"มึงตายไหม?" หมิวถามย้ำอีกครั้งด้วยแววตาจริงจัง ต่างจากคนที่ถูกจ้องซึ่งเอาแต่หลบตาไม่กล้ามองเธอ
"......"
"กูถาม"
"มะ ไม่ตาย" พอโดนเธอถามกลับเสียงดังขึ้นเขาก็ต้องจำใจตอบ ทั้งสภาพยับเยินแบบนั้น
"นั่นไง มึงก็ไม่ตายนี่ อกหักไม่มีใครตายหรอก แต่มึงจะตายเพราะกูสั่งไอ้พวกนี้รุมตื้บมึง"
หมิวพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนในทันที เธอเวลานี้พูดมีเหตุผลที่สุดแล้ว และเป็นคนเดียวที่สี่หนุ่มต้องฟังเป็นแน่
"เออจริง กูเห็นด้วย" ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรบมือให้แก่ผู้ชนะอย่างหมิว ถือว่าเธอกินขาดทำเอาไอ้ซันปัญญาอ่อนนี่ถึงกับนั่งเงียบ เลิกพร่ำเพ้อได้สักพัก หลังจากนี้เพื่อนจะได้พักเสียที
"เขาไม่รักก็ปล่อยไปสิวะ ผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะ" เธอพูดให้เขาคิดตามอีกครั้ง ใครจะอยากให้เพื่อนตัวเองจมปลักโง่เป็นควายให้เขาหลอกกันเล่า เพื่อนใครใครก็รักกันทั้งนั้น
"เป็นกูนี่นะ ฟาดเป็นร้อยแล้วป่านนี้" เสือที่ดูจะเหน็บเเนมซันเป็นพิเศษ จนเจย์เดนต้องเอ่ยปากห้ามเองอีกหน
"มึงก็ใจเย็น ใครจะไปเหมือนมึงมีเมียเป็นร้อย"
"กูว่าเป็นพันละมั้ง แม่ให้มาแท่งเดียวใช้ซะคุ้มเลยสิมึงไอ้เสือ" ทัพเอ่ยขึ้นบ้าง
ในระหว่างที่เพื่อนสามคนกำลังเถียงกันอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วนั้น อีกสองคนที่เอาแต่นิ่งและจ้องกันไม่วางตา ซันเงยหน้าแดงก่ำ พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร จนคนตัวเล็กที่มองอดใจอ่อนไม่ได้ เธอไม่ชอบให้ซันเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ต่อให้ซันนิสัยแย่หรือไม่เอาไหนสักเท่าไรก็ไม่ควรมาอยู่ในสภาพนี้
"หิวไหม? กินข้าวมารึยัง หรือกินแต่เหล้า"
ท้ายสุดแล้วก็เป็นเธอที่ไม่ว่าจะทุกข์จะสุขก็ยื่นมือให้เขาจับเสมอ อย่างเช่นตอนนี้ เธอนั่งลงพร้อมกับจับไหล่คนตัวโตกว่าไว้มั่น เพื่อส่งผ่านกำลังใจให้เขา เธอไม่อยากซ้ำเติมเพียงแค่อยากให้ซันนั้นมีสติมากขึ้นก็เท่านั้น
"หิว ยังไม่ได้กินอะไรเลย"
ซันเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอตรง ๆ อีกครั้ง ไม่ว่าครั้งไหน ๆ ก็จะมีหมิวคอยถามเสมอ เวลากินเหล้าเมาหนักก็มีเธอคอยดูเเลยันฟ้าสาง คอยถามเขาทุกวันว่าหิวไหม เอาอะไรหรือเปล่า? เธอดูแลเขาดีมากจนเขาไว้ใจเธอที่สุด
"มันดึกมากแล้ว มีแค่มาม่ากินได้ใช่ไหม?"
