.
.
หลังจากวันนั้นชุนก็แวะเวียนมาที่บ้านของเธอบ้างเป็นครั้งคราว แต่มาทุกครั้งก็ดูไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโดนบังคับเสียส่วนใหญ่ บ้างก็มากับเฮียตงและซิน บ้างก็มากับเตี่ยและม๊าของเขา จนถึงวันนี้ที่เป็นวันแต่งงานเขาก็ยังคงทำหน้าไม่รับแขกเช่นเดิม ต้นหยกและชุนยืนถ่ายรูปต้อนรับแขกอยู่หน้างาน
ภายในงานเต็มไปด้วยรูปภาพพรีเวดดิ้งที่ดูชื่นมื่นของพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ากว่าจะได้แต่ละภาพเล่นกินเวลาไปหลาย เพราะบางครั้งเขาก็ไม่ยอมมาถ่าย บางครั้งก็มาสายจนล่วงเลยเวลาที่จะได้ภาพสวยๆ ตามคอนเซ็ปต์ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งตั้งใจไว้ งานแต่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคอยเคี่ยวเข็ญ
ต้นหยกยิ้มรับแขกอย่างอ่อนหวานและใบหน้าที่ดูเต็มไปด้วยความสุข เธอคิดว่าไม่ว่ายังไงเธอจะต้องมีความสุขในวันสำคัญในชีวิตของเธอ ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปกับแขกในงานนั้น สายตาคมของชุนก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวในชุดสีขาวเหมือนชุดเจ้าสาวเดินเชิดเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มมอบให้ชายหนุ่มตรงหน้า ชุนอึ้งค้างก่อนจะรีบเดินตรงปรี่เข้าไปหาหญิงสาวสุดเซ็กซี่นั้น
“เส้นฟาง ไหนพี่ว่าจะไม่มาไงคะ?”
ต้นหยกหันไปส่งแขกเข้างานก่อนจะหันไปมองทั้งคู่ที่ดูสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษอย่างไม่สบายใจ เส้นฟางปรายตามองต้นหยกก่อนจะหันไปจัดแจงโบว์ตรงคอให้ชุนอย่างแนบชิด ก่อนที่เส้นฟางจะดึงแขนของชุนเดินเข้าไปหาต้นหยกด้วยรอยยิ้มหวานใสซื่อ
“ฟางอยากถ่ายรูปด้วย มาถ่ายรูปด้วยกันเถอะค่ะ”
“ฮะ? ...แน่ใจหรอคะ?”
“ค่ะ...ฟางมาแสดงความยินดีด้วยทั้งที จะไม่ให้ร่วมเฟรมด้วยเลยหรอคะ?”
“อืม...ก็ได้ครับ”
ชุนตอบอย่างตามใจหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่เส้นฟางจะดึงชุนมาตรงกลางและเธอยืนข้างขวา ต้นหยกยืนข้างซ้าย ก่อนจะหันไปทางช่างภาพ เส้นฟางคว้าแขนของชุนแล้วควงแขนของเขาพร้อมกับโน้มศีรษะไปทางเจ้าบ่าวแล้วยิ้มแป้นเพื่อถ่ายรูป ต้นหยกมองที่แขนของคนทั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะหันไปมองกล้องพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ
หลังจากถ่ายภาพไปได้สองภาพ เฮียตงและซินที่เดินออกมาตามคู่บ่าวสาวก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ของทั้งสามคน เฮียตงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างเส้นฟางและชุนทันที
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฟางก็มาร่วมแสดงความยินดีกับ...แฟน...ของฟางไงคะ”
“น้องเส้นฟาง ที่นี่ไม่ใช่กองละครนะคะ”
“พี่ซินก็พูดอะไรอย่างนั้นคะ เส้นฟางมาแสดงความยินดีจริงๆ ...ถึงแม้จะโดนแย่งแฟนไปก็เถอะ”
เส้นฟางพูดพร้อมกับหันไปมองทางต้นหยกด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรแต่คำพูดคำจากลับไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ต้นหยกยืนกำมือแน่นจ้องมองหญิงสาวตอบ แต่กลับไม่พูดอะไรเลย เธอผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะทำสีหน้าให้ปกติที่สุด ซินที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้นหยกก็ลูบบ่าปลอบเธอเบาๆ
“อ้าว...แฟนหรอ? ตอนไอ้ชุนถามยังไม่เห็นจะตอบได้ว่าเป็นอะไรกัน ตอนมันขอแต่งงานก็ปฏิเสธเองไม่ใช่?”
