โรงพยาบาล
เคร้งง!!เสียงแก้วและข้าวของหลายอย่างลอยกระทบพื้นแตกละเอียด ทำเอาคนตัวน้อยในชุดนักศึกษาเกือบหลบไม่ทัน ตอนนี้แม่เลี้ยงเธอกำลังโกรธที่เธอมาส่งของกินช้า..... ""แม่คะพอแล้วค่ะ เดี๋ยวพยาบาลเค้าว่าเอาค่ะ"" ""ทำไม กูมีปัญญาจ่าย ใครจะทำไม แกถามตัวเองเถอะว่านี่มันกี่โมง กูรอกินข้าวตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้บ่ายโมงครึ่งมัวไปทำอะไรอยู่"" ""หนูไปส่งของให้ลูกค้ามาค่ะแม่แล้ววันนี้รถก็ติดมากๆ หนูรีบที่สุดแล้วค่ะ"" ""ถ้ารีบแล้วมันได้แค่นี้ก็ไปตายซะ เชื่องช้า น่าลำคาญ"" ""หนูขอโทษค่ะ เดี๋ยวหนูไปใส่จานให้นะคะ"" ไม่มีคำตอบออกจากปากของคนเป็นแม่เลี้ยงที่นอนอยู่บนเตียงมีเพียงสายตาเกลียดชังที่ไม่มีความห่วงใย หรือความรักอยู่ในนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว...... ที่เธอยังต้องทนอยู่ที่นี่ เพราะเธอต้องเรียนให้จบแล้วใช้หนี้ค่ารักษาพ่อที่แม่เลี้ยงจ่ายไป เธอสามารถไปจากที่นี่ได้ในตอนนี้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอเลือกที่จะไม่ทำ เพราะตั้งแต่แม่ทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ชีวิตของเธอก็ได้แม่เลี้ยงที่ส่งเสียเลี้ยงดูแม่ว่าจะไม่มีความรัก ความห่วงใยก็ตาม ที่พ่อใช้ชีวิตอยู่ต่อได้นานมากขึ้นจากโรคร้ายก็เพราะเงินของเเม้เลี้ยงพิมพา เธอจะไม่มีทางอกตัญญูเด็ดขาด แม้ว่าจะต้องรองรับอารมณ์คนๆนี้ในทุกวัน ตอนนี้พ่อของเธอติดหนี้ค่ารักษาอยู่ 12 ล้าน เธอจะหาเงินทั้งหมดนี้มาใช้หนี้จนกว่ามันจะหมด แล้วจะไปจากที่นี่โดยไม่ทีคำว่า หนีหนี้ติดตัว แม้ว่าจะเป็นค่อนชีวิตที่หมดหนี้เธอก็จะทำ...... ""แม่กินเสร็จแล้ว หนูกลับมหาลัยก่อนนะคะ"" ""เออ ไปไหนก็ไป เย็นนี้แวะรับน้องมาด้วย"" ""ค่ะแม่"" อัยวามือไหว้แม่เลี้ยงก่อนที่จะลงมาเรียกรถไปมหาลัย เธอมีเรียนคลาสสุดท้ายตอนบ่าย 2 ครึ่ง และตอนนี้ก็เป็นเวลา บ่าย 1 กว่าแล้ว...... มหาลัย ""วาทางนี้ ทำไมเพิ่งมา แล้วกินข้าวหรือยัง"" ซานิตะโกนเรียกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เพิ่งมาถึง...... ""ยังอะ ไปส่งของเสร็จแล้วก็รีบเอาของกินไปส่งแม่"" ""ก็เป็นซะแบบนี้ ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองตลอด งั้นไปหาไรกินโรงอาหารก่อนมั้ย"" ""โอเค"" ""ถามไรหน่อยดิ พ่อมึงก็เสียไปจะ 5 เดือนแล้ว ออกมาอยู่ข้างนอกมั้ยจะไปทนให้ป้าพิมพาโขกสับทำไม"" ""ยังไปตอนนี้ไม่ได้หรอกมึง ค่ารักษาของพ่อกูต้องหามาคืนเค้าก่อน"" ""แต่ประกันพ่อมึงก็ 5 ล้านแล้ว ยัวไม่พออีกหรอ"" ""แต่ประกันทุกเดือนแม่พิมเป็นคนส่ง เงินส่วนนั้นเค้าบอกไม่เกี่ยวกัน"" ""แบบนี้ก็ได้หรอวา