ใบบัวอาศัยร่วมชายคาเดียวกันกับราชันมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว หน้าที่ของเธอที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันคือทำอาหารให้ราชันทั้งสามมื้อ ทำความสะอาดบ้าน และซักเสื้อผ้า
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาราชันไม่เคยพูดว่ากับข้าวฝีมือใบบัวอร่อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ใจร้ายจนถึงขั้นเททิ้งให้ต้องใจหาย ทุก ๆ วันราชันจะออกไปสนามฝึกซ้อมเพื่อซ้อมดาบ ซ้อมเตะต่อยต่อสู้กับลูกน้อง จะมีแค่ใบบัวเท่านั้นที่อยู่ในเรือนนี้
หมู่บ้านโจรไม่ได้เป็นแบบที่ใบบัวคิด ถึงจะเรียกว่าหมู่บ้านโจรแต่ก็แทบไม่มีการออกปล้นเลย ทุกคนอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้เหมือนคนทั่วไป ทำไร่ทำนา ปลูกผัก ปลูกผลไม้ เลี้ยงสัตว์ไว้กิน มีครอบครัว มีลูกหลาน
ทุกคนนับถือราชันเป็นใหญ่ ราชันเหมือนเป็นประมุขของพวกเขา เป็นคนดูแลชาวบ้านทุกคน ใครจะทำอะไรต้องมาปรึกษาราชันก่อน ไม่ว่าจะเรื่องเพาะปลูก หรือแม้แต่เรื่องออกเรือนไปแต่งงาน ราชันเป็นคนออกกฎรวมถึงบทลงโทษทั้งหมด และทุกคนก็ต้องอยู่ในกฎอย่างเคร่งครัดรวมถึงตัวของราชันเองด้วย ผู้คนในหมู่บ้านมีไม่ถึงห้าสิบคน ส่วนมากเป็นผู้ชาย ผู้หญิงมีประมาณสิบคนเท่านั้น
ผู้หญิงในหมู่บ้านส่วนมากถ้าไม่อายุสามสิบขึ้นไปก็เป็นเด็กเล็กไปเลย คงจะมีแค่คนเดียวที่วัยพอ ๆ กันกับใบบัวก็คือสวย แต่สวยนั้นเป็นคนที่เข้าถึงยาก เธอมาเรือนราชันบ่อยแต่ไม่เคยเสวนากับใบบัวเลยสักครั้ง เรียกว่าไม่เห็นใบบัวมีตัวตนเลยจะดีกว่า
“มึง”
ใบบัวเอี้ยวตัวกลับไปตามเสียงเรียก ก่อนจะรีบวางไม้ตีผ้าลงแล้วยืนขึ้นประจันหน้ากับราชัน
“มีอะไรหรือจ๊ะพี่”
“มึงอายุสิบแปดแล้ว มีระดูหรือยัง”
“อ๋อ มีแล้วจ้ะ”
“แล้วเดือนนี้มีหรือยัง”
“ยังจ้ะ แต่อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะมาแล้วจ้ะพี่” ใบบัวตอบอย่างไร้เดียงสา เธอไม่คิดสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ ราชันถึงมาถามเรื่องส่วนตัว เธอมีหน้าที่ตอบก็ตอบไปเท่าที่รู้
“แล้วปกติมึงใช้อะไรซับเลือด”
“ขี่ม้า”
ราชันขมวดคิ้วฉับ นี่มัน พ.ศ. อะไรแล้ว ทำไมถึงยังมีคนซับเลือดระดูด้วยการขี่ม้าอยู่อีก
