Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-07-29 05:36:03

หลังจากที่เยว่ซินได้ไปลองจิวเวลรี่ของตระกูลหยางวันนั้นแล้ว นี่ก็ผ่านมาได้จะครบอาทิตย์และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอจะต้องเจอกับหยวน อี้ เนื่องจากตารางงานที่เธอตอบรับไปเมื่อวันก่อน

แบรนด์น้ำหอมของตระกูลหยวนนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ยิ่งมีข่าวลือออกไปว่างานนี้เยว่ซินจะเข้าร่วมเป็นพรีเซนเตอร์แล้วนั้นกระแสยิ่งฮือฮา

ใช่...และข่าวลือนั้นฟาหยางก็รับรู้มันทั้งหมด

เยว่ซินไม่แน่ใจนักว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่ฟาหยางจองตัวเธอไว้ในฐานะBrand Ambassadorของจิวเวลรี่ตระกูลหยางเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ยังสงสัยก็เพราะฟาหยางในตอนนี้นั้นยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ

แน่นอนว่าเยว่ซินตะหงิดอยู่ในใจเสมอกลัวว่าฟาหยางจะมีแผนการอะไรที่กำลังรอเวลา

ถึงบทฟาหยางจะเป็นพระเอกแต่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนดีเสียหน่อย...ก็ฟาหยางน่ะเจ้าเล่ห์ที่สุดแล้ว!

และตอนนี้เยว่ซินก็ยังคงจัดตารางงานด้วยตัวเองเพราะจางลี่ยังหาผู้ดูแลที่ถูกใจเธอไม่ได้

"เหอะ...ไม่รู้ว่าคุณหยวนคิดยังไงถึงไปเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นพรีเซนเตอร์"

"นั่นสิ...ทั้งๆที่ข่าวคาวก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่" เยว่ซินชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ตอนนี้เธออยู่ในห้องน้ำของสตูดิโอ และเหมือนว่าเสียงพูดคุยด้านนอกนั่นจะเป็นทีมงานของหยวน อี้เสียด้วย

เยว่ซินรู้อยู่แล้วว่ายังมีคนที่ไม่ชอบเธออยู่มาก แต่การที่เอาเรื่องของเจ้านายมาพูดกันในห้องน้ำนี่เป็นการกระทำที่ดีจริงๆหรือ? หญิงสาวตัดสินใจรอฟังอีกสักหน่อย และเหมือนว่าทั้งสองคนนั้นจะคุยกันออกรสเลยไม่ได้สังเกตสักนิดว่าห้องหนึ่งในนี้มีคนใช้อยู่

"หรือคุณหยวน อี้จะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกไปอีกคน?" มือเรียวผลักประตูออก เดินตรงไปยังอ่างล้างมือที่เหมือนว่าสองคนนั้นกำลังยืนอยู่เช่นเดียวกัน

เยว่ซินไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งนั้นเพียงแค่ยืนล้างมือเงียบๆแต่ดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะชะงักไปเสียแล้ว ทั้งคู่หน้าซีดเผือดมองเยว่ซินผ่านทางกระจก

"คะ..คุณหนูเยว่" หนึ่งในสองคนนั้นพูดออกมา

"ค่ะ...เยว่ซินเองค่ะ" เธอหันไปยิ้มให้แต่เป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา

"คะ..คือว่าเมื่อครู่..." หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก ความหวาดกลัวกัดกินใจจนเธอแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว พวกเธอรู้ดีว่าคำพูดทั้งหมดเมื่อกี้ หลี่ เยว่ซินคงได้ยินทั้งหมดเป็นแน่

"ฉันไม่ได้โกรธเคืองอะไรหรอกนะคะที่เอาฉันไปพูดแบบนั้น แต่ยังไงคุณหยวน อี้ก็คือเจ้านายของพวกคุณ การให้เกียรติต่อเจ้านายเป็นสิ่งที่ลูกน้องควรจะมี พวกคุณคิดเช่นนั้นมั้ยคะ?" เสียงหวานเอ่ยนิ่งๆ หญิงสาวทั้งสองรีบยกมือขึ้นแล้วเอ่ยขอร้องคุณหนูหลี่ เยว่ซิน