เท่ากับว่าเค้าจะเก็บมึงไว้ใช้งานเลยนะวา"" ""มันก็คงต้องเป็นเเบบนั้น เพราะทั้งชีวิตของกูถ้าไม่ได้เค้า กูคงไม่ได้มีทุกวันนี้ ถ้ากูจะออกไปกูต้องล้างหนี้พ่อให้หมด กูจะไม่ยอมโดนด่าตามหลัง"" ""มึงฟังนะ ต่อให้มึงหาเงินมาใช้หนี้ได้ ป้าพิมก็ไม่ให้มึงไปจากเค้าอยู่ดี มึงต้องเลิกมองโลกในแง่ดีได้แล้ว มึงตอบแทนเค้ามาแทบทั้งชีวิตแล้วนะวา บางทีมันก็ควรพอได้แล้ว"" ""กูขอเวลานะ อีกอย่างพ่อกูก็ขอไม่ให้กูทิ้งแม่กับน้อง"" ซานิหงุดหงิดที่เพื่อนชอบทำตัวเหมือนไม่มีทางเลือกทั้งๆที่สามารถเลือกได้ เธอซัพพอร์ตเพื่อนได้เยอะมาก แต่เพื่อนกลับยึดคำว่าบุญคุณเป็นที่ตั้ง หลายครั้งที่ถูกแม่เลี้ยงทำร้ายจนต้องนอนโรงบาล โดนทำร้ายทั้งร่างกาย จิตใจ จนไม่เหลือชิ้นดี.......... คลาสเรียนคลาสสุดท้ายผ่านไปได้ด้วยดี อีก 1 ปี อัยวาก็จะเรียนจบ ถึงวันนั้นตัวเธอเองตัดสินใจที่จะเข้าทำงานบริษัทของแม่เพื่อนอย่างซานิ เพราะอยากหาเงินให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเธอใช้หนี้ให้พ่อหมด แม่เลี้ยงอาจจะเลิกพูดจาถากถางพ่อของตนเองในทางที่ไม่ดี ที่ผ่านมาเธอเองก็พยายามหาเงินมาคืนเดือนละหมื่น เธอคืนให้เเม่ไปได้ 4 หมื่นแล้ว ถึงมันจะเป็นเงินน้อยนิดแต่เธอก็ตั้งใจที่จะทำ..... หลังเลิกเรียนอัยวามารอรับน้องสาวต่างมารดาตามที่แม่บอกก่อนจะพาน้องไปหาแม่ที่โรงบาล แล้วตัวเองก็กลับบ้านเพื่อไปเตรียมทำงานพาร์ทไทม์ต่อ เธอรับงานถ่ายแบบ ขายของออนไลน์ ในตอนเย็นก็เป็นสาวเชียร์เบียร์ เพื่อที่จะหาเงินไปให้แม่เลี้ยงในแต่ละเดือน ปกติก่อนจะออกจากบ้านต้องจัดการเตรียมอาหารให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้ทั้งแม่และน้องอยู่โรงบาล ตนเองเลยไม่ต้องเตรียมอาหารเย็น....... ""ป้าคะ วาเอาข้าวผัดไข่ทะเลค่ะ"" ""รอแปปนะ วันนี้ไปทำงานไวหรอ"" ""จ่ะป้า"" เสียงเจื้อยแจ้วร้องสั่งข้าวร้านประจำหน้าปากซอยก่อนออกไปทำงาน...... บาร์ เวลา 21:00 น. ""ผมเอาน้องคนนี้ กับคนนั้น แล้วก็ห้อง Vip."" เสียงลูกค้าหนุ่มอายุราวๆ 30 ต้น เรียกอัยวาและดาวให้ไปที่ห้อง Vip สร้างความดีใจให้อัยวาไม่น้อยเพราะทุกครั้งที่ได้ขึ้นไปห้อง Vip. เธอมักจะได้ติ้บหนักกระเป๋าทุกครั้ง กฎของที่นี่คือพีอาร์ไม่มีสิทธิ์มีอะไรเกินเลยกับแขก หรือออกแขก หากผ่าฝืนถูกไล่ออกทันที แล้วอีกอย่างเจ้าของที่นี่อย่างเจ้จูนค่อนข้างที่จะเซฟลูกน้องในร้านได้ดีมากๆ ลูกค้าคนไหนที่ไม่เคารพกฎเป็นต้องออกจากร้านทุกคน นี่คือเหตุผลที่อันวาเลือกทำงานที่นี่ แม้จะดูเหมือนไม่มีเกียรติแต่ตัวเธอรู้ดีว่าอะไรคืออะไร.......