Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-09-02 11:38:42

บทที่

1

เงินมันเป็นเหตุสังเกตได้

เสียงของสายน้ำจากฝักบัวที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป ไหลลงมากระทบบนร่างกายขาวเนียนขอศศินที่กำลังใช้สองมือฟอกสบู่ตามร่างกายอย่างช้าๆ ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมองหยดน้ำที่ค่อยๆ ไหลอาบลงมาอย่างเผลอใจ

ชายหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วเสยผมสีดำสนิทที่ปิดดวงตาของตัวเองขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เพื่อไม่ให้ปลายเส้นผมแยงเข้าไปในดวงตา

อาบน้ำได้เพียงครู่เดียว ศศินก็ยื่นมือไปปิดวาล์วน้ำที่อยู่ไม่ไกล เขายืนนิ่งอยู่กับที่จนน้ำที่ไหลลงมาเริ่มค่อยๆ หยุดไหลออกจากฝักบัวตรงหน้า

จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดตาผืนใหญ่มาพันท่อนล่างเปล่าเปลือยของตัวเองเอาไว้ แล้วสาวเท้าออกจากห้องน้ำมาอย่างรวดเร็ว

พอก้าวขาออกมาได้ไม่ทันไร สายตาก็เหลือบไปเห็นเช็คเงินสดมูลค่าหลายล้านบาท ที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาไม่มีวันหามาได้วางอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ ก่อนเจ้าตัวจะทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอาใจ ที่ตัวเองดันไปตอบตกลงรับคำขอร้องของเพื่อนตัวเองหลังจากที่เห็นมันเซ็นเช็คใบนี้มาให้

ศศินจ้องมองแผ่นกระดาษที่มีมูลค่ามากมายมหาศาลด้วยแววตานิ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อสามชั่วโมงที่ผ่านมา

สามชั่วโมงก่อน…

“แกช่วยแต่งงานกับฉันได้หรือเปล่า”

หลังจากที่ดีแลนพูดออกมา ศศินที่กำลังดื่มน้ำเข้าไป ถึงกับสำลักน้ำจนไอโขลกอยู่หลายที ก่อนเจ้าตัวจะหยัดกายลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังว่า “หา” จากนั้นเจ้าตัวก็จ้องมองใบหน้าของคู่สนทนาด้วยสายตาไม่เข้าใจ

สุดท้ายก็นึกคำพูดออกไปได้เพียงแค่ว่า “แกจะบ้าหรือไงวะ อยู่ดีๆ ก็นัดฉันออกมา แล้วมาบอกให้ฉันแต่งงานกับแกเนี่ยนะไอ้แดน”

“ฉันไม่ได้บ้า” ดีแลนตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าหมดจดของเพื่อนสนิทตรงหน้าที่โตด้วยกันมา แล้วพูดต่อว่า “ก็แม่ฉันน่ะสิ จู่ๆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงได้หาผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นอัลฟ่า เห็นว่าเป็นลูกของเพื่อนสนิทมายัดเยียดให้ บอกว่าอยากอุ้มหลาน แต่ฉันยังไม่อยากผูกมัดพันธนาการกับใครแบบจริงๆ จังๆ ว่ะ ก็เลยอยากให้แกช่วยแต่งงานกับฉันสักห้าปี”

สิ้นคำดังกล่าวศศินก็ถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยินเต็มสองรูหูนี้ ก่อนเจ้าตัวจะกะพริบตาปริบๆ อยู่นาน แล้วค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอีกอย่างอ่อนกำลัง ที่จู่ๆ ตัวเองก็ได้ยินคำคำนี้ออกมาจากปากของเพื่อนชายคนสนิทของตน

ด้วยเหตุที่ว่าแม้เขาจะมีเพื่อนสนิทเพียงใดก็ตาม เขาก็จะกำหนดขอบเขตพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเอาไว้ เนื่องจากว่าตัวเขานั้นมีความลับบางอย่างที่ไม่เคยบอกใครให้ร่วงรู้มาก่อนแม้แต่คนเดียว

ว่าตัวเขานั้นเป็นเพียงโอเมก้าคนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดจะสวมปลอกคอเลยสักครั้ง และตีเนียนเป็นอัลฟ่ามาตั้งแต่เล็กจนโตเพื่อที่จะให้ตัวเองสามารถใช้ชีวิตบนโลกที่โหดร้ายใบนี้ได้อย่างปลอดภัย

หากต้องไปคลุกคลีอยู่กับคนใดคนหนึ่งอยู่นานๆ แล้วตัวเองไม่ระวังตัวให้ดี ความลับนี้ก็จะไม่มีทางที่จะเป็นความลับอีกต่อไป

ศศินจึงต้องใช้เวลารวบรวมความคิดที่แตกกระจัดกระจายอยู่ครู่ใหญ่ ถึงได้โพล่งออกไปอีกทีว่า “แกจะบ้าหรือไง แกคิดอะไรของแกหาไอ้แดน ไหนๆ ก็ได้แต่งงานก็ดีแล้วนี่ อายุแกก็ไม่น้อยแล้ว ก็ไม่ได้แปลกอะไร แกควรจะมีทายาทให้ตระกูลตัวเองได้แล้ว”

