ซูเม่ย คือชื่อของผู้หญิงร่างสูงที่นัยน์ตาสีดำสนิท ผมยาวโดนรวบตึงเป็นหางม้าซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดสีดำทั้งเสื้อและกางเกง เธอนั่งตรงและแทบจะไม่ยกชาขึ้นจิบเลยสักนิดทั้งๆที่นั่งมาได้จะสิบนาทีแล้ว...
"ขอโทษที่ช้านะคะ" เสียงหวานของใครบางคนดังขึ้นทางด้านหลัง ก่อนจะได้เห็นตัวกลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆออกมาเสียก่อน ซูเม่ยเงยหน้าขึ้นเพื่อมองคนมาใหม่ และนั่นก็คือ เยว่ซิน ที่เธอจะต้องร่วมทำงานด้วย
อีกคนอยู่ในเดรสคอจีนสีขาวมีริบบิ้นเล็กๆเป็นเชือกผูกอยู่ระหว่างอก ผมยาวสวยถูกเกล้าขึ้นและมีปิ่นปักผมประดับ รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าทำให้น่ามองยิ่งนัก และเพราะเยว่ซินนั้นไม่ได้ปิดบังใบหน้าจึงทำให้มีคนหันมาสนใจตลอดทางเดิน
ซูเม่ยที่มัวแต่สนใจหลี่ เยว่ซินนั้นไม่ได้ทันเห็นว่าอีกคนมาด้วยกัน
"ฉันชื่อจางลี่...คนที่สัมภาษณ์เธอ" ซูเม่ยโค้งให้เล็กน้อย ทั้งสองคนนั่งลงตรงข้ามกับเธอ วันนี้พวกเรานัดกันมาที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งในปักกิ่ง ก่อนที่จะพูดคุยจางลี่หันไปสั่งออร์เดอร์กับพนักงานครู่หนึ่ง ส่วนเยว่ซินนั้นแค่วาดรอยยิ้มงดงามให้ผู้จัดการคนแรกของเธอ
"พวกเราอายุไล่เลี่ยกัน แต่ยังไงพี่ซูเม่ยก็อายุเยอะกว่าฉันสินะคะ...ถ้าไม่รังเกียจ ฉันขอเรียกพี่ซูเม่ยได้หรือไม่?" คนที่เพิ่งได้รับยศเป็นพี่หมาดๆตั้งตัวไม่ทัน ความจริงสิ่งที่เธอเตรียมใจมานั้นคือการรับมือกับคุณหนูขี้เหวี่ยงวีน แล้วไหงมันกลายเป็นแบบนี้กัน?
"คงจะไม่ดีถ้าฉันให้คุณหนูหลี่เรียกเช่นนั้น" จางลี่หัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้ากระอั่กกระอ่วนของคนตรงข้าม ส่วนเพื่อนตัวดีที่นั่งข้างๆพอได้ยินเช่นนั้นหน้าจึงหงอยลงเล็กน้อย
"หางลู่หมดแล้วคุณหนูเยว่" เยว่ซินหันมาค้อนเพื่อนตนเอง ซูเม่ยไม่ยินดีให้เธอเรียกว่าพี่งั้นหรือ?
"เอ่อ...ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือรู้สึกไม่ดีนะคะ เพียงแค่มันคงไม่ดีที่ให้เจ้านายมาเรียกฉันแบบสนิทสนม" ดั่งกับรู้ความคิด ซูเม่ยรีบโต้แย้งนั่นจึงทำให้เยว่ซินกลับมามีรอยยิ้มเช่นเดิม
"อย่างนี้นี่เอง...ฉันไม่ถือเรื่องนั้นค่ะ อีกอย่างถ้าเราทำงานกันแบบเจ้านาย-ลูกน้องเกินไปพี่ซูเม่ยคงจะอึดอัดแย่" แล้วเธอสมัครเข้ามาเพื่อทำงานให้เยว่ซินแบบลูกน้องไม่ใช่หรือ? ซูเม่ยคิดในใจ
"ค่ะ...งั้นฉันตามใจคุณหนูเยว่ซิน"
"เรียกฉันแค่เยว่ซินหรืออาเยว่ก็ได้นะคะ" ซูเม่ยแทบจะรับคำสั่งไม่ทัน ตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเยว่ซินในข่าวลือและตัวจริงคนนี้เป็นคนเดียวกันหรือไม่?
