LOGINลิชาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาลงช้าๆ เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่บางเบาที่กำลังเป่ารดลำคอ
ฝ่ามือหนาจับปลายคางมนให้หันหน้ากลับมาสบตา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่โพรงปากเล็กจนเธอสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่ก…แค่ก…”
เมื่อสบจังหวะลิชาจึงรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่บุรินทร์ภัทรกลับหัวเราะเบาๆ คล้ายกับพอใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ
“เฮียแฟรงก์ ชากลัว” บอกผ่านน้ำเสียงหวาดหวั่น เห็นชายหนุ่มปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออกจากกางเกงที่สวมใส่
“กลัวทำไม! ทียอมให้ไอ้เวรนั่นมันจับมันล้วงไม่เห็นว่าเธอจะกลัว” เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างยียวน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกเห็นภาพที่อลิชานั่งอยู่บนตักผู้ชายคนอื่น
ถ้าเขายังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอ
“มันคืองานของหนู”
“แต่ฉันไม่ได้สั่ง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้น”
“…..” ลิชาหลุบสายตามองต่ำ ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจออกมาแรงๆ “หนูรับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูจะเชื่อฟังเฮียทุกอย่างเลยค่ะ”
บุรินทร์ภัทรผลักร่างเล็กให้แนบชิดไปกับผนังห้องเย็นเฉียบ ก่อนจะยกแขนกั้นไว้ไม่ให้เธอขยับหนี
“หรือโดนเอาครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจ ชอบแบบไหนก็บอกมาสิ”
“…..” ลิชาแหงนหน้าขึ้นมองเจ้านายหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เขายอมใจเย็นลง
“มัวแต่มองหน้าฉันอยู่ได้” แฟรงก์ถอนหายใจลากยาว รีบเบือนหน้าหันหนี ยอมรับว่าสายตาคู่นั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นแปลกไป “ถอดเสื้อผ้าของเธอออก”
ลิชายอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ถอดชุดเดรสออกจนเหลือเพียงชุดชั้นในที่สวมใส่
“หนูถอดแล้ว “
“ถอดกางเกงในของเธอออกด้วย”
“ถ้าเฮียจะทำหนูก็ต้องถอดเอง”
“เรื่องมากจริง!”
ร่างสูงย่อตัวนั่งลงอย่างหัวเสีย ใช้ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวกระหวัดกางเกงชั้นในของคนตัวเล็กให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้าจนเผยให้เรือนร่างเปลือยเปล่าที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าจิ้มลิ้มเห่อร้อนยามได้สบตา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตอนที่บุรินทร์ภัทรขยับเข้ามาใกล้กัน
ยอมเป็นคนใจง่าย ยอมทุกอย่าง เพียงเพราะบุรินทร์ภัทรเป็นรักแรกและมันคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาหันมาสนใจเธอบ้าง
“ฮึก…” ลิชาสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามต้นขาเรียว ก่อนจะหยุดอยู่ที่จุดกลางกายอ่อนไหว
“ยังไม่เลิกกลัวอีกเหรอ”
“…..” ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ สัมผัสหยาบโลนที่เขาเคยทำไว้ยังคงตราตรึงไม่สามารถสลัดออกจากความคิดได้เลย
“ไหนลองบอกเหตุผลว่าทำไมถึงอยากตัดใจจากฉัน”
ไม่พูดเปล่าแต่ยังใช้ปลายนิ้วบดคลึงไปยังกลีบดอกไม้งามที่ปิดสนิทให้ค่อยๆ แย้มออกจากกันอย่างต้องการคำตอบ
“เฮียใจร้าย…”