จอมโจรรู้ว่าขี้ม้าของผู้หญิงมันคนละความหมายกับขี่ม้าทั่วไป ผู้หญิงมีระดูจะใช้วิธีเอากาบมะพร้าวใส่ในผ้าและนุ่งเพื่อซับเลือดระดู แต่นั่นมันเป็นวิธีตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เดี๋ยวนี้มีของตั้งหลายอย่างที่ทำออกมาขายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้หญิง แล้วทำไมใบบัวถึงยังใช้วิธีที่แสนลำบากแบบนั้นอีก
“ไม่มีโกเต็กหรือมึง”
“ของแบบนั้นมันแพงจ้ะพี่ ขี่ม้ามันง่ายกว่า ทำเอง ใส่เอง ไม่เสียเงินสักสตางค์”
ใบบัวพูดโดยไม่คิดอะไร สมัยมีนี้มีทั้งผ้าซับระดู โกเต็ก และผ้าซับเลือดระดูแบบสอด แต่ราคามันค่อนข้างสูง ใบบัวจึงไม่เคยซื้อ ใช้วิธีโบราณมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่มีระดูครั้งแรกจนถึงตอนนี้
ขี่ม้ามันไม่ค่อยสะดวกสบายก็จริง แต่ใบบัวใช้มันจนชินไปแล้ว เธอปรับขนาดลงให้ใส่ทำงานได้ ถึงต้องเปลี่ยนบ่อยแต่ก็ดีกว่าใส่ใหญ่ ๆ แล้วเทอะทะจนทำงานไม่สะดวก
“วันนี้มึงต้องเข้าเมืองกับกู”
“เข้าเมืองหรือจ๊ะ”
“เออ! รีบซักผ้าแล้วไปเตรียมตัว พระอาทิตย์ตรงหัวไปรอกูที่หน้าเรือน หากชักช้ากูจะให้มึงวิ่งตามม้ากูไปจนกว่าจะถึงตัวเมือง เข้าใจที่พูดหรือเปล่า”
“เข้าใจจ้ะพี่ราชัน”
ราชันไม่มีอะไรจะพูดคุยกับใบบัวอีก เขาหมุนตัวแล้วขึ้นเรือนไปอย่างรวดเร็วและเงียบกริบไม่ต่างจากยามที่เดินมา ปล่อยให้หญิงสาวจัดการผ้าผ่อนจนหมดแล้วจึงตามขึ้นเรือนไป ใบบัวเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ที่พอจะใส่ออกไปข้างนอกได้
เธอสวมใส่เสื้อคอกระเช้าสีชมพูอ่อน นุ่งผ้าถุงสีแดงเลือดหมู ใบหน้าล้างทำความสะอาดจนหมดจด เส้นผมยาวถึงบั้นเอวถูกจับถักเปียง่าย ๆ แล้วพาดมาที่ไหล่ข้างหนึ่ง
ใบบัวออกไปรอที่หน้าเรือนก่อนพระอาทิตย์ตรงหัว เมื่อถึงเวลานัดหมายราชันก็เดินมาพร้อมม้าสองตัว หนึ่งตัวที่ใหญ่กว่ามีรูปร่างองอาจ กำยำ มันเชิดคอขึ้นสูงเพราะรู้ว่าตัวเองสวยงามและราคาแพง
ส่วนอีกตัวมีขนาดตัวที่เล็กกว่า ไม่งดงามเท่าตัวแรกแต่ดูเป็นมิตร ราชันจูงม้าตัวนั้นมาให้ใบบัว เธอรับเชือกจากจอมโจรมาถือไว้งง ๆ
“อะไรหรือจ๊ะพี่ราชัน”
“ม้า มึงไม่มีตาหรืออย่างไร”
“ใบบัวรู้” เธอก้มหน้าลง ไม่ชอบเลยเวลาที่ราชันทำเสียงดุใส่ “แต่ใบบัวไม่เข้าใจว่าพี่เอาม้าให้ใบบัวทำไม”
“เอาม้าให้ ก็ต้องให้ขี่สิวะ”
“ใบบัวขี่ไม่เป็น ใบบัวไม่เคยขี่ม้าแบบนี้ เคยแต่ขี่ม้าซับระดู”
ราชันถอนหายใจ เขาแปลกใจที่ใบบัวโตมากับความไม่รู้ ไม่รู้อะไรซักอย่าง คนแบบนี้มีชีวิตรอดมาจนอายุสิบแปดปีได้อย่างไร
“โง่”
ใบบัวเม้มปากแน่น ก้มหน้ารับคำด่าทอแต่โดยดี
“ใบบัวขอโทษ.. ว๊าย!!”
