Share

บทที่ 9

last update Last Updated: 2025-07-29 05:37:13

ด้วยบารมีการเป็นคนที่ถูกทาบทามจะให้เป็นคู่หมั้นของฟาหยางนั้น อาจูที่เคยบอกผู้กำกับฝูไปว่าจะขอร่วมงานกับเยว่ซินในงานถัดไป ซึ่งตอนนี้เธอเพิ่งได้รับคำตอบกลับของผู้กำกับฝู

'งานตัวใหม่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับลิปสติกค่ะคุณหนูจู ผู้กำกับฝูต้องการผู้หญิงสองแบบ อย่างคุณหนูจูจะได้เป็นสีชมพูหวานๆน่ารักค่ะ'

'ส่วนคุณหนูเยว่จะเป็นสีแดงแบบร้อนแรง' อาจูตอบรับทันที การถ่ายทำจะเริ่มประมาณอาทิตย์หน้า แต่ในสี่วันที่จะถึงผู้กำกับฝูจะนัดไปคุยรายละเอียดเสียก่อน

และจากคำพูดของของฟาหยางในครั้งที่แล้วนั้น มันทำให้อาจูต้องรีบฝึกฝนตนเองไม่ให้น้อยหน้าคุณหนูเยว่ซิน คราวนี้เธอจะให้ฟาหยางนั้นเอ่ยปากชมตัวเองบ้างให้ได้!

เธอต้องคู่ควรที่จะเป็นว่าที่คู่หมั้นของตระกูลหยางให้ได้มากที่สุด และคราวนี้สื่อข่าวต่างๆคงจะเลิกทำข่าวเกี่ยวกับฟาหยางและเยว่ซินเสียที

"อืม...คุณฟาหยางและอาจูเหมาะสมกันที่สุด!"

เยว่ซินตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องที่บ้าน หากแต่เป็นห้องในคฤหาสน์ตระกูลหยางเสียนี่!

มือสวยยกขึ้นขยี้ผมตนเองอย่างแรงจนเสียทรง

แหงล่ะ...เยว่ซินพอจำได้ลางๆว่าเธอเมาไปขนาดไหน แต่ไม่แน่ใจนักว่าเผลอพูดหรือทำอะไรน่าอายลงไปมากน้อยแค่ไหน

"คุณหนูเยว่...ยาแก้เวียนศีรษะหลังดื่มสุราค่ะ" ราวกับรู้ว่าเธอตื่นแล้ว สาวใช้ที่เยว่ซินพอจะจำได้ว่าเคยช่วยดูแลเธอตอนมาพักที่นี่คราวที่แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่มียาและน้ำเปล่าวางอยู่

"ขอบคุณค่ะ" เยว่ซินรับมันมาไว้ในมือ เธอยิ้มให้กับสาวใช้เล็กน้อย

"เอ่อ...คุณหยางไปทำงานหรือยังคะ?"

"ค่ะ...ท่านกำลังรอให้ฉันไปรายงานว่าคุณหนูปวดหัวมากหรือไม่" เยว่ซินเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำไมฟาหยางถึงไม่เข้ามาหาเธอกันนะ?

"พอดีคุณหยางมีแขกน่ะค่ะ" สาวใช้รีบพูดเมื่อเห็นว่าเยว่ซินมีท่าทีสงสัย และพอได้ยินเช่นนั้นคุณหนูตระกูลหลี่จึงพยักหน้ารับ

เยว่ซินจัดการอาบน้ำและทานข้าว ในเที่ยงวันนี้เธอต้องไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่ซูเม่ย ซึ่งพอเยว่ซินอาบน้ำเสร็จและลงมาชั้นล่างเพื่อจะทานข้าวก็พบว่าฟาหยางไปบริษัทเสียแล้ว

"ไหนบอกว่าซื้อคิวกันไว้...ทำไมผิดคำพูดกันเนี่ย" หญิงสาวบ่นอุบอิบ ก็เมื่อวานฟาหยางบอกเองแท้ๆว่าจะไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่ซูเม่ยด้วยกัน

หรือแขกของฟาหยางก่อนหน้านี้จะเป็นคนสำคัญ?

เยว่ซินคร้านจะคิดอีก จัดการทานข้าวให้เสร็จแล้วขอตัวออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลหยาง พอดีกับที่ซูเม่ยส่งข้อความมาหาเธอว่าอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าในปักกิ่งแล้ว

วันนี้จางลี่มีงานที่ต้องทำกับครอบครัวจึงไม่ได้มาด้วยกัน ใช้เวลาเพียงไม่นานเยว่ซินก็ถึงร้านที่นัดกันไว้

"คุณหนูเยว่" เสียงของซูเม่ยที่เอ่ยเรียกทำให้เยว่ซินต้องหันไปมอง อีกคนอยู่ในชุดสไตล์สีดำเหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อวาน หลี่ เยว่ซินวาดรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เธอทักทายเสียงใสซึ่งซูเม่ยก็โค้งรับอย่างลืมตัว

"อย่าสุภาพกับฉันนักสิคะ" เยว่ซินพูดแล้วหัวเราะเบาๆ เธอจับจูงผู้ช่วยของตนเองเข้าร้านเสื้อผ้าที่จางลี่แนะนำมา

"สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจองเป็นชื่ออะไรไว้คะ" พนักงานต้อนรับเข้ามาทักทายพวกเธออย่างนอบน้อม

"เยว่ซิน...หลี่ เยว่ซินค่ะ" หลังจากที่เยว่ซินพูดคุยกับพนักงานสักครู่ เธอก็เชิญทั้งสองคนไปด้านใน

ซูเม่ยนั้นไม่ค่อยจะกล้าหยิบจับเท่าไหร่นัก ก็ดูด้วยสายตาแล้วราคาน่าจะแพงกว่าเงินเดือนของเธอแน่ๆ!

