ลิชาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาลงช้าๆ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่บางเบาที่กำลังเป่ารดลำคอ
ฝ่ามือหนาจับปลายคางมนให้หันหน้ากลับมาสบตา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่โพรงปากเล็กจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่ก…แค่ก…”
เมื่อสบจังหวะลิชาจึงรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่บุรินทร์ภัทรกลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ
“เฮียแฟรงก์ ชากลัว” บอกผ่านน้ำเสียงหวาดหวั่น เห็นชายหนุ่มปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากกางเกงที่สวมใส่
“กลัวทำไม! ทียอมให้ไอ้เวรนั่นมันจับมันล้วงไม่เห็นว่าเธอจะกลัว” เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างยียวน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกเห็นภาพที่อลิชานั่งอยู่บนตักผู้ชายคนอื่น
ถ้าเขายังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ
“มันคืองานของหนู”
“แต่ฉันไม่ได้สั่ง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้น”
“…..” ลิชาหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจออกมาแรงๆ “หนูรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูจะเชื่อฟังเฮียทุกอย่างเลยค่ะ”
บุรินทร์ภัทรผลักร่างเล็กให้แนบชิดไปกับผนังห้องเย็นเฉียบ ก่อนจะยกแขนกั้นไว้ไม่ให้เธอขยับหนี
“หรือโดนเอาครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจ ชอบแบบไหนก็บอกมาสิ”
“…..” ลิชาแหงนหน้าขึ้นมองเจ้านายหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เขายอมใจเย็นลง
“มัวแต่มองหน้าฉันอยู่ได้” แฟรงก์ถอนหายใจลากยาว รีบเบือนหน้าหันหนี ยอมรับว่าสายตาคู่นั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นแปลกไป “ถอดเสื้อผ้าของเธอออก”
ลิชายอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ถอดชุดเดรสออกจนเหลือเพียงชุดชั้นในที่สวมใส่
“หนูถอดแล้ว “
“ถอดกางเกงในของเธอออกด้วย”
“ถ้าเฮียจะทำหนูก็ต้องถอดเอง”
“เรื่องมากจริง!”
ร่างสูงย่อตัวนั่งลงอย่างหัวเสีย ใช้ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวกระหวัดกางเกงชั้นในของคนตัวเล็กให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้าจนเผยให้เรือนร่างเปลือยเปล่าที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าจิ้มลิ้มเห่อร้อนยามได้สบตา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตอนที่บุรินทร์ภัทรขยับเข้ามาใกล้กัน
ยอมเป็นคนใจง่าย ยอมทุกอย่าง เพียงเพราะบุรินทร์ภัทรเป็นรักแรกและมันคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาหันมาสนใจเธอบ้าง
“ฮึก…” ลิชาสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามต้นขาเรียว ก่อนจะหยุดอยู่ที่จุดกลางกายอ่อนไหว
“ยังไม่เลิกกลัวอีกเหรอ”
“…..” ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ สัมผัสหยาบโลนที่เขาเคยทำไว้ยังคงตราตรึงไม่สามารถสลัดออกจากความคิดได้เลย
“ไหนลองบอกเหตุผลว่าทำไมถึงอยากตัดใจจากฉัน”
ไม่พูดเปล่าแต่ยังใช้ปลายนิ้วบดคลึงไปยังกลีบดอกไม้งามที่ปิดสนิทให้ค่อยๆ แย้มออกจากกันอย่างต้องการคำตอบ
“เฮียใจร้าย…”
“จำไว้ว่าฉันไม่เคยใจดีกับใคร รวมถึงเธอด้วย”
