หลังจากที่เยว่ซินได้ไปลองจิวเวลรี่ของตระกูลหยางวันนั้นแล้ว นี่ก็ผ่านมาได้จะครบอาทิตย์และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอจะต้องเจอกับหยวน อี้ เนื่องจากตารางงานที่เธอตอบรับไปเมื่อวันก่อน
แบรนด์น้ำหอมของตระกูลหยวนนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ยิ่งมีข่าวลือออกไปว่างานนี้เยว่ซินจะเข้าร่วมเป็นพรีเซนเตอร์แล้วนั้นกระแสยิ่งฮือฮา
ใช่...และข่าวลือนั้นฟาหยางก็รับรู้มันทั้งหมด
เยว่ซินไม่แน่ใจนักว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่ฟาหยางจองตัวเธอไว้ในฐานะBrand Ambassadorของจิวเวลรี่ตระกูลหยางเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ยังสงสัยก็เพราะฟาหยางในตอนนี้นั้นยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่าเยว่ซินตะหงิดอยู่ในใจเสมอกลัวว่าฟาหยางจะมีแผนการอะไรที่กำลังรอเวลา
ถึงบทฟาหยางจะเป็นพระเอกแต่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนดีเสียหน่อย...ก็ฟาหยางน่ะเจ้าเล่ห์ที่สุดแล้ว!
และตอนนี้เยว่ซินก็ยังคงจัดตารางงานด้วยตัวเองเพราะจางลี่ยังหาผู้ดูแลที่ถูกใจเธอไม่ได้
"เหอะ...ไม่รู้ว่าคุณหยวนคิดยังไงถึงไปเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นพรีเซนเตอร์"
"นั่นสิ...ทั้งๆที่ข่าวคาวก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่" เยว่ซินชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ตอนนี้เธออยู่ในห้องน้ำของสตูดิโอ และเหมือนว่าเสียงพูดคุยด้านนอกนั่นจะเป็นทีมงานของหยวน อี้เสียด้วย
เยว่ซินรู้อยู่แล้วว่ายังมีคนที่ไม่ชอบเธออยู่มาก แต่การที่เอาเรื่องของเจ้านายมาพูดกันในห้องน้ำนี่เป็นการกระทำที่ดีจริงๆหรือ? หญิงสาวตัดสินใจรอฟังอีกสักหน่อย และเหมือนว่าทั้งสองคนนั้นจะคุยกันออกรสเลยไม่ได้สังเกตสักนิดว่าห้องหนึ่งในนี้มีคนใช้อยู่
"หรือคุณหยวน อี้จะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกไปอีกคน?" มือเรียวผลักประตูออก เดินตรงไปยังอ่างล้างมือที่เหมือนว่าสองคนนั้นกำลังยืนอยู่เช่นเดียวกัน
เยว่ซินไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งนั้นเพียงแค่ยืนล้างมือเงียบๆแต่ดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะชะงักไปเสียแล้ว ทั้งคู่หน้าซีดเผือดมองเยว่ซินผ่านทางกระจก
"คะ..คุณหนูเยว่" หนึ่งในสองคนนั้นพูดออกมา
"ค่ะ...เยว่ซินเองค่ะ" เธอหันไปยิ้มให้แต่เป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
"คะ..คือว่าเมื่อครู่..." หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก ความหวาดกลัวกัดกินใจจนเธอแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว พวกเธอรู้ดีว่าคำพูดทั้งหมดเมื่อกี้ หลี่ เยว่ซินคงได้ยินทั้งหมดเป็นแน่
"ฉันไม่ได้โกรธเคืองอะไรหรอกนะคะที่เอาฉันไปพูดแบบนั้น แต่ยังไงคุณหยวน อี้ก็คือเจ้านายของพวกคุณ การให้เกียรติต่อเจ้านายเป็นสิ่งที่ลูกน้องควรจะมี พวกคุณคิดเช่นนั้นมั้ยคะ?" เสียงหวานเอ่ยนิ่งๆ หญิงสาวทั้งสองรีบยกมือขึ้นแล้วเอ่ยขอร้องคุณหนูหลี่ เยว่ซิน
"พวกเราผิดไปแล้วค่ะ..จะไม่ทำแบบนี้อีก ได้โปรดคุณหนูเยว่เมตตาพวกเราเถอะนะคะ" เยว่ซินหยิบทิชชูมาเช็ดมือ เธอไม่ได้ตอบอะไรในทันที
"ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องคนอื่นไปพูดต่ออยู่แล้วค่ะ โปรดวางใจ" หญิงสาวทั้งสองถอนหายใจ หากแต่เวลาต่อมากลับต้องหน้าซีดอีกครั้ง
"แต่เรื่องที่พวกคุณบอกว่าฉันไปหลอกคุณหยวนมาเพื่อให้ได้เป็นพรีเซนเตอร์นี่...ฉันคงต้องขอถามคุณหยวนดูเสียหน่อยน่ะค่ะ" เยว่ซินในตอนนี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยออกไปทางยิ้มแย้มเสียด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวทั้งสองคนกลับรู้สึกสันหลังวาบ หากเยว่ซินดุด่าพวกเธอคงจะรู้สึกดีกว่านี้!