"ทำตัวให้ชินเถอะพี่ซูเม่ย คุณหนูเยว่ก็เป็นเช่นนี้" จางลี่ที่นั่งจิบน้ำชาอยู่เอ่ยพูด จะว่าอย่างไรดีล่ะ ก็จางลี่น่ะแปลกใจจนกลายเป็นความปลงไปเสียแล้ว ไม่รู้มีอะไรมาทำให้เพื่อนตัวดีของเธอเปลี่ยนไปมากขนาดนี้กัน?
ทั้งสามนั่งคุยกันต่ออีกราวๆสองชั่วโมง จางลี่แนะนำงานที่ซูเม่ยต้องทำคร่าวๆ ซูเม่ยนั้นไม่จำเป็นต้องย้ายมาพักอยู่ที่เดียวกับเยว่ซิน เพียงแค่ช่วยจัดตารางงานและไปดูแลคุณหนูหลี่เวลาออกงานเท่านั้น
"พรุ่งนี้ฉันต้องเริ่มงานเลยไหมคะ?"
"อืม...นั่นสิ จริงๆพรุ่งนี้ฉันว่าจะไปซื้อชุดไว้ออกงานหน่อยน่ะค่ะ พี่ซูเม่ยไปด้วยกันดีไหมคะ" ซูเม่ยรีบพยักหน้า เธอได้เห็นเยว่ซินในงานโฆษณาน้ำดื่มเมื่อหลายวันก่อนนั้นยังอดชื่นชมไม่ได้ เพราะดูเหมือนคุณหนูตระกูลหลี่จะหยิบจับใส่อะไรก็ดูสวยไปเสียหมด
"งั้นก็ตกลงตามนี้ ไว้พรุ่งนี้เราเจอกันนะคะ"
"ไว้เจอกันนะคะคุณหนู...เอ่อ...คุณเยว่ซิน" เยว่ซินยิ้มจนตาปิด รู้สึกเอ็นดูผู้ช่วยของเธอคนนี้เสียเหลือเกิน...
หลังจากที่ได้รับเชิญจากฟาหยางให้ไปทำอาหารที่คฤหาสน์ตระกูลหยางวันนั้น เยว่ซินปฏิเสธ!
ใช่...เธออ้างเขาไปว่ามีงานทั้งๆที่เป็นวันพักผ่อน แม้จะรู้สึกผิดอยู่น้อยๆแต่เยว่ซินก็คิดว่าดีแล้วที่ตอบไปเช่นนั้นเพราะเธอคงทำตัวไม่ถูกเป็นแน่หากต้องเข้าครัวกับฟาหยางเป็นครั้งที่สอง!
เยว่ซินถือให้ครั้งแรกนั้นเป็นค่าตอบแทนที่เขาอุตส่าห์ให้พักที่นั่นแม้ว่าเธอจะไม่ได้ขอก็ตาม...
"คุณหนูเยว่" เยว่ซินหลุดจากภวังค์ยามที่เธอกำลังจะเดินไปยังลานจอดรถ ชายผู้หนึ่งที่เหมือนว่าจะรอเธออยู่ก่อนแล้วเอ่ยเรียกและค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม
"อาโป?" เยว่ซินเลิกคิ้วเรียกชื่ออีกคนด้วยความสงสัย ทำไมลูกน้องของฟาหยางถึงมาอยู่ที่นี่?