ดีแลนจึงเงยหน้ามองคู่สนทนาอีกที แล้วตอบกลับไปว่า “ก็ฉันยังไม่อยากผูกมัดกับใครนี่ ที่สำคัญฉันไม่ได้ชอบยายอัลฟ่าคนนั้นสักหน่อย นะ ศศินแกช่วยฉันหน่อยเถอะ ช่วยแต่งงานกับฉันที ถ้าแม่เห็นฉันมีเมียเขาจะได้เลิกวุ่นวายเรื่องนี้สักที”

ได้ยินเช่นนั้นเรียวคิ้วเข้มบนใบหน้าหมดจดของศศินก็ขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงเรียบออกไปว่า “ถ้างั้นทำไมแกไม่ไปขอร้องอัลฟ่าผู้หญิงเพื่อนเราสักคนมาช่วยแกวะ ทำไมต้องเป็นฉันด้วย แกอย่าลืมสิว่าฉันเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นอัลฟ่า มิหนำซ้ำยังเป็นเพื่อนของแก และยิ่งไปกว่านั้นฉันท้องมีลูกให้แกไม่ได้ไอ้บ้านี่ ถึงฉันจะไม่เคยไปยุ่มย่ามกับครอบครัวแกเลยสักครั้งจนไม่มีใครรู้ว่าแกมีฉันเป็นเพื่อนอีกคน แต่มันก็ไม่ใช่รึเปล่าวะ”

“ใครจะให้แกแต่งกับฉันในฐานะอัลฟ่าวะ ฉันจะให้แกแต่งกับฉันในฐานะโอเมก้าต่างหาก” ดีแลนตอบกลับไปทันทีที่ศศินพูดจบลง

ส่งผลให้คนที่ได้ยินอย่างศศินถึงกับคิ้วกระตุกยิกไปเสียหลายหน แล้วพึมพำออกไปว่า “แกจะบ้าเหรอ ไม่ยังไงก็ไม่เอา แกไปหาคนอื่นเถอะ” ว่าจบชายหนุ่มก็หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเตรียมจะเดินกลับไป

ทว่าก้าวได้เพียงก้าวเดียว ฝ่ามือแข็งแรงของดีแลนก็มาคว้าจับข้อมือของตัวเองเอาไว้ แล้วพูดออกไปว่า “ขอร้องเถอะศิน แค่ห้าปี ครบห้าปีแล้วฉันสัญญาว่าฉันจะคืนอิสระให้กับแก”

สิ้นเสียงดังกล่าวศศินก็เหลียวหน้าหันกลับมามองคนที่อยู่เบื้องหลัง แล้วพูดแบบชัดๆ ออกไปทีละคำว่า “ไม่ เอา โว้ย ต่อ ให้ แก เป็น เพื่อน ฉัน ฉัน ก็ ไม่ เอา” แล้วก็หันหน้ากลับไปทันที

ดีแลนจึงพูดออกไปว่า “ปีละสามล้าน”

“หา” ศศินโพล่งออกมา แล้วเหลียวหน้าหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังยืนยิ้มแฉ่งอยู่ทางด้านหลัง ก่อนเจ้าตัวจะถามย้ำอีกครั้งว่า “แกว่าอะไรนะ”

“ก็ฉันจะจ้างแกปีละสามล้านยังไงละ ทำสัญญาห้าปี เรื่องค่าที่อยู่ที่กินฉันจะให้แกต่างหากไม่เกี่ยวกับส่วนนี้”

“จ่ายเลยใช่ไหม”

“จ่ายให้เดี๋ยวนี้เลย ถ้าแกตกลง ฉันจะเซ็นเช็คเงินสดให้แกตรงนี้เลยก็แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าแกก็เอาไปเข้าบัญชีธนาคารได้เลย”

ได้ยินเช่นนั้นนัยน์ตาสีเข้มก็กลอกกลิ้งไปมาอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าลงพร้อมกับพูดออกไปว่า “ได้...ตกลงฉันจะทำ”

หลังจากที่ศศินยืนนึกถึงความหลังที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานอยู่ครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็ยกมือของตัวเองขึ้นมาขยี้กลุ่มผมที่เปียกชื้นไปมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำออกไปว่า “ไอ้ศินเอ๊ย นี่แกหน้าเงินขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ”

ว่าเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็จ้องมองตัวเลขที่กรอกลงไปในเช็คที่ตัวเองถืออยู่ในมืออีกที แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจวางเช็คเงินสดฉบับนี้เอาไว้บนโต๊ะตัวใหญ่

จากนั้นศศินก็พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไป “แกจะมากังวลในเรื่องที่มันตัดสินใจทำไปแล้วเพื่ออะไร ไหนๆ ก็ได้เงินก้อนใหญ่มาไว้ในมือทั้งที ถ้าแกกินยาอย่างเคร่งครัด ต่อให้ต้องไปอยู่ในครอบครัวที่มีแต่อัลฟ่าเป็นเบือแบบนั้น ก็ไม่มีใครจับพิรุธแกได้หรอกน่า” ว่าได้เพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็สาวเท้าไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล เพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทว่าในขณะที่ศศินสาวเท้าเดินไปถึงที่หมายแล้วเพิ่งหยิบเสื้อยืดสีขาวตุ่นคอย้วยออกมาจากตู้ใบใหญ่อยู่นั้น นาฬิกาข้อมือที่สวมใส่ก็ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ

ส่งผลให้ชายหนุ่มที่กำลังจัดการกับธุระส่วนตัวของตัวเอง ต้องหยุดชะงักทุกสิ่งอย่างลง แล้วสาวเท้าไปที่เตียงนอนอย่างรวดเร็ว

ก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือไปดึงลิ้นชักเล็กๆ ที่อยู่บนหัวเตียงออกมา แล้วหยิบห่อยาที่อยู่ด้านในขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะเสียงที่เตือนจากนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เป็นเวลาที่เขาตั้งไว้เพื่อเตือนให้ตัวเองต้องกินยาระงับฟีโรโมนและยากันฮีทอย่างเคร่งครัด

เพื่อไม่ให้ใครๆ ได้กลิ่นฟีโรโมนที่เป็นเอกลักษณ์ของโอเมก้าอย่างเขาออกมาจากร่างกาย หาไม่แล้วความลับที่ตัวเองเพียรพยายามปกปิดมันเอาไว้มาอย่างยาวนานคงไม่แคล้วที่จะต้องถูกเปิดเผยออกมา

และอาจจะทำให้เด็กกำพร้าอย่างเขาที่ใช้ชีวิตแบบไร้พ่อขาดแม่ เพราะประสบอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อนต้องลำบากอีกเป็นเท่าตัว

หลังจากที่ยืนนิ่งคิดอยู่นาน ชายหนุ่มก็แกะเม็ดยาออกมาจากซองยา แล้วนำมากรอกเข้าไปในปากทันที จากนั้นเจ้าตัวจึงลุกขึ้นยืน แล้วสาวเท้าไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มอีกที เพื่อให้ยาเม็ดที่เพิ่งกินไปเมื่อครู่นี้ไหลลงคอไป

จากนั้นเจ้าตัวจึงสาวเท้ากลับไปใส่กางเกงให้เรียบร้อย และเมื่อจัดการกับตัวเองจนแล้วเสร็จ ศศินก็สาวเท้ากลับมานั่งอยู่บนเตียงกว้าง

เขาเอนกายลงนอนอย่างช้าๆ เพื่อคิดหาทางซ่อนยาที่ตัวเองต้องใช้เป็นประจำ หากจะต้องเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่มีแต่อัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ครอบครัวนั้น ว่าเขาจะต้องทำเช่นไร นอนคิดได้ไม่ทันไร เขาก็ยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากเอาไว้ เมื่อยังหาทางให้ตัวเองจัดการกับยาเหล่านี้ไม่ได้สักที

ศศินนอนนิ่งๆ อยู่นานจนสบถออกไปว่า “ฉันจะทำยังไงไม่ให้ไอ้พวกนั้นเจอซองยาพวกนี้ดีวะ” พูดเพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็กลอกสายตาไปมารอบกายหนึ่งหน ก่อนเจ้าตัวจะไปเห็นตุ๊กตาหมีเก่าๆ ตัวหนึ่งที่วางอยู่ไม่ไกล

ส่งผลให้ชายหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียงกว้างกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแบบทันทีทันใด เมื่อคิดได้แล้วว่าตัวเองจะเอายาระงับเหล่านี้ซุกซ่อนไว้ที่ไหนที่จะสามารถหลบเลี่ยงจากสายตาของผู้คน

ทว่ายังไม่ทันที่จะทันได้ดำเนินการใดๆ จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาให้ได้ยินหนึ่งหน จึงทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งคิดหาแผนการมากมายอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งโหยงทันใด

เขาสบถออกมาอย่างไม่พอใจว่า “ใครวะแม่งโทรมาตอนนี้” ก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะที่วางอยู่ไม่ไกลจากที่ตัวเองอยู่สักเท่าไร

พอหยิบขึ้นมาดูศศินก็เห็นว่า คนที่โทรเข้ามานี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากคนที่เพิ่งตีเช็คให้เขาเมื่อสามชั่วโมงก่อนอย่างดีแลนโทรเข้ามา ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะสบถออกไปว่า “อะไรของมันอีกวะ” แล้วยกมือขึ้นขยี้ศีรษะของตัวเองไปมา

จากนั้นจึงตัดสินใจเลื่อนปลายนิ้วไปกดรับโทรศัพท์ด้วยท่าทางเกียจคร้าน ก่อนเจ้าตัวจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแล้วกรอกเสียงลงไปว่า “โทรมาทำมะเขืออะไรของแกวะ คนจะนอน”

เพียงครู่เดียวก็มีเสียงจากปลายสายพูดออกมาให้ได้ยิน “ไอ้ศินตอนนี้แกว่างไหม”

สิ้นเสียงดังกล่าวศศินจึงตอบกลับไปว่า “ก็ว่างอยู่มีอะไรไหม”

“ไปดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

“หา” ศศินก็โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังออกไป ก่อนเจ้าตัวจะดึงโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกรอกเสียงของตัวเองลงไปว่า “แกก็รู้นี่หว่าว่าฉันไม่ดื่ม อีกอย่างมะรืนนี้แกจะพาฉันเข้าบ้านแกแล้วไม่ใช่หรือไง ถ้าฉันเพ่นพ่านแล้วคนที่บ้านแกเกิดจับผิดฉันขึ้นมา ฉันไม่ซวยหรือไง ขืนเรื่องที่พวกเราสองคนตกลงแลกเปลี่ยนเกิดรั่วขึ้นมาจะทำยังไง”