ส่วนเยว่ซินนั้นคิดในใจแค่ว่าขู่ไปแบบนี้ทั้งสองคนคงจะหวาดกลัวและคิดได้แล้วว่าไม่ควรเอาเรื่องของคนอื่นมานินทาลับหลัง
"คะ...คุณหนูหลี่..."
"งั้น...เอาไว้ฉันได้คำตอบแล้วจะมาบอกนะคะ เจอกันด้านในค่ะ" เยว่ซินเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้ทั้งสองคนนั้นทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดหนทาง
งานนี้พวกเธอคงได้หางานใหม่เป็นแน่
"คุณหนูเยว่ซินมาแล้วค่ะ" เสียงของเลขาหยวน อี้เอ่ยบอกเป็นผลให้เขาหันไปมอง เยว่ซินบัดนี้อยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสดกับส้นสูงสีเดียวกัน ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มให้หยวน อี้ยามอีกคนเดินเข้ามาหา
"คุณหนูเยว่งดงามจริงๆ" เยว่ซินค้อมตัวให้อย่างขอบคุณ วันนี้เธอต้องถ่ายกับน้ำหอมที่มีกลิ่นของกุหลาบแดงแสดงถึงความเร่าร้อนและมั่นคง
จะว่าไป ฟาหยางก็เพิ่งจะให้กุหลาบลูโลมาและหยวนอี้ก็ให้กุหลาบแดง?
"คอนเซ็ปท์นี้เข้ากับคุณหนูเยว่อย่างยิ่ง"
"หมายถึงดูร้ายๆน่ะเหรอคะ?" หยวน อี้สำลัก เขาหัวเราะที่เยว่ซินเอ่ยแหย่เช่นนั้น
"เปล่าเลย...คุณหนูเยว่งดงามดั่งกุหลาบแดงน่ะครับ" เหล่าทีมงานที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับมองหน้ากัน
ก็ดูเหมือนลูกชายคนโตของตระกูลหยวนนั้นดูหลงใหลในหลี่ เยว่ซินมากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะเยว่ซินตัวจริงนั้นงดงามดั่งคำล่ำลือจริงๆนั่นแหละ...
"งั้น...เรามาทดลองกลิ่นกันเลยไหมคะคุณหนูเยว่" โปรดิวเซอร์ของกองเดินเข้ามาหาเธอ เยว่ซินพยักหน้าก่อนจะละออกจากหยวน อี้เพื่อไปทำหน้าที่ของตนเอง
ฟาหยางยกยิ้มเมื่อในแมคบุ๊คราคาแพงเผยข่าวโครมๆถึงเรื่องที่หลี่ เยว่ซินนั้นเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมให้กับหยวน อี้ผู้โด่งดัง ฝ่ายนั้นจงใจปล่อยข่าวออกมาตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อเรียกกระแสให้กับตนเอง
แน่นอนว่าเพราะหลี่ เยว่ซินนั้นเป็นที่จับตามองของสื่ออยู่แล้วเหตุผลก็เพราะหญิงสาวทำตัวโดดเด่นเล่นเปิดเผยกลางโซเชียลว่าหมายปองเขา
หากแต่พักหลังๆทางสื่อเองก็แอบแปลกใจที่เยว่ซินหายหน้าหายตา กลับมาอีกทีพร้อมกับประกาศทำงานในวงการบันเทิงเสียอย่างนั้น!