ด้านหลังของอาโปคือรถของฟาหยาง เยว่ซินจำได้ดีนัก หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากถามจำต้องชะงักเมื่ออาโปก้าวเลื่อนตัวเองไปทางขวามือ ซึ่งเมื่อเขาขยับออกนั้นทำให้เยว่ซินได้เห็นฟาหยางที่กำลังเท้าแขนกับกระจกที่เปิดอยู่ ในมือประดับรอยสักที่น่าเกรงขามนั้นมีซิการ์กลิ่นประจำของเขาอยู่
ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องมาอย่างไม่ปิดบัง ริมฝีปากยกยิ้มเพียงครู่ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยพูด
"ฉันขอซื้อคิวของคุณหนูเยว่ทั้งหมด"
"..."
"ได้หรือไม่?" เยว่ซินยืนนิ่ง เธอกำลังประมวลผลถึงคำพูดนั้น หรือฟาหยางขอซื้อคิวเธอเพียงเพราะเธอไม่ได้ตอบรับคำเชิญของเขา?
"คุณหยาง" ฟาหยางกวาดสายตามองคนตรงหน้า วันนี้คุณหนูเยว่ก็ยังแต่งตัวได้น่ามอง หากแต่มันก็ทำให้ฟาหยางรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
"หรือว่าฉันยังพูดไม่ชัด ว่าครั้งต่อไปที่ได้เจอกันคงจะเห็นคุณหนูเยว่สวมสร้อยของตระกูลหยาง" เยว่ซินสะดุ้ง ยามนี้ฟาหยางดูเหมือนเด็กน้อยที่โดนขัดใจ เขายกซิการ์ขึ้นสูบ ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง
"ฉันแค่ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณหยางที่นี่" เสียงหวานเอ่ยตอบ เยว่ซินยังควบคุมสถานการณ์ได้ดีเมื่อเธอเอียงคอแล้ววาดรอยยิ้มงามให้ฟาหยาง
ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาส่งซิการ์ที่ยังสูบไม่หมดให้แก่อาโปเพื่อเอาไปทิ้ง
"ก็จริงของคุณหนูเยว่ ครั้งนี้ฉันผิดเอง" อาโปสำรวมสายตาแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจที่เจ้านายตนเองเป็นคนยอมรับผิดทั้งๆที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
"แล้วคุณหนูเยว่จะไปไหนต่อหรือ?"
"อืม...จริงๆตอนแรกฉันว่างน่ะค่ะ แต่ตอนนี้มีคิวเสียแล้ว"
"หืม...ไปที่ไหน?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอีกรอบ
"อันนี้ต้องถามคุณหยางแล้วค่ะ ไหนว่าซื้อคิวกันคะ?" ฟาหยางชะงัก ก่อนที่เขาจะหลุดหัวเราะออกมา อาโปรู้สึกว่ายามนี้เจ้านายตนเองอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วหลังจากที่ดูหงุดหงิดมาได้สักสองวัน
ฟาหยางลงจากรถ เขาเดินมาประชิดคุณหนูเยว่ มือหนาแบลงตรงหน้าจนเยว่ซินเอียงคอมองด้วยความสงสัย
"ฉันจะขับรถคุณหนูเยว่ให้เอง" เมื่อรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้ เยว่ซินจึงทำได้แค่ยื่นกุญแจให้กับอีกคน ดูเหมือนว่านี่ก็จะเป็นครั้งที่สองที่เธอได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับคุณฟาหยางเสียแล้ว...
หยวน อี้ค่อนข้างแปลกใจที่ไม่ว่าเขาจะปล่อยข่าวแบรนด์น้ำหอมที่กำลังจะเปิดตัวไปเท่าไหร่ก็มักมีอีกกระแสนึงเข้ามากลบ
'ข่าวลือมาแรง!คุณหนูหลี่ เยว่ซินโดนจับจองเป็นกุหลาบดอกใหม่ให้กับคุณฟาหยาง'
'สายในบอกต่อ...พบคุณฟาหยางและคุณหนูเยว่ซินอยู่ด้วยกัน'
'หยวน อี้ถูกปัดตกเมื่อคุณฟาหยางเล็งคุณหนูคนเดียวกัน'
และมีอื่นๆอีกมากมาย เขาค่อนข้างแน่ใจนักว่าฟาหยางต้องรับรู้เรื่องนี้ เพราะคนแบบคุณชายหยางนั้นไม่เคยให้ตัวเองมีข่าวอะไรออกมาอยู่แล้ว ยิ่งกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อเรื่องข่าวเสียหายอย่างคุณหนูเยว่ซินยิ่งไม่มีทาง
"คุณหยวนคะ แบบนี้คงสรุปได้ว่าเราโดนคุณฟาหยางหมายหัวไว้แล้ว" เลขาของหยวน อี้ที่ยืนอยู่ข้างๆกันเอ่ยพูด เธอค่อนข้างแปลกใจที่ฟาหยางคนนั้นยอมทำให้ตัวเองแปดเปื้อนเพียงแค่เพราะคุณหนูเยว่ซินร่วมทำงานกับเจ้านายของเธอ
"ครับ...ก็คงเป็นแบบนั้น" คนสุภาพยังเอ่ยแบบใจเย็น
"งั้นเราจะทำยังไงดีคะ?" หยวน อี้มองเลขาตัวเองแล้วยกยิ้ม รอยยิ้มของเขานั้นยังคงอบอุ่นอ่อนโยนอยู่เสมอ
"คุณคงไม่คิดว่าแบรนด์ของตระกูลหยวนจะแพ้ลงแค่เพราะข่าวลือแค่นี้หรอกใช่ไหมครับ?" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ แต่ถึงแบบนั้นมันก็เป็นจริงอย่างที่หยวน อี้พูด
"ฉันกังวลมากไปเอง...ขออภัยคุณหยวนค่ะ" ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยให้เลขาช่วยเตรียมกาแฟให้ ซึ่งเมื่อเธอเดินออกไป หยวน อี้สอดมือประคองกันไว้ใต้คาง ในหัวกำลังประมวลผลถึงสิ่งต่างๆ
ดูเหมือนว่าคู่แข่งคนสำคัญของเขาจะผ่านไปได้ยากกว่าที่เขาคิดเสียแล้ว...
"คุณหนูเยว่ดื่มเก่งหรือไม่" เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งซึ่งคล้ายๆกับคลับแทนที่จะไปคฤหาสน์ตระกูลหยางตามที่เธอเข้าใจ
"ก็พอได้ออกงานบ่อยๆเลยคอไม่อ่อนมากค่ะ" เยว่ซินตอบพร้อมกับรับแก้วไวน์ทรงสูงจากฟาหยางที่ยื่นมาให้ ทั้งคู่อยู่ในโซนส่วนตัวที่มีผนังล้อมรอบแต่ด้านหน้าเป็นกระจกใสเพื่อให้มองออกไปได้
เวลานี้ยังไม่ดึกมากพอสำหรับนักท่องราตรีจึงทำให้คลับแห่งนี้คนยังบางตาอยู่มาก
"แต่คงแพ้คุณหยางไปเยอะเลยค่ะ" ฟาหยางหัวเราะ เขายกแก้วน้ำอำพันขึ้นดื่ม
"รู้ด้วยหรือว่าฉันคอแข็ง" แน่นอนว่าในนิยายนั้นมีบอก ก็แน่ล่ะ...พระเอกของเรื่องย่อมเพอร์เฟคที่สุดอยู่แล้ว
"ถูกใช่ไหมล่ะคะ...ก็คุณหยางดูชำนาญไปเสียทุกอย่าง" เยว่ซินมองคนตัวสูงที่อยู่ในลุคแปลกตาไป วันนี้ฟาหยางสวมเชิ้ตสีขาวแขนสั้นซึ่งทำให้เห็นท่อนแขนแข็งแรงที่ดูเหมือนจะยังมีรอยสักอยู่อีกหลายจุด
"ฮ่าๆๆ ถูกของคุณหนูเยว่"
"แล้ว..คุณหยางมาดื่มที่นี่บ่อยหรือคะ"
"ใช่...เสร็จจากงานก็มาหาอะไรผ่อนคลาย" เยว่ซินพยักหน้า เธอละสายตาออกจากฟาหยางแล้วมองออกไปนอกกระจกใส บนเวทีนั้นมีดีเจคอยเปิดเพลงให้กับลูกค้าในคลับอยู่
ถึงจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟาหยางถึงได้พาเธอมาที่นี่กัน แต่การมานั่งฟังเพลงสบายๆแล้วหาอะไรดื่มก็ช่วยให้เยว่ซินผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้บ้าง
"ได้เจอผู้ช่วยหรือยัง" ฟาหยางเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้เงียบไปชั่วครู่
"ค่ะ...แต่ยังเกร็งๆกันอยู่บ้าง พรุ่งนี้เลยว่าจะไปดูเสื้อผ้าด้วยกันเผื่อเธอจะหายเกร็งลงบ้างน่ะค่ะ"
"งั้นก็คงจะยากเสียแล้ว" เยว่ซินขมวดคิ้ว หันกลับมาสนใจฟาหยางอีกครั้งที่เขาพูดเช่นนั้น
"คะ?"