“จำไว้ว่าฉันไม่เคยใจดีกับใคร รวมถึงเธอด้วย”
“เฮียสนใจชาบ้างได้มั้ย”
“ตอนนี้ก็สนใจอยู่”
สอดนิ้วทั้งสองเข้าออกในร่องคับแคบด้วยจังหวะเนิบนาบเพื่อให้หญิงสาวได้ปรับตัว ถ้าเธอยังดื้อดึงหรืออวดดีก็อาจจะโดนเป็นสามหรือไม่ก็สี่นิ้ว
“อึก…” เล็บสวยจิกลงบนไหล่หนา พ่นลมหายใจหอบถี่ วางใบหน้าซบลงบนแผงอกแกร่งยามที่ชายหนุ่มขยับหมุนควงข้อมืออย่างช่ำชอง “ฮะ…เฮียแฟรงก์”
“ปากบอกไม่ชอบ แล้วทำไมตรงนั้นถึงแฉะขนาดนี้” กระซิบถามข้างใบหู ยกยิ้มมองสายตาหวานฉ่ำของคนตัวเล็ก
“ก็เพราะเป็นเฮีย ชารักเฮีย”
“ที่ฉันเอาก็เพราะอยากเอา ไม่ได้รักเธอ จำเอาไว้”
รู้สึกจุกอยู่ในอก สายตาพร่าเลือนเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่กำลังจะไหล เธอเองก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นของบุรินทร์ภัทร
“ชะ…ชารู้ตัวเองดี”
ทิ้งตัวนั่งลงคุกเข่าอย่างรู้งาน โดยที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า มีสายตาของคนตัวโตที่จ้องมองไม่ห่างไปไหน
“อย่ามัวแต่มอง รีบทำมันให้เสร็จ”
มือเล็กลูบไล้ไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งขืนอยู่ใต้ร่มผ้า จับมันออกมาชักรูดจนชายหนุ่มเงยหน้าเปล่งเสียงร้องครางเบาๆ
ลิชาเป็นเด็กหัวไว ว่านอนสอนง่าย พูดหรือบอกอะไรก็เชื่อไปหมด เขาเคยสอนให้ไม่เท่าไหร่เธอเองก็ทำมันได้ดี
ใช้สองมือประคองชักรูดเบาๆ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าเมื่อสัมผัสได้ว่าถึงความเป็นชายที่เริ่มขยายใหญ่จนมือกำแทบไม่มิด
บุรินทร์ภัทรก้มลงมองการกระทำที่ไม่ประสีประสาของอลิชา แต่ในความรู้สึกส่วนลึกกลับพึงพอใจมากกว่าทุกคนที่ได้เจอมา
คนตัวเล็กจับแท่งเอ็นชักรูดพร้อมอมจนมิดลงไปในลำคอ ใช้เรียวลิ้นเลียวนอมแล้วดูดเบาๆ จนเกิดเป็นเสียงลามกดังลั่นไปทั่วบริเวณห้องทำงาน
“อืม…” ใบหน้าคมคายแหงนขึ้นมองเพดานห้อง บุรินทร์ภัทรขบกรามกัดฟันแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูดโปนตามขมับ จับศีรษะเล็กไว้มั่น ขยับเอวสอบส่งแรงอัดกระแทกจนน้ำลายใสไหลย้อนเลอะไปทั่วปลายคางมน
ปฏิเสธไม่ได้…ว่าสายตาออดอ้อนและท่าทางเงอะงะของอลิชาทำให้เสียวกระสันจนแทบเสียสติ
“อ่า…” หญิงสาวส่งเสียงร้องคราง ความรู้สึกคับแน่นขยับเข้าออกในโพรงปากเล็กจนทำให้รู้สึกหายใจลำบาก
“หลับตาทำไม”
“หนูไม่อยากมอง”
“แต่ฉันอยากให้เธอเห็น” รั้งท้ายทอยให้กลับมามองภาพตรงหน้า ภาพที่ความเป็นชายของเขากำลังขยับเข้าออกผ่านริมฝีปากบางซ้ำแล้วซ้ำอีก
ยิ่งมองเห็นเรือนร่าง ยิ่งทำให้อารมณ์กระสันพลุ่งพล่านจนยากจะควบคุม
“เฮียแฟรงก์ อย่าทำแรง…ชาเจ็บ”
“อ่า…” ชักแก่นกายออกจากปากหวาน รวบผมยาวสลวยแล้วกระตุกมันลงอย่างแรงให้แหงนหน้าขึ้นรับสัมผัส ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักสาดกระเซ็นเลอะไปทั่วใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความพึงพอใจ
“อื้อ…” ลิชาส่งเสียงงอแง เมื่อน้ำขาวขุ่นไหลย้อน ก่อนจะยกหลังมือขึ้นปาดแบบลวกๆ บุรินทร์ยกยิ้มบางยืนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาไปไหน
“ทำมาเป็นรังเกียจ เคยกลืนมาตั้งกี่ครั้ง ลืมไปแล้วหรือไง”
“ไม่ได้รังเกียจ แต่มันเลอะชุดหนูหมดแล้ว”
“เอาเสื้อฉันไปใส่” ถอดเสื้อยืดราคาแพงที่สวมใส่โยนให้หญิงสาวอย่างไม่เสียดาย ก่อนจะคว้าแจ็คเก็ตที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาสวมทับแทน
“…..”
