บรรยากาศลานหน้าเรือนของจอมโจรเงียบสนิท แม้แต่นกสักตัวยังไม่กล้าส่งเสียงร้อง ราชันจ้องมองใบหน้าอัปลักษณ์นิ่ง ใบบัวยกมือไหว้ค้าง น้ำตาคลอเต็มสองเบ้าตา สวยมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา สองยืนกระสับกระส่าย วิตกกังวลกว่าใบบัวที่กำลังจะตายเสียอีก
“พี่ราชัน ฉันว่า..”
“มึงหุบปากไปไอ้สอง! กูยังไม่ได้ลงโทษที่มึงทำงานพลาด”
สองหุบปากฉับ ถึงมันจะไม่อยากให้ผู้หญิงแปลกหน้าต้องตาย แต่มันก็ไม่อยากตายแทนเหมือนกัน
“เก่งนักนะมึง”
ราชันทาบใบมีดคมกริบกับแก้มขาวนวลเนียน ฝั่งที่ไม่มีร่องรอยน่าเกลียดนั่น มาถึงตอนนี้ใบบัวเริ่มตัวสั่น น้ำตาที่คลอเบ้าร่วงหล่นเป็นทาง
“ให้ใบบัวตาย ฮึก.. ดีกว่าต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น”
“อย่างนั้นหรือ” ถามพลางกดมีดลง เนื้อแก้มขาวนวลบุ๋มลงตามรอยใบมีด
ใบบัวค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ กลั้นลมหายใจเตรียมรับความเจ็บปวด
เจ็บเพียงครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวก็จะได้หลุดพ้นจากชีวิตเลวร้ายนี้แล้ว
แต่ทว่า.. ไม่กี่อึดใจต่อมาใบมีดเย็น ๆ ก็ถอยห่างออกไป
“แต่กูไม่ฆ่าคนว่ะ”
พูดจบ มีดแหลมคมก็ถูกเก็บเข้าฝัก สองโล่งใจจนล้มลงไปกองกับพื้น
“แต่ใบบัวไม่กลับไปนะจ๊ะ!”
ถึงรอดตายได้แต่ใบบัวกลับไม่ดีใจสักนิด เธอขึ้นเสียงใส่ราชันจนสองใจหายใจคว่ำ
แม่สาวน้อยช่างไม่รู้อะไรเสียเลย พี่ราชันไม่ใช่คนเอาใจใคร ขึ้นเสียงใส่แบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ตายเข้าจริง ๆ หรอก
“กูก็ไม่ได้บอกให้มึงกลับ”
“มะ หมายความว่า..”
ราชันกวาดตามองเรือนกว้างใหญ่ของตนเอง แล้วหันกลับมาสบตากลมโต ที่ยามนี้เป็นประกายอย่างมีความหวัง
“เรือนกูมีงานให้ทำเยอะ ถ้าอยากอยู่ มึงก็ต้องทำงาน”
“ขอบคุณ ชอบตึฯนะจ๊ะ!”
ใบบัวเก็บสีหน้าดีใจไว้ไม่มิด หญิงสาวยิ้มกว้าง แก้มทั้งสองข้างบุ๋มเป็นจุดดูน่ารักขึ้นเป็นกอง
ราชันเบนสายตาหนี
“กูหิว มึงไปทำอะไรมาให้กูกิน ถ้าไม่อร่อยกูจะให้ไอ้สองเอามึงไปส่งบ้านไอ้มิ่งเหมือนเดิม”
“ดะ ได้จ้ะ! ใบบัวจะทำให้เดี๋ยวนี้!”
“ครัวอยู่ทางโน้น”
“ขอบคุณจ้ะพี่”
ใบบัวยกมือไหว้ปลก ๆ ก่อนร่างน้อยจะรีบเดินเร็ว ๆ ไปที่ครัว ด้วยกลัวว่าราชันจะเปลี่ยนใจพาเธอไปส่งที่เดิม
หน้าเรือนใหญ่เหลือเพียงสองหนุ่มและหนึ่งสาว ราชันไม่ได้สนใจใครอีก ขายาวรีบก้าวขึ้นเรือนไปก่อนที่สวยจะเรียกไว้ได้ทัน
“ขวัญเอ้ยขวัญมานะไอ้สอง”
สองลูบอกตัวเองแล้วเดินกลับไปผ่าฝืนต่อ ทิ้งให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญยืนโกรธจนตัวสั่นอยู่ตามลำพัง
ดวงตาคู่สวยลุกเป็นไฟ สวยมองไปที่ครัว สลับกับก้มมองกับข้าวที่ตนเองทำมา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์จับใจ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้พูดคุยกันแม้แต่ครึ่งคำ
.