“เฮียสนใจชาบ้างได้มั้ย”
“ตอนนี้ก็สนใจอยู่”
สอดนิ้วทั้งสองเข้าออกในร่องคับแคบด้วยจังหวะเนิบนาบเพื่อให้หญิงสาวได้ปรับตัว ถ้าเธอยังดื้อดึงหรืออวดดีก็อาจจะโดนเป็นสามหรือไม่ก็สี่นิ้ว
“อึก…” เล็บสวยจิกลงบนไหล่หนา พ่นลมหายใจหอบถี่ วางใบหน้าซบลงบนแผงอกแกร่งยามที่ชายหนุ่มขยับหมุนควงข้อมืออย่างช่ำชอง “ฮะ…เฮียแฟรงก์”
“ปากบอกไม่ชอบ แล้วทำไมตรงนั้นถึงแฉะขนาดนี้” กระซิบถามข้างใบหู ยกยิ้มมองสายตาหวานฉ่ำของคนตัวเล็ก
“ก็เพราะเป็นเฮีย ชารักเฮีย”
“ที่ฉันเอาก็เพราะอยากเอา ไม่ได้รักเธอ จำเอาไว้”
รู้สึกจุกอยู่ในอก สายตาพร่าเลือนเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่กำลังจะไหล เธอเองก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นของบุรินทร์ภัทร
“ชะ…ชารู้ตัวเองดี”
ทิ้งตัวนั่งลงคุกเข่าอย่างรู้งาน โดยที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า มีสายตาของคนตัวโตที่จ้องมองไม่ห่างไปไหน
“อย่ามัวแต่มอง รีบทำมันให้เสร็จ”
มือเล็กลูบไล้ไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งขืนอยู่ใต้ร่มผ้า จับมันออกมาชักรูดจนชายหนุ่มเงยหน้าเปล่งเสียงร้องครางเบาๆ
ลิชาเป็นเด็กหัวไว ว่านอนสอนง่าย พูดหรือบอกอะไรก็เชื่อไปหมด เขาเคยสอนให้ไม่เท่าไหร่เธอเองก็ทำมันได้ดี
ใช้สองมือประคองชักรูดเบาๆ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าเมื่อสัมผัสได้ว่าถึงความเป็นชายที่เริ่มขยายใหญ่จนมือกำแทบไม่มิด
บุรินทร์ภัทรก้มลงมองการกระทำที่ไม่ประสีประสาของอลิชา แต่ในความรู้สึกส่วนลึกกลับพึงพอใจมากกว่าทุกคนที่ได้เจอมา
คนตัวเล็กจับแท่งเอ็นชักรูดพร้อมอมจนมิดลงไปในลำคอ ใช้เรียวลิ้นเลียวนอมแล้วดูดเบาๆ จนเกิดเป็นเสียงลามกดังลั่นไปทั่วบริเวณห้องทำงาน
“อืม…” ใบหน้าคมคายแหงนขึ้นมองเพดานห้อง บุรินทร์ภัทรขบกรามกัดฟันแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูดโปนตามขมับ จับศีรษะเล็กไว้มั่น ขยับเอวสอบส่งแรงอัดกระแทกจนน้ำลายใสไหลย้อนเลอะไปทั่วปลายคางมน
ปฏิเสธไม่ได้…ว่าสายตาออดอ้อนและท่าทางเงอะงะของอลิชาทำให้เสียวกระสันจนแทบเสียสติ
“อ่า…” หญิงสาวส่งเสียงร้องคราง ความรู้สึกคับแน่นขยับเข้าออกในโพรงปากเล็กจนทำให้รู้สึกหายใจลำบาก
“หลับตาทำไม”
“หนูไม่อยากมอง”
“แต่ฉันอยากให้เธอเห็น” รั้งท้ายทอยให้กลับมามองภาพตรงหน้า ภาพที่ความเป็นชายของเขากำลังขยับเข้าออกผ่านริมฝีปากบางซ้ำแล้วซ้ำอีก
ยิ่งมองเห็นเรือนร่าง ยิ่งทำให้อารมณ์กระสันพลุ่งพล่านจนยากจะควบคุม
“เฮียแฟรงก์ อย่าทำแรง…ชาเจ็บ”
“อ่า…” ชักแก่นกายออกจากปากหวาน รวบผมยาวสลวยแล้วกระตุกมันลงอย่างแรงให้แหงนหน้าขึ้นรับสัมผัส ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักสาดกระเซ็นเลอะไปทั่วใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความพึงพอใจ
“อื้อ…” ลิชาส่งเสียงงอแง เมื่อน้ำขาวขุ่นไหลย้อน ก่อนจะยกหลังมือขึ้นปาดแบบลวกๆ บุรินทร์ยกยิ้มบางยืนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาไปไหน
“ทำมาเป็นรังเกียจ เคยกลืนมาตั้งกี่ครั้ง ลืมไปแล้วหรือไง”
“ไม่ได้รังเกียจ แต่มันเลอะชุดหนูหมดแล้ว”
“เอาเสื้อฉันไปใส่” ถอดเสื้อยืดราคาแพงที่สวมใส่โยนให้หญิงสาวอย่างไม่เสียดาย ก่อนจะคว้าแจ็คเก็ตที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาสวมทับแทน
“…..”