"พี่ซูเม่ย ดูตัวนี้สิคะ" แต่คนเป็นเจ้านายนั้นหยิบตัวนู้น เลือกตัวนี้อย่างเพลิดเพลิน เยว่ซินหยิบเสื้อคอจีนหลายตัวมาให้ซูเม่ยลอง อีกทั้งสีของมันก็ไม่ใช่สีดำแบบที่ซูเม่ยชอบใส่ทุกที

"คุณเยว่ซินคะ..คือว่า..." ซูเม่ยค่อนข้างลำบากใจที่จะซื้อมันจริงๆจึงได้แค่ส่ายหน้าปฏิเสธ

"พี่ซูเม่ยใส่สีขาวแล้วน่าจะดูดีนะคะ" ดวงตาเป็นประกายราวกระต่ายน้อยทำซูเม่ยต้องยอมแพ้

เธอเดินไปยังห้องลองเสื้อแล้วลองสวมมันให้คุณหนูหลี่ดู ซึ่งหญิงสาวนั้นปรบมือแล้ววาดรอยยิ้มกว้าง

"สวยจริงๆด้วย!" ซูเม่ยทำตัวไม่ถูกนัก เธอไม่เคยโดนใครชมแบบนี้มาก่อน แถมคนๆนี้ยังเป็นถึงคุณหนูหลี่ เยว่ซินเสียด้วย!

"อืม...เอาตัวนี้ค่ะ" เยว่ซินหยิบเสื้อแบบเดียวกันกับที่ซูเม่ยลองแต่เป็นหลายๆสีให้กับพนักงาน ส่วนอีกคนได้แต่ยืนนิ่งมองเจ้านายตนเองเท่านั้น

"คุณหนูเยว่เอาไปทำอะไรเยอะแยะคะ?" ซูเม่ยเอ่ยถามหลังจากที่เข้าไปเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวเดิมออกมา

"ของพี่ซูเม่ยค่ะ"

"คะ?" ซูเม่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจแถมยังเผลออุทานออกมาเสียงดังจนเยว่ซินหัวเราะ

"อืม...ใส่สีละวันเลยดีไหมคะ?"

"คุณหนูเยว่...คือว่าฉันไม่ได้มีเงิน...เอ่อ..." ซูเม่ยค่อนข้างลำบากใจที่จะพูด หากแต่เยว่ซินทำเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้างดงามยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเสมอ

"ใครให้พี่จ่ายคะ...อันนี้ฉันซื้อให้เป็นของขวัญต้อนรับต่างหาก" ซูเม่ยนิ่งค้าง ของขวัญต้อนรับเธออย่างนั้นหรือ?

"แต่ว่ามันเยอะไปนะคะ ฉันรับมันไม่ไหว" ดูๆแล้วราคาคงไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว เพราะนอกจากเสื้อแบบที่ซูเม่ยลองซึ่งเยว่ซินเลือกซื้อไปทุกสีที่มีแล้วยังมีเดรสสุภาพและกี่เพ้าอีกสอง สามตัว

สรุปแล้ววันนี้เยว่ซินจะมาซื้อเสื้อผ้าให้ตนเองหรือให้เธอกันแน่?

"พี่คงไม่หักหาญน้ำใจฉันหรอกใช่ไหมคะ?" เยว่ซินช้อนตามองผู้จัดการตนเอง ริมฝีปากสวยเบะลงเล็กน้อยจนคนได้มองใจอ่อนยวบ

"ขอบคุณคุณหนูค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานเป็นการตอบแทน" เมื่อได้ยินดังนั้นเยว่ซินถึงกับหัวเราะออกมา ผู้จัดการเธอคนนี้ดูเคร่งขรึมทั้งยังใสซื่อเสียจริง

"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ...ฉันให้ก็เพราะฉันชอบพี่ซูเม่ยต่างหาก" ซูเม่ยตั้งตัวไม่ทัน ทั้งๆที่เพิ่งได้เจอกันเพียงครั้งเดียวแต่เหมือนว่าเยว่ซินนั้นมอบความวางใจไว้เธอให้เสียแล้ว...

"เป็นคนทำงานร่วมกันเราต้องรักกันไว้นะคะ!" พูดจบเยว่ซินก็เดินออกไปจ่ายเงินกับพนักงานทิ้งไว้แค่ซูเม่ยที่ยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม เธอไม่คิดว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอจะเป็นเช่นนี้ เพราะซูเม่ยนั้นผ่านเจ้านายแบบเก่าๆมาหลายคนนั้นทั้งชอบเอารัดเอาเปรียบและเธอไม่เคยได้รับอะไรดีๆเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เสร็จจากร้านเสื้อผ้าทั้งคู่ก็แวะเข้าออกอีกหลายร้าน เยว่ซินดูสนุกที่ได้เพื่อนร่วมซื้อของด้วยกันต่างจากซูเม่ยที่หน้าซีด เหงื่อออกเมื่อเห็นราคาที่คุณหนูเยว่ต้องจ่าย!