“เอาเถอะน่าไม่ได้จะมาเที่ยวอย่างเดียวสักหน่อย ฉันแค่อยากให้นายมาเห็นว่าที่คู่หมั้นที่คุณแม่จับฉันแต่งด้วยก็เท่านั้น” ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบาออกมา

จึงทำให้ศศินอดไม่ได้ที่จะขมวดหัวคิ้วยุ่งอย่างไม่ชอบใจ แล้วถามออกไปว่าด้วยความไม่เข้าใจทันทีว่า “ไปดูหน้าคู่หมั้นแก ไปดูทำไมวะไอ้แดน ถึงเวลาถ้ามันจะได้เจอเดี๋ยวก็ได้เจอเองนั่นแหละน่า”

หลังจากที่ศศินพูดจบลงดีแลนก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนลมหายใจออกมาทันทีหนึ่งหน ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกไปว่า “ฉันมีเรื่องอยากจะบอกแกนิดหน่อยด้วยว่ะ”

“เรื่องอะไร” ศศินถามกลับไป ก่อนเจ้าตัวจะดึงโทรศัพท์มามองดูราวกับว่ากำลังจ้องมองใบหน้าของคู่สนทนาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ

ดีแลนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นเจ้าตัวจึงเอ่ยเสียงเบา “แกรู้ใช่ไหมว่าแม่ฉันกำลังจะจับฉันแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นอัลฟ่าจากตระกูลใหญ่”

ศศินเลื่อนมือไปเปิดลำโพงโทรศัพท์ แล้วโยนมันลงไปบนเตียงกว้างอย่างไม่ค่อยใส่ใจ จากนั้นจึงพูดออกไปว่า “อือ...แล้วไง” ว่าจบชายหนุ่มก็สาวเท้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเอื่อยเฉื่อย เพราะดูทรงแล้วคงไม่แคล้วได้ไปกับดีแลนจริงๆ

เพียงครู่เดียวก็มีเสียงจากปลายสายตอบกลับมา “แกก็น่าจะเดาได้ว่า ถ้าฉันเอาแกไปโชว์ตัวแม่ฉันและผู้หญิงคนนั้นคงไม่ยินยอมพร้อมใจง่ายๆ”

ได้ยินเช่นนั้นศศินจึงครางเสียงเบาออกมาว่า “อ้อ” ก่อนเจ้าตัวจึงเหลือบสายตาไปมองโทรศัพท์ที่ถูกโยนเอาไว้บนเตียงกว้างอย่างน่าสงสาร แล้วพูดเสียงเนิบออกไปว่า “แกจะบอกฉันสินะ ว่าฉันอาจจะเข้าไปอยู่บ้านแกแบบไม่ราบรื่น”

สิ้นเสียงของศศินเพียงไม่นาน ดีแลนก็พูดเสียงอ่อยออกมาอย่างจำยอมว่า “ก็ตามอย่างแกคิดนั่นแหละ”

ส่งผลให้ศศินตวาดออกไปอย่างเหลืออดเหลือทนว่า “ไอ้แดนไหนแกบอกฉันว่า ถ้าแกแต่งฉันเข้าบ้านไป แล้วแม่แกจะเลิกยุ่งยังไงล่ะ เพราะแบบนั้นฉันถึงตอบตกลงไม่ใช่หรือไงวะ แกก็รู้นี่ว่าฉันไม่ได้อยากมาทะเลาะเบาะแว้งระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้เหมือนในละครหลังข่าว ทั้งๆ ที่ฉันแต่งกับแกแค่ในฐานะไม้กันหมา”

“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น จนกระทั่งฉันได้กลับไปที่บ้าน แล้วลองไปคุยกับแม่เมื่อกี้นี้” ดีแลนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหมือนคนรู้สึกผิดขึ้นมา

แต่ดูเหมือนศศินเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ด้วยเช่นกัน เขาจึงถามเสียงเข้มออกไปทันที “แล้วไง แม่แกเกิดไม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นโอเมก้าซะงั้น”

“มันก็ตามที่แกบอกนั่นแหละ”

ศศินจึงโพล่งออกไปอย่างเหลืออดเหลือทนว่า “งั้นก็ล้มเลิกสัญญา แล้วแกก็ไปแต่งงานกับสะใภ้ที่แม่แกหามาให้ แค่นั้นก็จบ”

“ไม่เอาฉันยังไม่อยากผูกมัดกับใครนี่หว่า แกก็รู้” ดีแลนอ้อมแอ้มเสียงเบาออกมาทันที

จึงทำให้คนที่ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่างนึกขำ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงเข้มอย่างไม่ชอบใจออกไปว่า “แกอายุก็ไม่น้อยแล้วนะแดน แต่งงานมีลูกก็เป็นเรื่องปกติรึเปล่าวะ”