“นั่งให้มันดี ๆ ถ้าไม่อยากตกลงมาพิการ”
ราชันขู่หลังจากอุ้มใบบัวขึ้นไปนั่งแหมะบนหลังม้าตัวใหญ่เรียบร้อยแล้ว ใบบัวนั่งนิ่งไม่ไหวติง หัวใจเต้นโครมครามเพราะความหวาดกลัว ทั้งกลัวตกม้า.. ทั้งกลัวราชัน
“วันหลังกูจะสอนมึงขี่ม้า แต่วันนี้ไม่มีเวลาแล้ว”
ราชันปีนขึ้นไปนั่งซ้อนหลังหญิงสาวตัวจ้อย ใบบัวหดตัวลงเพราะกลัวราชัน เธอจึงดูตัวเล็กกว่าเดิมและจมหายไปในอ้อมแขนบึกบึน
“นั่งดี ๆ นะมึง ตกไปกูไม่เก็บ”
ได้ยินแบบนั้นใบบัวก็รีบซุกตัวเข้าหากายอุ่น เธอกลัวตก กลัวว่าราชันจะไม่เก็บกลับบ้านด้วย
ส่วนราชันนั้นเกร็งตัวเล็กน้อย เนื้อตัวนุ่มนิ่มเบียดเข้ามาแบบนี้มีหรือที่ชายวัยกลัดมันจะไม่รู้สึกอะไร เขาปัดความรู้สึกปั่นป่วนทิ้งไป ก่อนจะส่งเสียงเร่งให้ลูกชายตัวโปรดออกเดินทาง
.
.
ในเมืองบรรยากาศคึกคักกว่าหมู่บ้านของราชันมาก ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินสวนกันไปมา บ้างก็มีรถยนต์ รถจักรยานใช้ บ้างก็ยังนั่งเกวียน บ้างก็ขี่ม้าเหมือนใบบัวและราชัน
บ้างก็แต่งตัวมอซอมานั่งขอทาน บ้างก็แต่งตัวดูดี ประโคมเครื่องทองเต็มตัว มีบ่าวรับใช้เดินตามหลังต้อย ๆ
ราชันยื่นผ้าให้ใบบัวคลุมหน้าเมื่อเข้าใกล้เขตเมือง จอมโจรเองก็ต้องปิดบังใบหน้าเช่นกัน แต่เขาสวมใส่หน้ากากทองเหลืองปิดครึ่งหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ปิดบังแววตาดุ ๆ ของจอมโจรไม่ได้
“มึงเข้าไปดูโกเต็ก”
“อะไรหรือพี่ราชัน”
“โกเต็กซับระดูของมึงอย่างไร ไปดูแล้วซื้อมา มาอยู่กับกูอย่าใช้กาบมะพร้าว กูไม่ชอบเลี้ยงคนของกูให้ลำบากอดอยาก”
“แต่ใบบัวไม่ได้ลำบากนะจ๊ะ”
“เถียงมาก ๆ เข้า กูจะได้ทิ้งไว้ที่นี่”
ใบบัวปิดปากลงทันทีที่ราชันขู่แบบนั้น อยู่กับราชันดีกว่าต้องกลับไปอยู่กับแม่ ที่ไม่รู้ว่าจะเอาเธอไปขายตอนไหนอีก ดีกว่าต้องไปเป็นเมียคนอื่น และดีกว่าต้องเป็นคนเร่ร่อนแน่นอน
“ลงมา”
ราชันลงจากม้าเป็นคนแรก เขาผูกม้าไว้ตรงบริเวณที่รับฝากม้า จ่ายเงินให้กับคนเฝ้าก่อนจะหันมาสั่งใบบัวเสียงเข้ม
ทว่าใบบัวยังคงนั่งนิ่ง ราชันเห็นแบบนั้นก็เริ่มหงุดหงิด อากาศก็ร้อน คนที่มาด้วยก็สร้างแต่เรื่องให้รำคาญ
“ลงมา!”
“อ๊ะ! พี่”
ร่างเล็กจ้อยถูกอุ้มลงมายืนบนพื้นได้อย่างสวัสดิภาพด้วยฝีมือของจอมโจร ราชันชักสีหน้าใส่ใบบัว ก่อนจะยัดถุงเงินให้เธอหนึ่งถุง
“เอาไปซื้อโกเต็ก ซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม ซื้อชั้นในด้วย กูเห็นชั้นในที่มึงเอาผ้ามาเย็บใส่แล้วอุจาดตา”
“พี่ราชัน!”