"พวกเราผิดไปแล้วค่ะ..จะไม่ทำแบบนี้อีก ได้โปรดคุณหนูเยว่เมตตาพวกเราเถอะนะคะ" เยว่ซินหยิบทิชชูมาเช็ดมือ เธอไม่ได้ตอบอะไรในทันที

"ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องคนอื่นไปพูดต่ออยู่แล้วค่ะ โปรดวางใจ" หญิงสาวทั้งสองถอนหายใจ หากแต่เวลาต่อมากลับต้องหน้าซีดอีกครั้ง

"แต่เรื่องที่พวกคุณบอกว่าฉันไปหลอกคุณหยวนมาเพื่อให้ได้เป็นพรีเซนเตอร์นี่...ฉันคงต้องขอถามคุณหยวนดูเสียหน่อยน่ะค่ะ" เยว่ซินในตอนนี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยออกไปทางยิ้มแย้มเสียด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวทั้งสองคนกลับรู้สึกสันหลังวาบ หากเยว่ซินดุด่าพวกเธอคงจะรู้สึกดีกว่านี้!

ส่วนเยว่ซินนั้นคิดในใจแค่ว่าขู่ไปแบบนี้ทั้งสองคนคงจะหวาดกลัวและคิดได้แล้วว่าไม่ควรเอาเรื่องของคนอื่นมานินทาลับหลัง

"คะ...คุณหนูหลี่..."

"งั้น...เอาไว้ฉันได้คำตอบแล้วจะมาบอกนะคะ เจอกันด้านในค่ะ" เยว่ซินเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้ทั้งสองคนนั้นทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดหนทาง

งานนี้พวกเธอคงได้หางานใหม่เป็นแน่

"คุณหนูเยว่ซินมาแล้วค่ะ" เสียงของเลขาหยวน อี้เอ่ยบอกเป็นผลให้เขาหันไปมอง เยว่ซินบัดนี้อยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสดกับส้นสูงสีเดียวกัน ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มให้หยวน อี้ยามอีกคนเดินเข้ามาหา

"คุณหนูเยว่งดงามจริงๆ" เยว่ซินค้อมตัวให้อย่างขอบคุณ วันนี้เธอต้องถ่ายกับน้ำหอมที่มีกลิ่นของกุหลาบแดงแสดงถึงความเร่าร้อนและมั่นคง

จะว่าไป ฟาหยางก็เพิ่งจะให้กุหลาบลูโลมาและหยวนอี้ก็ให้กุหลาบแดง?

"คอนเซ็ปท์นี้เข้ากับคุณหนูเยว่อย่างยิ่ง"

"หมายถึงดูร้ายๆน่ะเหรอคะ?" หยวน อี้สำลัก เขาหัวเราะที่เยว่ซินเอ่ยแหย่เช่นนั้น

"เปล่าเลย...คุณหนูเยว่งดงามดั่งกุหลาบแดงน่ะครับ" เหล่าทีมงานที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับมองหน้ากัน

ก็ดูเหมือนลูกชายคนโตของตระกูลหยวนนั้นดูหลงใหลในหลี่ เยว่ซินมากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะเยว่ซินตัวจริงนั้นงดงามดั่งคำล่ำลือจริงๆนั่นแหละ...

"งั้น...เรามาทดลองกลิ่นกันเลยไหมคะคุณหนูเยว่" โปรดิวเซอร์ของกองเดินเข้ามาหาเธอ เยว่ซินพยักหน้าก่อนจะละออกจากหยวน อี้เพื่อไปทำหน้าที่ของตนเอง

ฟาหยางยกยิ้มเมื่อในแมคบุ๊คราคาแพงเผยข่าวโครมๆถึงเรื่องที่หลี่ เยว่ซินนั้นเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมให้กับหยวน อี้ผู้โด่งดัง ฝ่ายนั้นจงใจปล่อยข่าวออกมาตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อเรียกกระแสให้กับตนเอง

แน่นอนว่าเพราะหลี่ เยว่ซินนั้นเป็นที่จับตามองของสื่ออยู่แล้วเหตุผลก็เพราะหญิงสาวทำตัวโดดเด่นเล่นเปิดเผยกลางโซเชียลว่าหมายปองเขา

หากแต่พักหลังๆทางสื่อเองก็แอบแปลกใจที่เยว่ซินหายหน้าหายตา กลับมาอีกทีพร้อมกับประกาศทำงานในวงการบันเทิงเสียอย่างนั้น!