"คุณหนูเยว่ใช้เงินเก่งกว่าที่ฉันคิดนะคะ" คนมีศักดิ์เป็นรุ่นพี่เอ่ยพูดเมื่อตอนนี้ทั้งคู่นั่งพักกันอยู่ที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง

"ที่จริงก็ไม่ใช้เยอะขนาดนี้หรอกค่ะ แต่พอดีมีคนซื้อคิวเมื่อวานฉันไปทั้งวันเลยแถมยังให้ค่าตัวเยอะแบบที่ฉันรับงานได้สักสองเดือนน่ะค่ะ" เยว่ซินตอบพร้อมด้วยเสียงหัวเราะคลอ แต่กลับสร้างความตกใจให้คนฟัง

เพียงแค่วันเดียวแต่กลับได้รับเงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือ?

"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ มันไม่ใช่งานอะไรที่ไม่ดี อีกอย่างคนที่ซื้อคิวฉันก็เป็นถึงมาเฟียแผ่นดินจีน" ซูเม่ยยังคงไม่เข้าใจที่อีกคนพูดแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ อย่างน้อยๆเยว่ซินก็ไม่ได้รับงานที่ไม่ดี

หลังจากที่ทานเสร็จ ทั้งสองคนก็แยกย้ายกันกลับ ซูเม่ยเดินมาส่งคุณหนูเยว่ที่รถ

"อีกสี่วันเราต้องไปคุยรายละเอียดกับผู้กำกับฝูที่ถ่ายโฆษณาลิปสติกนะคะ" เยว่ซินพยักหน้า

"อ้อ...งานนี้ถ่ายร่วมกับคุณหนูจูนะคะ" มือเรียวที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงักไปเล็กน้อย ถ่ายร่วมกับอาจูงั้นหรือ?

"เดี๋ยวฉันจะส่งรายละเอียดอื่นๆไปให้นะคะ ช่วงเช้าฉันจะไปรับคุณหนูที่บ้านค่ะ"

"ขอบคุณนะคะพี่ซูเม่ย" ซูเม่ยบอกลาเจ้านายตัวเองก่อนจะแยกไปอีกทาง ส่วนเยว่ซินนั้นได้แค่คิดวนๆอยู่ในหัว

เอาอีกแล้วสิ...เหตุการณ์ที่เธอไม่เคยได้อ่านในนิยายมาก่อนน่ะ...

หลังจากนั้นสี่วัน เยว่ซินและซูเม่ยก็ไปคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับผู้กำกับฝู และอีกสามวันต่อมาก็ต้องไปถ่ายงานจริง

เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ในอาทิตย์นี้ฟาหยางหายไปจากเธอเลย ไม่ได้ติดต่อกลับมาและไม่ตอบกลับข้อความที่เธอเคยส่งไปขอบคุณสำหรับที่ให้เธอพักในคฤหาสน์ตระกูลหยางวันนั้น

แม้จะอยากรู้นักว่าฟาหยางหายไปไหนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แถมเยว่ซินจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านี่มันคือช่วงไหนของนิยายที่เคยอ่าน...

"เป็นยังไงคะพี่ซูเม่ย" หญิงสาวหันมาถามผู้จัดการตนเองที่นั่งรอเธอแต่งหน้าทำผมอยู่ด้านหลัง

"แต่งหน้าลุคนี้เข้ากับคุณหนูเยว่ดีค่ะ" เยว่ซินยิ้มกว้าง เธอชวนซูเม่ยคุยต่อในระหว่างที่รอทำผมให้เสร็จ

"สวัสดีค่ะพี่เยว่ซิน" แต่ระหว่างนั้นใครอีกคนก็เข้ามาทักเธอเสียงใส อีกฝ่ายอยู่ในชุดเซ็ทสีขาวดูสุภาพเรียบร้อย ใบหน้าหวานสมกับเป็นนางเอกนั้นทำให้เยว่ซินยิ้มรับ

"สวัสดีอาจู" อาจูเดินเข้ามาพร้อมกับใครบางคนที่เยว่ซินไม่รู้จักและเมื่อสี่วันก่อนที่เธอมาคุยงานกับผู้กำกับฝูก็ไม่เคยเห็น และเหมือนว่าเธอจะจ้องอีกฝ่ายมากเกินไปอาจูจึงเอ่ยปากแนะนำตัวให้

"นี่คือผู้จัดการที่คุณพ่อหามาให้อาจูค่ะ เธอชื่ออาผิง" เยว่ซินค้อมศีรษะให้เล็กน้อยส่วนอีกฝ่ายก็โค้งตัวให้เช่นกัน

"นี่เป็นครั้งแรกของอาจูเลยนะคะ ตื่นเต้นจริงๆ" คนที่มีศักดิ์เป็นนางเอกของเรื่องลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆกัน เธอวาดรอยยิ้มสวยจนทีมงานในห้องต่างเอ็นดูเธอไปตามๆกัน

"ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหนูจู น่ารักแบบนี้ยังไงงานก็ต้องออกมาดีแน่ค่ะ" ช่างทำผมเอ่ยชมก่อนที่คนในห้องจะเอ่ยปากชมกันไม่หยุด

"ขอบคุณนะคะพี่ๆ ถ้าอาจูผิดพลาดตรงไหนฝากเตือนด้วยนะคะ"

"ได้สิคะ พี่ยินดีช่วยคุณหนูจูเต็มที่" ตอนนี้เยว่ซินราวกับอากาศที่ไม่มีใครสนใจอีก เธอลุกจากเก้าอี้เพื่อจะไปแต่งตัวแต่กลับโดนนางเอกของเรื่องรั้งไว้เสียก่อน