“แต่งตัวให้เรียบร้อย ฉันจะลงไปรอที่รถ ส่วนเธอค่อยตามมาทีหลัง”จัดแจงการแต่งกายของตัวเองจนเรียบร้อย เดินผิวปากไปหยิบกุญแจรถอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันมาพูดกับคนตัวเล็กเมื่อนึกขึ้นได้ “อย่าทำตัวให้คนอื่นสงสัย ฉันขี้เกียจตอบคำถาม”
“เข้าใจค่ะ” ลิชาพยักหน้ารับ สายตามองตามแผ่นหลังของบุรินทร์ภัทรที่เดินออกจากห้องไป โดยทอดทิ้งเธอเอาไว้แต่เพียงลำพัง
-บนรถ-
บรรยากาศภายในรถเงียบเหงา มีเพียงเสียงเพลงสากลที่กำลังคลอเบาๆ บรรเลงไปตามทาง
ร่างเล็กคอยเหลือบหางตามองชายหนุ่มอยู่เป็นระยะแต่ไม่กล้าพูดคุย
“ต้องการอะไรก็พูดมา คิดว่าฉันเป็นผู้วิเศษอ่านใจเธอได้หรือยังไง”
“เฮียจอดที่ป้ายรถเมล์ก็ได้ ไม่ต้องลำบากขับรถไปส่งหนู”
“ฉันบอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง”
รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม ก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ “หนูฝากของไปให้น้องดาวศุกร์หน่อยได้ไหมคะ”
“อะไรของเธอ?”
“ตุ๊กตากระต่าย หนูเป็นคนถักเอง คิดว่าน้องน่าจะชอบค่ะ”
“ทำเป็นด้วยเหรอ” มองตุ๊กตาตัวเล็กสีชมพูหวานแหววที่อยู่ในมือของหญิงสาว อลิชามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจอยู่เสมอ
“หนูทำได้ทุกอย่างเลย ถ้าเฮียอยากได้ เดี๋ยวหนูถักผ้าพันคอให้ค่ะ”
“ของอะไรพวกนั้น ไม่เห็นจะอยากได้”
“อ่อ…” ลิชาหยุดชะงักไปชั่วครู่ ของที่เธอทำไม่ได้สวยงามหรือมีราคาแพง แต่ล้วนทำมาจากความตั้งใจ
“ฉันไม่รับฝาก ถ้าอยากจะให้ก็เอาไปให้เอง”
“หนูไม่รู้ว่าจะได้เจอน้องอีกเมื่อไหร่”
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ”
รถสปอร์ตคันสีขาวตบไฟเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ ลิชาวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความสงสัย เพราะมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอ
“เฮียจะพาหนูไปไหน มันไม่ใช่ทางกลับบ้าน”
“คืนนี้ค้างกับฉัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปส่ง”
“แต่หนูมีเรียนเช้า”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง” จิ๊จ๊ะในลำคอ เมื่อเห็นท่าทางสงสัยคล้ายกับไม่ไว้ใจ
“แล้วทำไม…”
“เลิกทำตัวเป็นเด็กขี้สงสัยได้มั้ย กลัวฉันพาไปฆ่าหมกป่าเหรอ”
“คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ”
“ดูละครหลังข่าวเยอะไปหรือไง สภาพแบบเธอฉันก็ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรนักหนาหรอก”
ลิชาก้มลงมองสภาพตัวเองเหมือนที่บุรินทร์ภัทรบอก ถ้าเทียบกับผู้หญิงคนอื่นของเขาก็คงใช่ เธอสู้ไม่ได้เลยสักนิด
“รีบตามมา อย่าให้รอนาน”
ก้มเก็บสัมภาระของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วรีบวิ่งตามชายหนุ่มเข้ามาภายในตัวอาคารของคอนโดหรูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
“เฮียแฟรงก์ รอชาด้วย”
“มัวแต่ชักช้า” หยุดยืนรอคนตัวเล็กเมื่อได้ยินเสียงเรียก
ยกแขนโอบลำคอหญิงสาวไว้แน่นให้ขยับเข้ามาแนบชิด ก่อนจะพาเธอเดินเข้ามาในลิฟต์ส่วนตัว ถ้าใครที่มองผ่านไปมาก็อาจจะคิดว่าเป็นคู่รักตามปกติทั่วไป
“มองอะไร” หลุบสายตามองร่างบางที่มีความสูงแค่ระดับแผงอก ถ้าเทียบกันแล้วลิชาดูตัวเล็กกว่าเขามากโข
“เปล่าค่ะ”
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง ยังจะมาโกหกอีก”
“ทำไมเฮียถึงพาหนูมาคอนโดเหรอคะ”
“แล้วจะไปโรงแรมทำไมให้เปลืองเงิน”
“…..”