.
ราชันขึ้นเรือนมาด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวใดเข้าสิงถึงได้ออกปากรับภาระมาเพิ่ม ถึงผู้หญิงตัวแค่นั้นจะกินใช้ไม่สิ้นเปลือง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรให้ต้องเก็บไว้
จะเก็บไว้ให้ไอ้มิ่งช้ำใจก็ไม่ได้ผล เอาทำเมียก็ทำไม่ลง แค่เห็นหน้าตาอัปลักษณ์นั่นก็พาลหมดอารมณ์ขึ้นมาดื้อ ๆ
“พี่ราชัน”
สองขึ้นมาบนเรือนหลังจากผ่าฟืนเสร็จ ร่างกายแกร่งโชกไปด้วยเหงื่อมันรีบคลานเข่าเข้ามาประจบประแจงลูกพี่ หวังว่าโทษหนักจะกลายเป็นเบาได้บ้าง
“มึงทำงานพลาด”
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ แต่เมื่อคืนมันมืดมาก แล้วปกติห้องนั้นมันห้องของลูกจันทร์ไม่ใช่หรือ”
“กูเสียดายที่ไม่ได้แก้แค้นอะไรไอ้มิ่งมันเลย”
“ให้ฉันกลับไปจับลูกจันทร์อีกรอบดีไหมจ๊ะ รอบนี้ฉันสัญญาว่าจะไม่ผิดตัวอีก”
ผลั่ก!
ราชันอดใจไม่ไหว ยกตีนขึ้นถีบไหล่ลูกน้องจนมันหงายหลังตึง
“มึงโง่หรือวะ! ครั้งนี้ไอ้มิ่งคงโง่ให้มึงขึ้นเรือนมันง่าย ๆ อีกหรอก!”
“ฉันขอโทษจ้ะพี่”
สองรีบสอพลอ มือบีบนวดขาให้ราชันไม่หยุด
ราชันสะบัดขาออกห่าง บ่งบอกว่าที่เจ้าสองทำไปมันไร้ประโยชน์
“กูอยากกินหมูป่า มึงเข้าไปจับมาสักตัวสิ ไปคนเดียวนะ”
“คะ คนเดียวหรือ!”
“เออ! คนเดียว จับไม่ได้ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า”
สองอ้าปากค้าง บทลงโทษของราชันครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก จับหมูป่าคนเดียวก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเปล่า ๆ
“พี่ราชันจ๊ะ พี่..”
“หรือมึงมันกระจอกกว่าหมูป่าวะ มิน่าถึงไม่มีเมียเสียที”
ราชันจงใจดูถูกถากถางสอง ทว่าในใจโจรหนุ่มไม่ได้อยากต่อว่ามันเท่าไรนัก ที่ต้องทำเพราะมันเป็นกฎ
ในกลุ่มโจรมีกฎเหล็กว่า ถ้าใครก็ตามทำงานพลาดจะต้องถูกไล่ออกจากหมู่บ้านทันที นอกเสียจากจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตอบแทนได้
ราชันรู้ว่าสองไม่มีที่ไปนอกจากที่นี่ มันเป็นเด็กกำพร้า ตัวติดราชันตั้งแต่เด็ก เขาจึงเสนอทางเลือกที่ดีกว่า
ล่าหมูป่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น สมัยนี้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แต่ไอ้สองมันขี้ขลาด กลัวขึ้นสมองจนบางครั้งก็ถูกดูแคลน
นับว่าการลงโทษที่เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะทำให้สองได้อยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ราชันยังได้ฝึกความกล้าให้ลูกน้องไปในตัว
กลิ่นอาหารหอม ๆ ทำให้บทสนทนาที่ตึงเครียดเบาบางลง สองขยับตัวเปิดทางให้ใบบัวได้วางอาหาร กลิ่นไก่ย่างตัวโตส่งกลิ่นหอมพาลให้น้ำลายไหลจนลืมเรื่องหมูป่าไปหมดสิ้น
