Share

บทที่ 3

ซือซือ เธอคงไม่แอบไปมีอะไรลับหลังกับหลินเซวียนใช่ไหม

เป็นไปไม่ได้!

สวี่ถิงปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว

นอกเหนือจากการแต่งงานห้าปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยพาหลินเซวียนไปเจอกับเพื่อนสนิทของเธอเลย

ด้วยรูปร่างหน้าตาของหวังซือซือกับภูมิหลังครอบครัวของเธอ เธอคงจะไม่ตกหลุมรักชายไร้ค่าอย่างหลินเซวียนหรอกใช่ไหม

แม้ว่าตระกูลหวังจะไม่ถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองซู แต่ก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่

กิ๊บติดผมผีเสื้ออันนี้ หลินเซวียนต้องหยิบหรือขโมยจากที่ไหนมาเป็นแน่!

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายคนนี้สามารถจินตนาการให้ผู้หญิงสวยๆ มากมายเขียนจดหมายรักถึงเขาได้ แล้วเรื่องน่าขยะแขยงเรื่องอื่นเขาจะทำไม่ได้

แต่ยังไง เพื่อความปลอดภัย เธอจึงตัดสินใจโทรหาหวังซือซือเพื่อถามเรื่องที่มันคลุมเครือนี้

มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถสวมเขาให้กับหลินเซวียนได้ โดยที่หลินเซวียนจะไม่มีสิทธิสวมเขาแบบนั้นให้เธออย่างเด็ดขาด!

สวี่ถิงโทรหาหวังซือซือแต่ขึ้นว่าไม่มีการตอบรับจากเลขหมายเธอ

“ไม่มีใครรับสายเหรอ”

สวี่ถิงขมวดคิ้ว

และเธอก็คิดว่าในเวลานี้ ซือซือน่าจะอยู่ที่บริษัทและกำลังยุ่งอยู่เป็นแน่

ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ค่อยถามทีหลังก็แล้วกัน

เธอกับคุณชายจางยังมีนัดไปเจรจาเรื่องโครงการที่หยวนหลงกรุ๊ปอยู่ จากนั้นก็จะไปทานอาหารเย็นด้วยกันและก็จะต้องแต่งหน้าเตรียมตัวให้พร้อม

สวี่ถิงวางโทรศัพท์ลง วางกิ๊บติดผมกลับเข้าไปในกล่อง แล้วเดินไปที่หน้ากระจกเพื่อแต่งหน้า

......

บ่ายสองโมงครึ่ง..

หลินเซวียนขึ้นรถมายบัคแล้วมาที่หยวนหลงกรุ๊ป

เมื่อมองดูอาคารที่สูงตระหง่านตรงหน้า ความรู้สึกคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยก็ถาโถมเข้ามาในใจของหลินเซวียน

ระยะเวลาห้าปี มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย รวมถึงบริษัทด้วย

ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้เขามาเร็วกว่าเวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อดูว่าตอนนี้บริษัทเป็นอย่างไร

หลินเซวียนเดินเข้าไปในประตูบริษัทด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ในใจ

ห้องโถงยังคงเป็นแผนผังเดิมแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น

“เฮดีสคนนั้น มีใจจริง”

หลินเซวียนยิ้มแล้วส่ายหัว ขณะที่เขากำลังจะเดินไปรอบๆ ห้องโถง

ติ๊ง

ในเวลานี้ประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่อยู่ไม่ไกลนัก

ชายหญิงได้เดินออกมาจากที่นั่นพร้อมกับพูดคุยและหัวเราะ

ผู้ชายสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม แสกผมกลาง สวมแว่นตาขอบทอง ดูราวอายุยี่สิบกลางๆ

ส่วนผู้หญิงก็สวมกระโปรงจีบสีน้ำเงิน รวบผมสูงกับใบหน้าที่แต่งหน้าละเอียดอ่อน ซึ่งก็คือสวี่ถิงนั่นเอง

“คุณชายจางคะ คุณน่าทึ่งจริงๆ คุณสามารถจัดการกับคนที่มีอำนาจอย่างประธานหวังได้ ถ้าคุณจัดการกับสัญญานี้ได้น่าจะได้กำไรอย่างน้อยหลายพันล้านเลยนะคะ”

“ฮ่าฮ่า ฉันกับประธานหวังเป็นเพื่อนเก่ากัน เรื่องของโครงการแค่นี้ก็แค่พูดคำเดียวก็พอ”