"ให้อาจูไปช่วยนะคะพี่ซิน" หญิงสาวลุกขึ้นมาเกาะแขนเยว่ซินไว้

"ไม่รบกวนคุณหนูจูดีกว่านะคะ ฉันจะเป็นคนช่วยคุณหนูเยว่เองค่ะ" เยว่ซินที่ไม่ทันได้พูดอะไรกลับโดนซูเม่ยแทรกขึ้นก่อน

"อ้อ พี่ซูเม่ยนี่เอง จำอาจูได้ใช่ไหมคะ" อีกฝ่ายยังคงยิ้มสดใสมาให้ หากแต่ซูเม่ยนั้นแค่มองนิ่งๆ

"ไว้ค่อยคุยต่อแล้วกันนะอาจู ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ทุกคนเขารอทำงานต่อกันอยู่น่ะ"

"อ๊ะ!จริงด้วยค่ะ อาจูขอโทษนะคะ" ใบหน้าหวานดูเศร้าลงหากแต่เยว่ซินก็ไม่มีเวลามาปลอบใจอีกฝ่ายเท่าไหร่จึงเดินแยกออกไปแต่งตัว

ผ่านไปไม่นานเยว่ซินเดินเคียงคู่มากับผู้จัดการ ในกองถ่ายตอนนี้ดูครึกครื้นเพราะอาจูนั้นเล่าเรื่องอะไรบางอย่างอยู่

"คุณหนูจูเล่าเรื่องเก่งจริงๆ"

"ขอบคุณค่ะ อ๊ะ...พี่เยว่ซิน~" บทสนทนาหยุดลงเมื่ออาจูหันมาเจอเธอ อีกฝ่ายรีบเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง

"พี่เยว่ซินสวยจังเลยค่ะ"

"ขอบคุณนะ" เยว่ซินอยู่ในชุดเซ็ทคล้ายๆกับอาจูเพียงแค่ของเธอนั้นเป็นคนละสี เสื้อครอปโชว์เอวคอดยิ่งทำให้เยว่ซินดูราวกับนางแบบชื่อดัง

"งั้นมาเริ่มกันเลย" เสียงผู้กำกับฝูช่วยดึงให้ทุกคนกลับมาโฟกัสที่งานกันต่อ ส่วนซูเม่ยและอาผิงนั้นก็เดินไปนั่งอยู่ไม่ไกลจากจอมอนิเตอร์

ซูเม่ยปรายตามองอีกคน ไม่รู้ว่าเพราะเธอคิดมากไปเองหรือไม่ แต่ซูเม่ยรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนๆนี้เอาเสียเลย...

"อาจูไม่ต้องเกร็งไหล่นะครับ...ผ่อนคลายลงหน่อย"

"อาจูช่วยหันโปรดักส์มาฝั่งขวาหน่อยครับ"

"เติมหน้าให้คุณหนูจูด้วย" เสียงของช่างกล้องและผู้กำกับฝูดังสลับกันไป เยว่ซินมองอีกคนที่หน้าถอดสีไปจากเดิม อาจูเป็นคนที่สวยและเก่งก็จริงแต่เพียงแค่เธอไม่เคยทำก็เท่านั้น เยว่ซินคิดว่ายังไงถ้านางเอกคนนี้จะลองทำไปเรื่อยๆล่ะก็คงไม่พ้นเป็นเบอร์ต้นๆของวงการบันเทิงเป็นแน่

ส่วนฝั่งอาจูนั้นได้แต่สงสัยในใจ เธอคิดถึงคำที่ฟาหยางเคยพูดได้ แม้ว่าเยว่ซินจะเพิ่งลองทำงานด้านนี้แต่กลับทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ ไม่ว่าผู้กำกับฝูจะบรีฟอะไรก็ดูจะทำได้ถูกใจไปเสียหมด

"งั้นเราพักกันสักหน่อยดีกว่า" ผู้กำกับฝูเอ่ยสั่ง ซึ่งอาจูนั้นหน้าเสียลงกว่าเก่า เธอแน่ใจว่าต้องเป็นเพราะเธอจึงทำให้กองต้องชะงัก

"ปกติผู้กำกับฝูจะปล่อยพักอยู่แล้วน่ะ...อาจูไม่ต้องคิดมากไป" เยว่ซินพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคน เธอรู้ว่านางเอกคนนี้กดดันมากแค่ไหน ซึ่งไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเป็น

"งั้นหรือคะ...อาจูตกใจแทบแย่" ใบหน้าหวานกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง

"ไปนั่งพักสักหน่อยเถอะ"

"ค่ะพี่เยว่ซิน" เยว่ซินเดินไปหาซูเม่ยที่นั่งรออยู่ ในมือของผู้จัดการตนเองมีแก้วชาถือไว้รออยู่ก่อนแล้ว

"ชาสักหน่อยนะคุณหนูเยว่" มือเรียวรับมาดื่ม เยว่ซินนั่งลงข้างๆกัน ซูเม่ยไม่ได้พูดอะไรเพราะอยากให้หญิงสาวได้พัก เธอก้มหน้าลงเช็คงานที่มีหลายแบรนด์ติดต่อเข้ามา

ส่วนเยว่ซินนั้นนั่งดื่มชาเงียบๆรอผู้กำกับฝู ในระหว่างที่เธอกำลังผ่อนคลายกับช่วงเวลาพัก อยู่ๆด้านหลังกลับมีใครบางคนเซเข้าหาแล้วกระแทกใส่