“ใบบัวทำไก่ป่าย่างสมุนไพร แกงส้มปลาช่อน ผักต้มจิ้มน้ำพริก พี่ราชันลองกินดูว่าถูกปากหรือไม่”
ราชันมองอาหารตรงหน้า หน้าตาน่ากิน กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย แต่รสชาติยังไม่รู้ โจรหนุ่มรับจานข้าวที่ใบบัวตักให้ไปถือ
“ถ้าไม่อร่อยกูจะโยนทิ้ง และไล่มึงออกจากที่นี่”
ใบบัวคอตก ดวงตาฉายแววกังวล แม้จะมั่นใจในรสมือของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกปากราชันหรือเปล่า
ราชันตักน้ำสีส้มขึ้นซดเป็นอย่างแรก รสชาติกลมกล่อมลอยคลุ้งในปาก ปลาไม่มีกลิ่นคาว ผักนิ่มกำลังดี
“พอกินได้”
ใบบัวเริ่มเหงื่อตก พอกินได้กับอร่อยมันยังห่างไกลกันเหลือเกิน
ราชันฉีกเนื้อไก่เข้าปาก จอมโจรเคี้ยวช้า ๆ ลิ้มรสสมุนไพรและความนุ่มของไก่อย่างเพลิดเพลิน
“พอกินได้”
คราวนี้ใบบัวนั่งไม่ติดพื้น มือชื้นไปด้วยเหงื่อ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
เธอเหลือแค่น้ำพริกเป็นอย่างสุดท้าย ถ้าหากราชันยังไม่พูดคำว่าอร่อย แปลว่าเธอต้องกลับไปอยู่ที่นั่น
ราชันจิ้มผักกับน้ำพริกแล้วเอาเข้าปาก รสชาติเผ็ดจัดแผ่ซ่าน ตัดกับผักหวาน ๆ ที่ต้มจนนิ่ม
ใบบัวกลั้นลมหายใจรอคำพิพากษา
"ก็พอกินได้"
“พี่ราชัน อย่าไล่ใบบัวไปเลยนะจ๊ะ!”
ใบบัวยกมือไหว้จอมโจรอีกครั้ง เนื้อตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ราชันแสร้งเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าหล่อคมเข้มดูยุ่งยากใจ ราวกับว่ากำลังคิดแผนการปล้นครั้งใหญ่
“กูจะถือว่าทำบุญก็แล้วกัน”
ราชันพูดอย่างจำใจ ทำสีหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาขม ๆ ก็ไม่ปาน
“กูจะไม่ส่งมึงกลับไปก็ได้ แต่มึงต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้กูกินแลกกับที่อยู่”
“ได้จ้ะ! ใบบัวสัญญาว่าจะทำกับข้าวให้อร่อยกว่านี้”
“เออ จะไปไหนก็ไป เหม็นเหงื่อไคล ห้องนอนมึงอยู่ฝั่งโน้น”
ราชันชี้ไปที่ท้ายเรือน ห้องเก็บของเก่า ๆ ขนาดเล็กแคบคือบ้านใหม่ของใบบัว
สองลอบมองสีหน้าดีอกดีใจของสาวน้อย สลับกับใบหน้าตึง ๆ ของราชัน พลางคิดในใจว่าใบบัวช่างอ่อนต่อโลกเสียจริง
ราชันกินไม่หยุดปากแบบนี้ ยังเชื่ออีกหรือว่ารสชาติมันแค่พอกินได้ สองที่อยู่กับราชันมานานรู้ดีว่าถ้าหากรสชาติไม่ถูกปากจริง ๆ จอมโจรไม่มีทางฝืนกินให้ระคายท้องเด็ดขาด
ขนาดฝีมือเมียอย่างแม่มะลิราชันยังตำหนิไม่ไว้หน้า สองไม่เชื่อหรอกว่ากับข้าวฝีมือใบบัวจะแค่ ‘พอกินได้’ จริงๆ