ครืด… สมาร์ตโฟนเครื่องหรูแผดเสียงร้องดังเมื่อมีสายเรียกเข้า ลิชาขมวดคิ้วมองคนข้างๆ ด้วยท่าทางสงสัย
“มีอะไร”
“ตอนนี้ไม่ว่าง” เหลือบสายตามองอลิชาเพียงนิด ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เบาลง “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอ คิดถึงเหมือนกัน เดี๋ยวเฮียไปหาเอง”
“เมื่อกี้เฮียคุยกับใครเหรอคะ” หลังจากเขาวางสายจึงถามเพราะความอยากรู้ ลิชาได้ยินเสียงของผู้หญิงเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์ แถมสีหน้าของบุรินทร์ภัทรก็ยังดูมีความสุขมากกว่าตอนที่คุยกับเธอ
“จะอยากรู้ไปทำไม ไม่ใช่เรื่อง!”
“หนูก็แค่ถามดู”
“แต่ฉันไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาตอบคำถามของใคร”
“ขอโทษค่ะ ต่อไปหนูจะไม่ถามอีก”
“อยู่ในที่ที่ควรอยู่ อย่าล้ำเส้น ฉันไม่ชอบ!”
“…..”
-หลายปีผ่านไป-เอส. บี . ดี เซอร์วิสบุรินทร์ภัทรยืนมองภาพถ่ายวันแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนฝาผนังในห้องทำงาน ก่อนจะยกมือปัดป่ายเช็ดถูขัดมันจนเงาวิบวับเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาชีวิตคู่หลังจากแต่งงานมีความสุขดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดังใจหวัง เขาได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก มีลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวธุรกิจการงานถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ต้องการไอ้แว่นมันได้ขยายกิจการไปต่างประเทศตามที่ตั้งใจ ส่วนงานของเขาก็อยู่ในความพึงพอใจไม่ได้มีอะไรหวือหวาตอนนี้ดาวศุกร์อายุสิบหกปี กำลังแตกเนื้อสาวสะพรั่ง กลายเป็นสาวฮ็อตประจำโรงเรียน ที่มีหนุ่มๆ คอยตามจีบให้เขาตามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันส่วนชารากับชารันเด็กแฝดถูกไอ้แว่นส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นานทีปีหนถึงจะได้กลับมา แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีปู่กับย่าย้ายถิ่นฐานคอยตามไปดูแล จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ต่อเมื่อเรียนจบชนินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบุรินทร์วัชร์เป็นคนเจ้าสำอางละเมียดละไม ส่วนเฟยน้องเล็กเป็นเด็กเก็บตัวเงียบชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ป๊า…”อลิชาที่เพิ่งไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เปิดประตูเดินเข้า
“เจ๊…”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ หันกลับไปหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นบุรินทร์ภัทรที่สวมชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหา“อะไรของแก”“วันนี้หนูจะแต่งงานแล้วนะ”“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องมาบอก”“อวยพรให้หนูหน่อย” เดินเข้าไปกอดเจ๊ผู้เป็นที่รักไว้แน่น หอมแก้มแม่ซ้ำๆ เหมือนที่ชอบทำอยู่บ่อยๆวันนี้เจ๊ปาลินของเขาแต่งตัวทำผมสวยจัดเต็ม แถมสีหน้ายังดูอิ่มเอมที่ลูกชายคนโตกำลังจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา“อารมณ์ไหนของแก”“ตอนนี้จริงจังนะ ไม่ล้อเล่น” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้า น้ำเสียงที่พูดก็ดูเปลี่ยนไป