"คุณหนูเยว่เดินทางไปถึงแล้วค่ะ" เลขาหลิงที่เดินเข้ามารายงานกับเจ้านายตนเองเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุเพราะฟาหยางตอนนี้นั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอสี่เหลี่ยม
แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ยิ้มแบบมีเลศนัยน่ะนะ...
"เลขาหลิง...เตรียมตัวให้พร้อมไว้ล่ะ" เธอกลืนน้ำลาย มองเจ้านายที่ดูสนุกอย่างนึกหวั่น
"ให้หยวน อี้ได้ใจไปก่อนแล้วกัน"
"..."
"เพราะเมื่อถึงเวลาฉันจะเอาอาเยว่คืน" บอกได้เลยว่างานนี้หยวน อี้คงได้หัวปั่นเป็นแน่...
"ยอดเยี่ยม!" เสียงของช่างกล้องที่ดังขึ้นทำให้เยว่ซินวาดรอยยิ้มสวย ดวงตากลมโตจ้องไปยังกล้องที่อยู่ห่างกันกันไม่กี่คืบ
หยวน อี้ มองคนที่นอนราบไปกับผ้าปูสีดำ ผมยาวสวยสยายออกพร้อมกับกลีบกุหลาบสีแดงที่โปรยไว้ทั่วและขวดน้ำหอมที่ตั้งอยู่ข้างๆกัน มือเรียวข้างนึงวางลงที่อกของตัวเองส่วนอีกข้างประคองขวดน้ำหอมไว้
ภายในแววตาที่จ้องมองมามีแต่ความเซ็กซี่เย้ายวน บ้างสลับสับเปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่งราวแมวพยศ หยวน อี้แทบละสายตาจากจอมอนิเตอร์ไม่ได้เลย และดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ทีมงานทุกคนแทบไม่ได้พูดคุยกันเพราะเอาแต่มองเยว่ซินราวโดนมนต์สะกด
ช่างกล้องกล่าวให้เยว่ซินหันข้างซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เติมกลีบกุหลาบลงบนตัวหญิงสาวบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะบรีฟแบบไหนหลี่ เยว่ซินก็ทำได้ดีเยี่ยมทุกแบบ
"ยอดเยี่ยมครับคุณหนูเยว่" หลังผ่านไปสักพักจึงเสร็จสิ้น ช่างกล้องพูดกับเธออีกครั้ง เขาดูพอใจที่ได้ถ่ายนางแบบคนนี้มากกว่าคนไหนๆ
"ผมรับรองได้ว่ากระแสตอบรับต้องดีแน่ๆ"
"ขอบคุณค่ะ" เยว่ซินตอบเมื่อตอนนี้เหล่าสไตล์ลิสท์เริ่มเข้ามาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เธอ
เยว่ซินเดินออกจากฉากมาหาหยวน อี้ที่รออยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของพระรองคนนี้นั้นมีแต่รอยยิ้มจนทีมงานอดที่จะซุบซิบกันเสียไม่ได้
"คุณหนูเยว่เก่งมากจริงๆ งดงามจนผมละสายตาไม่ได้เลย"
"คุณหยวนชมกันเกินไปแล้วค่ะ" หยวน อี้หัวเราะ เขาชอบจริงๆเวลาที่เยว่ซินทำหน้าเช่นนี้
"งั้นฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ" ชายหนุ่มพยักหน้า แต่ก่อนที่เยว่ซินจะได้เดินออกไปเขาก็นึกอะไรออกเสียก่อน
"จริงสิ...คุณหนูเยว่มีคิวว่างต่อหรือไม่? ผมจะเลี้ยงข้าวเที่ยงครับ" เยว่ซินคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า
"งั้นลงคิวไว้ให้หยวนอี้คนนี้ด้วยนะครับ" เยว่ซินหัวเราะ
"ได้สิคะ...งั้นคุณหยวนรอฉันสักครู่" หยวน อี้ยิ้มก่อนที่โน้มตัวลงกระซิบบางอย่างที่ให้เยว่ซินได้ยินเพียงคนเดียว
"แล้วอย่าลืมนะครับ...ตอนถึงร้านอาหาร คุณคงเรียกผมว่าอาอี้ได้ใช่ไหม?"
"..."
"ก็ตอนนั้นจะไม่มีคนอื่นแล้วนี่นา..." หยวน อี้เดินออกไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง ทิ้งให้เยว่ซินยืนนิ่งค้างอ้าปากพะงาบๆอยู่ตรงนี้
โดนพระรองคนนั้นแพรวพราวใส่ซะแล้วสิ!