หมู่บ้านกอบัวเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรราวห้าสิบครัวเรือน ชาวบ้านมีรายได้จากการค้าขายพืชผลทางการเกษตร นับว่าโชคดีที่ราชันได้ผืนดินตรงนี้มา เพราะมันอุดมสมบูรณ์และปลูกพืชผักผลไม้ได้ทั้งปี อากาศไม่ร้อนมาก และยังมีน้ำไหลผ่านแม้ในหน้าแล้ง ชาวบ้านจึงไม่เคยต้องอดยาก ทั้งยังนำผลผลิตออกไปขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้อีกด้วยหลังจากฝึกงานและสอบปฏิบัติผ่าน ราชันก็ขนลูกเมียกลับมายังหมู่บ้านทันที ใบบัวนั้นบ่นทุกวันว่าไม่ชอบเมืองหลวง คนเป็นผัวจึงไม่อยากโอ้เอ้อยู่ที่นั่นนานอยู่บ้านตัวเองมันดีกว่าเป็นไหน ๆ“ค่อย ๆ เดินคนดี” ฝ่ามือใหญ่โอบประคองร่างเมียรักอย่างเบามือ “อีกนิดเดียว อึ๊บ!”“ร้อน”เพียงแค่คำพูดเดียวราชันก็รีบหยิบพัดขึ้นมาโบกตรงหน้า สีหน้าหงุดหงิดของเมียรักดูผ่อนคลายขึ้นให้คนเป็นผัวได้เบาใจใบบัวเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อห้าเดือนก่อน ตอนนั้นเขาและครอบครัวย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ได้เพียงสองเดือน เช้าวันหนึ่งใบบัวมีอาการอ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย อะไรไม่ถูกใจเพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะโวยวายทุกเมื่อ คราแรกราชันคิดว่าเป็นเพราะอากาศหรือไม่ก็สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป จนกระทั่งอีกสามวันต่อมาใบบัวกลับอาการห
ใบบัวกลับบ้านมาพร้อมกับความโกรธและความเสียใจ ดีแค่ไหนที่ครานี้เธอไม่ได้พาลูกชายไปด้วย ไม่อย่างนั้นลูกคงเสียใจมากกว่าเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่าที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อหากไม่ใช่เพราะใบบัวรู้สึกแปลกใจกับจดหมายฉบับล่าสุด ที่ราชันบอกว่าไม่ต้องมาเยี่ยมหากันสักเดือนแล้วตัดสินใจนั่งรถไฟไปหา เธอก็คงกลายเป็นคนโง่งมที่ไม่รู้อะไรเลยต่อไป และคงไม่มีวันได้รู้ว่าราชันนั้นกำลังโกหกหลอกลวงกันถึงขั้นนี้ผู้ชายเฮงซวย!ป่านนี้คงมีความสุขกับรักใหม่ ผู้หญิงคนใหม่ไปแล้ว ปล่อยให้เธอรอคอยเหมือนคนโง่ตั้งสามปี ช่างเสียเวลาเสียจริงใบบัวนั้นไม่มีแม้สักวันจะเลิกรักราชัน ต่อให้ติดคุกติดตารางใบบัวก็ยังเฝ้ารอเสมอ จะสามปีสิบปีก็ยังรอไม่เปลี่ยนแปลง ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไร้คนมาเกี้ยวพาราสี ทว่าเธอรักมั่นเพียงราชัน รอเพียงราชันคนเดียวไม่เคยหันไปทางอื่นแม้แต่เพียงหางตานี่หรือคือสิ่งที่คนจงรักภักดีแบบเธอได้รับตอบแทน“แม่จ๋าทำอะไร”“เก็บเสื้อผ้าจ้ะ”“แม่จ๋าจะไปไหนจ๊ะ”“แม่ไม่ได้ไปไหน” ดวงตากวางวาวโรจน์ เธอไม่ร้องไห้หรอก เธอไม่อยากเสียน้ำตาให้คนเฮงซวย “คนบางคนต่างหากที่ต้องไป”เรือนนี้เป็นเรือนของเธอ คนที่ต้องไปคือคนทรยศต่างหาก เธอไม่