"ได้สิ กินได้หมดแหละ"
ข้อดีของซันคือเขาไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้น นั่นเพราะมีบ้างบางครั้งที่เคยโดนเธอบังคับเพราะต้องการดัดนิสัย แต่เพราะส่วนตัวซันเป็นประเภทอะไรก็ได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ภายนอกเหมือนคนไม่ใส่ใจอะไรสักอย่าง ไม่มีความน่าเชื่อถือ คงจะมีเพียงเธอคนเดียวสินะที่มองตรงกันข้ามทั้งหมด
"โอเค รอแป๊บหนึ่งนะ"
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปต้มมาม่าให้เขาคนนั้น ทำเอาเพื่อน ๆ ทั้งสี่คนต่างมองตามเธอพร้อมกันโดยไม่ได้นัด ก่อนจะถอนหายใจทั้งสามคน ยกเว้นไว้แค่ซันคนเดียว
"หมิวรับจบอีกแล้ว" เป็นทัพที่พูดพลางส่ายหน้าไปมาอย่างคนถอดใจ
"พรุ่งนี้เรามีสอบนี่นา กลับพร้อมกันดีไหม?"
เสือที่นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีสอบก็เอ่ยขึ้นบ้าง ในเมื่อไอ้ซันดีขึ้นเพราะอยู่กับหมิวแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก่อนหน้าที่ต้องรบกวนเธอนั่นก็เพราะไม่มีใครทนเสียงร้องของมันไหวก็เท่านั้น บอกให้หยุดก็ไม่รู้จักหยุดซะที
"มึงกลับด้วยไหมซัน?" เจย์เดนเอ่ยถามซันที่อาการดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
"ไม่เป็นไร กูกินมาม่าก่อนแล้วค่อยกลับ"
"แต่มึงกลับไหวเหรอ?" เจย์เดนถามย้ำอีกครั้ง
"ไม่ไหวมันก็นอนนี่ได้นี่หว่า มันก็นอนประจำ"
เสือเอ่ยแบบไม่ต้องคิด นั่นก็เพราะเพื่อน ๆ รู้ดีว่าก่อนหน้าที่ซันจะมีแฟนก็มาซุกอยู่กับหมิวบ้างบางครั้ง แต่สองคนนี่ไม่มีทางมีซัมติงกันแน่เพราะดูจากอาการแล้ว และหลังจากที่ซันมีแฟนก็ไม่เคยมาพักที่นี่อีกเพราะมันเกรงใจแฟนเอามาก ๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
"แต่มันไม่เหมาะนะกูว่า" จู่ ๆ เจย์เดนก็พูดแบบนั้นขึ้นมา ทำเอาทุกคนต่างมองอย่างงง ๆ
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันสร่างกูหารถกลับให้"
เป็นหมิวที่เดินมาเอ่ยขัดจังหวะหนุ่ม ๆ เธอมาพร้อมกับมาม่าร้อน ๆ ในมือ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะเล็กที่ใช้สำหรับกินข้าวของเธอ ยังไม่ทันที่เธอต้องเรียกเขาคนนั้นก็คลานไปนั่งอย่างรู้หน้าที่ คงจะหิวล่ะสิท่า
"กูบอกแล้วแดกเหล้ามันไม่อิ่มหรอก สุดท้ายก็กลับมาลำบากแม่คนที่สองของมึงอยู่ดี"
เป็นทัพอีกครั้งที่เอ่ยเตือนสติเพื่อน แต่เขาอาจจะพูดผิดบ้างถูกบ้างตามประสา ไม่มีใครสนใจมากนักเพราะรู้ดีว่าหมิวรับหน้าที่ดูแลซัน
"งั้นพวกกูกลับล่ะนะ ฝากส่งมันด้วยนะหมิว" เสือพูดขึ้นพร้อมกับโบกมือลาหมิวที่นั่งมอง และซันที่กำลังกินอย่างคนหิวโหย ไม่รู้มันหิวมาจากไหน คนบ้าอะไรอกหักแล้วกินอะไรก็อร่อยแบบมันกัน
"อื้อ ขับรถดี ๆ นะเจย์ พาพวกมันไปส่งด้วยล่ะ"