"ว้าย!คุณหนูเยว่" น้ำชาร้อนๆที่อยู่ในแก้วพลันหกลงบนลาดไหล่ของเยว่ซิน หญิงสาวสะบัดตัวออกหนีความร้อนจึงได้เห็นว่าใครที่อยู่ด้านหลัง

"ผะ..ผิงผิงขอโทษค่ะ! คือเท้ามันสะดุด" ผู้จัดการส่วนตัวของอาจูหน้าซีดมองเยว่ซินอย่างตกใจ ซึ่งไม่เพียงแค่เธอเท่านั้นแต่คนในกองก็ตกใจเช่นเดียวกัน

"คุณหนูเยว่!" มีเพียงซูเม่ยที่รีบคว้าผ้าแถวเก้าอี้ที่พาดไว้มาเช็ดให้ ผิวขาวราวหิมะของเยว่ซินนั้นแดงอย่างรวดเร็ว

"เจ็บไหมคะ...โดนลวกตรงไหนบ้าง" ความแสบร้อนกัดกินผิวจนเยว่ซินเบ้หน้า แม้รู้สึกเจ็บแต่เธอยังคงเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากให้ทั้งกองแตกตื่น

ผู้กำกับฝูรีบเข้ามาดูพร้อมบอกว่าจะพาไปโรงพยาบาล

"ไม่เป็นไรค่ะผู้กำกับฝู ทายาหน่อยเดี๋ยวก็หาย" ซูเม่ยรีบเอ่ยแย้งเสียงแข็งเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"ไม่ได้นะคะ ผิวแดงขนาดนี้ฉันว่ารีบไปหาหมอเถอะค่ะ"

"พี่ซูเม่ยคะ เยว่ซินไม่ได้เป็นอะไร" ซูเม่ยขมวดคิ้ว เธอยังคงบรรจงเช็ดให้กับเจ้านายตนเอง

"อาจูขอโทษแทนอาผิงด้วยนะคะ" เยว่ซินมองอาจูที่เดินเข้ามาหาพร้อมด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า ส่วนผิงผิงนั้นก็ยังคงหน้าซีดเช่นเดิม

"ผิงขอโทษค่ะคุณหนูเยว่"

"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของเธอมันก็แค่อุบัติเหตุ" ซูเม่ยนั้นแม้ขัดใจเจ้านายตนเองมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

"งั้นวันนี้เราเลิกกองแค่นี้แล้วกัน คุณหนูเยว่ไปเช็คที่โรงพยาบาลเสียหน่อยก็คงดี เอาไว้แผลหายแล้วค่อยมาถ่ายต่อ" เมื่อผู้กำกับฝูเอ่ยเช่นนั้นเยว่ซินจึงได้แค่พยักหน้าตกลง แม้อยากจะถ่ายให้เสร็จๆในวันนี้แต่เธอก็แสบช่วงไหล่มากจริงๆ

"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันค่ะ" ซูเม่ยช่วยประคองเจ้านายตนเองไปยังห้องเปลี่ยนชุด เธอหมายมาดไว้ในใจว่ามีโอกาสเมื่อไหร่จะมาคุยกับผิงผิงคนนั้นให้รู้เรื่อง!

เยว่ซินกลับถึงบ้านโดยไปซื้อแค่ยาทาจากร้านขายยาเท่านั้นและไม่ไปโรงพยาบาล หญิงสาวเห็นว่ามันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นแม้ว่าจะโดนซูเม่ยดุอยู่หลายคำก็ตาม

"หากรู้สึกบาดเจ็บขึ้นมารีบโทรมาหาฉันนะคะ ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็ตาม" เยว่ซินยิ้มให้กับซูเม่ยที่พูดเช่นนั้น เธอรู้สึกซาบซึ้งมากจริงๆที่ซูเม่ยเป็นห่วงกันมากขนาดนี้

"ขอบคุณค่ะ แต่ฉันดูแลตัวเองได้จริงๆ"

"พรุ่งนี้ฉันจะยกเลิกงานของคุณหนูเยว่นะคะ"

"ได้ไงคะ เดี๋ยวคืนนี้ทายาไปก็หายแล้วค่ะ"

"ไม่ได้ค่ะ คุณหนูเยว่ต้องพักผ่อน หากแผลอักเสบขึ้นมาจะเป็นยังไง" เยว่ซินทอดถอนใจ ดูเหมือนผู้จัดการของเธอจะดุกว่าที่คิด

"งั้นขอแค่งานช่วงเช้าได้ไหมคะ ส่วนที่เหลือพี่ซูเม่ยยกเลิกไปได้เลย"

"แต่ว่า..."