“แม่จ๋า” เสียงใส ๆ ของลูกชายปลุกให้ใบบัวตื่นจากภวังค์ “ย้องไห้ทะมาย”มือเล็กพยายามเช็ดน้ำตาบนแก้มนวล เด็กชายเบะปากอยากจะร้องไห้ตามเมื่อเห็นน้ำตาของแม่“แม่เปล่าจ้ะ”“เด็กดี ต้อมม่ายโกหกน้า”ใบบัวหลุดหัวเราะกับคำพูดคำจาของลูกน้อย คชสารอายุเกือบสองขวบ อยู่ในวัยกำลังพูดกำลังจำ ไม่ว่าจะสอนอะไรก็เชื่อฟังทุกอย่าง“แม่คิดถึงพ่อ”"เดี๋ยวพ่อกาบมา" เด็กน้อยพูดตามที่แม่บอก เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว แม่ใบบัวพร่ำบอกแบบนี้มาตลอด“ใช่จ้ะ เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว”..หนึ่งปีต่อมาเวลาเดินไวจนน่าใจหาย ทว่ามันกลับยาวนานในความรู้สึกของทั้งคนที่รอ และคนที่ถูกคุมขัง ราชันอดีตจอมโจรนั่งเหม่อมองท้องฟ้าและนกที่บินไปมาด้วยความริษยา มันดูเป็นอิสระและมีความสุขกับการโบยบิน ต่างจากตัวเขาที่ต้องถูกจองจำในเรือนจำที่มีผู้คุมมากมายเขาคิดถึงใบบัว คิดถึงลูกชาย ไม่รู้ว่ายามนี้เมียรักจะทำอะไรอยู่ราชันไม่ได้พบใบบัวบ่อยเท่าไหร่นัก เพราะเขาถูกคุมขังที่เมืองหลวง ใบบัวที่อยู่ตอนเหนือของประเทศไม่สะดวกเดินทางบ่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมียรักก็มักจะนั่งรถไฟพาลูกมาเยี่ยมหาเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อย รวมถึงส่งจดหมายมาหาอาทิตย์ละครั้งไม่เคยข
“พี่ราชันเองก็มีลูก ย่อมต้องเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่” เสียงสั่นเครือทั้งอ้อนวอนทั้งตำหนิอยู่ในที “เราไม่อาจอยู่แบบบ้านป่าเมืองเถื่อนได้ ลูกหลานเราต้องได้เรียน ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ”ช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมาหลังจากเปลี่ยนที่ตั้งของหมู่บ้าน ราชันก็ตัดสินใจยกเลิกวิถีชีวิตแบบโจร เขาและชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป ปลูกข้าวปลูกผักเลี้ยงสัตว์ขายหารายได้เข้าหมู่บ้าน มีการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก ไปมาหาสู่กัน หลายคนพบรักกับคนข้างนอกและพากลับมาสร้างครอบครัว จากที่มีชาวบ้านไม่ถึงร้อยคน วันนี้มีผู้อาศัยราวสี่สิบครัวเรือนหรือเกือบสองร้อยชีวิตแล้วทว่า หมู่บ้านที่เริ่มขยายใหญ่เป็นหมู่บ้านที่ยังไม่ได้รับการจัดตั้งตามกฏหมาย สวัสดิการจากรัฐยังเข้าไม่ถึง และหากยังไม่รีบจัดตั้งหมู่บ้านให้ถูกต้อง วันข้างหน้าพวกเขาอาจจะถูกไล่ที่โดยไม่เป็นธรรม นั่นคือสาเหตุที่พักนี้ราชันมักจะได้ยินประโยคพวกนี้จากชาวบ้านเสมอ และส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้มาอยู่ใหม่ที่ต้องการความเจริญมากกว่าวิถีเดิม ๆ ที่ไม่ต่างอะไรจากคนป่า“หากยื่นเรื่อง อดีตที่ฉันทำไว้คงถูกขุด”นี่เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ราชันยังคงลังเล หากจะจัดตั้งหมู่บ้านเรื่อ
