั้นร่างควันสีดำปรากฏกายขึ้นกะทันหัน "ไป" เพียงแค่ฝ่ามือแตะไหล่ร่างกายจอมขมังเวทได้วับหายไปต่อหน้าต่อตา "หึ ไอ้เสือใบ มันมาช่วยลูกน้องมัน" ลูกน้องเสื้อหาญกล่าว เสือหาญยืนระหว่างกลางเพื่อนทั้งสองเขาตบไหล่เพื่อนๆ เบาๆ แล้วเหลือบตามองฝั่งตรงข้ามพวกเสือใบหายไปอย่างรวดเร็ว. "ไอ้สันขวาน ข้าบอกเอ็งแล้วว่าอย่าใจร้อน" เสือหาญกล่าวเตือน ( เพื่อนรุ่นน้องเสือหาญชื่อว่า ไอ้สันขวาน ลักษณะอ้วนท้วมพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป นิสัยติดตลกกล้าเผชิญหน้ากับศัตรูรอบด้านแม้ว่าจะสู้อยู่ตัวคนเดียว ไอ้กระบาน ลักษณะสูงโปร่งมากกว่าเสือหาญ มีนิสัยมีเหตุมีผลไม่บูมบามเอาเหตุผลเป็นหลัก และเป็นคนติดตลกโดยไม่รู้ตัว เช่นเวลาโมโหแต่การแสดงออกนั้นสวนทางกัน ) "พี่หาญ ฉันก็ไม่คิดว่าพวกมันจะมีอาคมแกร่งกล้ามากกว่าเมื่อก่อน " สันขวานกล่าว "ใช่ พี่หาญพวกมันไม่หยุดแค่นี้แน่" เพื่อนอีกคนกล่าว ในขณะทั้งสามกำลังจะเดินออกจากตะเเข็บชายแดนที่เกิดเหตุ จู่ๆ เสียงรถสี่ล้อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง กำลังมุ่งหน้ามาที่เกิดเหตุ "มีคนกำลังมาที่นี่" ในขณะนั้นทั้งสามได้รีบปลีกตัวออกไปซ่อนตัวเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหว ุ"จ๊ะ วันหน้าฉันจะมาอุดหนุนป้าอีก" สิ้นสุดประโยคเสือหาญกำลังจะเดินออกจากหน้าร้านแต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเสียงปืนดังลั่นปัง ๆ ปัง ๆ กระสูนยิงขึ้นสู่ท้องฟ้ากลางตลาด ผู้คนทั้งตลาดชะงักไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเสียงร้องกรีดก็ดังขึ้นผู้คนรีบหมอบลงกับพื้น บ้างคนก็ล้มระเนระนาดเพราะเบียดกันหนี "ไม่อยากตาย ก้มหัวลงแล้วนำของมีค่าออกมา" โจรข่มขู่ดังขึ้นพร้อมปืนในมือที่ยกสูงเหนือศรีษะ มันสวมหมวกไอ้โม่งสีดำท่าทายทุกคนอย่างไม่เกรงกลัว"แย่แล้ว " หญิงสาวที่ยืนชื้อขนมเปี๊ยะต้องหมอบลงอย่างว่าง่ายเธอนั้นมีความหวาดกลัว จนแววตาอยู่ไม่นิ่งเสือหาญไม่รอช้ารีบเดินมาบังคนแก่และหญิงสาวไว้"ไม่ต้องกลัวหลบอยู่หลังฉัน"น้ำเสียงที่ราบเรียบบอกหญิงสาวให้หลบหลัง หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อมีชายแปลกหน้าออกมาปกป้อง ไอ้โจรที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยเสือหาญ"ฮ่า ๆ ไอ้หนุ่มหน้าอ่อน" มันอ้าปากลั่นกลางตลาดอย่างสะใจราวกับกำลังท้าทายทุกคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกมัน"ฉันเตือนแกแล้วนะ!" เสือหาญค่อยๆก้าวเท้าเดินไป
ลูกน้องลุงแหวนค่อย ๆ ใช้ไม้เขี่ยเสื่อที่เต็มไปด้วยเลือดออกอย่างช้า มืออีกข้างอุดจมูกไว้แล้วหันหน้าหนีมองออกไปทางอื่น"ศพ นี่ประหลาดมาก" เสือหาญกล่าวในใจเมื่อเห็นศพชาวบ้านตาโตเท่าไข่ไก่ พะอืดพะอมคดตัวลงเหมือนกำลังจะอาเจียนมือยกขึ้นปิดปากปิดจมูกแน่น"โอ๊ย จะไม่ไหวแล้ว" ชาวบ้านเซถอยหลังปากสั่นงึกงักทรุดนั่งลงกับพื้นพยายามกลั้นอาเจียนสุดชีวิต ทันใดนั้นชาวบ้านนางกลุ่มนั้นทนไม่ไหวกับสภาพศพที่น่ากลัวและกลิ่นเหม็นที่ทนไม่ได้จึงทยอยออกจากลานประชุม สภาพศพรอยมีดบาดลึกหลายจุด