ตอนที่ 60 ตอนจบวันเปิดตัวกิจการใหม่ของอัยวาและกรณ์มาถึงอย่างสง่างาม ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ร่มไม้ by ไพศาลทรัพย์” ที่ไม่ใช่แค่คาเฟ่หรือร้านงานฝีมือ แต่เป็นโมเดลธุรกิจเพื่อชุมชน ที่รวมความอบอุ่นของบ้านเข้าไว้กับโอกาสของคนตัวเล็ก ๆทแขกเหรื่อทยอยเข้ามาจนแน่นสวนหน้าร้านมีทั้งนักข่าว ทายาทนักธุรกิจ และผู้คนในชุมชน เบลส่งดอกไม้มาจากต่างประเทศ แนบการ์ดเขียนมือว่า “ร่มไม้...ที่ช่วยให้ใครหลายคนพ้นพายุ”นิ้งและวายุยืนอยู่ข้างกันในชุดเรียบหรู ยิ้มให้กันเหมือนคนที่เคยผ่านพายุด้วยกัน และเลือกจะจับมือไว้แน่นขึ้นในวันที่ท้องฟ้าเปิด เมฆในชุดสูทสีเทาเข้ม ขึ้นกล่าวเปิดงานแทนทั้งคู่“พ่อเคยคิดว่าความสำเร็จต้องใหญ่ ต้องแข็งแรง ต้องเร่งรีบ แต่ลูกของพ่อสองคนสอนว่าความสำเร็จที่แท้จริง มาจากหัวใจที่กล้ารัก และกล้ายืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ”เมื่อเสียงปรบมือจางลง กรณ์ก้าวขึ้นเวทีเล็ก ๆ หน้าร้านที่ตกแต่งด้วยผ้าขาวและไม้ไผ่ เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาช้า ๆ สบตาอัยวาที่ยืนอยู่ริมเวที แล้วเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“มีคนเคยถามผมว่า ผู้หญิงเปลี่ยนผู้ชายได้ไหม วันนี้ผมตอบได้ว่า ได้ครับ แต่ไม่ใช่เพราะเธอพยายามเปลี่ยนผม”เขาหยุด
ตอนที่ 59ค่ำวันหนึ่งหลังจากฝนตกหนักเมื่อไม่กี่วันก่อน อากาศกลับมาเย็นสบาย ลมพัดเบา ๆ ผ่านร่มไม้ในสวนหลังบ้าน กลิ่นหอมของปีบและมะลิยังคงลอยอวลอยู่ในอากาศกรณ์เดินออกจากครัวด้วยถาดไม้เล็ก ๆ ที่มีขนมปังอบใหม่และชาอุ่นกลิ่นกุหลาบ เขาวางมันลงตรงโต๊ะไม้เตี้ยกลางห้อง ก่อนจะหันกลับไปจุดเทียนบนเชิงเทียนทองเหลืองที่อยู่ใกล้กันอัยวานั่งอยู่ตรงมุมพรม อ่านหนังสือเกี่ยวกับศิลปะเด็กในห้องเรียน เธอสวมเสื้อยืดเนื้อนิ่มกับกางเกงผ้าสีอ่อน ดูเรียบง่ายจนเกือบธรรมดา แต่ในสายตาของเขาเธอคือความสวยงามที่สุด“พี่จะจ้องหนูนานแค่ไหนคะ” เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มล้อ ขณะที่เขานั่งลงข้างเธอกรณ์ยิ้มไม่ตอบ เขาหยิบแก้วชาขึ้นมาส่งให้เธอ ก่อนจะนั่งชิดเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด“คืนนี้พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นคืนพิเศษอะไรหรอกนะ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม “แต่พี่แค่อยากให้มันเป็นของเราแค่ของเราสองคน”อัยวานิ่งไป ดวงตาคู่นั้นวาววับในแสงเทียน เธอวางหนังสือลง แล้วยื่นมือไปแตะแก้มเขา“พี่รู้ไหมหนูไม่เคยรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้เลยค่ะ”“กับพี่หนูไม่ต้องฝืน ไม่ต้องแข็งแรง ไม่ต้องสวย ไม่ต้องฉลาด หนูแค่เป็นหนู”กรณ์กุมมือเธอไว้ แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้“และพี