"คุณหนูเยว่เดินทางไปถึงแล้วค่ะ" เลขาหลิงที่เดินเข้ามารายงานกับเจ้านายตนเองเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุเพราะฟาหยางตอนนี้นั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอสี่เหลี่ยม

แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ยิ้มแบบมีเลศนัยน่ะนะ...

"เลขาหลิง...เตรียมตัวให้พร้อมไว้ล่ะ" เธอกลืนน้ำลาย มองเจ้านายที่ดูสนุกอย่างนึกหวั่น

"ให้หยวน อี้ได้ใจไปก่อนแล้วกัน"

"..."

"เพราะเมื่อถึงเวลาฉันจะเอาอาเยว่คืน" บอกได้เลยว่างานนี้หยวน อี้คงได้หัวปั่นเป็นแน่...

"ยอดเยี่ยม!" เสียงของช่างกล้องที่ดังขึ้นทำให้เยว่ซินวาดรอยยิ้มสวย ดวงตากลมโตจ้องไปยังกล้องที่อยู่ห่างกันกันไม่กี่คืบ

หยวน อี้ มองคนที่นอนราบไปกับผ้าปูสีดำ ผมยาวสวยสยายออกพร้อมกับกลีบกุหลาบสีแดงที่โปรยไว้ทั่วและขวดน้ำหอมที่ตั้งอยู่ข้างๆกัน มือเรียวข้างนึงวางลงที่อกของตัวเองส่วนอีกข้างประคองขวดน้ำหอมไว้

ภายในแววตาที่จ้องมองมามีแต่ความเซ็กซี่เย้ายวน บ้างสลับสับเปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่งราวแมวพยศ หยวน อี้แทบละสายตาจากจอมอนิเตอร์ไม่ได้เลย และดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ทีมงานทุกคนแทบไม่ได้พูดคุยกันเพราะเอาแต่มองเยว่ซินราวโดนมนต์สะกด

ช่างกล้องกล่าวให้เยว่ซินหันข้างซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เติมกลีบกุหลาบลงบนตัวหญิงสาวบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะบรีฟแบบไหนหลี่ เยว่ซินก็ทำได้ดีเยี่ยมทุกแบบ

"ยอดเยี่ยมครับคุณหนูเยว่" หลังผ่านไปสักพักจึงเสร็จสิ้น ช่างกล้องพูดกับเธออีกครั้ง เขาดูพอใจที่ได้ถ่ายนางแบบคนนี้มากกว่าคนไหนๆ

"ผมรับรองได้ว่ากระแสตอบรับต้องดีแน่ๆ"

"ขอบคุณค่ะ" เยว่ซินตอบเมื่อตอนนี้เหล่าสไตล์ลิสท์เริ่มเข้ามาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เธอ

เยว่ซินเดินออกจากฉากมาหาหยวน อี้ที่รออยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของพระรองคนนี้นั้นมีแต่รอยยิ้มจนทีมงานอดที่จะซุบซิบกันเสียไม่ได้

"คุณหนูเยว่เก่งมากจริงๆ งดงามจนผมละสายตาไม่ได้เลย"

"คุณหยวนชมกันเกินไปแล้วค่ะ" หยวน อี้หัวเราะ เขาชอบจริงๆเวลาที่เยว่ซินทำหน้าเช่นนี้

"งั้นฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ" ชายหนุ่มพยักหน้า แต่ก่อนที่เยว่ซินจะได้เดินออกไปเขาก็นึกอะไรออกเสียก่อน

"จริงสิ...คุณหนูเยว่มีคิวว่างต่อหรือไม่? ผมจะเลี้ยงข้าวเที่ยงครับ" เยว่ซินคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า

"งั้นลงคิวไว้ให้หยวนอี้คนนี้ด้วยนะครับ" เยว่ซินหัวเราะ

"ได้สิคะ...งั้นคุณหยวนรอฉันสักครู่" หยวน อี้ยิ้มก่อนที่โน้มตัวลงกระซิบบางอย่างที่ให้เยว่ซินได้ยินเพียงคนเดียว

"แล้วอย่าลืมนะครับ...ตอนถึงร้านอาหาร คุณคงเรียกผมว่าอาอี้ได้ใช่ไหม?"