“ก็ฉันไม่อยากแต่ง แกคิดดูสิว่าถ้าฉันแต่งตอนนี้ ก็เท่ากับมีบ่วงห้อยคอเอาไว้ ไปไหนมาไหนก็ต้องรายงาน มีแต่คนคอยจู้จี้จุกจิกเป็นไก่อยู่ข้างหลัง คนจู้จี้จุกจิกแค่แม่ฉันคนเดียวก็พอแล้วปะ ถ้าฉันแต่งกับแก ฉันจะไปไหนมาไหนก็ได้ได้อิสระอีกตั้งห้าปี” ปลายสายส่งเสียงงอแงเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ได้ของถูกใจ

จนศศินอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไปว่า “นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ดี แล้วแกจะให้ฉันทำไงวะไอ้เพื่อนเวร” ว่าจบชายหนุ่มก็หยิบกางเกงยีนสีเข้มออกมา แล้วสวมเข้าไปทันที

จากนั้นจึงมีเสียงของดีแลนตอบกลับมาว่า “ฉันอยากให้แกแต่งในฐานะสะใภ้นั่นแหละ แต่แกยอมๆ แม่ฉันหน่อยได้ไหมวะ”

สิ้นเสียงดังกล่าวศศินจึงตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดว่า “ไอ้แดนแกก็รู้จักฉันดีนี่หว่า ว่าคนอย่างฉันมีความอดทนต่ำ ถ้าถูกแม่แกมาโขกสับเหมือนละครหลังข่าว แกคิดบ้างไหมว่าฉันจะระเบิดอารมณ์จนบอกเรื่อสัญญาระหว่างเรา”

หลังจากที่ศศินพูดจบประโยคไป คนจากปลายสายก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงพูดออกมาเบาๆ ว่า “ฉันเพิ่มให้อีกปีละสองล้านเลยแล้วกัน”

“จ่ายตอนนี้” ศศินพูดออกไปแบบไม่ต้องคิดทันที นัยน์ตาสีเข้มกำลังกลอกกลิ้งไปมาเพื่อคำนวณยอดเงินที่กำลังจะลอยมาอยู่ในมือในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

ก่อนจะมีเสียงของดีแลนพูดออกไปว่า “จ่ายเลยเดี๋ยวฉันจะเขียนเช็คให้ตอนเจอกับแกเนี่ยแหละ”

“ได้...ฉันตกลง แต่มีข้อแม้นะแดน ถ้าแม่แกทำร้ายฉัน ฉันสวนนะ แต่ถ้าแค่ด่าหรือเหน็บแนมฉันยอมปิดตาข้างหนึ่งให้ก็ได้”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เพราะฉันบอกกับแม่ว่า แกเป็นโอเมก้าที่เรียนศิลปะการต่อสู้หลายแขนงมา เรื่องที่เขาจะหาเรื่องทำร้ายร่างกายแกคงไม่มีสบายใจได้ แต่ถ้ามันพลั้งมือจริงๆ แกช่วยบอกฉันแทนได้ไหมวะ ฉันไม่อยากให้แกทำอะไรแม่ฉันจริงๆ นะ”

“ก็ได้ ก็ได้ แกรักแม่แกขนาดนี้ แล้วทำไมต้องขัดใจแม่แกด้วยวะ”

“ก็รักแม่กับรักเมียมันต่างกันนี่หว่า”

สิ้นเสียงดังกล่าวศศินจึงทอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างระอา แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “เออ...ก็ได้ ก็ได้ ฉันจะพยายามก็แล้วกัน แล้วนี่จะให้ฉันไปหาแกที่ไหน”

“ลงมาเลยฉันอยู่ใต้คอนโดแกเนี่ยแหละ”

“เออ” ศศินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร ก่อนเจ้าตัวจะเอาโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วสาวเท้าไปหยิบกุญแจห้องที่วางอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ จากนั้นจึงเดินไปยังบานประตูทันที

หลังจากที่ออกจากห้องมาได้ ศศินก็สาวเท้าเข้าไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ ก่อนเจ้าตัวจะยื่นปลายนิ้วไปกดปุ่มชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว โดยที่มือข้างหนึ่งเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปมา เพื่อหาเกมที่ใช้เล่นฆ่าเวลาระหว่างเดินลงไป

พอมาถึงจุดหมายปลายทาง ชายหนุ่มก็ก้าวขาออกมาจากลิฟต์ตัวใหญ่ มือสองข้างกำลังเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเมามันแบบไม่สนใจผู้ใด สองขาก็ยังก้าวย่างไปทางด้านหน้าโดยที่ไม่ได้มองทาง

ทว่ายังไม่ทันที่ศศินจะได้ก้าวขาถึงสามก้าวดี จู่ๆ ก็มีลมเย็นๆ เป่ารดต้นคอของเขาอย่างแผ่วเบา จึงทำให้ชายหนุ่มที่กำลังใจจดจ่ออยู่ตรงหน้าจอ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองหาว่าใครที่ไหนที่ริอ่านมาเล่นอะไรที่ไม่เข้าท่า

พอเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคนที่เป่าคอเขานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากไอ้คนที่นัดเขาให้ลงมาด้านล่าง ทั้งๆ ที่กำลังจะโค่นหัวลงนอน กำลังยื่นใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้ จนลมหายใจอุ่นร้อนที่เจือไปด้วยกลิ่นเย็นๆ ของอะไรบางอย่างปนอยู่เป่ารดใบหน้าของเขาอย่างบางเบา

ศศินจึงกลอกสายตามองบนหนึ่งครั้ง แล้วถามออกไปว่า “แกเข้ามาได้ยังไงวะ”