จนทำให้คนเป็นแม่ปรับอารมณ์ไม่ทัน“หนูอยากมาขอพรจากแม่” ชายหนุ่มพนมมือนอบน้อมก้มลงกราบเท้าของคนเป็นแม่ ไม่ใช่แค่ขอพรแต่ตั้งใจจะมาขอขมาและอโหสิกรรมกับสิ่งล่วงเกินที่เคยทำผิดพลาด“…..” ปราณปาลินมองคนตรงหน้าพร้อมแววตาไหวสั่น ยกมือลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน “แม่ขออวยพรให้แฟรงก์มีความสุขในชีวิตนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่าง”“หนูอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเหมือนที่แม่อยากให้เป็น หนูขอโทษนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย” หลายครั้งหลายหนที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พวกท่านเสียใจกับลูกที่ไม่ไ
-2F BAR-รถยนต์คันหรูมากมายไปจนถึงระดับไฮเปอร์คาร์จอดเรียงรายนับร้อยคันเต็มพื้นที่บริเวณลานจอดรถขนาดใหญ่ ล้นทะลักออกไปจนถึงด้านนอก“จัดแค่งานเล็กๆ เฮียเชิญเฉพาะแค่คนที่รู้จัก”อาจจะเป็นแค่งานเล็กสำหรับเขา แต่มันมโหฬารอลังการมากสำหรับเธอ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้มองด้วยตาเปล่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองพันคนบุรินทร์ภัทรเป็นคนมีอิทธิพลกว้างขวาง คนในวงการต่างนับหน้าถือตาไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายในวันนี้เขาเลือกสถานที่จัดงานคือ ‘2F BAR’ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นทำให้ได้เจออลิชาในวันนั้นจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ความทรงจำดีๆ มากมายอยู่ในที่แห่งนี้“ไหนบอกแค่งานเล็กๆ ไงเฮีย” หมวยเฟย์สะกิดแขนพี่ชายที่ยืนตรวจความเรียบร้อยของงาน“เฮียเชิญแค่คนสนิท มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ” หมวยเฟย์วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซุ้มดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศยาวยิ่งใหญ่เป็นร้อยเมตร เวทีแสงสีเสียงเหมือนกับงานคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังตระการตาอลังการยิ่งกว่าเทศกาลงานประจำปี‘เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้’ ไม่ต้อง
ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อให้คนตัวเล็กยอมเปิดริมฝีปาก จับแก่นกายอัดกระแทกเข้าออกจนสุดความยาวซ้ำไปซ้ำมา“อื้อออ…” เสียงหวานร้องครางขาดห้วงเมื่อความคับแน่นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายแต่ร่างกายไม่รักดีกับตอบสนองสู้กลับคืนตามสัญชาตญาณ ปลายเรียวลิ้นลากไล้โลมเลียตั้งแต่ส่วนโคนมาจนถึงหัวแดงก่ำ“โคตรเสียว…” ก้มลงมองหญิงสาวด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม อลิชาโคตรทำให้เขาเสียอาการจนแขนขาอ่อนแรงใช้มือควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวริมฝีปากเล็กดูดเม้มจนแก้มตอบ ส่วนปลายเรียวลิ้นโลมเลียตวัดขึ้นลงราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด“แบบนั้นเลยเด็กดี” รวบเส้นผมยาวสลวยเป็นหางม้า กระตุกลงอย่างแรงเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับสัมผัส “อื้ออ…เฮียแฟรงก์… ” คนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความจุกแน่นเมื่อถูกเอวสอบกระแทกสวนเข้ามาอย่างเนิบนาบแต่หนักหน่วงจนส่วนหัวเข้าลึกไปถึงลำคอ“ดูดแรงๆ เฮียจะแตก”มือเล็กเร่งจังหวะชักรูดท่อนเอ็นให้เร็วขึ้น จนคนตัวสูงเกร็งสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านสองมือกดศีรษะของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักฉีดพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากเล็กทุกหยาดหยด“อื้อ…” เล็บสวยจิกลงบนท่อนขาแกร่งเพื่