"..."

"ก็ตอนนั้นจะไม่มีคนอื่นแล้วนี่นา..." หยวน อี้เดินออกไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง ทิ้งให้เยว่ซินยืนนิ่งค้างอ้าปากพะงาบๆอยู่ตรงนี้

โดนพระรองคนนั้นแพรวพราวใส่ซะแล้วสิ!

อาจูลอบมองคนที่มีศักดิ์จะเป็นคู่หมั้นตนเองด้วยแววตาสงสัย ทำไมเหมือนว่าช่วงนี้ฟาหยางนั้นดูสนใจโทรศัพท์มากขึ้นกว่าเก่า มือหนายังคงเซ็นเอกสารเช่นเดิมหากแต่ตาก็มองโทรศัพท์อยู่หลายครั้ง

"พี่ฟาหยางมีงานสำคัญเหรอคะ" ด้วยความทนไม่ไหว อาจูเอ่ยถามไปในที่สุด ฟาหยางเงยหน้าขึ้นมองเธอชั่วครู่แล้วส่ายหน้า

"ไม่มีอะไร" เขาก้มลงทำงานต่อ ภายในห้องทำงานที่บริษัทของฟาหยางตอนนี้ดูน่าอึดอัดนัก อาจูจึงอยากจะชวนคุยทำลายบรรยากาศ

"แล้วคืนนี้พี่..." แต่เสียงหวานก็ต้องชะงักไป ยามที่ฟาหยางยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม พร้อมกับเอ่ยพูด

"สักครู่นะอาจู...ฉันขอรับสายโทรศัพท์" หญิงสาววาดรอยยิ้มพยักหน้า ก่อนจะหันมาอ่านหนังสือต่อทั้งๆที่จิตใจไม่ได้โฟกัสเลยสักนิด

ก็แน่ล่ะ...อยู่ๆฟาหยางนั้นดูจะอารมณ์ดีขึ้นเสียอย่างนั้น

"เลิกงานแล้วหรือคุณหนูเยว่" และชื่อของใครบางคนในนั้นก็ทำให้อาจูต้องรีบหันกลับไปมอง ฟาหยางตอนนี้หมุนเก้าอี้ของเขาไปอีกทาง ทำให้ไม่ได้เห็นอาจูที่มองกันอยู่

คุณหนูเยว่? หลี่ เยว่ซินน่ะหรือ?

"อืม...ฉันกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทน่ะ"

'แบบนี้ฉันคงรบกวนคุณหยางเข้าแล้ว' เสียงหวานเอ่ยตอบ บทสนทนาที่เยว่ซินเป็นคนพูดนั้นอาจูไม่ได้ยิน หากแต่คำพูดของฟาหยางและท่าทีที่เขาแสดงก็ทำเอาคนเป็นคู่หมั้นแบบเธอสงสัยไม่น้อย

ข่าวลือที่ว่านั้นคงจะจริงสินะ...ที่ฟาหยางกำลังสนใจหลี่ เยว่ซินคนนั้น

'ฉันแค่จะโทรมาขอบคุณน่ะค่ะ...สร้อยที่คุณหยางนำไปปรับให้ฉันมาส่งแล้วนะคะ'

"งั้นหรือ หวังว่าครั้งหน้าที่เราเจอกันฉันคงจะเห็นคุณหนูเยว่สวมมันนะ" อาจูเม้มริมฝีปาก ท่าทางสนิทสนมและดูเหมือนฟาหยางนั้นจะเอ่ยพูดกับเยว่ซินมากกว่าเธอเสียอีก

'จริงสิคะ หลังเลิกงานแล้ว คุณหยางพอจะมีเวลาให้ฉันสักครู่มั้ยคะ?'