“พี่ตงจะไปรู้อะไรคะ? ฟางกับพี่ชุนอยู่ด้วยกัน...ถีงไหนต่อไหนแล้ว ถึงไม่บอกสถานะเราก็รู้กันอยู่แล้วค่ะ”
“พอเถอะนะเส้นฟาง พี่ขอ”
ชุนพูดพร้อมกับหันไปมองเส้นฟางเพื่อขอร้องไม่ให้เธอเถียงกับเฮียตงไปมากกว่านี้ ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมทางบ้านถึงไม่ชอบเส้นฟางก็ตาม แต่เขาเห็นว่าเธอเป็นคนที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยตัวเอง เขาจึงเชื่อว่าเธอเป็นคนดีและไม่ใช่คนอย่างที่ทุกคนในบ้านคิดแน่นอน
“ฟางแค่อธิบายค่ะ ว่าที่ฟางไม่แต่งงานกับพี่ชุนเพราะฟางยังไม่พร้อม ไหนจะฐานะ ไหนจะเงิน ฟางแค่ตั้งตัวให้สมกับพี่ก่อนถึงยังไม่ตกลง แต่ไม่คิดว่าที่บ้านพี่จะทำถึงขนาดนี้”
แปะๆๆ
“ว้าว...น่าทึ่ง สร้างเรื่องได้ดี ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชุนจะแต่งงานก็ไม่เห็นเสนอหน้ามาคัดค้านแสดงความรักที่มีให้กันเลยนี่ เอ...หรือจะรู้ว่าถ้าชุนไม่แต่งจะไม่ได้มรดกกันนะ”
เฮียตงปรบมือสองสามทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแดกดันแฟนสาวกำมะลอของน้องชาย ชุนเห็นอย่างนั้นถึงห้ามพี่ชายตัวเองไว้ด้วยการเอาตัวมาขวางสายตาเหยียดหยามของเฮียตง ต้นหยกที่นิ่งเงียบอยู่นานก็เดินไปห้ามสองหนุ่มไว้ทันที
“พอเถอะค่ะ...งานจะเริ่มแล้ว เราเข้างานกันเถอะ.....เชิญด้านในค่ะคุณเส้นฟาง”
ต้นหยกพูดพร้อมกับหันไปเชิญเส้นฟางด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินนำเข้าไปก่อนตามด้วยซิน เฮียตงปรายตามองเส้นฟางเล็กน้อยก่อนจะเดินตามคนทั้งคู่เข้างานไป ชุนหันไปหาเส้นฟางที่ทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอ ก่อนจะประคองเธอเข้างานเช่นกัน
งานดำเนินไปอย่างราบรื่นรวมถึงการจดทะเบียนสมรสในงานอย่างที่ทุกคนคาดหวัง แต่สายตาของชุนยังคงมองไปทางเส้นฟางตลอด ไม่ได้หันไปมองเจ้าสาวของตนเลย จนเวลาล่วงเลยมาถึงส่งเข้าเรือนหอที่เหลือแต่ครอบครัว เรือนหอของเขาเตี่ยเป็นคนหาซื้อให้ อยู่ไม่ไกลจากบ้านใหญ่ของตระกูลธนกุลนัก เป็นบ้านหลังใหญ่สองชั้นที่เชื่อมบ้านหลังเล็กข้างๆ อีกสองหลัง เหมือนเรือนแยก
ที่เตี่ยซื้อเรือนหอแบบนี้ให้เพราะหวังจะให้มีลูกเต็มบ้าน หลานๆ จะได้มีบ้านอยู่เมื่อโตขึ้นจะได้ไม่ต้องแยกไปไหนไกล ส่วนพ่อแม่ก็จะได้อยู่ตัวบ้านหลังใหญ่นี้
“ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนะ ฮ่าๆๆ”
เตี่ยพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะร่า ตบบ่าลูกชายของตนอย่างปลื้มปีติ เพราะเขามีลูกเยอะไม่ได้ร่างกายภรรยาไม่ค่อยแข็งแรงและเขาเองก็แก่มากแล้วจึงมีมาแค่สองคนคือเฮียตงและชุนเท่านั้น
“เอ็นดูน้องให้มากๆ นะลูก ปกป้อง ดูแลน้องนะ เราเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วนะอาชุน”
“....ครับม๊า”
“ม๊าฝากต้นหยกด้วยนะอาชุน”
“ครับ....”
