ร่างสูงใหญ่ผู้ที่มีใบหน้าขยี้ใจเพศตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีน้ำข้าว คมจมูกโด่ง ริมฝีปากน่าสัมผัส กำลังดึงชุดสูทราคาแพงให้เข้าที่เพื่อเข้าไปในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ฉลองแต่งงานของพี่ชายคนโต
เคนตะทอดสายตามองหาคนตัวเล็กที่ถือวิสาสะเข้าห้องเขาในจังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก่อนจะเห็นหญิงสาวกำลังยืนหยอกล้อกับผู้ชายคนอื่นที่รายล้อมรอบตัวเธอ
ตึกตึก...เคนตะเข้าไปกระชากแขนเล็กออกจากในวงสนทนาทันที
“มาคุยกันหน่อย”
“ถ้าจะคุยก็คุยตรงนี้” คัพเค้กเหลียวหน้าไปยิ้มให้เพื่อนๆเพื่อไม่ให้พวกเขาสงสัยท่าทีเธอกับพี่ชาย
“...” เคนตะไม่เอ่ยอะไรต่อ นอกจากลากคนตัวเล็กออกนอกงาน
“อะไรเนี่ย ปล่อยนะเค้กเจ็บ” มือบางสะบัดจากการเกาะกุมด้วยความรู้สึกเจ็บ
ฟึ่บ!
“เมื่อกี้ ทำไมเรียกฉันว่าคุณ” เคนตะถามในสิ่งที่สงสัยพร้อมทั้งสะบัดแขนอย่างแรง
“ลากมาเพื่อถามเรื่องนี้ เนี่ยนะ!?”
“ตอบมา” เคนตะจ้องดวงตากลมโตเค้นหาคำตอบ
“เค้กไม่อยากเรียกพี่เคนว่าพี่ต่อหน้าคนอื่น ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีพี่ชายบ้ากาม” คัพเค้กย่นจมูกอย่างเด็กเอาแต่ใจ ตอบกลับไปตามความรู้สึกจริง ๆ
“หึ พูดอย่างกับตัวเองดีนัก ไปยืนให้ผู้ชายมันแทะโลมมันดีตรงไหน” คราวนี้เคนตะถึงกับแสยะยิ้มหัวเราะนึกขำกับคำพูดเด็กไม่รู้จักโต ชอบต่อว่าคนอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำตัวไม่ต่างจากเขา
“นี่พี่เคน!!” คัพเค้กตวาดไม่พอใจ จ้องดวงตาสีน้ำข้าวอย่างเอาเรื่อง
หมับ!
“ต่อหน้าปู่ ต่อหน้าพี่คริส เธอจะทำตัวใสซื่อยังไงก็เรื่องของเธอ แต่สำหรับฉันเธอไม่ได้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่ฉันหิ้วขึ้นเตียงเลยสักนิด” ก่อนที่เคนตะจะไล่สายตาต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนฉายรอยยิ้มมุมปากเมื่อเห็นร่องอกที่โผล่ออกมาอย่างตั้งใจ
“มันจะมากไปแล้วนะพี่เคน อย่าให้เค้กหมดความอดทนจนไม่เหลือคำว่าพี่” คัพเค้กกัดฟันแน่น ไม่คิดว่าเขาจะปากร้ายกับเธอได้ขนาดนี้
“เรื่องของเธอ เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตานอกจากพี่คริสและไอ้คูเปอร์” ตลอดเวลาสี่ปีที่ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป เขาไม่จำเป็นต้องสวมบทพี่ชายที่แสนดีอีกในเมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการ
“รู้ตัวก็ดี”
“ฉันจะพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามไปตามหรือยุ่งวุ่นวายที่ห้องฉันอีก”
“คิดว่าอยากไปนักเหรอ ถ้าคุณปู่ไม่สั่ง เค้กไม่มีทางไปหรอก” ก่อนที่คัพเค้กจะสะบัดหน้าเพื่อเดินกลับเข้าไปในงาน
ทว่า...