"แน่นอน คุณหนูเยว่อยากได้สิ่งใดเล่า?" อาจูก้มหน้างุด เธอได้นั่งอยู่กับฟาหยางแท้ๆแต่ราวกับเป็นคนนอกทั้งๆที่อีกฝ่ายเพียงแค่โทรฯหา

'ฉันแค่อยากจะส่งข้อมูลของคนๆนึงไปให้น่ะค่ะ...ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป...'

"ฉันจะให้อาโปตรวจสอบให้นะ ว่าแต่นั่นคือผู้ช่วยคนใหม่หรือ?"

'ค่ะ...จางลี่ลองคัดมาให้แล้วน่ะค่ะ แต่เพื่อความแน่ใจฉันเลยอยากลองตรวจสอบอีกที'

"คุณหนูเยว่ทำถูกแล้ว ฉันจะให้อาโปไปตรวจสอบให้แล้วกัน"

'ลำบากคุณหยางแล้ว แต่ขอบคุณมากๆนะคะ' ฟาหยางพูดคุยกับเธอต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป เขาหันกลับมาทางเดิมพร้อมกับอาจูที่ยกหนังสือขึ้นและทำท่าทีเหมือนอ่านมัน

"ก่อนหน้านี้เธอมีอะไรจะพูดกับฉันหรือไม่" ฟาหยางเอ่ยถาม ซึ่งอาจูเพียงแค่ส่ายหน้าและยิ้มตอบ

"ไม่มีอะไรค่ะพี่ฟา...อืม...จะว่าไปสายเมื่อกี้คือพี่เยว่ซินเหรอคะ?" พอมีชื่ออีกคนเข้ามาเกี่ยวนั้น ฟาหยางถึงได้หันมามองเธอแบบเต็มตา เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถาม

"ใช่...มีอะไรหรือเปล่า"

"ไม่มีอะไรค่ะ อาจูแค่สงสัย เห็นช่วงนี้ข่าวเรื่องพี่เยว่ซินกับพี่หยวน อี้มาแรงนัก เลยอยากจะถามดูน่ะค่ะ" ฟาหยางไม่ได้ตอบอะไร เขาเอนพิงพนักเก้าอี้แล้วมองอาจูนิ่งๆเท่านั้น

"จริงสิ ผู้กำกับฝูบอกว่าเธอไปขอเขาร่วมงานกับคุณหนูเยว่?" อาจูชะงัก เธอลืมไปเสียเลยว่าผู้กำกับฝูนั้นเกรงใจฟาหยางแค่ไหน

"แหม...ผู้กำกับฝูล่ะก็...อาจูคิดจะเซอร์ไพรส์พี่ทีเดียวเลยไม่ได้บอกก่อนน่ะค่ะ" หญิงสาววาดรอยยิ้มสวย หากแต่เพียงชั่วครู่เธอก็ต้องหน้าเสียเมื่อฟาหยางเอ่ยพูดด้วยเสียงนิ่งๆ

"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่จะทำงานกับคุณหนูเยว่เธออาจจะต้องฝึกฝนกว่านี้ มือใหม่เช่นเธอคงจะตามคุณหนูเยว่อีกหลายก้าว" อาจูกัดริมฝีปาก ได้ข่าวว่าฝั่งนั้นก็เพิ่งเข้าทำงานไม่ใช่หรือ แล้วทำไมฟาหยางถึงพูดราวกับว่าเยว่ซินนั้นเก่งกาจนักเล่า?

แบบนี้มันจะไม่ให้ท้ายกันเกินไปหรือ?

"ฮ่าๆ อาจูจะจำคำที่พี่บอกไว้ค่ะ" แม้จะน้อยใจอยู่แต่อาจูก็ทำได้แค่ตอบเท่านั้น ทั้งห้องตกอยู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อฟาหยางเริ่มลงมือทำงานต่อและปล่อยให้เธออ่านหนังสือไปเงียบๆจนถึงเวลาเลิกงาน...