“ทำไม บ้านกู มึงทำอะไรกูก็เห็นหมดนั่นแหละ เสือกตากผ้าโทง ๆ แบบนั้นเอง”
ใบหน้าใบบัวร้อนผ่าว โชคดีที่มีผ้าคลุมไว้ ราชันจึงไม่เห็นว่าหน้าของเธอนั้นแดงก่ำเพราะความอับอายเพียงใด
ของใช้ส่วนตัวที่ใช้แล้วไม่ควรให้เพศตรงข้ามเห็น
“ไปซื้อของที่ต้องใช้มาให้ครบ จะใช้จะซื้ออะไรไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นเงินที่กูปล้นไอ้มิ่งมา ถือว่าเป็นค่าตัวมึง”
“แล้วพี่จะไปไหนหรือจ๊ะ”
“ไม่.. ต้อง.. สอด..” ราชันเน้นย้ำที่ละคำอย่างชัดเจน “ไปจัดการเรื่องของมึงให้เสร็จสิ้น แล้วกลับมารอกูกับเหนือเมฆที่นี่”
ราชันหมายถึงม้าตัวสวยของเขา ชื่อของมันคือเหนือเมฆ ราชันตั้งให้มันเองตั้งแต่สมัยมันเพิ่งออกมาจากท้องแม่
พูดจบจอมโจรก็เดินจากไป ใบบัวยืนมองจนกระทั่งแผ่นหลังกว้างหายลับสายตา เธอจึงตัดสินใจแยกไปอีกทางเพื่อหาซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น
.
.
จอมโจรไม่ได้ไปไหนไกล เขาตรงดิ่งเข้าซอยที่เต็มไปด้วยซ่อง ราชันเลี้ยวเข้าซ่องประจำที่ไม่ได้มาเยือนเป็นเวลานาน ผู้หญิงคนโปรดที่เคยติดพันพอเห็นว่าแขกคนสำคัญเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปคลอเคลียเอาใจ
“พี่จ๋า พี่กลับมาหาดาวแล้วหรือคะ”
ราชันไม่เปิดหน้า ไม่บอกชื่อกับคนอื่น โสเภณีคนสนิทจะเรียกเขาว่าพี่จ๋า แม่เล้ารวมถึงโสเภณีคนอื่น ๆ จะเรียกเขาว่านายท่านอีกที
“นายท่าน วันนี้ต้องการให้ใครดูแลคะ”
“ขอเด็กหน่อย ขาว นมใหญ่ ๆ”
“อ้าว ดาวคิดว่าพี่จ๋ามาหาดาว”
“เปล่า”
ดุจดาวหน้างอ ราชันไม่มาหาหล่อนนานมากแล้ว พอมาก็เลือกคนอื่นแทนที่จะเป็นคนโปรดอย่างหล่อน
“คนนี้เป็นอย่างไรคะ เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน”
ราชันกวาดตามองร่างอวบอิ่มขาวโพลนตรงหน้า ใบหน้าของหล่อนดูอ่อนเยาว์แต่ไม่ได้ไร้เดียงสา และพยายามส่งสายตามาให้ราชันตลอด
แต่ก็นับว่าใกล้เคียงกับที่เขาต้องการมากที่สุด
“เอาคนนี้ ขอที่ป้องกันให้ฉันด้วย”
“เท่าไรดีคะนายท่าน”
“สองแล้วกัน”
“ได้ค่ะ พิมพานำนายท่านไปที่ห้องสิลูก”
“ค่ะแม่”
สาวน้อยที่ชื่อพิมพาคล้องแขนแกร่งแล้วพาราชันไปที่ห้องของซ่อง ในห้องมีเตียงนอนและห้องน้ำไม่กว้างมาก มีประตูปิดมิดชิดและเครื่องป้องกันสองชิ้นวางอยู่ที่หัวเตียง
“แก้ผ้าออกแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง”
“ค่ะ นายท่าน”
.
.
เพี๊ยะ!