อาจูลอบมองคนที่มีศักดิ์จะเป็นคู่หมั้นตนเองด้วยแววตาสงสัย ทำไมเหมือนว่าช่วงนี้ฟาหยางนั้นดูสนใจโทรศัพท์มากขึ้นกว่าเก่า มือหนายังคงเซ็นเอกสารเช่นเดิมหากแต่ตาก็มองโทรศัพท์อยู่หลายครั้ง
"พี่ฟาหยางมีงานสำคัญเหรอคะ" ด้วยความทนไม่ไหว อาจูเอ่ยถามไปในที่สุด ฟาหยางเงยหน้าขึ้นมองเธอชั่วครู่แล้วส่ายหน้า
"ไม่มีอะไร" เขาก้มลงทำงานต่อ ภายในห้องทำงานที่บริษัทของฟาหยางตอนนี้ดูน่าอึดอัดนัก อาจูจึงอยากจะชวนคุยทำลายบรรยากาศ
"แล้วคืนนี้พี่..." แต่เสียงหวานก็ต้องชะงักไป ยามที่ฟาหยางยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม พร้อมกับเอ่ยพูด
"สักครู่นะอาจู...ฉันขอรับสายโทรศัพท์" หญิงสาววาดรอยยิ้มพยักหน้า ก่อนจะหันมาอ่านหนังสือต่อทั้งๆที่จิตใจไม่ได้โฟกัสเลยสักนิด
ก็แน่ล่ะ...อยู่ๆฟาหยางนั้นดูจะอารมณ์ดีขึ้นเสียอย่างนั้น
"เลิกงานแล้วหรือคุณหนูเยว่" และชื่อของใครบางคนในนั้นก็ทำให้อาจูต้องรีบหันกลับไปมอง ฟาหยางตอนนี้หมุนเก้าอี้ของเขาไปอีกทาง ทำให้ไม่ได้เห็นอาจูที่มองกันอยู่
คุณหนูเยว่? หลี่ เยว่ซินน่ะหรือ?
"อืม...ฉันกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทน่ะ"
'แบบนี้ฉันคงรบกวนคุณหยางเข้าแล้ว' เสียงหวานเอ่ยตอบ บทสนทนาที่เยว่ซินเป็นคนพูดนั้นอาจูไม่ได้ยิน หากแต่คำพูดของฟาหยางและท่าทีที่เขาแสดงก็ทำเอาคนเป็นคู่หมั้นแบบเธอสงสัยไม่น้อย
ข่าวลือที่ว่านั้นคงจะจริงสินะ...ที่ฟาหยางกำลังสนใจหลี่ เยว่ซินคนนั้น
'ฉันแค่จะโทรมาขอบคุณน่ะค่ะ...สร้อยที่คุณหยางนำไปปรับให้ฉันมาส่งแล้วนะคะ'
"งั้นหรือ หวังว่าครั้งหน้าที่เราเจอกันฉันคงจะเห็นคุณหนูเยว่สวมมันนะ" อาจูเม้มริมฝีปาก ท่าทางสนิทสนมและดูเหมือนฟาหยางนั้นจะเอ่ยพูดกับเยว่ซินมากกว่าเธอเสียอีก
'จริงสิคะ หลังเลิกงานแล้ว คุณหยางพอจะมีเวลาให้ฉันสักครู่มั้ยคะ?'
"แน่นอน คุณหนูเยว่อยากได้สิ่งใดเล่า?" อาจูก้มหน้างุด เธอได้นั่งอยู่กับฟาหยางแท้ๆแต่ราวกับเป็นคนนอกทั้งๆที่อีกฝ่ายเพียงแค่โทรฯหา
'ฉันแค่อยากจะส่งข้อมูลของคนๆนึงไปให้น่ะค่ะ...ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป...'
"ฉันจะให้อาโปตรวจสอบให้นะ ว่าแต่นั่นคือผู้ช่วยคนใหม่หรือ?"