“แว่นน้องรัก” บุรินทร์วัชร์ละสายตาจากเด็กน้อยในอ้อมอก เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่ แค่ได้เห็นหน้าพี่ชายตัวป่วนถึงกับถอนหายใจลากยาววีรกรรมแต่ละอย่างของมันใช่ย่อยที่ไหน ชอบสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น“กูขอคุยด้วยหน่อย”“ว่ามาสิ”บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงข้างแฝดน้อง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม“ไม่ต้องลีลา มึงจะเอาอะไรก็ว่ามา” แค่เห็นท่าทางมีพิรุธของมันก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องมากวนใจเขาอีกแน่นอน“กูกำลังจะแต่งงาน”“อืม…” ก็พอรู้มาบ้างแล้ว เพราะไอ้แฟรงก์มันชอบพูดกรอกหูให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไร“มึงช่วยแต่งงานเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม”“อะไรของมึง”“กูอยากให้เราใส่ชุดเจ้าบ่าวเหมือนกัน”“เมาน้ำมันเครื่องเหรอ กูแต่งงานแล้วจะให้แต่งอีกได้ยังไง”“แต่งแล้วก็แต่งอีกได้ แต่งเป็นเพื่อนกูไง”“เลิกคิดอะไรที่มันประหลาดได้แล้วแฟรงก์!” บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไอ้ประเภทที่มันบอกคนปกติเค้าคงไม่ทำกัน“นะแว่นน้องรัก ช่วยแต่งงานอีกรอบเป็นเพื่อนพี่ชายสุดหล่อคนนี้ที”“…..”“มึงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของกูนะ ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขก็อยากมีมึงอยู่ข้างกัน” เอนใบหน้
เอส.บี.ดี เซอร์วิสเอี๊ยดดดด~ ล้อยางรถบดเบียดไปกับพื้นคอนกรีตขัดมันจนเกิดเป็นรอยทางยาว ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมองด้วยความแตกตื่นปราณปาลินรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะเห็นรถกระบะคันเก่าดริฟหักโค้งหลายตลบเข้ามาภายในร้าน ควันดำโขมงลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ“เด็กเวรที่ไหนมันมาเบิ้ลรถแถวนี้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ยืนเท้าเอวตะโกนด่าจนเอ็นคอขึ้น ทำเอาลูกค้าของเธอตกอกตกใจกันไปหมด มันน่าจะบิดให้หูขาด “อย่าให้รู้นะเว้ย แม่จะตบให้สมองไหล”“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็ลูกชายเจ๊นั่นแหละ”“…..” หลังจากได้ยินประโยคที่หมวยเฟย์บอกจึงรีบถอดแว่นกันแดดแบรนด์เนมออกจากใบหน้า หรี่สายตามองเพื่อให้แน่ใจไม่ผิดแน่ ไอ้เด็กเวรที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้มันคือไอ้ลูกชายตัวดี!“ไอ้แฟรงก์!”แผดเสียงเล็กแหลมตะโกนเรียกดังลั่น บุรินทร์ภัทรเปิดประตูลงจากรถกระบะคันเก่า ยกมือเสยผมขึ้นโชว์ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งยิ้มหวาน สาวใดได้เห็นมีอันต้องหลงจนหัวปักหัวปำแต่โทษทีที่คนหล่อรวยสุดแสนจะเพอร์เฟคอย่างเขานั้นมีลูกมีเมียแล้ว! นอกจากอลิชาเมียเด็กสุดที่รัก ก็ไม่คิดจะมองใครอีก“เป็นไงเจ๊ เท่สะบัดไปเล