หมิวพยักหน้าให้เสือ ก่อนจะหันไปบอกเจย์เดนคนที่ดูพึ่งพาได้มากที่สุด เจย์เดนเองก็ยิ้มตอบกลับให้เธอก่อนจะพยักหน้าและเดินออกไป แต่ก็ไม่วายหันกลับมามองเธออีกหน แต่คนตัวเล็กกลับไม่รับรู้เพราะเธอหันหน้ากลับไปมองที่ซันก่อนแล้ว ทั้งสามหนุ่มจึงเดินออกไป
"เอิ้ก~~" พอกินอิ่มเขาก็เรอเสียงดังออกมาราวกับเด็ก ซันเวลาอยู่ข้างนอกค่อนข้างขี้เก๊ก มีเพียงตอนที่อยู่กับเพื่อนเท่านั้นที่ทำตัวสบายได้อย่างตอนนี้
"อิ่มยัง อิ่มแล้วก็กลับ" เธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดกับเขาด้วยโทนเสียงปกติ ไม่ได้ใช้อารมณ์แต่อย่างใด
"ยังไม่อยากกลับ ขออยู่กับมึงได้ไหม กูไม่อยากอยู่คนเดียว"
"โซ่ล่ะ? มึงก็อยู่คอนโดเดียวกันนี่"
"มันไม่อยู่" เจ้าของใบหน้าหล่อจัดเอ่ยอยากอ้อนวอน เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย
"แต่กูง่วงมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปสอบ มึงเองก็ต้องไปด้วย" คนตัวเล็กพยายามบอกเขา เธอไม่ได้อยากไล่เขานักหรอก เพราะรู้ว่าเวลานี้ซันเองก็คงอยากมีเพื่อน
"กูก็นอนพร้อมมึงก็ได้ วันนี้กูเหนื่อยแล้ว" ซันเอ่ยพลันน้ำตารื้นอีกรอบ
รถยนต์คันหรูขับเข้าจอดหน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่ผู้เป็นพ่อของซันบริหารอยู่ แต่ไม่แน่ว่าอีกไม่นานซันเองก็จะมีโอกาสมาดูแลเเทน นั่นเพราะพี่ชายคนโตอย่างเฮียโซลก็มีธุระกิจของตัวเอง ส่วนเฮียโซ่รายนั้นไม่คิดจะสนใจ ไปทำตามความฝันของตัวเองที่เมืองนอก เหลือเพียงซันเท่านั้น แม้เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ไม่เอาไหนมากที่สุด มาเวลานี้กลับเป็นคนที่เอาการเอางานจนราวกับเป็นคนละคน"ป๊าไม่ได้บอกมี๊แน่นะ?"ซันเอ่ยถามผู้เป็นพ่อที่ลงจากรถมาพร้อมกัน เพราะเขาเตรียมเซอร์ไพร์สคนที่แอบคิดถึง เขาตั้งใจไม่ยอมบอกหมิวว่าจะกลับวันไหน รอให้เขาเดินเข้าไปเจอเธอโน่นแหละถึงจะตื่นเต้นดี คิดเเล้วก็กลับเป็นตัวเขาเองที่ตื่นเต้นมากกว่าเธอด้วยซ้ำ"ยังไม่บอก ๆ ""ป๊าว่าหมิวเจอผมจะดีใจม่ะ?" ในระหว่างเดินเท้าเข้าบ้านซันก็เอ่ยถามกวน ๆ อย่างปกติ ในใจพลันเต้นเเรงอย่างบอกไม่ถูก"คิดว่าไม่" ผู้เป็นพ่อเองก็เอ่ยความจริงในใจอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด"ป๊า!! ป๊าไม่คิดว่าเมียผมจะคิดถึงผมบ้างเลยหรือไง"ชายหนุ่มทำปากคว่ำเมื่อไม่เป็นดั่งใจ เขาก็คาดหวังคำตอบที่จะตรงกับใ
"วู้ว ~~~~~"หลังจากประโยคพูดของเธอจบลง ก็เกิดเสียงโห่ร้องดังทั่วทั้งร้าน โดยเฉพาะเหล่าเพื่อนทั้งสามที่คอยเชียร์อยู่ด้านล่าง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าใคร ๆ ฉากสวีทหวานของหนุ่มสาวที่จูบโชว์สายตาหลายคู่นั้น เรียกเสียงฮือฮาและเสียงแซวกันยกใหญ่ หนำซ้ำยังมีหลายคนต่างก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก"กรี๊ดดด!" เมื่อไม่เป็นที่สนใจก็ต้องสร้างจุดสนใจ เจนกรีดร้องราวกับคนปรี๊ดแตกเมื่อถูกหักหน้าแบบนั้น เธอคิดเสมอว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น โดยเฉพาะหมิว แต่ตอนนี้เธอกลับแพ้! เธอไม่อยากยอมรับมันเด็ดขาด!"