'ค่ะ...จางลี่ลองคัดมาให้แล้วน่ะค่ะ แต่เพื่อความแน่ใจฉันเลยอยากลองตรวจสอบอีกที'
"คุณหนูเยว่ทำถูกแล้ว ฉันจะให้อาโปไปตรวจสอบให้แล้วกัน"
'ลำบากคุณหยางแล้ว แต่ขอบคุณมากๆนะคะ' ฟาหยางพูดคุยกับเธอต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป เขาหันกลับมาทางเดิมพร้อมกับอาจูที่ยกหนังสือขึ้นและทำท่าทีเหมือนอ่านมัน
"ก่อนหน้านี้เธอมีอะไรจะพูดกับฉันหรือไม่" ฟาหยางเอ่ยถาม ซึ่งอาจูเพียงแค่ส่ายหน้าและยิ้มตอบ
"ไม่มีอะไรค่ะพี่ฟา...อืม...จะว่าไปสายเมื่อกี้คือพี่เยว่ซินเหรอคะ?" พอมีชื่ออีกคนเข้ามาเกี่ยวนั้น ฟาหยางถึงได้หันมามองเธอแบบเต็มตา เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถาม
"ใช่...มีอะไรหรือเปล่า"
"ไม่มีอะไรค่ะ อาจูแค่สงสัย เห็นช่วงนี้ข่าวเรื่องพี่เยว่ซินกับพี่หยวน อี้มาแรงนัก เลยอยากจะถามดูน่ะค่ะ" ฟาหยางไม่ได้ตอบอะไร เขาเอนพิงพนักเก้าอี้แล้วมองอาจูนิ่งๆเท่านั้น
"จริงสิ ผู้กำกับฝูบอกว่าเธอไปขอเขาร่วมงานกับคุณหนูเยว่?" อาจูชะงัก เธอลืมไปเสียเลยว่าผู้กำกับฝูนั้นเกรงใจฟาหยางแค่ไหน
"แหม...ผู้กำกับฝูล่ะก็...อาจูคิดจะเซอร์ไพรส์พี่ทีเดียวเลยไม่ได้บอกก่อนน่ะค่ะ" หญิงสาววาดรอยยิ้มสวย หากแต่เพียงชั่วครู่เธอก็ต้องหน้าเสียเมื่อฟาหยางเอ่ยพูดด้วยเสียงนิ่งๆ
"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่จะทำงานกับคุณหนูเยว่เธออาจจะต้องฝึกฝนกว่านี้ มือใหม่เช่นเธอคงจะตามคุณหนูเยว่อีกหลายก้าว" อาจูกัดริมฝีปาก ได้ข่าวว่าฝั่งนั้นก็เพิ่งเข้าทำงานไม่ใช่หรือ แล้วทำไมฟาหยางถึงพูดราวกับว่าเยว่ซินนั้นเก่งกาจนักเล่า?
แบบนี้มันจะไม่ให้ท้ายกันเกินไปหรือ?
"ฮ่าๆ อาจูจะจำคำที่พี่บอกไว้ค่ะ" แม้จะน้อยใจอยู่แต่อาจูก็ทำได้แค่ตอบเท่านั้น ทั้งห้องตกอยู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อฟาหยางเริ่มลงมือทำงานต่อและปล่อยให้เธออ่านหนังสือไปเงียบๆจนถึงเวลาเลิกงาน...
เยว่ซินไล่สายตาอ่านข้อมูลที่ฟาหยางส่งมาให้ ผู้ช่วยคนใหม่ของเธอที่ดูจะเข้าตาจางลี่มีชื่อว่า 'ซูเม่ย' เป็นหญิงสาวร่างสูงดูปราดเปรียว ดวงตาเชิดขึ้นสมกับเป็นสาวจีนแลดูว่องไวและอายุไล่เลี่ยเธอ
ข้อมูลจากฟาหยางนั้นก็ยังตรงกับใบที่อีกฝ่ายส่งมาสมัครทำให้เยว่ซินโล่งใจ เธอกลัวว่าจะเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีจึงป้องกันไว้ก่อน
ก็เยว่ซินผู้นี้มันมีคนเกลียดน้อยซะที่ไหนล่ะ...
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะสองทุ่มของประเทศจีน เยว่ซินอาบน้ำและลบเครื่องสำอางออกหมดแล้ว พรุ่งนี้เธอไม่มีตารางงานและคิดว่าจะนอนพักผ่อนยาวๆ แต่แผนนั้นก็ต้องล่มไม่เป็นท่าเมื่อข้อความของฟาหยางที่ส่งมาถึงกัน
'พรุ่งนี้ ฉันจองตัวคุณหนูเยว่มาทำอาหารที่คฤหาสน์ตระกูลหยางได้หรือไม่?'