“อู้ย ทำไมกัดเจ็บจังเลย ยุงในเมืองร้ายกาจนัก ใช่ไหมเหนือเมฆ” ใบบัวหันไปคุยกับม้าหนุ่ม มันไม่ได้ตอบอะไรทั้งยังมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม “ดูใช้สายตาเข้าสิ แกมันรู้มากเกินม้า”
เหนือเมฆไม่สนใจ มันก้มลงกินฟางเงียบ ๆ ใบบัวเห็นแบบนั้นก็เลิกให้ความสนใจกับม้าหยิ่งยโส ดวงตากลมแป๋วมองไปตามทางที่ราชันเดินหายไป หวังว่าในบรรดาคนที่เดินออกมาจะมีร่างกำยำด้วย
ตั้งแต่บ่ายจนค่ำ ใบบัวซื้อของเสร็จตั้งนานแล้ว มานั่งรอราชันกับเหนือเมฆจนตบยุงได้เป็นสิบ ๆ ตัว แต่ราชันก็ยังไม่กลับมา
ไปไหนของเขานะ
ใบบัวไม่กล้าเดินไปตาม เธอไม่เคยเข้ามาในเมืองและกลัวว่าจะหลง อีกอย่างราชันก็กำชับให้เธอรอที่นี่ หากคลาดกันเธออาจจะถูกทิ้งก็ได้
“รีบมาได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยกับลมกับฟ้า “ใบบัวไม่ชอบโดนทิ้งแบบนี้เลย”
หมู่บ้านกอบัวเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรราวห้าสิบครัวเรือน ชาวบ้านมีรายได้จากการค้าขายพืชผลทางการเกษตร นับว่าโชคดีที่ราชันได้ผืนดินตรงนี้มา เพราะมันอุดมสมบูรณ์และปลูกพืชผักผลไม้ได้ทั้งปี อากาศไม่ร้อนมาก และยังมีน้ำไหลผ่านแม้ในหน้าแล้ง ชาวบ้านจึงไม่เคยต้องอดยาก ทั้งยังนำผลผลิตออกไปขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้อีกด้วยหลังจากฝึกงานและสอบปฏิบัติผ่าน ราชันก็ขนลูกเมียกลับมายังหมู่บ้านทันที ใบบัวนั้นบ่นทุกวันว่าไม่ชอบเมืองหลวง คนเป็นผัวจึงไม่อยากโอ้เอ้อยู่ที่นั่นนานอยู่บ้านตัวเองมันดีกว่าเป็นไหน ๆ“ค่อย ๆ เดินคนดี” ฝ่ามือใหญ่โอบประคองร่างเมียรักอย่างเบามือ “อีกนิดเดียว อึ๊บ!”“ร้อน”เพียงแค่คำพูดเดียวราชันก็รีบหยิบพัดขึ้นมาโบกตรงหน้า สีหน้าหงุดหงิดของเมียรักดูผ่อนคลายขึ้นให้คนเป็นผัวได้เบาใจใบบัวเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อห้าเดือนก่อน ตอนนั้นเขาและครอบครัวย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ได้เพียงสองเดือน เช้าวันหนึ่งใบบัวมีอาการอ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย อะไรไม่ถูกใจเพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะโวยวายทุกเมื่อ คราแรกราชันคิดว่าเป็นเพราะอากาศหรือไม่ก็สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป จนกระทั่งอีกสามวันต่อมาใบบัวกลับอาการห
ใบบัวกลับบ้านมาพร้อมกับความโกรธและความเสียใจ ดีแค่ไหนที่ครานี้เธอไม่ได้พาลูกชายไปด้วย ไม่อย่างนั้นลูกคงเสียใจมากกว่าเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่าที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อหากไม่ใช่เพราะใบบัวรู้สึกแปลกใจกับจดหมายฉบับล่าสุด ที่ราชันบอกว่าไม่ต้องมาเยี่ยมหากันสักเดือนแล้วตัดสินใจนั่งรถไฟไปหา เธอก็คงกลายเป็นคนโง่งมที่ไม่รู้อะไรเลยต่อไป และคงไม่มีวันได้รู้ว่าราชันนั้นกำลังโกหกหลอกลวงกันถึงขั้นนี้ผู้ชายเฮงซวย!