“คุณชายจางคะ ช่วงสองวันนี้คุณว่างไหม”

“ทำไมหรอ”

“แม่ของฉันอยากเจอคุณมาตลอด อยากชวนคุณไปทานอาหารเย็นที่บ้านของฉัน”

“ฮ่าฮ่า โอเค คุณป้าก็เกรงใจเกินไป”

จางเหวินยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ

สวี่ถิงเม้มริมฝีปากราวกับหญิงสาว เธอแสดงต่อจางเหวินด้วยความกระตือรือร้นและความอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยแสดงกับหลินเซวียนมาก่อนเลยแม้แต่น้อย

โดยที่ฉากนี้ หลินเซวียนก็ได้พบเห็นเข้าพอดี

เวลานี้

สวี่ถิงกับจางเหวินเดินไปที่ประตูบริษัทแล้วประชันหน้าเข้ากับหลินเซวียน

สวี่ถิงมองไปที่หลินเซวียน ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “หลินเซวียน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“คุณยังอยู่ที่นี่ได้ ทำไมผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ”

หลินเซวียนมองไปที่สวี่ถิงอย่างสงบ

โลกนี้มันช่างเล็กจริงๆ

“เหอะ!”

สวี่ถิงยิ้ม ดวงตาของเธอเต็มไปความเยาะเย้ย"ฉันมาเพื่อคุยงานกับคุณชายจางเรื่องโครงการ แล้วคุณล่ะคุณมาที่นี่เพื่อสมัครงานเป็นรปภงั้นหรอ หรือคุณลืมฉันไม่ได้จนต้องมาขอฉันแต่งงานใหม่ ฉันจะบอกกับคุณเอาไว้เลยนะ มันเป็นไปไม่ได้!”

“มาหาคุณเพื่อขอแต่งงานใหม่เนี่ยนะ”

หลินเซวียนยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "คุณคิดมากไปแล้ว ผมแค่กลับมาที่บริษัทของตัวเอง"

“กลับมาที่บริษัทของตัวเองงั้นหรอ”

ดูเหมือนสวี่ถิงได้ฟังเรื่องตลกเรื่องใหญ่แล้วมองไปที่หลินเซวียนด้วยความรังเกียจ "คุณอยากให้ฉันบอกคุณไหม นี่คือหยวนหลงกรุ๊ปเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในเมืองซูที่มีมูลค่าในตลาดกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านเลยนะ!"

“แล้วยังไง”

หลินเซวียนมองไปที่สวี่ถิงอย่างสงบ

"แล้วถ้าไม่โอ้อวดมันจะตายมั้ย"

เมื่อเห็นหลินเซวียนไม่โต้ตอบยิ่งทำให้สวี่ถิงโกรธมากขึ้น

หลินเซวียนขมวดคิ้ว

ทำไมเขาไม่สังเกตมาก่อนว่าสวี่ถิงเป็นผู้หญิงนิสัยแย่ขนาดนี้

“เอาล่ะ สวี่ถิงไม่จำเป็นต้องโกรธคนแบบนี้”

จางเหวินพูดขึ้น "เขาชอบปากแข็งที่ชอบยืนกรานที่จะรักษาหน้าตาตัวเอง ตอนนี้คุณเป็นหนึ่งในสิบผู้ประกอบการที่โดดเด่นที่สุดในเมืองซู มันไม่แปลกที่เขาจะอิจฉาคุณ"

ในขณะที่พูดเขาก็มองไปที่หลินเซวียนอย่างดูถูก

คนแบบนี้ไม่อยากแม่แต่จะสบตา

“หลินเซวียน คุณควรเรียนรู้การวางตัวจากคุณชายจางเสียบ้างนะ!”

สวี่ถิงพูดกับหลินเซวียน

สวี่ถิงพูดอย่างเย็นชา

หลินเซวียนขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจผู้หญิงคนนี้เลยปล่อยให้พวกเขาเดินเข้าไปในบริษัท

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

สวี่ถิงเรียกหลินเซวียน

“มีเรื่องอะไรอีก”

หลินเซวียนขมวดคิ้วแล้วมองไปที่สวี่ถิง

“เรื่องค่าชดเชยการหย่าร้าง เรายังไม่ได้ตกลงกัน!”