“คุยกับพี่ชายเสร็จรึยัง” ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับคัพเค้กเข้ามาเอ่ยถาม เลื่อนสายตาไปมองเคนตะอย่างให้เกียรติ
“อือ” เธอพยักหน้าทันที
“งั้นเราไปต่อด้านนอกกันดีกว่า” ชายหนุ่มโน้มกระซิบเบา ๆ ถือวิสาสะจับมือบางคล้องแขนเพื่อออกจากจุดนั้น โดยที่คัพเค้กไม่คิดจะเหลียวหน้ามามองเคนตะหรือขออนุญาตเลยสักนิด นอกจากเดินพูดคุยส่งยิ้มอย่างสนิทสนมตลอดทางที่เดินออกไป
กึก!
“หึ ทำตัวอย่างกับเด็กใจแตก!!” เคนตะเค้นหัวเราะกับนิสัยน้องสาวตัวดีที่นับวันยิ่งทวีคูณความเปรี้ยว เห็นทีต้องส่งไม้ต่อให้พี่ชายคนโตดัดนิสัยเป็นจริงเป็นจังซะบ้าง
เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูจอดหน้าอาคารเรียน ดวงตาสีน้ำข้าวก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือ รอเวลาที่แฟนสาวเลิกเรียน เพื่อที่จะรับไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กก้าวเท้าลงบันได เดินตรงมายังที่จอดรถก่อนที่รอยยิ้มคมคายจะหุบลงทันทีที่เห็นสายตาแทะโลมพวกนั่น จนต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปหาอย่างรวดเร็ว"มองอะไรวะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดตะคอกดังลั่นด้วยความไม่พอใจ กวาดสายตามองรอบ ๆ ใต้อาคาร"พี่เคน! หยุดก้าวร้าว" ทำเอาคัพเค้กกระตุกชายเสื้อตักเตือนทันควัน"ก็มันมองเค้กอ่ะ""แค่มองเอง ปกติป่ะ กลับเลยกลับไปที่รถเดี๋ยวนี้" มือบางคว้าแขนแฟนหนุ่มแล้วลากให้เดินออกจากจุดนั้นเคนตะถอนหายใจอย่างทำไรไม่ได้ สองขาก้าวตามแรงดึงจากคัพเค้ก แต่ไม่วายยังหันไปถลึงตาใส่หนุ่ม ๆ ที่มองแฟนสาวปึง!ทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องหาเรื่องต้นเหตุให้เธออายเพื่อน ๆ ในคณะ"มองพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าโกรธที่พี่แสดงความเป็นเจ้าของ""พี่ไปตะคอกอย่างงั้นได้ไง เค้กอายเพื่อน ๆ" เธอบอกตามสิ่งที่รู้สึก"อาย!?" ทว่าคนฟังกลับขมวดไม่เข้าใจ อายที่มีแฟนหรืออายที่เขาแสดงตัวตน แต่ไม่ว่าอันไห
ฟึ่บ!ฟึ่บ!"พี่เคน นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นในกลางดึก เมื่อเสียงรบกวนดังมาทางฝั่งเตียงคนไข้"พี่รบกวนเค้กรึเปล่า พอดีรู้สึกคอแห้งน่ะ" ร่างหนาลุกขึ้นนั่งแล้วบอกเสียงแหบแผ่ว"ทำไมไม่บอกคะ" ว่าแล้วเธอก็ตวัดขาลงจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีหมับ! ทว่าแทนที่เธอจะได้รินน้ำให้กลับโดนรวบตัวขึ้นไปยังเตียงนอน ร่างหนาขึ้นคร่อมอย่างเร็วไว กันไม่ให้คัพเค้กหนีไปได้"พี่เคน โกหกเค้กอีกแล้วนะ""เปล่านะ พี่คอแห้งจริง ๆ" เคนตะขยิบตาเป็นเลศนัยบางอย่าง"ก็ปล่อยเค้กสิคะ จะรินน้ำให้อยู่นี่ไง" มือบางผลักอกแกร่งให้ขยับจากตัว"พี่ไม่ได้อยากกินน้ำเปล่า""...!?""แต่พี่อยากกินน้ำจาก..." มือหนาเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ "ตรงนี้!" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนตัวจิ๋ว"พี่เคน" คัพเค้กตาโตลุกว้าว เข้าใจสิ่งที่เคนตะต้องการทุกอย่าง"..." คราวนี้เคนตะไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก เคลื่อนตัวเองลงต่ำ จนใบหน้าคมจดจ่อตรงเนินเนื้อที่มีกางเกงปกปิดไว้ลมหายใจโรยรินจนคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น ทำเอาคัพเค้กพลอยหายใจยากลำบากไปด้วย"พี่เคน อย่าทำนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ" เสียงหวานเอ่ยห้ามไว้เพื่อจะยื้อไม่ให้เกินคว
ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาในห้องด้วยความเงียบขรึม ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีก จากสีหน้า ท่าทาง คงไม่ใช่เรื่องดีนัก"พี่คริส คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ" คัพเค้กเป็นคนเอ่ยถามคนแรกพี่คนโตส่ายหน้าเศร้าหมอง "ไม่ค่อยดี""..." ทุกคนเงียบรอฟังประโยคถัดไป"สมองได้รับกระทบกระเทือน จนเส้นโลหิตแตก อาจจะทำให้ปู่เป็นอัมพาตตลอดไป"สิ้นคำพูดคริสเตียนทุกคนต่างหน้าสลด คนที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ตระกูลกำลังอยู่ในช่วงอันตรายของชีวิต คนเป็นหลานต่างร้อนใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาอีก"เค้กจะหาคุณหมอเก่ง ๆ มารักษาให้คุณปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม""อืม ฉันจะช่วยอีกแรง ปู่พวกนายต้องหาย" ไมก้าเอ่ยปลอบบ้างทำให้คริสเตียนพยักหน้ารับกลับไป "แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง""ผมไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอกน่า" เคนตะบอกพี่ชายคนโตด้วยท่าทีสบาย"หึ กูบอกแล้วให้ฝึกรับมือไว้บ้าง" เพราะไม่ว่าคริสเตียนจะเอ่ยเตือนกี่ครั้ง เคนตะก็ไม่เคยทำตาม บอกแค่ไม่ชอบงานที่ใช้ความรุนแรง ผลสุดท้ายของการไม่รู้วิธีรับมือก็เจ็บตัวอย่างที่เห็น"ผมยอมเพราะผู้หญิงของผมต่างหาก" เคนตะเถียงต่อ"รู้ แต่ถ้ามึงฝึกมือ ว่องไวกว่านี้ ก็อาจจะไม่โด
วันต่อมาคนตัวเล็กเฝ้าดูอาการร่างหนาที่นอนไม่ได้สติไม่ห่างจากเตียง ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วง เพราะเวลานี้คัพเค้กรู้เรื่องทั้งหมดจากคริสเตียน สาเหตุที่เคนตะไม่ต้องการเข้าใกล้ หนีหน้า เป็นเพราะไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย เมื่อรู้ความจริงหัวใจก็ชื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่บอบช้ำเพราะเรื่องเข้าใจผิด“พี่เคน ฟื้นได้แล้ว” เธอลูบมือหนากระตุ้นให้อีกฝ่ายรับสัมผัสเพื่อจะช่วยให้เคนตะรู้ตัว“เค้กอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เคน...พี่เคนอย่าทิ้งเค้กนะ ต้องฟื้นมาอยู่กับเค้ก”คัพเค้กยังคงคราญครางไม่ห่าง สีหน้าเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่ร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้า แต่ยังมีคางูยะปู่ของเธอที่อาการน่าเป็นห่วงก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูพอจะทำให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์ เหลียวหน้าไปมองแขกใหม่ทันที“มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” คริสเตียนเดินนำหน้าและเป็นคนเอ่ยถาม“...” ตามด้วยคูเปอร์ที่เข้าห้องมาเงียบขรึม เหลือบมองพี่ชายเพียงหางตา ไม่สามารถความรู้สึกให้ใครได้เห็น“ยังเลยค่ะ” คัพเค้กตอบเศร้า ๆ“อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว น้องเค้กไม่ต้องกังวลนะ” รวงข้าวเข้ามาปลอบ ไม่ให้เธอคิดมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามเข้ามาเจอกับหมอประจำไข้ของเ