เสื้อผ้าขาดวินจนแทบไม่เหลือสภาพเดิมบางจุดเห็นผิวหนังที่ฟกซ้ำและไหม้เกรียมเหมือนถูกทรมานก่อนเสียชีวิต"ใครกันฆ่าแม้กระทั่งคนสติไม่ดี" เสือหาญกล่าวในขณะที่เสือหาญนั้นยืนสำรวจศพอยู่ห่างๆ สายตาได้ไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง เขาสวมถุงมือแล้วค่อยๆ ดึงฝ่ามือที่กำแน่นเอาสิ่งของในนั้นออกมาลุงแหวนกับลูกน้องที่ว่ามันคือเศษเสื้อทำมาจากด้ายที่หายากมีเฉพาะผู้มีฐานะครอบครัวที่มีเงินชาวบ้านตาดำทั่วไปคงไม่มีปัญญาชื้อได้"ลุงแหวน ลุงจะทำอย่างไรต่อไป " "ฉันว่าต่อให้ไปฟ้องตำรวจก็ไม่มีประโยชน์"ลุงแหวนได้แต่ส่ายหน้าจนปัญญาที่จะติดตามผู้ร้ายต
"ข้าว่าเอ็งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกข้าจะอ้วก" กลิ่นระบายออกมาจนทั้งสองต้องเอามือปิดจมูกแล้วค่อยๆเดินออกมาห่างจากตัวแก้วตา แก้วตาที่ขี้วีนเมื่อเห็นว่าทั้งสองทำท่าทางรังเกียจเธอ เธอชี้นิ้วขึ้นมาด่ารัวๆ จนไม่รู้ว่าหายใจทางไหน"นี่พวกเอ็ง ฉันไม่ใช่ผีนะ" เสียงกระทืบเท้าเหยียบหญ้าจนง้อ ทึก ๆ? "ไอ้บ้า อย่ามามองฉันด้วยสายแบบนั้น" รังสีความไม่พอใจได้แผ่ซ่านออกมาจนไอ้สันขวานกับไอ้กระบานสะดุ้งตัวรีบวิ่งสับฝีเท้าไปให้ไกล"แหวะ " แรงดันปะทุออกมากลางหน้าอกพุ่งน้ำออกมาสาดทิ้งลงใส่หญ้าแห้งใกล้กองฟางเรี่ยวแรงเกือบ หมดฤทธิ์จนเดินหมดแรงตามองซ้ายขวาจนตาลาย "เฮ้ย ไอ้กระบาน เอ็งว่าป่ะ นางแก้วตามันแอบชอบพี่เสือหาญป่าวว่ะ" (เสียงไอ)"แค่ก ๆ ""ข้าก็คิดเหมือนเอ็ง ข้าว่าเราไปดูพี่เสือหาญเถอะ" "เออๆ" ทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กันก้าวเท้าถี่ ๆ มุ่งหน้าไปยังศาลาหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ในขณะนั้นไอ้สันขวาน/ไอ้กระบานต้องหยุดหลบซ่อนหลังต้นไม้ทันที เมื่อเห็นนางแก้วตาอยู่บนศาลากับพี่เสือหาญ และยายชราที่นั่งพิงเก้าอี้หัวเราะคุยกันอย่างมีความสุขแค่เสือหาญเอ่ยปากขยับท่าทางมันทำให้หัวใจของแก้วตาหัวใจแทบ
ไม่นานนักรถที่กำลังเร่งคันเร่งเข้ามาก็ได้มาหยุดอยู่ที่เกิดเหตุ ชายสูงโปรงกำลังเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับเพื่อนอีกคน ในมือถือปืนอยู่ตลอดสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ทุกทิศทาง เมื่อเห็นว่ามีตำรวจพวกเดียวกันนั้นกำลังนอนจมกองเลือดตนไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปช่วยเหลือ "ตำรวจคนนั้นฉันไม่เคยเห็นมาก่อน" ไอ้สันขวานขยิบปากพลางพูดขึ้นด้วยความสงสัย"เงียบ ๆ เอ็งอย่าพูดมาก" "หืม ! "เสือหาญถอนหายใจสั่งเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งคุยกันตอนนี่. แล้วแอบดูสถาณการณ์ต่อไป อย่างเงียบๆ จนตำรวจผู้นั้นนำตัวลูกน้องขึ้นรถขับออกจากชายแดนทั้งสามจึงเผยตัวอออกมา "พี่เสือหาญ ตำรวจคนนี้ดูท่าจะเป็นตำรวจน้ำดี" สันขวานถามด้วยความสงสัย ในขณะนั้นเสือหาญก็พยักหน้า แต่เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา กระบานอยากรู้เพราะอยากฟังความคิดเห็น"พี่เสือหาญ พี่รู้อะไรมา" "ตำรวจคนนี้ข้าพอได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาบ้างเป็นตำรวจน้ำดี เพิ่งย้ายมาอยู่ที่ราชบุรีได้แค่หกเดือน มีนามว่าจ่าแฉล้มถูกสั่งการจากย้ายที่ประจำการเพื่อมาที่นี่ " สันขวานและกระบานที่ได้ฟังเช่นนั้นก็พอเข้าใจ แต่ทั้งสองนั้นคิดว่าจ่าแฉล้มนั้นคงจะอยู่ได้ไม่นานเหมือนตำรวจคนก่อน ๆ จึงไม่ได้สนใจอะ