"ก็ฉันซื้อคิวคุณหนูเยว่ไว้หมดแล้ว หากพรุ่งนี้จะไปไหน ฉันจะเป็นคนพาไป" เยว่ซินชะงัก ก่อนจะรีบเอ่ยแย้ง
"ไม่ใช่ว่าแค่วันนี้หรือคะ?" ฟาหยางยกยิ้ม เขาโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะยกมือหนานั้นเกลี่ยบนแก้มระเรื่อของคนตรงข้าม
"ผิดแล้วคุณหนูเยว่...ฉันซื้อล่วงหน้าไว้หลายวันเลยต่างหาก" เยว่ซินนั่งนิ่ง เธอโดนฟาหยางเจ้าเล่ห์ใส่เสียแล้ว!
"ไม่ต้องห่วง สำหรับราคาที่ฉันต้องจ่ายนั้นแน่นอนว่าฉันมีให้เยว่ซินไม่จำกัด" ได้ยินเช่นนั้นคนโดนเสนอถึงกับตาลุกวาว ก็แน่ล่ะ อำนาจเงินมันหอมหวานนี่นา...
"แบบนี้ ถ้าจะปฏิเสธก็คงเสียดายแย่" ฟาหยางหัวเราะ เยว่ซินในตอนนี้นั้นน่าจับมาขยี้แก้มเสียจริงๆ
พวกเขาดื่มต่อกันอีกราวๆสองชั่วโมง คนในคลับเริ่มแน่นขึ้น บีทดนตรีในคลับเริ่มเป็นแนวที่เร็วขึ้นจนเยว่ซินอดที่จะโยกตัวตามไม่ได้ ฟาหยางเหลือบมองอีกคนที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ถึงแบบนั้นก็ต้องยอมรับว่าหญิงสาวค่อนข้างคอแข็งเสียทีเดียวที่นั่งดื่มกับเขามาตั้งหลายชั่วโมง
"อืม...คุณหยาง เติมไวน์ให้ฉันหน่อยค่ะ" เสียงหวานเอ่ยสั่งอย่างถือวิสาสะ มือเรียวสวยยื่นแก้วเปล่ามาตรงหน้าของฟาหยาง
"วันนี้เราพอแค่นี้ดีไหม...ฉันจะไปส่งคุณหนูเยว่ที่บ้าน" เยว่ซินส่ายหน้ารัว เธอเร่งเร้าให้ฟาหยางรินไวน์ให้เพิ่มอีก
"อีกสักหน่อยนะคะ ต่ออีกนิดคุณหยาง" คนเมายังคงติดลมจนฟาหยางส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปประคองเยว่ซินเพื่อจะพากลับ หากแต่หญิงสาวกลับปฏิเสธเสียงแข็งทั้งยังพยายามขืนตัวหนี จนอาโปที่ยืนอยู่ด้านนอกต้องรีบเข้ามา
"คุณฟาหยางครับ"
"ไม่เป็นไร...เธอแค่เมา" เสียงตอบของเจ้านายนั้นสร้างความแปลกใจให้อาโป เพราะฟาหยางเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะราวกับเอ็นดูคนในอ้อมแขนเต็มที
"คุณหยาง...อีกสักแก้วนะคะ" ดวงตาสวยช้อนมองกัน เยว่ซินบัดนี้เป็นดั่งกระต่ายตัวน้อยๆไปเสียแล้ว
"พรุ่งนี้มีนัดกับผู้ช่วยคนใหม่ไม่ใช่หรือ ถ้าคุณหนูเยว่ปวดหัวไปไม่ไหวจะแย่เอานะ" ฟาหยางยังคงเอ่ยอย่างใจเย็น เขาลูบศีรษะนั้นเบาๆ มองคนในแขนที่กำลังยู่ปากใส่อยู่อย่างคนโดนขัดใจ