ตอนที่ 58เสียงฟ้าร้องแรกของค่ำคืนดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลมฝนพัดแรงจนใบปีบปลิวกระจัดกระจาย อัยวารีบเดินไปปิดหน้าต่างทุกบานในร้าน ‘ร่มไม้’ ขณะที่กรณ์วางแก้วกาแฟลงแล้วลุกขึ้นช่วยเธอทันที ไม่นานนัก ฝนก็เริ่มโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง จังหวะตกกระทบหลังคาไม้สังกะสีทำให้ความทรงจำเก่า ๆ ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อัยวายืนอยู่ริมประตู มองออกไปยังสายฝน แล้วหลุดพูดขึ้นเบา ๆ“คืนนั้นฝนตกครั้งแรกที่หนูเข้ามาอยู่บ้านพี่ จำได้ไหมคะ”กรณ์หันไปมองเธอ ยิ้มจาง ๆ“พี่จำได้หนูเปียกทั้งตัว หน้าก็ซีดเหมือนจะร้องไห้”“แต่สุดท้ายก็ไม่ร้องเพราะหนูไม่รู้ว่าตัวเองควรเสียใจหรือควรดีใจที่หนีจากบ้านเก่าได้”กรณ์เดินเข้ามาใกล้ วางมือบนไหล่เธอ“ตอนนั้นพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือผู้หญิงที่จะเปลี่ยนโลกของพี่”อัยวายิ้มบาง ๆดวงตาฉ่ำแสงฝนและความทรงจำ“คืนแรกที่ฝนตกหนูเคยเกลียดพี่” เธอพูดอย่างกล้า“เพราะพี่เป็นคนเดียวที่หนูต้องเชื่อฟัง ทั้งที่หัวใจหนูไม่อยากเชื่อใครอีกแล้ว”กรณ์พยักหน้าเบา ๆ“พี่เองก็ไม่เชื่อในความรักเพราะพี่คิดว่ามันเปลี่ยนคนไม่ได้”“แต่หนูเปลี่ยนพี่โดยที่หนูไม่เคยพยายามเลย”ทั้งสองยืนเงี
ตอนที่ 57อัยวาเดินตรวจมุมอ่านหนังสือของร้าน ‘ร่มไม้’ ในตอนสาย ขณะที่แสงแดดลอดผ่านช่องไม้ของหลังคาเป็นลำเส้นเล็ก ๆ เธอจัดหนังสือเด็กเล่มใหม่ลงบนชั้น แล้วลูบปกอย่างเบามือก่อนจะถอนหายใจเงียบ ๆบางครั้งความเงียบสงบก็ทำให้เสียงจากอดีตกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูหมายเลขไม่คุ้น แต่ขึ้นต้นด้วยรหัสประเทศที่เธอรู้ดีว่าไม่ใช่จากใครอื่นเธอลังเลเพียงอึดใจ ก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เสียงเธอเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ“แกจำฉันได้ใช่ไหม อัยวา”เสียงนั้นเย็นชา แต่ยังคงความคุ้นเคยจนเธอขนลุกวาบ“แม่...”ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์โทรมาแต่ตอนนี้ธุรกิจแม่กำลังจะล้มละลายจริง ๆ แกช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลยเหรอ”อัยวากำโทรศัพท์แน่น ดวงตาเธอสั่นไหว“แม่ต้องการอะไรจากหนูอีกคะ”“แค่ให้พ่อของผัวแกช่วยพูดกับธนาคารให้หน่อย ฉันรู้ว่าเขามีอิทธิพลอยู่บ้าง”“หนูไม่ได้เป็นใครในสายตาแม่เลย แต่วันนี้แม่โทรมาเพราะหนูเป็นเมียของลูกชายบ้านไพศาลทรัพย์ใช่ไหมคะ”ปลายสายเงียบกริบ ก่อนจะตอบกลับ“ก็เพราะฉันรู้ว่าแกมันไม่เ