เนื่องจากว่าคอนโดที่เขาอยู่นี้จะเข้าจะออกจะต้องใช้คีย์การ์ดในการเปิดประตูใหญ่ด้านหน้า ซึ่งคีย์การ์ดดังกล่าวก็มีแต่คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ถึงจะสามารถถือครองเอาไว้ได้เพียงเท่านั้น

หลังจากที่ศศินพูดจบลง ดีแลนจึงชูคีย์การ์ดแบบเดียวกันขึ้นมาให้ดูต่อหน้า แล้วตอบกลับไปว่า “หลายวันมานี้หลังจากที่ฉันวางแผนว่าจะให้แกแต่งกับฉันแล้ว เพื่อความสมจริงฉันก็เลยลงทุนซื้อห้องของที่นี่ต่อจากคนคนหนึ่งมา เพราะฉันจะได้เอามาเป็นข้ออ้างได้ว่าฉันอยู่กินกับแกฉันสามีภรรยามานานแล้วยังไงล่ะ”

สิ้นเสียงดังกล่าว ศศินก็อดไม่ได้ที่จะกลอกสายตาขึ้นลงอย่างระอา แล้วทอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกให้อย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนถามออกไปว่า “แกไม่อยากแต่งงานถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”

“ก็เออนะสิ” ดีแลนพูดออกมาแบบไม่ต้องคิด ก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือไปพาดไว้บนบ่าเล็กแคบของอีกฝ่าย แล้วรั้งตัวของศศินให้เข้ามาใกล้อยู่ใกล้ๆ

จากนั้นเจ้าตัวจึงพูดออกไปว่า “ฉันบอกตามตรงนะ ว่าฉันมีคนในใจอยู่แล้ว ก็เลยไม่อยากแต่งกับผู้หญิงคนนั้นที่แม่หามาให้ก็แค่นั้น”

“หา” ศศินโพล่งด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังออกมา อย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาสักเท่าไร ก่อนเจ้าตัวจะไล้สายตาขึ้นลงอย่างไม่ชอบใจ แล้วเงยมองหน้าชายหนุ่มที่เดินอยู่เคียงกัน พร้อมกับถามออกไปว่า “แกมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แล้วทำไมแกถึงไม่ไปขอคนคนนั้นตรงๆ เลยวะ ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้”

สิ้นคำถามดังกล่าวดีแลนก็ทอดถอนลมหายใจออกมาหนึ่งที จากนั้นเจ้าตัวจึงพูดพึมพำออกมาเบาๆ ราวกับกำลังพูดกับตัวเองว่า “ก็เป็นเพราะว่าระหว่างฉันกับคนคนนั้นมันมีเส้นบางๆ ของคำว่าเพื่อนกั้นเอาไว้ มิหนำซ้ำหมอนั่นยังเป็นผู้ชายแถมยังเป็นอัลฟ่าอีกต่างหา คงยากว่ะที่จะไปสารภาพรักกับหมอนั่น”

ได้ยินเช่นนั้นเรียวคิ้วเข้มบนใบหน้าของศศินก็เลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างชั่งใจ นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยออกไป “ไม่ลองไม่รู้หรือเปล่าวะ”

ด้วยเหตุที่ว่าแม้ศศินจะรู้จักกับดีแลนมานานหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว

จึงทำให้ชายหนุ่มรู้จักเพื่อนของดีแลนอยู่ไม่มากสักเท่าไร เขาเลยไม่สามารถจินตนาการได้ว่า คนที่ชายคนนี้เอ่ยถึงมานั้นมีหน้าตาและนิสัยใจคอเป็นยังไง

และในระหว่างที่กำลังฉุกคิดเรื่องราวหลายๆ อย่างที่ผ่านมาอยู่ครู่ใหญ่ ก็มีเสียงเบาๆ ดังให้ได้ยินข้างๆ หูว่า “ฉันไม่กล้าพอว่ะ เลยต้องมาขอร้องแกแทน เพราะอย่างน้อยฉันก็รู้จักแกมากกว่าใครๆ ไม่ใช่หรือไง ไว้ฉันกล้าสารภาพรักกับหมอนั่นเมื่อไร ฉันจะบอกแกเป็นคนแรกเลย”

ได้ยินเช่นนั้นศศินจึงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนลมหายใจออกมา แล้วพูดออกไปว่า “ไม่สมกับเป็นแกเลยแดน ตลอดหลายปีที่รู้จักกันมา ฉันไม่เคยไม่เห็นแกไม่กล้าจีบใครนี่หว่า”

“คู่นอนกับคนในใจ ความรู้สึกที่พูดออกไปมันไม่เหมือนกันนี่หว่า” ดีแลนพูดออกมาทันที ก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าหันมามองใบหน้าของคู่สนทนา ก็เห็นเพียงใบหน้าครึ่งซีกของอีกฝ่าย กับริมฝีปากสีเรื่อที่เผยอออกเล็กน้อยตรงหน้า

ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก แล้วพูดต่อทันทีว่า “คู่นอนมันก็แค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว แต่ถ้าคนในใจ ก็คือคนที่ฉันอยากฝากชีวิตนี้ทั้งชีวิตให้ ความรู้สึกที่จะพูดออกไปมันก็เลยยากเสียยิ่งกว่ายากซะอีกน่ะสิ”