“ถือไม้เท้ายอดพองกระบองยอดเพชรนะ”
“อย่ารังแกน้องนะไอ้เสือ”
“ต้นหยกเป็นคนสวยมากนะชุน”
ทุกคนต่างอวยพรให้ทั้งคู่ก่อนเข้าหอ แม่ของต้นหยกอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเดินเข้าไปกอดลูกสาวที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ชุน พร้อมกับลูบศีรษะลูกสาวสุดที่รักอย่างอ่อนโยน
“ใจเย็นๆ ให้มาก หนักแน่นให้มาก เข้าใจให้มาก อย่างอแงงี่เง่าเอาแต่ใจกับพี่เขานะต้นหยก...รักกันให้มากๆ นะลูก มีอะไรให้อภัยกัน หนักนิดเบาหน่อยอย่าทิ้งกันนะลูก ให้อยู่คู่กันเหมือนกิ่งทองกับต้นหยก ยั่งยืนยาวนาน”
“ค่ะม๊า...”
ต้นหยกตอบรับทั้งน้ำตาก่อนที่ทุกคนจะเดินออกจากห้องไป แต่เตี่ยก็ยังหันไปมองทั้งคู่ที่นั่งอยู่ปลายเตียงแล้วยิ้มแป้นจนชุนเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“เข้าหอคืนแรก...ห้ามออกจากห้อง!”
“ฮะ?! อะไรนะเตี่ย เดี๋ยวๆ ...เดี๋ยวก่อน...”
ชุนรีบวิ่งไปที่ประตูแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ผู้เป็นพ่อปิดประตูพร้อมกับล็อกกลอนจากด้านนอก ไม่ว่าชุนจะพยายามผลักประตูเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ต้นหยกมองดูชุนที่หัวเสียอยู่หน้าประตูก่อนจะถอดเครื่องประดับออกอย่างนิ่งเฉย ชุนหันกลับไปมองภรรยาของตนพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ดูสบายใจไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะ...อยากได้ฉันจนตัวสั่นเลยหรือไง?”
“เฮ้อ...หยกจะนอนพื้น”
“นี่เธอหาว่าฉันไม่เป็นสุภาพบุรุษว่างั้น”
“แล้วแต่เฮียจะคิด วันนี้หยกเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเถียงเฮียด้วย”
ต้นหยกพูดจบก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที วันนี้เธอเหนื่อยจริงๆ ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องแฟนของชุนอีก ชุนมองดูต้นหยกที่เมินเฉยต่อเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพื่อรอเธออาบน้ำเสร็จ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงต้นหยกพึ่งจะออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนกระโปรงยาวพร้อมกับมีเสื้อคลุมที่มัดไว้อย่างดี ชุนมองหญิงสาวที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางก็ดูสวยไม่หยอก ปากอิ่มสีแดงสดนั้นไม่ใช่ลิปสติกเหมือนที่เขาคิดไว้ ชุนละสายตาจากต้นหยกเมื่อทั้งสองสบตากัน ก่อนที่เขาจะเดินตรงปรี่เข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่ชุนอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเดินออกมาก็เห็นต้นหยกจัดปูที่นอนตรงพื้น เหลือหมอนเพียงหนึ่งใบกับผ้าห่มหนาบนเตียงกว้าง ส่วนเธอมีแค่ผ้าห่มผืนบางๆ เท่านั้น ชุนหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปนอนบนเตียงอย่างสบายใจแล้วหันไปทางภรรยาสาวที่กำลังก้มกราบพระอยู่แล้วล้มตัวนอนลงโดยไม่ร้องขอนอนบนเตียงสักคำ ถ้าเธอเอ่ยสักนิดเขาคงจะยอมนอนพื้นแทน
“ไม่นอนบนเตียงจริงหรอ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“หรือกลัวฉัน?”