"นะคะ...ช่วงเช้าเป็นสัมภาษณ์ที่ฉันอยากจะออกเสียด้วย" ซูเม่ยถอนหายใจ โดนสายตาราวกระต่ายน้อยจ้องมองกันเช่นนี้แล้วปฏิเสธได้ยากเสียจริง

"แค่งานเดียวนะคะ ส่วนที่เหลือฉันจะยกเลิกทั้งหมด"

"แน่นอนค่ะ! งั้นไว้เจอกันนะคะ" เยว่ซินโบกมือลาผู้จัดการส่วนตัวแล้วลงจากรถ ซึ่งเมื่อลับสายตาของซูเม่ยนั้นเยว่ซินก็เบะปากแทบจะร้องไห้ออกมา

"โดนน้ำร้อนลวกนี่แสบใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย"

แน่นอนว่าเช้าต่อมาเยว่ซินมาทำงานจริงๆ เมื่อคืนนั้นลำบากอยู่เหมือนกันที่เธอจะต้องอาบน้ำและทาแผลเอง เรื่องนี้จางลี่รู้แล้วเพราะซูเม่ยนั้นส่งข้อความไปบอก

เยว่ซินโดนเพื่อนบ่นยาวที่ไม่ไปโรงพยาบาล จางลี่แทบจะบินกลับมาจากญี่ปุ่นเพราะจะมาจัดการคนดื้อ...แต่ก็นั่นแหละ จางลี่มาไม่ได้เพราะติดงานกับครอบครัว

"ตายจริง ฉันลืมยาทาไว้ในรถ เดี๋ยวไปเอาสักครู่นะคะ" เพราะเมื่อเช้าเยว่ซินรีบมาจึงไม่ได้ทายามาก่อน ซูเม่ยจึงบอกให้เอายามาและจะทาให้เมื่อถึงสตูดิโอ

"ค่ะ งั้นฉันจะอ่านสคริปต์รอนะคะ" ซูเม่ยพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกไป ทั้งสองคนอยู่ในห้องส่วนตัวกันเพราะเยว่ซินต้องดึงเสื้อลงเวลาทายาซึ่งแผลนั้นลากยาวลงจากไหล่ไปที่หลัง

ราวๆห้านาทีต่อมาเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น เยว่ซินยังคงก้มหน้าอ่านสคริปต์ต่อไปแต่เพราะซูเม่ยไม่พูดอะไรเลยทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้ามอง

"ไม่ทาเหรอคะพี่ซูเม่ย..." เสียงหวานชะงักค้างเมื่อเยว่ซินเงยหน้าขึ้นและมองผ่านกระจกกลับไม่ใช่ซูเม่ย

"คุณฟาหยาง" เป็นคนที่หายหน้าหายหน้าไปเป็นอาทิตย์ต่างหาก

ฟาหยางตอนนี้อยู่ในลุคที่ไม่คุ้นเคย เชิ้ตสีขาวแขนยาวนั้นดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ทั้งยับและติดกระดุมไม่ครบซึ่งแตกต่างจากมาเฟียแผ่นดินจีนที่ดูเนี้ยบตลอดเวลา

"คุณมาได้ไงคะ..แล้วพี่ซูเม่ย..." ใบหน้าหล่อฉายแววหงุดหงิด ฟาหยางเดินเข้ามาใกล้แล้วหมุนเก้าอี้ที่เยว่ซินนั่งอยู่ให้หันไปหาเขา มือหนาทั้งสองข้างวางลงที่วางแขนของเก้าอี้เป็นผลให้เยว่ซินโดนกักอยู่ในบริเวณของฟาหยาง

"คุณหยางคะ?" เมื่อเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของฟาหยาง เยว่ซินจึงเอ่ยเรียก มือเรียวแตะเบาๆที่ท่อนแขนแกร่ง

"ฉันจะทำยังไงกับเธอดีคุณหนูเยว่?" เสียงทุ้มถามน้ำเสียงยังคงดูหงุดหงิดเช่นเดิม

"ฉันรู้เรื่องเมื่อวานแล้ว ถ้าผู้กำกับฝูไม่บอกเธอคงไม่คิดจะบอกฉันใช่ไหม?" ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองกันทำเอาเยว่ซินรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

ฟาหยางตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติมากจริงๆ

"ก็ฉันไม่รู้ว่าคุณหายไปไหนนี่คะ...อีกอย่างเมื่อวานมันก็แค่อุบัติเหตุ" ฟาหยางถอนหายใจ เขาละตัวออกเล็กน้อย

"เจ็บตรงไหน"

"..."

"โดนน้ำร้อนลวกตรงไหนบ้างคุณหนูเยว่" เยว่ซินเม้มริมฝีปากเมื่ออยู่ๆฟาหยางกลับถามด้วยความอ่อนโยนลง มือหนาแตะไปทั่วแขนราวกับจะหาบาดแผล

"เอ่อ..แถวๆนี้น่ะค่ะ" เยว่ซินชี้ไปยังไหล่

"ไปหาหมอหรือยัง ยาทาอันนี้ได้มาจากโรงพยาบาลใช่ไหม" เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ในมือของฟาหยางมียาทาของเธออยู่

"เมื่อกี้เจอกับผู้ช่วยคนนั้นฉันเลยขอมา" หญิงสาวพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"ฉันไปซื้อจากร้านขายยาน่ะค่ะ...เห็นว่ามันไม่เป็นอะไรมาก"

"ฉันอยากจะดุเธอให้แรงกว่านี้ ดุจนเด็กดื้อแบบเธอเบะปากน้ำตาคลอเลยเป็นอย่างไร?" เยว่ซินหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของฟาหยางที่บัดนี้ดูไม่สบอารมณ์จนเก็บอาการไม่อยู่ มันดูน่ากลัวก็จริงแต่ในนั้นก็ยังมีความหน่ายใจอย่างเห็นได้ชัด

"ฉันโดนทั้งพี่ซูเม่ยและจางลี่ดุมาเยอะแล้วค่ะ งั้นคุณหยางช่วยปลอบฉันได้ไหมคะ"

"..."

"นะคะ?" ฟาหยางนั้นพยายามหักห้ามใจตนเองไม่ให้เผลอไปบีบปากที่เอ่ยคำพูดน่ามันเขี้ยวของคุณหนูเยว่

"ฉันจะทายาให้"

"แต่ว่า..."