สวี่ถิงพูดอย่างเย็นชา

“ผมไม่ต้องการค่าชดเชย แค่หย่าก็พอ อย่ากังวลว่าผมจะไปรบกวนคุณอีกหลังจากหย่า”

หลังจากพูดอย่างนั้น หลินเซวียนกำลังจะจากไป

“ค่าชดเชยคุณงั้นหรอ ฉันไว้หน้าคุณขนาดนั้นหรอ”

สวี่ถิงหัวเราะจากคำพูดของหลินเซวียน

"แล้วคุณหมายถึงอะไร"

หลินเซวียนหยุดแล้วมองไปที่สวี่ถิงอย่างเย็นชา

“ฉันต้องการให้คุณชดเชยความเสียหายที่คุณทำให้ฉันมีผลกระทบเสียหายทางด้านจิตใจในช่วงห้าปีของการแต่งงาน!”

“ผมทำให้คุณเกิดผลกระทบเสียหายทางด้านจิตใจงั้นหรอ”

หลินเซวียนสะดุ้งและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณนอกใจผมแล้วคุณจะให้ผมชดเชยค่าเสียหายจากผลกระทบทางจิตใจของคุณงั้นเหรอ สวี่ถิงว่ากันว่าคู่รักจะต้องมีความห่วงหากัน ตอนนี้มันถึงขั้นนี้แล้วเหรอ”

“สามีภรรยา คุณสมควรที่จะพูดคำนี้ออกมางั้นหรอ”

สวี่ถิงมองหลินเซวียนด้วยใบหน้าที่เต็มด้วยการเยาะเย้ย "ฉันรู้สึกขยะแขยงเมื่อเห็นหน้าคุณ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนนิสัยวิปริตแบบนี้!"

“ผมกลายเป็นคนวิปริตได้ยังไง”

หลินเซวียนขมวดคิ้ว

“พูดมาว่าจดหมายรักพวกนั้นมันเกิดอะไรขึ้น”

สวี่ถิงถามหลินเซวียน

แววตาของสวี่ถิงเริ่มขยับที่จริงแล้วสวี่ถิงเห็นแล้วหรอเนี่ย

ที่พูดมา เธอน่าจะเห็นกิ๊บติดผมแล้ว

เธอยังเฉยเมยขนาดนั้นเลยเหรอ

แม้ว่าเขาจะขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบาย แต่หลินเซวียนก็ยังคงอธิบายว่า “จดหมายรักที่คุณพูดถึงเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”

“พูดจาเหลวไหล!”

สวี่ถิงดุด้วยความโกรธ "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ให้เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์เขียนจดหมายรักถึงคุณ แต่คุณกลับไม่สำเหนียกตัวเองเลย!"

“สวี่ถิง มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

จางเหวินเบิกตากว้าง

“ใช่แล้วค่ะคุณชายจาง ผู้ชายคนนี้แอบปลอมจดหมายรักที่ผิดศีลธรรมทางเพศ และยังขโมยกิ๊บติดผมของหญิงสาวมาจากที่ไหนไม่รู้มา น่าขยะแขยงสิ้นดี!”

"ฮ่าๆ!"

จางเหวินหัวเราะออกมาดัง ๆ แล้วก้าวไปตบไหล่หลินเซวียน “น้องชาย เยี่ยมจริงๆ ฉันชื่นชมนายมากๆ!”

หลินเซวียนไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของเขาค่อยๆ มืดมน

เขามองไปที่สวี่ถิง “สามีภรรยากัน คุณต้องแบล็กเมล์ฉันขนาดนี้เลยหรอ”

“แบล็กเมล์ ทำไมผมต้องแบล็กเมล์คุณด้วย! ถ้าไม่ได้ทำจะกลัวคนอื่นพูดไปทำไม”

“เรื่องจดหมายรักผมเคยอธิบายกับคุณแล้ว ส่วนกิ๊บติดผมนั้นเป็นของคุณไม่ใช่หรอ”

“เหลวไหล! ฉันเก็บกิ๊บติดผมไว้ในลิ้นชักตลอด! บอกหน่อยสิว่าไปเอากิ๊บติดผมมาจากไหน ขโมยมันมาจากเพื่อนสนิทของฉันหรือเปล่า”

“เพื่อนสนิทของคุณ”

หัวของหลินเซวียนกระแทก

อย่าบอกว่าในปีที่ผ่านมา เขาเข้าใจผิดมาโดยตลอด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status