"ไม่ชอบคุณหยางแล้ว!"ฟาหยางชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่อนแขนแกร่งโอบเอาหญิงสาวแนบอก เยว่ซินขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็สู้แรงของอีกคนไม่ได้จนต้องยอมแพ้
"ถ้าเมาแล้วดื้อแบบนี้ ฉันจะไม่ชวนคุณหนูเยว่มาดื่มแล้ว" อาโปก้มหน้าลงให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านายตนเอง เขารู้ดีว่าฟาหยางนั้นสนใจเยว่ซินไม่น้อยแต่ก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้...
"อือ...คุณหยาง...ฟาหยาง" คนเมาพูดไม่เป็นคำ เอาแต่เรียกชื่อของอีกคนจนฟาหยางหัวเราะ เขากระชับคนในอ้อมแขนก่อนจะพาเดินออกจากห้องไปยังที่ลานจอดรถ
"ไปส่งคุณหนูเยว่ที่บ้านของเธอไหมครับ?"
"ไปที่บ้านฉันแล้วกัน เมาแบบนี้ถ้าตื่นมาปวดหัวแล้วจะแย่เอา" อาโปโค้งรับคำสั่ง เขาพาเจ้านายทั้งสองมาที่คฤหาสน์หยาง ซึ่งฟาหยางนั้นก็ปล่อยให้แม่บ้านช่วยดูแลหลี่ เยว่ซินให้
"คุณฟาหยางคะ...ฉันเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนูเยว่เรียบร้อยแล้วค่ะ" ฟาหยางพยักหน้าให้กับแม่บ้านที่เดินมารายงานตน เขาก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ในตอนนี้จึงสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่เท่านั้น
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปยังห้องของเยว่ซินก่อนเพื่อจะดูอีกคน ในห้องปิดไฟมืดมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟบนหัวเตียงเท่านั้นที่พอจะทำให้เห็นว่าเยว่ซินกำลังห่อตัวอยู่กับผ้าห่มผืนหนา
ฟาหยางเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงใกล้ๆกัน มือหนาปัดปอยผมออกให้เล็กน้อยเผื่อเธอรำคาญ ซึ่งกระต่ายน้อยขี้เซานั้นเมื่อได้รับสัมผัสอุ่นๆจากปลายนิ้วของฟาหยางเข้า เยว่ซินขยับตัวเข้าหาเขาอีกเล็กน้อย ริมฝีปากสวยพึมพำเสียงเบา
"อีกแก้วนะคะคุณหยาง" ฟาหยางหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาโน้มตัวลงไปชิดกับคนที่หลับอยู่ ใกล้จนได้กลิ่นหอมของคุณหนูตระกูลหลี่ คนตัวสูงยกยิ้ม พูดกระซิบข้างหูทั้งๆที่รู้ว่าเยว่ซินนั้นคงไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
"ถ้ายังดื่มต่ออีกแก้วแล้วมาทำหน้าอ้อนใส่กันเหมือนที่อยู่ในร้านนั้น ฉันคงกลัวจะอดใจทนไม่ให้งับริมฝีปากของคุณหนูเยว่ไม่ไหวจริงๆ"