รูปร่างสูงใหญ่กำยำคิ้วเข้มพาดเฉียงจมูกโด่งเป็นสันในชุดคราบราชการ เอียงหน้าอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า"ข้ามีนามว่า จ่าแฉล้ม" สิ้นสุดเสียงประโยคสุดท้ายทุกอย่างรอบตัวเงียบงันไปชั่วคราวรูหูหลายคู่มันตันไปชั่วขณะ"จ่าแฉล้ม? " ทันใดนั้นทุกคนนึกได้ขึ้นมาพร้อมกันว่า นั้นคือตำรวจที่เขาเล่าลือว่าเก่งกาจไม่แพ้โจรไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ "ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ ท่าทางสุขุมพูดน้อยต่อยหนักแต่ทว่าจ่าแฉล้มนั้นมีบุตรสาวเพียงผู้เดียวไม่มีบุตรชายเลย" ชาวบ้านพูดถึงจ่าแฉล้มนานนับเป็นชั่วโมงเล่าเรื่องราวในอดีตที่เคยเป็นที่จดจันไปทั่วราชบุรี แต่มีฝีมือขนาดนี้โจรชั่วก็ไม่เคยลดลงมีแต่เพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่องราวต่อจากนี้มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง "ว.9 มีเหตุฉุกเฉิน...ว.2 ได้ยินหรือไม่ได้ยินแล้วตอบด้วย " เสียงวอวิทยุสื่อสารติดขัดดังขึ้นในขณะที่จ่าแฉล้มกำลังเดินทางกลับไปยังที่ประจำการอำเภอสวนผึ่ง ดูท่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจ่าแฉล้มได้ติดต่อกลับไปทันที "ว.2 ได้ยินหรือไม่ " " ว.2 เกิดเหตุการขนยาบ้าที่ชายแดนพม่าให้ส่งกำลังเสริมเข้ามาด่วน" น้ำเสียงลูกน้องดังจนแสบหูได้ติดต่อกลับมาด
ในสมัยราชการที่ 8 พ.ศ 2477-2494 ช่วงเวลานั้นประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมสูงมาก ทำให้ชุมโจร หรือผู้ร้ายมือฉมังโดยเฉพาะ ชนบท หุบเขา หรือพื้นที่ทุรกันดาร ในยุคปราบโจรย่อมมีตำรวจน้ำดีค่อยปกป้องประชาชนต่อสู้กับอำนาจมืดที่อยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นการจะปราบโจรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พล. ต.อ เผ่า ศรียานนท์ จึงมีคำสั่งให้ จ่าแฉล้ม หรือพันตำรวจตรีแฉล้มลงพื้นที่ประจำการอยู่ที่ อำเภอสวนผึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดราชบุรีติดกับชายแดนพม่า มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและป่าทึบ ทำให้เป็นพื้นที่ ที่ชุมโจรใช้เป็นที่หลบซ่อนพลางตัวปังๆ....เสียงลูกปืนดังปะทะกันดังก้องไปทั่วป่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน"หยุดก่อน" ชายวัยกลางคนลั่นออกคำสั่งให้หยุดกะทันหันในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับโจรชั่ว ผู้นั้นคือพันตำราจจ่าแฉล้มถูกขนานนามว่าเป็นตำรวจน้ำดี ไม่มีใครไม่รู้จักเขาแม้กระทั่งในหมู่กลุ่มโจร "จ่า ทำไมถึงไม่ตามพวกมันเข้าไป" ลูกน้องมือปืนตำรวจถามด้วยความสงสัย จ่าแฉล้มยังไม่ได้เอ่ยอะไรตนนั้นเดินออกจากจุดที่ไม่คุ้นเคยกลับไปตั้งหลักยังที่ปลอดภัย เมื่อตนนั้นมาถึงจุดที่จอดรถจึงเอ่ยปากออกมาทันที "พวกนายไม่ร