“ยังไม่เคยหรอ?”
“เฮียหมายถึงอะไรล่ะ?”
“นอนกับผู้ชาย”
“...........”
“หึ...ไม่ตอบ”
“ค่ะ”
“ค่ะ นี่หมายความว่าไง?”
“หยกง่วงแล้ว ฝันดีค่ะเฮีย”
ต้นหยกตอบแบบไม่ใส่ใจหนักก่อนจะตัดบทไปเสียดื้อๆ ทิ้งให้ชุนนอนคิดถึงคำตอบของเธอที่ยังคาใจไม่หาย ก่อนจะสะบัดความคิดของตนออกไป เพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดจะมีสัมพันธ์ใดๆ กับเธอ แค่แต่งๆ ไปแล้วใช้ชีวิตเหมือนเดิม รอวันหย่าเพียงเท่านั้น ชุนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงแต่ต้นหยกที่นอนอยู่ที่พื้นมันเลยรู้สึกขัดใจเขา ก่อนที่เขาจะลุกพรวดขึ้นมาชะโงกหน้ามองภรรยาสาวที่หลับตาพริ้ม
ชุนจึงลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ ต้นหยกที่นอนอยู่ก่อนจะช้อนร่างของเธออุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง ต้นหยกที่พยายามบังคับให้ตัวเองหลับก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับเกร็งตัวแข็งมองชุน
“ฮะ..เฮียจะทำอะไร?”
.
.
.
..เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด!!!“อ๊า อ๊า อื้อ”สะโพกพลิ้วสวนกระแทกหนักหน่วงและรุนแรงขึ้นจนเตียงโยกไปมา เสียงครางของเขาและเธอสลับกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดตามด้วยเสียงกระทบของเนื้อหน้าขาและบั้นท้ายงอนงาม บทเพลงรักที่ยาวนานจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะอยู่กึ่งกลางของทั้งสองร่างที่เชื่อมต่อกันไม่มีหลุด แม้ว่าจะโยกเข้าออกจนสุดก็ไม่อาจจะทำให้ทั้งสองร่างหลุดออกจากกันความเสียวซ่านเริ่มรุนแรงทวีคูณถาโถมเข้ามาหาคนทั้งสอง มือหนาบีบคลึงเต้าตึงไม่พัก ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปจับที่หัวเตียงยึดรั้งตัวไว้ก่อนจะเร่งสะโพกพลิ้วกระแทกเข้าสุดอย่างรุนแรงและถี่ยิบ ต้นหยกกำหมอนไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวและจุกช่องท้องไปหมด“อ๊า อ๊า อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ!!”“ฮื่มมมม...อา”สะโพกรัวซอยถี่ยิบคิ้วเข้มขมวดชนกันแน่น ยิ่งกระแทกเข้าออกยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านจนตัวเกร็ง ความหนักหน่วงของแรงกระแทกไม่ได้แผ่วลงเลย คนใต้ร่างร้องครางเหมือนใจจะขาด ก่อนที่ทั้งสองร่างจะกระดุกเกร็งปลดปล่อยความเสียวกระสันพ