ย่างเข้าเดือนที่เก้า ใบบัวมีอาการปวดเมื่อยมากขึ้นเพราะท้องที่ขยายใหญ่ เดิมทีร่างกายของเธอไม่ได้ผอมแห้งแต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก เมื่อต้องมาโอบอุ้มท้องขนาดใหญ่จึงรู้สึกเหนื่อยง่าย ปวดเนื้อปวดตัวเป็นประจำราชันคอยดูแลเมียรักอย่างดี เขาเปลี่ยนที่นอนให้เมียใหม่ ซื้อเบาะนั่งนุ่ม ๆ มาให้เมียนั่ง คอยบีบนวดไม่ห่าง ทำหน้าที่ผัวที่ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เมียอยากได้อะไรราชันหามาให้ทุกอย่าง ใคร ๆ ก็บอกว่าใบบัวโชคดีที่ได้ผัวเข้าใจคนท้องอย่างราชันแต่ราชันกลับเถียงทุกครั้งว่าเป็นตัวเขาต่างหากที่โชคดี ใบบัวเสียสละเหลือเกิน ชายหนุ่มเห็นท้องที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ได้แต่คิดว่าใบบัวหายใจออกหรือไม่ นอนหลับสนิทบ้างหรือเปล่า จะหนักแค่ไหนที่ต้องอุ้มเด็กคนหนึ่งไว้ตลอดเวลาก่อนท้องใบบัวจะเข้านอนทีหลังและตื่นก่อนราชันเสมอ แต่หลังจากเข้าเดือนที่เจ็ดใบบัวก็นอนมากขึ้น เธอเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำและตื่นสาย หน้าที่ภรรยาไม่สามารถทำได้อีกต่อไป แต่แทนที่ราชันจะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยินดีกินอาหารที่ไม่ถูกปากเพื่อให้เมียได้นอนพักผ่อนนานขึ้นกว่าเดิม“พี่รักใบบัวเหลือเกิน”ราชันจุมพิตปรางนวลเนียน นับวันความรักของเขายิ่งมากล้น ไม่มีท
“ค่อย ๆ นะ ค่อย ๆ เดินจ้ะใบบัว ไม่ต้องรีบ”ทันทีที่ร่างอุ้ยอ้ายปรากฎตัวสองก็รีบปรี่เข้าไปดูแลอย่างรวดเร็ว ทว่าใบบัวกลับส่ายหน้าเบา ๆ แล้วชี้ไปด้านหลัง“พี่สองช่วยไปดูพี่ราชันหน่อยได้ไหมจ๊ะ ตั้งแต่เช้ายังอ้วกไม่หยุดเลย”“ห้าเดือนกว่าแล้วนา ทำไมถึงยังแพ้หนักแบบนี้”ใบบัวตั้งท้องได้ห้าเดือนกว่าแล้ว ท้องสาวขยายใหญ่จนเริ่มเดินลำบาก ปกติในเวลานี้อาการแพ้ท้องจะเริ่มหายไป แต่ราชันที่รับหน้าที่แพ้ท้องแทนเมียกลับยังมีอาการเหมือนเดิมไม่ลดน้อยลงถ้าบอกว่าลูกแกล้ง ลูกคงแค้นมากจริง ๆ“อย่างนั้นพี่ไปดูพี่ราชันก่อนแล้วกัน”“จ้ะ”“ไม่ต้อง” พูดถึงราชัน ราชันก็มา ร่างกำยำยืนใช้สองมือค้ำยันกรอบประตูด้วยท่าทางโรยแรง “มึงดูใบบัวไปให้ดี อย่าให้สะดุดเชียว”“พี่สองไปดูแลพี่ราชันดีกว่า ใบบัวไม่เป็นอะไร”“สอง มึงดูแลใบบัวนั่นแหละ กูชินแล้ว”“แต่พี่ราชันหน้าซีดมากนะจ๊ะ”“พี่ไม่เป็นอะไรเลยใบบัว ห่วงตัวเองเถิด ถ้าใบบัวเป็นอะไรพี่คงขาดใจตาย”“เอ่อ..”สองที่เป็นคนกลางทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองสองผัวเมียที่ต่างคนต่างห่วงหากันจนโยนให้เขาไปดูแลอีกฝ่ายตาปริบ ๆ“อ่า เอาแบบนี้ดีกว่า ฉันดูแลพี่ราชัน ส่วนแม่มะลิก็ดูแลใบบัว”