"ไม่งั้นฉันก็จะดุอีก เอางั้นไหม?" เยว่ซินยอมแพ้ เธอหันหลังให้ฟาหยางแล้วค่อยๆเลิกเสื้อตรงช่วงไหล่ออก

"ทาแค่ช่วงไหล่ก็ได้ค่ะ"

"แล้วแผลมันมีตรงไหนอีก"

"..."

"คุณหนูเยว่" ฟาหยางไม่หยุดใช้เสียงดุจนเยว่ซินนั้นปฏิเสธไม่ได้

"ก็ล่างลงไป...แถวๆหลังค่ะ" ฟาหยางบีบยาลงใส่มือ เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคุณหนูเยว่ กลิ่นหอมประจำตัวของฟาหยางทำให้อีกคนเผลอเกร็งตัวชั่วครู่

เยว่ซินสะดุ้งเล็กน้อยยามที่ความเย็นของยาสัมผัสกับผิว ฟาหยางค่อยๆวนอย่างเบามือแต่ใบหน้านั้นเรียบตึงเพราะเยว่ซินดูผ่านทางกระจก

จะไม่ให้เขาหงุดหงิดได้อย่างไร ก็ผิวขาวของเยว่ซินนั้นกลายเป็นสีแดงขนาดนี้ เพียงแค่เขามีปัญหาด่วนจากฮ่องกงไม่กี่วันแต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเสียนี่?

แถมคนทำยังเป็นผู้จัดการฝึกหัดของอาจูที่อยู่ๆก็สนใจมาทำงานนี้ร่วมกับเยว่ซินด้วยแล้วนั้นฟาหยางยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ หากมีเวลาเขาจะขอพบอาจูเป็นการส่วนตัว

"เจ็บหรือเปล่า"

"ไม่ค่ะ...ยามันเย็น" ถึงจะมีความแสบๆอยู่บ้างแต่เยว่ซินก็ไม่กล้าบอก

"ฉันบอกผู้กำกับให้แล้วว่ายกเลิกงานไปก่อน"

"คะ?" เยว่ซินหันไปหาฟาหยางอย่างรวดเร็ว

"ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะจัดการเอง คุณหนูเยว่เตรียมตัวเก็บของแล้วกลับกับฉัน"

"แต่ว่าคุณหยางคะ..." เธออุตส่าห์ขอพี่ซูเม่ยมาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำงานอยู่ดีเนี่ยนะ!

"แต่ถ้าคุณหนูเยว่อยากจะทำต่อฉันก็ไม่ว่า เพียงแต่ผู้จัดการต้องรับผิดชอบ"

"แต่มันไม่เกี่ยวกับพี่ซูเม่ยนะคะ"

"ฉันเชื่อว่าถ้าอาโปอยู่ตรงนั้น เขาจะไม่ทำตามคำสั่งคุณหนูและพาไปโรงพยาบาลแน่" เยว่ซินยอมเงียบคำ เพียงแค่เธอได้แผลเล็กน้อยเองทำไมทุกคนถึงชอบทำตัวโอเวอร์กันนักนะ! ทั้งพี่ซูเม่ย จางลี่และฟาหยางด้วย!

เมื่อเถียงไปก็แพ้ เยว่ซินจึงยอมเก็บของแต่โดยดี ซูเม่ยที่รออยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเจ้านายตนเองออกมาจึงรีบเข้าไปหา

"เธอกลับไปได้ เดี๋ยวฉันจะไปส่งคุณหนูเยว่เอง" ฟาหยางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ มือข้างหนึ่งของเขาประคองเยว่ซินไว้หลวมๆ

ซูเม่ยรับคำ โค้งให้ทั้งสองคนก่อนจะเดินออกไป ตอนนี้ในกองสำหรับถ่ายทำยังมีทีมงานอยู่ พวกเขาต่างสงสัยกันนักว่าทั้งคู่นั้นสนิทกันถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!

แม้อยากจะเงยหน้าดูภาพของฟาหยางและเยว่ซินให้เต็มตาแต่ก็ทำไม่ได้! เมื่ออยู่ต่อหน้าฟาหยางนั้นต้องสำรวมสายตามากที่สุดเพราะใครๆก็ไม่อยากมีปัญหากับมาเฟียแผ่นดินจีนคนนี้

ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ตระกูลหยาง เยว่ซินยอมนั่งนิ่งๆเป็นตุ๊กตาให้ฟาหยางพาดแขนผ่านหลังเธอไปแล้วม้วนผมเธอเล่นๆในขณะที่บนหน้าจอทีวีเครื่องใหญ่กำลังฉายภาพยนตร์

ฟาหยางดูหงุดหงิดน้อยลงเมื่อเยว่ซินตอบตกลงมาดูหนังกับเขา

"คุณหยางไม่มีงานหรือคะ" อดสงสัยไม่ได้เพราะความจริงตอนนี้ฟาหยางควรไปทำงานมากกว่ามานั่งดูหนังอยู่กับเธอตรงนี้ไหม?