อะไรวะเนี่ย ร้องน่ารำคาญชะมัดเลย" ทัพเอ่ยจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ นั่นเพราะรำคาญเสียงแสบแก้วหูที่ร้องวีด ๆ อยู่ในตอนนี้"แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย"จู่ ๆ เสือก็แหกปากร้องเชียร์เสียงดังลั่นร้าน เป็นตัวเปิดให้อีกหลายคนได้ร้องตามบ้าง ทำเอาหมิวรีบดันตัวซันออกห่างทันที เธอตั้งใจว่าจะหันไปส่งสัญญาณให้เพื่อนหุบปากเสียที เธอเพียงแค่อยากให้ยัยนั่นหน้าแตกก็เท่านั้น ส่วนเรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เวลานี้ซะหน่อย เธอกับซันตกลงกันแล้วว่าต้องใช้เวลาอีกสักพัก"อื้อ~ เสือ มึงหุบปาก
"เด็ก ๆ มานี่ซิ"เสียงเรียกดังขึ้นภายในบาร์ซึ่งซันเป็นเจ้าของกิจการอยู่ เขาเอ่ยเรียกน้อง ๆ พนักงานในร้านเข้ามา เพื่อแนะนำใครบางคนให้เหล่าพนักงานทุกคนได้รู้จัก ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนตัวเล็กข้างกายเขา"สวัสดีครับเฮีย"หนุ่มน้อยราว ๆ สิบคนเดินเข้ามาทักทายเจ้าของร้าน เวลานี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยสักคน มีเพียงพนักงานที่นั่งเหงาหงอยกันเท่านั้น"อื้อ นี่ ซ้อหมิว เมียเฮียเอง""หู้~~~ ซ้อสวัสดีครับผม"หนึ่งในโฮสเดินเข้ามาไหว้เธออย่างใกล้ชิด ทั้ง ๆ ที่ซันก็เพิ่งบอกไปหมาด ๆ ว่านี่เมียเขา ไอ้เด็กพวกนี้เห็นสาวหน่อยเป็นไม่ได้ ถึงกับวิ่งเข้าใส่ไม่ดูตีนดูมือผัวเขาเลยสักนิด"เมียกู! ๆ "ซันง้างเท้าหมายจะถีบหนุ่มน้อยคนนั้นเสียเเล้ว แต่โชคดีที่โดนหมิวตีขาไว้ก่อน เพราะซันเป็นแบบนี้เด็กมันถึงไม่นับถือล่ะสิ"ซันหยุดดิ๊""ขอโทษครับเฮีย ผมแค่หยอกซ้อเล่นเฉย ๆ ""ช่างเถอะ ๆ ในนี้ใครเป็นเบอร์ตอง"หมิวมาถึงก็เปิดประเด็นถามทันที นั่นเพราะเธอสังเกตทุกอย่างโดยรอบ การจัดตกแต่งทุกอย่างในร้านซันทำได้ดีมาก ดีจนน่าทึ
"ทำได้แน่นอนครับ หมิวรอนะ"คนตัวโตเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่มองเธอก็ล้วนแต่จริงจัง เพราะเขาอยากทำเพื่อเธอจริง ๆ หมิวเองก็รับรู้ถึงความตั้งใจของซัน เธอเองก็ดีใจจนแทบร้องไห้เหมือนกัน แต่ดีที่กลั้นน้ำตาไว้ได้ นี่คือซันที่เธอต้องการไม่ใช่หรือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธออดเป็นห่วงซันไม่ได้เลยสักวัน กลัวว่าถ้าเขาไม่เอาไหนแบบนั้นแล้วใครจะทนอยู่กับเขาได้ ใครจะรักและอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือเขา เธอทั้งรักทั้งห่วงขนาดนี้ หวังว่าต่อจากนี้ไปซันจะเป็นคนที่ดีขึ้น และพึ่งพาได้อย่างที่เขาสัญญา"อื้อ จะรอแล้วกัน แต่ต้องมาขอจริง ๆ นะ หม้ายขันหมากไม่เอานะเว่ย" เธอเอ่ยติดตลกพร้อมกับโถมตัวเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้า"หม้ายได้ไงเล่า มึงได้กูแล้วนะหมิว เราต้องแต่งงานกันอยู่เเล้ว""สลับบทพูดป่ะ คือมึงต้องบอกว่ามึงได้กู""ไม่ เราได้กันต่างหาก" ประโยคนี้ซันเริ่มพูดเสียงดังมากขึ้น จนเธอกลัวว่าคนที่อยู่บนบ้านจะได้ยินเข้า จึงรีบห้ามปราม"อย่าเสียงดังซัน""เอ้า ก็พูดความจริงอะ ว่าแล้วก็...วันนี้เรามารื้อฟื้นความหลังหน่อยไหม?"รอยยิ้มร้ายยกขึ้นมุ