ป่านนี้คงมีความสุขกับรักใหม่ ผู้หญิงคนใหม่ไปแล้ว ปล่อยให้เธอรอคอยเหมือนคนโง่ตั้งสามปี ช่างเสียเวลาเสียจริงใบบัวนั้นไม่มีแม้สักวันจะเลิกรักราชัน ต่อให้ติดคุกติดตารางใบบัวก็ยังเฝ้ารอเสมอ จะสามปีสิบปีก็ยังรอไม่เปลี่ยนแปลง ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไร้คนมาเกี้ยวพาราสี ทว่าเธอรักมั่นเพียงราชัน รอเพียงราชันคนเดียวไม่เคยหันไปทางอื่นแม้แต่เพียงหางตานี่หรือคือสิ่งที่คนจงรักภักดีแบบเธอได้รับตอบแทน“แม่จ๋าทำอะไร”“เก็บเสื้อผ้าจ้ะ”“แม่จ๋าจะไปไหนจ๊ะ”“แม่ไม่ได้ไปไหน” ดวงตากวางวาวโรจน์ เธอไม่ร้องไห้หรอก เธอไม่อยากเสียน้ำตาให้คนเฮงซวย “คนบางคนต่างหากที่ต้องไป”เรือนนี้เป็นเรือนของเธอ คนที่ต้องไปคือคนทรยศต่างหาก เธอไม่
“แม่จ๋า” เสียงใส ๆ ของลูกชายปลุกให้ใบบัวตื่นจากภวังค์ “ย้องไห้ทะมาย”มือเล็กพยายามเช็ดน้ำตาบนแก้มนวล เด็กชายเบะปากอยากจะร้องไห้ตามเมื่อเห็นน้ำตาของแม่“แม่เปล่าจ้ะ”“เด็กดี ต้อมม่ายโกหกน้า”ใบบัวหลุดหัวเราะกับคำพูดคำจาของลูกน้อย คชสารอายุเกือบสองขวบ อยู่ในวัยกำลังพูดกำลังจำ ไม่ว่าจะสอนอะไรก็เชื่อฟังทุกอย่าง“แม่คิดถึงพ่อ”"เดี๋ยวพ่อกาบมา" เด็กน้อยพูดตามที่แม่บอก เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว แม่ใบบัวพร่ำบอกแบบนี้มาตลอด“ใช่จ้ะ เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว”..หนึ่งปีต่อมาเวลาเดินไวจนน่าใจหาย ทว่ามันกลับยาวนานในความรู้สึกของทั้งคนที่รอ และคนที่ถูกคุมขัง ราชันอดีตจอมโจรนั่งเหม่อมองท้องฟ้าและนกที่บินไปมาด้วยความริษยา มันดูเป็นอิสระและมีความสุขกับการโบยบิน ต่างจากตัวเขาที่ต้องถูกจองจำในเรือนจำที่มีผู้คุมมากมายเขาคิดถึงใบบัว คิดถึงลูกชาย ไม่รู้ว่ายามนี้เมียรักจะทำอะไรอยู่ราชันไม่ได้พบใบบัวบ่อยเท่าไหร่นัก เพราะเขาถูกคุมขังที่เมืองหลวง ใบบัวที่อยู่ตอนเหนือของประเทศไม่สะดวกเดินทางบ่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมียรักก็มักจะนั่งรถไฟพาลูกมาเยี่ยมหาเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อย รวมถึงส่งจดหมายมาหาอาทิตย์ละครั้งไม่เคยข
“พี่ราชันเองก็มีลูก ย่อมต้องเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่” เสียงสั่นเครือทั้งอ้อนวอนทั้งตำหนิอยู่ในที “เราไม่อาจอยู่แบบบ้านป่าเมืองเถื่อนได้ ลูกหลานเราต้องได้เรียน ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ”ช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมาหลังจากเปลี่ยนที่ตั้งของหมู่บ้าน ราชันก็ตัดสินใจยกเลิกวิถีชีวิตแบบโจร เขาและชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป ปลูกข้าวปลูกผักเลี้ยงสัตว์ขายหารายได้เข้าหมู่บ้าน มีการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก ไปมาหาสู่กัน หลายคนพบรักกับคนข้างนอกและพากลับมาสร้างครอบครัว จากที่มีชาวบ้านไม่ถึงร้อยคน วันนี้มีผู้อาศัยราวสี่สิบครัวเรือนหรือเกือบสองร้อยชีวิตแล้วทว่า หมู่บ้านที่เริ่มขยายใหญ่เป็นหมู่บ้านที่ยังไม่ได้รับการจัดตั้งตามกฏหมาย สวัสดิการจากรัฐยังเข้าไม่ถึง และหากยังไม่รีบจัดตั้งหมู่บ้านให้ถูกต้อง วันข้างหน้าพวกเขาอาจจะถูกไล่ที่โดยไม่เป็นธรรม นั่นคือสาเหตุที่พักนี้ราชันมักจะได้ยินประโยคพวกนี้จากชาวบ้านเสมอ และส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้มาอยู่ใหม่ที่ต้องการความเจริญมากกว่าวิถีเดิม ๆ ที่ไม่ต่างอะไรจากคนป่า“หากยื่นเรื่อง อดีตที่ฉันทำไว้คงถูกขุด”นี่เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ราชันยังคงลังเล หากจะจัดตั้งหมู่บ้านเรื่อ