หลังจากที่ได้ฟังร่ายยาวๆ อยู่นาน ศศินก็ถึงกับกลอกตาขึ้นลงทันที แล้วอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “ยิ่งแกพูดถึงขนาดนี้ทำให้ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ เลยว่าคนในใจที่แกพูดถึงและตกหลุมรักขนาดนี้จะเป็นคนยังไง”

“เป็นคนยังไงน่ะเหรอ” ดีแลนทำท่านึกอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเจ้าตัวจะเหลือบหางตามองอีกฝ่ายที่กำลังมองท่าทางของเขาอย่างอยากรู้ ก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าไป แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ความลับว่ะ บอกไม่ได้ ขืนบอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์กันพอดี”

ส่งผลให้ศศินกลอกตามองบนหนึ่งที แล้วทอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าไป เพื่อหมายจะเอ่ยอะไรบางอย่างกับคนข้างกาย

แต่ก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองเอาไว้ เมื่อจู่ๆ ดีแลนก็ทำตาใสๆ จ้องมองมา มือข้างหนึ่งยื่นมาคว้ามือของเขาเอาไว้พร้อมกับพูดออกไปว่า “แต่ถึงอย่างนั้นแกต้องช่วยฉันนะศิน ขอร้องละถ้าแกเปลี่ยนใจไม่ช่วย ฉันก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจริงๆ”

“เอ่อๆ ก็ได้ ก็ได้ฉันช่วยแกก็ได้ แกไม่จำเป็นต้องชักแม่น้ำทั้งห้าขนาดนั้นหรอก” ศศินพูดออกไป หลังจากที่เจ้าตัวได้ฟังคำพูดของคนที่เดินอยู่เคียงกัน จากนั้นจึงหันใบหน้าไปมองคู่สนทนาอีกที

จึงทำให้ดีแลนที่ได้เห็นใบหน้าหมดจดของคนข้างกายที่ไม่มีวี่แววความโกรธเคืองใดๆ ฉายให้เห็น เขาก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีอกดีใจ พร้อมกับถามซ้ำอีกครั้ง “จริงๆ นะ แกจะช่วยฉันแล้วจริงๆ แล้วใช่ไหม”

“อือ...ก็เพื่อเงิน...เอ๊ยไม่ใช่...ก็เพื่อเพื่อนอย่างแก ฉันช่วยอยู่แล้วน่า” ศศินตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด แม้จะพูดผิดไปบ้างแต่ก็แก้ตัวได้ทันเวลา ก่อนเจ้าตัวจะเอาโทรศัพท์มือถือที่ถืออยู่ในมือใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเชื่องช้า จึงไม่ทันได้มองปฏิกิริยาของคนข้างกายดีๆ

เลยทำให้ศศินที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองดีๆ ร่างทั้งร่างก็เอียงวูบไปทางด้านข้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ

เนื่องจากว่าจู่ๆ คนตัวใหญ่ข้างกายที่ดีใจจนออกนอกหน้า กำลังรั้งร่างทั้งร่างของเขาเอาไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงจนผิวเนื้อตรงท่อนแขนเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นร่มผ้า ได้สัมผัสกับแผ่นอกร้อนไหม้ของอีกฝ่าย ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ข้างๆ หูแบบไม่ได้ตั้งใจ จนศศินถึงกับต้องเบี่ยงหน้าหนีอย่างจ้าล่ะหวั่น

แต่ก็ถูกคนตัวใหญ่ใช้แขนข้างหนึ่งเหนี่ยวศีรษะของเขาเข้ามาใกล้ ก่อนเจ้าตัวจะประกบริมฝีปากลงไปบนผิวแก้มใสของอีกฝ่ายทันที

นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้างอย่างตกใจเต็มที่ ก่อนเจ้าตัวจะยกฝ่ามือขึ้นมา แล้วผลักใบหน้าของเพื่อนตัวดีให้ถอยห่างออกไป

จากนั้นจึงคำรามออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “ปล่อยสิวะไอ้เวรเอ๊ย...ถ้าแกยังไม่ปล่อยฉันถือว่าสัญญาระหว่างเราเป็นโมฆะ”

ส่งผลให้ดีแลนที่ดีใจจนเผลอทำอะไรที่ไม่เข้าท่าลงไป ถึงกับรีบปล่อยคนที่ตัวเล็กกว่าทันที ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกไปด้วยรอยยิ้มซื่อๆ ว่า “ขอโทษ พอดีมันลืมตัวไปหน่อย”

ยามได้ยินคำพูดเหล่านั้น ศศินก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ แล้วเอ่ยออกไปว่า “ช่างเถอะ...ช่างเถอะ แต่แกก็อย่าทำแบบนี้อีกแล้วกัน แกน่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรแบบนี้”

สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนที่ทำเป็นหางลู่หูตก ก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ นัยน์ตาสีเข้มทอระยับพราวประกายราวกับเด็กน้อยที่ได้ของถูกใจมาไว้ครอบครอง ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยออกมา “จริงๆ นะ แกไม่โกรธฉันแล้วจริงๆ นะ”