..หลังจากที่ต้นหยกออกไปส่งเฮียตงและซินกลับมา เธอก็เดินมาหาชุนแล้วทำท่าหยิบกระเป๋าของตน ชุนนอนคะแคงเท้าศีรษะอย่างงงๆ ว่าต้นหยกจะไปไหน“จะไปไหนหรอคะ?”“หยกว่าจะไปหาอะไรมาให้ทานน่ะค่ะ แล้วว่าจะกลับเลย”“ได้ไง...ไม่อยู่เฝ้าหรอ?”ชุนพูดพร้อมกับหน้าน่าสงสาร ต้นหยกมองสีหน้าของเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ที่ชุนเข้าใจผิด แต่ว่าเธออยากจะแกล้งคนตรงหน้าเสียหน่อย เพราะเธอเองก็โดนเขาแกล้งมาเยอะ เห็นทีจะต้องเอาคืนบ้างแล้ว“เฝ้าทำไมคะ? ก็เห็นบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่บอกหมอให้ทำแผลดูโอเว่อร์เท่านั้น พรุ่งนี้หยกต้องไปทำงานไม่มีเวลามาเยี่ยมนะคะ อาจจะมาเย็น”“สามีเป็นขนาดนี้ไม่อยู่ดูแลหน่อยหรอ...งานน่ะหยกไม่ทำก็ได้นะ เฮียเลี้ยงได้ เฮียดูแลหยกได้”“ดูแลตัวเองไปก่อนนะคะ หายดีค่อยมาดูแลหยกเนอะ”“โธ่..หยก”ชุนเอื้อมมือไปจับแขนเธอเขย่าเบาๆ พร้อมกับทำหน้าออดอ้อนน่าสงสารสุดฤทธิ์ ต้นหยกอดที่จะหัวเราะออ
..“เอ่อ...ยะ...หยก...ใจเย็นๆ ก่อน”ต้นหยกเดินเข้าไปใกล้ชุนพร้อมกับหน้าเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจจนชุนถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที เพราะตอนแรกเธอคิดมากมายว่าจะดูแลยังไงต้องศึกษาอะไรบ้างเพื่อให้เขากลับมาเดิน เธอวางแผนทุกอย่างไว้ในหัว แต่กลับมารู้ความจริงแบบนี้ ชุนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กแต่ต้นหยกกลับหันหลังแล้วเดินไปในทันที“ต้นหยก! โอ๊ยยย!!!”“คนไข้! อย่าพึ่งลุกสิครับ”ชุนรีบลุกขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพร้อมร้องลั่น มือเอื้อมไปจับที่ข้างลำตัว เพราะมันตรึงแผลที่อยู่ด้านหลัง ต้นหยกตอนแรกที่ไม่คิดจะหันกลับพลางคิดว่าเขาคงลองใจเธออีก แต่พอได้ยินเสียงบุรุษพยาบาลเธอก็รีบหันกลับไปมองแล้ววิ่งเข้าไปหาชุนทันที ต้นหยกพยุงเขาลุกขึ้นจากพื้นโดยมีบุรุษพยาบาลช่วยอีกแรงเพี๊ยะ!!“โอ๊ย! หยกตีเฮียทำไมเนี่ย”“อยากดื้อทำไมล่ะคะ คนบ้านี่! ลองใจอะไรก็ไม่รู้...คนเขาเป็นห่วงนะ&rdquo
..ต้นหยกและชุนเดินออกมาจากลิฟท์ของบริษัทก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถโดยที่ชุนไม่แม้แต่จะยอมปล่อยมือที่จับมือต้นหยกไว้เลย ต้นหยกเองก็เขินไม่น้อย คำพูดที่เขาบอกรักยังคงก้องอยู่ในหัวเด่นชัด ใครจะไม่ใจอ่อนไหว การกระทำตลอดเกือบหนึ่งเดือนเต็มที่เขาตามตื้อตามง้อและทำหลายๆ เพื่อเธอโดยไม่บ่นสักคำ แต่...มันจะดีแค่ช่วงแรกรักหรือเปล่านะ ต้นหยกเองก็แอบกังวลเช่นกัน คงต้องดูกันไปอีกยาว นั่นหมายความว่าเธอจะลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้งนั่นเอง“ไปหาอะไรกินกันไหมคะ? เพราะเมื่อกี้กินบะหมี่ไปนิดเดียวเองไม่ใช่หรอ?”“ก็เพราะใครล่ะคะ”“เฮียก็หิวเหมือนกันนะคะ”“ไม่เหมือนกันสักหน่อย”ต้นหยกหันไปทำหน้าดุแต่ใบหน้าของเธอกลับแดงเรื่อด้วยความเขิน นึกว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว นี่สินะที่เขาบอกว่าอย่าปล่อยให้สามีหิวมากๆ ชุนมองต้นหยกแล้วหัวเราะออกมา อย่างน้อยเธอก็ยอมใจอ่อนแล้วทั้งสองเดินไปพลางหยอกล้อกันโดยไม่ได้สนใจรอบๆ ตัวเลย เหมือนโลกทั้งใบมีแต่พวกเขาจนลืมสังเกตหญิงสาวที่เดินตามหลังพวกเขามาติด