ย่างเข้าเดือนที่เก้า ใบบัวมีอาการปวดเมื่อยมากขึ้นเพราะท้องที่ขยายใหญ่ เดิมทีร่างกายของเธอไม่ได้ผอมแห้งแต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก เมื่อต้องมาโอบอุ้มท้องขนาดใหญ่จึงรู้สึกเหนื่อยง่าย ปวดเนื้อปวดตัวเป็นประจำราชันคอยดูแลเมียรักอย่างดี เขาเปลี่ยนที่นอนให้เมียใหม่ ซื้อเบาะนั่งนุ่ม ๆ มาให้เมียนั่ง คอยบีบนวดไม่ห่าง ทำหน้าที่ผัวที่ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เมียอยากได้อะไรราชันหามาให้ทุกอย่าง ใคร ๆ ก็บอกว่าใบบัวโชคดีที่ได้ผัวเข้าใจคนท้องอย่างราชันแต่ราชันกลับเถียงทุกครั้งว่าเป็นตัวเขาต่างหากที่โชคดี ใบบัวเสียสละเหลือเกิน ชายหนุ่มเห็นท้องที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ได้แต่คิดว่าใบบัวหายใจออกหรือไม่ นอนหลับสนิทบ้างหรือเปล่า จะหนักแค่ไหนที่ต้องอุ้มเด็กคนหนึ่งไว้ตลอดเวลาก่อนท้องใบบัวจะเข้านอนทีหลังและตื่นก่อนราชันเสมอ แต่หลังจากเข้าเดือนที่เจ็ดใบบัวก็นอนมากขึ้น เธอเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำและตื่นสาย หน้าที่ภรรยาไม่สามารถทำได้อีกต่อไป แต่แทนที่ราชันจะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยินดีกินอาหารที่ไม่ถูกปากเพื่อให้เมียได้นอนพักผ่อนนานขึ้นกว่าเดิม“พี่รักใบบัวเหลือเกิน”ราชันจุมพิตปรางนวลเนียน นับวันความรักของเขายิ่งมากล้น ไม่มีท
“ค่อย ๆ นะ ค่อย ๆ เดินจ้ะใบบัว ไม่ต้องรีบ”ทันทีที่ร่างอุ้ยอ้ายปรากฎตัวสองก็รีบปรี่เข้าไปดูแลอย่างรวดเร็ว ทว่าใบบัวกลับส่ายหน้าเบา ๆ แล้วชี้ไปด้านหลัง“พี่สองช่วยไปดูพี่ราชันหน่อยได้ไหมจ๊ะ ตั้งแต่เช้ายังอ้วกไม่หยุดเลย”“ห้าเดือนกว่าแล้วนา ทำไมถึงยังแพ้หนักแบบนี้”ใบบัวตั้งท้องได้ห้าเดือนกว่าแล้ว ท้องสาวขยายใหญ่จนเริ่มเดินลำบาก ปกติในเวลานี้อาการแพ้ท้องจะเริ่มหายไป แต่ราชันที่รับหน้าที่แพ้ท้องแทนเมียกลับยังมีอาการเหมือนเดิมไม่ลดน้อยลงถ้าบอกว่าลูกแกล้ง ลูกคงแค้นมากจริง ๆ“อย่างนั้นพี่ไปดูพี่ราชันก่อนแล้วกัน”“จ้ะ”“ไม่ต้อง” พูดถึงราชัน ราชันก็มา ร่างกำยำยืนใช้สองมือค้ำยันกรอบประตูด้วยท่าทางโรยแรง “มึงดูใบบัวไปให้ดี อย่าให้สะดุดเชียว”“พี่สองไปดูแลพี่ราชันดีกว่า ใบบัวไม่เป็นอะไร”“สอง มึงดูแลใบบัวนั่นแหละ กูชินแล้ว”“แต่พี่ราชันหน้าซีดมากนะจ๊ะ”“พี่ไม่เป็นอะไรเลยใบบัว ห่วงตัวเองเถิด ถ้าใบบัวเป็นอะไรพี่คงขาดใจตาย”“เอ่อ..”สองที่เป็นคนกลางทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองสองผัวเมียที่ต่างคนต่างห่วงหากันจนโยนให้เขาไปดูแลอีกฝ่ายตาปริบ ๆ“อ่า เอาแบบนี้ดีกว่า ฉันดูแลพี่ราชัน ส่วนแม่มะลิก็ดูแลใบบัว”