"ฉันยกเลิกไปหมดแล้ว วันนี้อยากพัก" เยว่ซินพยักหน้า ก็พอเข้าใจว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาฟาหยางคงไปทำงานมาเยอะจริงๆ

"งั้นก็ไม่เห็นจะต้องพาฉันมาด้วยนี่คะ?...ถ้าเป็นคุณหนูจู..." คำพูดถูกชะงักยามที่ฟาหยางขยับเข้ามาใกล้ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววขุ่นเคืองเล็กน้อย

"ถ้าไม่อยากให้ฉันดุก็ไม่ควรพูดชื่อคนอื่นตอนที่เราอยู่ด้วยกันรู้ไหมคุณหนูเยว่" เสียงนั้นเรียบนิ่งจนเยว่ซินต้องละสายตาออกจากฟาหยาง

แต่นั่นมันนางเอก และจะเป็นภรรยาของคุณในอนาคตที่อยู่ในนิยายนะคะ! เยว่ซินเถียงอยู่ในใจ

ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผ่านไปสักพักจนเยว่ซินรู้สึกหนักที่ไหล่จนต้องหันไปมอง

"คุณหยางคะ?" เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อฟาหยางทิ้งตัวลงมาหาเธอ เส้นผมคลอเคลียอยู่แถวแก้ม ใกล้จนเยว่ซินได้กลิ่นหอมของอีกคน

"ฟาหยาง?" เอ่ยเรียกอีกครั้งแต่ไร้เสียงตอบรับ เป็นผลให้เยว่ซินรู้ว่าตอนนี้ฟาหยางคงเผลอหลับเสียแล้ว

ในขณะเดียวกันอาโปที่ตั้งใจจะเดินมารายงานผลหุ้นแก่บริษัทให้กับฟาหยางจำต้องชะงักเมื่อเห็นภาพเจ้านายในห้องนั่งเล่น

เขารู้ดีว่าฟาหยางโกรธเกรี้ยวและเร่งรีบขนาดไหนตอนที่รู้ว่าคุณหนูเยว่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งคนสนิทของฟาหยางนั้นรู้ดีว่าเขาเป็นคนหลับยากเพราะภาระงานที่แบกไว้จนติดกลายเป็นนิสัย

หากแต่ตอนนี้กลับเผลอหลับไปข้างๆคุณหนูหลี่ เยว่ซินคนนั้นทั้งยังไม่ใช่ในห้องตัวเองเสียด้วย?

อาโปก้าวเท้าถอยกลับตัดสินใจไม่ไปรบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้านาย

"คุณหนูจูกับคุณหนูเยว่?...ใครจะเป็นนายหญิงของตระกูลหยางกันล่ะเนี่ย..."
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 139

    "หอมด้วย" ยังชมอยู่ไม่ขาดปาก เยว่ซินพูดขอบคุณเสียงเบาก่อนจะกล่าวชมเขาไม่ต่างกัน ผลัดกันหอมผลัดกันจูบอยู่สักพักถึงได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากชั้นล่าง "เอาอีกแล้วเจ้าพวกลูกลิง" ฟาหยางผละตัวออกพลางเสยผมตัวเองลวก ๆ เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นหลุดหัวเราะก่อนจะเดินตามสามีตัวเองไปชั้นล่างเพื่อไปหาเจ้าลูกลิ

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 138

    "ได้ เหล่ากงรอเธอเป็นกวางเสียก่อน" "..." "ถึงตอนนั้นแล้วจะเอาให้ขู่ไม่ออกเลย" คนฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ แค่คิดถึงชุดที่ทั้งฟาหยางและเจ้าแฝดเลือกกันให้เมื่อคืนนี้ก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย "ส่วนของขวัญที่อาซินถาม..." หัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ที่ข้ามไปถูกดึงกลับมาพูดอีกครั้ง คราวนี้ฟาหยางก็ถอดเสื้อ

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 137

    "ปะป๊าไม่กินผัก" "หม่าม๊าดุเลย" แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังตามหลัง เจ้าเด็กแสบทั้งสองดูจะชอบใจที่ได้แกล้งปะป๊าของตัวเอง ผ่านไปสักพักกว่ามื้อค่ำจะเสร็จสิ้น เยว่ซินพาอาเฟยหลงและอาเฟิ่งไปอาบน้ำส่วนฟาหยางก็เคลียร์เอกสารอีกเล็กน้อย กลับมาที่ห้องนอนก็เห็นว่าทั้งสามคนอยู่ในชุดนอนแบบเดียวกันเสียแล้

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 136

    ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายห

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 135

    เสื้อยืดกับฟาหยางคือสิ่งต้องห้ามกันจริง ๆ ! อยู่ทักทายและเล่นกับสองเฟยได้ครู่หนึ่งคุณหนูตระกูลจางก็ต้องขอตัวกลับ คราวนี้ก็ได้เวลาที่เยว่ซินต้องเข้าครัวทำอาหารและขนมสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ผ้ากันเปื้อนสีชมพูถูกหยิบยกขึ้นมาสวมดูแล้วน่ารักจนคนมองอดใจไม่ไหวเอ่ยปากชมกันเสียทุกคน "คุณหนูเยว่สวมแล้วน่า

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 134

    "หม่าม๊า เฟิ่งหยิบลูกบอลไม่ถึงครับ" เป็นเฟยเฟิ่งที่กลับเข้ามาเพื่อจะหยิบของเล่นแต่เอื้อมไม่ถึง เหล่าลูกน้องตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่ถึงได้ตะโกนเรียกหม่าม๊าตัวเองเสียงดัง “คุณหยาง ปะ…ปล่อยซินก่อนค่ะ” ได้ยินเสียงฟาหยางจิ๊ปากแผ่วเบา เขายอมปล่อยเยว่ซินให้ปีนลงจากตักได้ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องไปหาลูกชา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status