ตอนที่ 56แสงแดดอ่อนของเช้าวันจันทร์ส่องลอดผ่านช่องใบไม้ของต้นปีบสูงใหญ่กลางสวน บ้านไม้หลังเล็กถูกปรับปรุงใหม่เรียบร้อยด้วยโครงสร้างเดิม เสริมด้วยความรักและความตั้งใจของเจ้าของบ้านคู่ใหม่“ร้าน 'ร่มไม้' พร้อมเปิดพรุ่งนี้แล้วนะคะ” อัยวาพูดขึ้นขณะยืนอยู่ตรงหน้าร้านที่เพิ่งตกแต่งเสร็จเธอสวมผ้ากันเปื้อนสีเบจ มีลายปักคำว่า ‘ร่มไม้’ ที่เธอเย็บด้วยมือลงบนกระเป๋าเสื้อด้านหน้า กรณ์เดินออกมาจากมุมกาแฟของร้านที่เขาทำเองกับมือ สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงผ้าสีเข้ม เขายิ้มแล้วเดินมาโอบเอวเธอ“เราเปิดร้านแต่พี่รู้สึกเหมือนเปิดบ้านเลยนะ”“เพราะมันคือบ้านของเราจริง ๆไงคะ”ทั้งคู่หันไปมองต้นปีบที่ออกดอกบานสะพรั่งเหนือหลังคาไม้ ร้าน 'ร่มไม้' มีมุมอ่านหนังสือสำหรับเด็ก ห้องเล็กสำหรับสอนงานฝีมือ และโต๊ะกาแฟกลางสวน และตรงกลางของทั้งหมดนั้นคือความรักที่เติบโตอย่างเงียบงามเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความสงบชั่วขณะ อัยวาหยิบขึ้นมา ดวงตาสว่างไสวเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ“นิ้งโทรมาค่ะพี่”กรณ์พยักหน้า “โอเค เดี๋ยวพี่ไปจัดชั้นหนังสือก่อน”อัยวากดรับสายทันที “ว่าไงมึง คิดถึงอะ”เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังจากปลาย
ตอนที่ 55เช้าวันอาทิตย์ อากาศในสวนหลังบ้านไพศาลทรัพย์อบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอกปีบที่ผลิบานตามฤดูกาล เสียงนกร้องและแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านช่องใบไม้ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบและ เหมาะจะเป็นวันพิเศษแม้จะไม่มีใครเอ่ยออกมาตรง ๆกรณ์ยืนอยู่ริมระเบียง สวมเชิ้ตสีขาวสะอาด ปลายแขนเสื้อถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก เขาเงยหน้ารับแสงแดดบางเบา สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นปีบ อัยวาสวมเดรสลินินสีครีม ผมยาวถูกรวบครึ่งไว้เรียบร้อย มือของเธอกำลังถักพวงมาลัยดอกมะลิเล็ก ๆ อย่างตั้งใจ เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา แล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้"หนูรู้ไหม ว่าวันนี้มันพิเศษแค่ไหน” เขานั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปรับพวงมาลัยจากมือเธอ“สำหรับหนูทุกวันที่พี่อยู่ข้างหนู มันพิเศษหมดเลยค่ะ”กรณ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวางพวงมาลัยลงบนตักเธอ แล้วล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ สีขาวไข่มุก วางอยู่บนฝ่ามือของเขา อัยวาชะงักไป ดวงตากะพริบถี่ราวกับไม่แน่ใจว่าภาพตรงหน้าคือเรื่องจริง“พี่เคยแต่งงานกับหนูแต่ตอนนั้น หนูไม่ได้เลือก และพี่เองก็ยังไม่เข้าใจความรักดีพอ”กรณ์เปิดกล่องอ