“เออ” ศศินพูดออกมาแบบขอไปที ก่อนเจ้าตัวจะเหลียวหน้าหันไปมองคนที่กำลังทำหน้าดีอกดีใจข้างกายอีกที และถ้าหากได้มองดีๆ เขาเกือบจะเห็นคนตรงหน้าส่ายหางไปมาเสียด้วยซ้ำ

และเพื่อไม่ให้เจ้าหมาตัวโตตรงหน้ากระโจนเข้ามาอีกครั้ง เขาจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “พอ...พอ...พอ...เลยเลิกทำท่าทางระริกระรี้แบบนี้สักทีเถอะ มันไม่เข้ากับคนตัวโตๆ แบบแกเลย”

“ฉันทำแบบนี้ก็เฉพาะตอนที่อยู่กับแกเท่านั้นแหละน่าศิน” ดีแลนพึมพำออกมาเบาๆ ราวกับพูดอยู่คนเดียวเพียงลำพัง จึงทำอีกฝ่ายไม่รู้อาจรับรู้ได้ว่าคนตัวใหญ่ข้างกายของตัวเองพูดอะไรออกมา

แม้จะอยากรู้ว่าคนคนนั้นกำลังพูดอะไร แต่อย่างไรเสียคนอย่างศศินก็ไม่ได้คิดที่จะไปคะยั้นคะยอให้ดีแลนมันเปิดปากพูดอยู่ดี ก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนบทสนทนาในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้มันยืดเยื้อออกไป “แล้วนี่แกจะพาฉันไปที่ไหน”

“มาสิ” ดีแลนพูดออกไปเพียงแค่นั้น ก็ยื่นมือไปคล้องคออีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะรั้งร่างของคนที่ตัวเล็กกว่าให้เดินตามตัวเองไปอย่างรวดเร็ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 83

    มาถึงตรงนี้ศศินจึงพูดขึ้นมาว่า “แกต้องกินอะไรหน่อยนะแดน ไม่งั้นแกได้ช็อกเพราะร่างกายขาดน้ำแน่ๆ ” พูดจบชายหนุ่มก็ถือถ้วยกระเบื้องเคลือบเข้าไปใกล้ดีแลนที่ได้รับกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างหมดกำลัง เขาจึงช้อนสายตาเลยมองเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นมารดาอีกครั้งจึงทำให้คุณหญิงอารียาอดไม่ได้

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 82

    จึงทำให้คุณหญิงอารียาที่เห็นท่าทางเช่นนี้อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาว่า “ตายแล้วตาแดนไหวไหมลูก” พูดได้เพียงแค่นั้นหล่อนก็รีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปหาบุตรชายของตัวเองที่โก่งคออาเจียนอยู่ตรงชักโครกทันใดฝ่ามือเรียวบางของผู้เป็นมารดาลูบไล้แผ่นหลังของดีแลนอย่างแผ่วเบาพร้อมกับพูดออกมาว่า “เป็นยังไงบ้างดีขึ้นบ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 81

    หลังจากที่หมอเข้ามาตรวจร่างกายของดีแลนจนแล้วเสร็จ ก็พบว่าร่างกายของเขานั้นไม่มีส่วนใดที่ผิดปกติ ศศินจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยพอเป็นพิธี พร้อมกับพูดออกไปว่า “ขอบคุณมากนะครับที่สละเวลามาตรวจสามีของผม” ว่าจบก็หันหน้าไปทางพ่อบ้านที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แล้วพยักหน้าลงเล็กน้อยเพื่อบอกอีกฝ่ายให้ไปส่งอาคันตุกะคนนี้ใ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 80

    ตอนพิเศษ2แพ้ท้องหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหกจากหนึ่งวันแปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งอาทิตย์ สุดท้ายก็กลายเป็นหลายเดือนที่ตัวเองได้เหยียบย่างเข้ามาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่แม้ความกดดันที่เกิดจากคนในครอบครัวของดีแลนจะหายไปแปรเปลี่ยนมาเป็นการเอาอกเอาใจเขาเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เท่ากับความผิดปกติที่ตัวเองนั้นเผลอฮีททุกๆ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 79

    ทว่าในขณะที่ตัวเองกำลังจะใช้เชือกเส้นเขื่องมัดแขนของดีแลนข้างหนึ่งอยู่นั้น จู่ๆ เปลือกตาที่ควรจะปิดสนิทสนิทคู่นั้น ก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมาทันที และยังไม่ทันที่จะทันได้ทำสิ่งใดต่อ ฝ่ามือแข็งแรงของดีแลนก็คว้าจับข้อมือของศศินที่กำลังถือเชือกเอาไว้ส่งผลให้คนที่กำลังลักลอบทำเรื่องผิดศีลธรรมถึงกับสะดุ้งโหย

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 78

    ศศินนั่งอ่านข้อความของคนที่มาตอบกระทู้เพิ่มเติมอีกพักใหญ่ แต่ก็ไม่เห็นข้อมูลไหนเหมาะสมเท่าครั้งนี้ ชายหนุ่มจึงเอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้อยู่ครู่ใหญ่ แล้วตัดสินใจทำตามคำแนะนำของคนที่ตอบกระทู้มาชายหนุ่มใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง เพื่อเตรียมข้าวของที่จะต้องใช้นำมาใช้มัดผู้เป็นสามีให้อยู่นิ่งๆ ด้วยใบหน้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status