โรงพยาบาลคนตัวเล็กเดินวนไปวนมาหน้าห้องฉุกเฉิน ภายในห้องคือเคนตะและคางูยะที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี"หยุดเดินได้แล้วเค้ก" คริสเตียนเอ่ยห้ามหลังจากนั่งมองน้องสาวหลายชั่วโมง"เค้กเป็นห่วง ไม่รู้ข้างในเป็นยังไงบ้าง""ถึงมือหมอแล้ว ทุกคนต้องปลอดภัย""เค้กก็ห่วงอยู่ดี" คนตัวเล็กยังคงเดินต่อคริสเตียนทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองต่อไป ก่อนที่โทรศัพท์จะมีเสียงเรียกเข้า"พี่ไปรับสายรวงข้าวก่อนนะ" เขาบอกน้องสาวแล้วก้าวเท้าออกจากจุดนั้นทันที"ข้าวไม่ต้องตามมา หมอออกจากห้องแล้วเดี๋ยวพี่โทรไปบอกนะ""พี่ไม่เป็นไร""คร้าบบบ""เฮ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" จู่ ๆ คริสเตียนก็หันไปเห็นด้านหลังตัวเองที่มีไมก้าและคูเปอร์ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้ว"ตั้งแต่มึงทำเสียงสอง" ไมก้าตอบทันควันต่างจากคูเปอร์ที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งเฉย"เวรเฮ้ย!" เขาหันไปสบถใส่ไมก้าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ "เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ""หึ" อดีตเพื่อนสนิทแสยะยิ้มออกมา ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเพื่อนมาก่อน"เป็นไงวะ" ทว่าคริสเตียนเลิกสนใจเลือกที่จะถามเรื่องที่โกดังแทน"เรียบร้อย" ไมก้าเป็นคนตอบเหมือนเดิม"แน่ใจ" ทำให้คริสเตียนต้องถามย้ำกับคูเปอร์เพื่อความมั่นใจ
"อาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ผมเหรอ!?""จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดความหลังกันเลยหลาน ทักทายน้องสาวสายเลือดเดียวกันก่อนสิ" ไรอันพยักหน้าไปฝั่งคัพเค้กที่ใบหน้าซีดเซียว มองหน้าแต่ละคนสลับกันหมับ! มือหนาคว้าปลายคางคัพเค้กบีบรั้งให้เชิดขึ้น"มองหน้าพี่ชายแท้ ๆ คุณหนูชัด ๆ สิจ้ะ""..." เคนตะพยายามลุกขึ้นไปหา ทว่าสภาพตอนนี้แทบดูไม่ได้ ทั้งเสียเลือด ทั้งบวมซ้ำ"อาทำแบบนี้ หมายความว่าไง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือแผนของอาทั้งหมดเหรอ" คนที่เคยไว้ใจที่สุด กลับหักหลังไม่มีชิ้นดี"ถึงขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ" คริสเตียนเหลือบไปมองไมก้า เอ๋ยเสริมอย่างรำคาญ"ในเมื่อพ่อแม่พวกมึงไม่เคยเห็นหัวกู แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้วะ""เหตุผลแค่นี้!?" คริสเตียนตะคอกถาม"ลองถามปู่มึงสิ ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกไหม""...""บอกหลานสิวะ ความเหี้ยของมึง บอกให้ทุกคนรับรู้ว่าที่คนอื่นเดือดร้อนเป็นเพราะมึง!!""มันเป็นเพราะสันดานมึงเอง...ไรอัน" เคนตะลุกขึ้นยืนแล้วข่มเสียงใส่ แววตาจับจ้องไปยังคนตัวเล็กไม่คลาดสายตา"งั้นกูจะแสดงสันดานที่แท้จริงให้เห็น เริ่มจากเมียมึงก่อนแล้วกัน"คำพูดของไรอันทำเอาไมก้าหันขวับไปมองเคนตะ ต่างกับคางูยะที่นิ่งเฉยเพราะรู้ก่อ