..“เส้นฟาง...เธอมาทำอะไรที่นี่?”“ฟางคิดถึงพี่ชุนมากๆ เลยค่ะ”เส้นฟางเดินเข้าไปกอดชุนแน่น ชุนตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเธอ เพราะตั้งแต่เธอออกจากบ้านไป เส้นฟางไม่เคยติดต่อกลับมาหาเขาเลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆ เธอก็โผล่มา คงไม่ใช่เพราะคิดถึงจริงๆ หรอก แต่คงจะเป็นเพราะเงินที่เขาให้ไปก่อนออกจากบ้านหมดแล้วเป็นแน่“คุณเส้นฟาง ปล่อยผม”“ทำไมถึงพูดห่างเหินแบบนั้นล่ะคะ พี่ชุนไม่รักฟางแล้วจริงๆ หรอคะ?”ชุนพูดพร้อมกับพยายามดันตัวของเส้นฟางออกด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ แต่เส้นฟางกอดเขาแน่นไม่ยอมเป็นปล่อย จนเขาต้องออกแรงผลักเธออย่างแรงจนเซล้มไปกับพื้น เส้นฟางหันไปมองหน้าชุนพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ชุนเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยแต่ก็ชะงัก ถ้าเขาใจดีเธอคงไม่คิดจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่ ชุนจึงตัดสินใจเลือกที่จะเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบๆ“พี่ชุน!! ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฟางแบบนี้!!”ชุนหยุดชะงักครู่หนึ่งแต่ไม่หันกลั
..หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปอาบน้ำและเข้าห้องนอนของตัวเอง ชุนเอนตัวลงนอนบนโซฟาหลังจากอาบน้ำเสร็จ และแน่นอนว่าโซฟามันไม่ได้นอนสบายอย่างที่คิดเลย แต่เขาก็ต้องอดทนให้ได้ และคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะชินไปเอง ไฟในบ้านถูกปิดจนมิดสนิท ชุนนอนเอาแขนก่ายหน้าผากพลางคิดวิธีง้อต้นหยก ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเพื่อพักสายตาเสียหน่อยผ่านไปได้พักหนึ่ง เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาก็ดังขึ้นและเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ชุนที่หลับตาอยู่นิ่งไม่ขยับรอฟังเสียงฝีเท้านั้นอย่างเงียบๆ ไม่นานเสียงนั้นก็หยุดลงข้างๆ ที่เขานอน ก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างที่สัมผัสร่างกาย ผ้าห่มที่เขาร่นไว้ตรงขาได้เลื่อนขึ้นมาบนตัวเขาจนถึงอก ชุนยกยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือเล็กที่จับผ้าห่มอยู่นั้นกระชากลงมาเข้าหาตน“อ๊ะ!!! เฮียชุน!! ยังไม่หลับทำไมต้องแกล้งหลับด้วย”“ถ้าไม่แกล้งหลับจะรู้หรอว่ามีคนจะลักหลับเฮีย”“บ้า! ปล่อยนะคะ!”ชุนยังคงกอดต้นหยกที่เซล้มลงมาบนตัวเขาไว้แน่น ถึงแม้จะมืดแต่เขาจำกลิ่นตัวของเธอได้ดี ต้นหยกดิ้นขลุกขลักอยู