"อย่าโทษตัวเองสิหมิว กูต่างหากที่ผิด กูไม่หนักแน่นพอทำให้มึงคิดมากเอง แต่กูไม่เคยทำแบบนั้นจริง ๆ มึงเชื่อกูแล้วใช่ไหม กูรักมึงมากเลยนะหมิว ต่อให้มึงไม่บังคับกูหรือขอร้องกู กูก็จะซื่อสัตย์กับมึงแค่คนเดียวนะ"ซันผละตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยร่ายยาวด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นเช่นเดียวกับเเววตา ความหมายที่สื่อออกมาไม่มีผิดเพี้ยน นั่นเพราะเขารักคนตรงหน้ามาก และสัญญาว่าจะดีกับเธอเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำเพื่อคนที่รักได้"ต่อไปนี้เราเชื่อมั่นในกันและกันนะ กูสัญญานะหมิว กูจะป็นคนที่ดีกว่านี้เพื่อมึง กูจะไม่ทำให้มึงคิดมากหรือเจ็บแม้เเต่นิดเดียว ให้โอกาสคนแย่ ๆ แบบกูอีกสักครั้งนะ"ครั้งนี้ซันจริงจังมากเสียจนเธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ยิ่งพอเวลาที่เธอได้สบตาเข้ากับดวงตาคมคู่นั้นก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ดวงตาคู่นี้ที่เธอหลงรัก เช่นเดียวกับเขาที่ชอบดวงตากลมคู่นี้ของเธอ รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากเล็ก เธอไม่ตอบเขาเพียงแค่พยักหน้า นั่นก็เป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว"โคตรรักมึงเลย จุ๊บทีดิ๊" ซันดีใจจนแทบเก็บอาการไม่ไหว ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ความเหนื่อยล้า
ซันเอ่ยตามตรงไม่มีโกหก เขาไม่ได้นอนจริง ๆ เพราะมัวแต่นั่งคิดทุกอย่างจนกระทั่งหาทางออกได้แล้ว และรอเพียงเวลาเท่านั้น ระหว่างนี้เขาจึงพยายามพิสูจน์ตนเองกับครอบครัวของหมิว เผื่อท่านจะรู้สึกเอ็นดูเขาขึ้นมาบ้าง? หรือไม่ก็อาจจะทำให้ท่านอยากฆ่าเขาน้อยลงหน่อยก็ยังดี"ใครถ่างตามึงไว้ ทำไมไม่นอน" คุณตาเอ่ยปากเหน็บแนมพร้อมกับเดินลงบันไดบ้านผ่านร่างซันลงมา แต่เช้านี้ท่านกลับไม่มีทีท่าจะเอาอะไรมาทุกเขาอย่างเมื่อวานเเล้ว"ไม่มีครับ ผมแค่นั่งคิดเรื่องสำคัญ" ซันตอบกลับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม พร้อมกับชะโงกหน้าขึ้นไปดูบนบ้านว่าหมิวนั้นตื่นหรือยัง เขาอยากเจอหน้าเธอให้ชื่นใจสักหน่อย แต่กลับต้องผิดหวัง"มึงมองอะไรไอ้เผือก""มองหาเมียครับ""โว๊ะ! ไอ้ห่านี่ มึงอยากตายเหรอ?" คุณตาเริ่มอารมณ์เสียกับคำตอบของซันเสียแล้ว ไม่แน่ซันอาจจะตั้งใจพูดก่อกวน แต่ไม่แน่อีกว่านี่เป็นนิสัยปกติของเขา"ปะ เปล่าครับ ๆ แฮ่ แฮ่" ซันถึงกับยิ้มแห้งให้คุณตา นั่นเพราะเขากลัวว่าหน้าตาตัวเองจะไปสะดุดอาวุธมีคมที่คุณตาแกสะสมไว้จะเป็นเรื่องเอาได้"แล้วคุณตาจะไปไหนเหรอครับ? มีอะไ