เยว่ซินไล่สายตาอ่านข้อมูลที่ฟาหยางส่งมาให้ ผู้ช่วยคนใหม่ของเธอที่ดูจะเข้าตาจางลี่มีชื่อว่า 'ซูเม่ย' เป็นหญิงสาวร่างสูงดูปราดเปรียว ดวงตาเชิดขึ้นสมกับเป็นสาวจีนแลดูว่องไวและอายุไล่เลี่ยเธอ

ข้อมูลจากฟาหยางนั้นก็ยังตรงกับใบที่อีกฝ่ายส่งมาสมัครทำให้เยว่ซินโล่งใจ เธอกลัวว่าจะเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีจึงป้องกันไว้ก่อน

ก็เยว่ซินผู้นี้มันมีคนเกลียดน้อยซะที่ไหนล่ะ...

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะสองทุ่มของประเทศจีน เยว่ซินอาบน้ำและลบเครื่องสำอางออกหมดแล้ว พรุ่งนี้เธอไม่มีตารางงานและคิดว่าจะนอนพักผ่อนยาวๆ แต่แผนนั้นก็ต้องล่มไม่เป็นท่าเมื่อข้อความของฟาหยางที่ส่งมาถึงกัน

'พรุ่งนี้ ฉันจองตัวคุณหนูเยว่มาทำอาหารที่คฤหาสน์ตระกูลหยางได้หรือไม่?'
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 139

    "หอมด้วย" ยังชมอยู่ไม่ขาดปาก เยว่ซินพูดขอบคุณเสียงเบาก่อนจะกล่าวชมเขาไม่ต่างกัน ผลัดกันหอมผลัดกันจูบอยู่สักพักถึงได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากชั้นล่าง "เอาอีกแล้วเจ้าพวกลูกลิง" ฟาหยางผละตัวออกพลางเสยผมตัวเองลวก ๆ เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นหลุดหัวเราะก่อนจะเดินตามสามีตัวเองไปชั้นล่างเพื่อไปหาเจ้าลูกลิ

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 138

    "ได้ เหล่ากงรอเธอเป็นกวางเสียก่อน" "..." "ถึงตอนนั้นแล้วจะเอาให้ขู่ไม่ออกเลย" คนฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ แค่คิดถึงชุดที่ทั้งฟาหยางและเจ้าแฝดเลือกกันให้เมื่อคืนนี้ก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย "ส่วนของขวัญที่อาซินถาม..." หัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ที่ข้ามไปถูกดึงกลับมาพูดอีกครั้ง คราวนี้ฟาหยางก็ถอดเสื้อ

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 137

    "ปะป๊าไม่กินผัก" "หม่าม๊าดุเลย" แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังตามหลัง เจ้าเด็กแสบทั้งสองดูจะชอบใจที่ได้แกล้งปะป๊าของตัวเอง ผ่านไปสักพักกว่ามื้อค่ำจะเสร็จสิ้น เยว่ซินพาอาเฟยหลงและอาเฟิ่งไปอาบน้ำส่วนฟาหยางก็เคลียร์เอกสารอีกเล็กน้อย กลับมาที่ห้องนอนก็เห็นว่าทั้งสามคนอยู่ในชุดนอนแบบเดียวกันเสียแล้

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 136

    ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายห

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 135

    เสื้อยืดกับฟาหยางคือสิ่งต้องห้ามกันจริง ๆ ! อยู่ทักทายและเล่นกับสองเฟยได้ครู่หนึ่งคุณหนูตระกูลจางก็ต้องขอตัวกลับ คราวนี้ก็ได้เวลาที่เยว่ซินต้องเข้าครัวทำอาหารและขนมสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ผ้ากันเปื้อนสีชมพูถูกหยิบยกขึ้นมาสวมดูแล้วน่ารักจนคนมองอดใจไม่ไหวเอ่ยปากชมกันเสียทุกคน "คุณหนูเยว่สวมแล้วน่า

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 134

    "หม่าม๊า เฟิ่งหยิบลูกบอลไม่ถึงครับ" เป็นเฟยเฟิ่งที่กลับเข้ามาเพื่อจะหยิบของเล่นแต่เอื้อมไม่ถึง เหล่าลูกน้องตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่ถึงได้ตะโกนเรียกหม่าม๊าตัวเองเสียงดัง “คุณหยาง ปะ…ปล่อยซินก่อนค่ะ” ได้ยินเสียงฟาหยางจิ๊ปากแผ่วเบา เขายอมปล่อยเยว่ซินให้ปีนลงจากตักได้ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องไปหาลูกชา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status