“แต่งตัวให้เรียบร้อย ฉันจะลงไปรอที่รถ ส่วนเธอค่อยตามมาทีหลัง”จัดแจงการแต่งกายของตัวเองจนเรียบร้อย เดินผิวปากไปหยิบกุญแจรถอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันมาพูดกับคนตัวเล็กเมื่อนึกขึ้นได้ “อย่าทำตัวให้คนอื่นสงสัย ฉันขี้เกียจตอบคำถาม”
“เข้าใจค่ะ” ลิชาพยักหน้ารับ สายตามองตามแผ่นหลังของบุรินทร์ภัทรที่เดินออกจากห้องไป โดยทอดทิ้งเธอเอาไว้แต่เพียงลำพัง
-บนรถ-
บรรยากาศภายในรถเงียบเหงา มีเพียงเสียงเพลงสากลที่กำลังคลอเบาๆ บรรเลงไปตามทาง
ร่างเล็กคอยเหลือบหางตามองชายหนุ่มอยู่เป็นระยะแต่ไม่กล้าพูดคุย
“ต้องการอะไรก็พูดมา คิดว่าฉันเป็นผู้วิเศษอ่านใจเธอได้หรือยังไง”
“เฮียจอดที่ป้ายรถเมล์ก็ได้ ไม่ต้องลำบากขับรถไปส่งหนู”
“ฉันบอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง”
รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้ม ก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ “หนูฝากของไปให้น้องดาวศุกร์หน่อยได้ไหมคะ”
“อะไรของเธอ?”
“ตุ๊กตากระต่าย หนูเป็นคนถักเอง คิดว่าน้องน่าจะชอบค่ะ”
“ทำเป็นด้วยเหรอ” มองตุ๊กตาตัวเล็กสีชมพูหวานแหววที่อยู่ในมือของหญิงสาว อลิชามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจอยู่เสมอ
“หนูทำได้ทุกอย่างเลย ถ้าเฮียอยากได้ เดี๋ยวหนูถักผ้าพันคอให้ค่ะ”
“ของอะไรพวกนั้น ไม่เห็นจะอยากได้”
“อ่อ…” ลิชาหยุดชะงักไปชั่วครู่ ของที่เธอทำไม่ได้สวยงามหรือมีราคาแพง แต่ล้วนทำมาจากความตั้งใจ
“ฉันไม่รับฝาก ถ้าอยากจะให้ก็เอาไปให้เอง”
“หนูไม่รู้ว่าจะได้เจอน้องอีกเมื่อไหร่”
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ”
รถสปอร์ตคันสีขาวตบไฟเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ ลิชาวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความสงสัย เพราะมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอ
“เฮียจะพาหนูไปไหน มันไม่ใช่ทางกลับบ้าน”
“คืนนี้ค้างกับฉัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปส่ง”
“แต่หนูมีเรียนเช้า”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง” จิ๊จ๊ะในลำคอ เมื่อเห็นท่าทางสงสัยคล้ายกับไม่ไว้ใจ
“แล้วทำไม…”
“เลิกทำตัวเป็นเด็กขี้สงสัยได้มั้ย กลัวฉันพาไปฆ่าหมกป่าเหรอ”
“คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ”
“ดูละครหลังข่าวเยอะไปหรือไง สภาพแบบเธอฉันก็ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรนักหนาหรอก”
ลิชาก้มลงมองสภาพตัวเองเหมือนที่บุรินทร์ภัทรบอก ถ้าเทียบกับผู้หญิงคนอื่นของเขาก็คงใช่ เธอสู้ไม่ได้เลยสักนิด
“รีบตามมา อย่าให้รอนาน”
ก้มเก็บสัมภาระของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วรีบวิ่งตามชายหนุ่มเข้ามาภายในตัวอาคารของคอนโดหรูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
“เฮียแฟรงก์ รอชาด้วย”
“มัวแต่ชักช้า” หยุดยืนรอคนตัวเล็กเมื่อได้ยินเสียงเรียก
ยกแขนโอบลำคอหญิงสาวไว้แน่นให้ขยับเข้ามาแนบชิด ก่อนจะพาเธอเดินเข้ามาในลิฟต์ส่วนตัว ถ้าใครที่มองผ่านไปมาก็อาจจะคิดว่าเป็นคู่รักตามปกติทั่วไป
“มองอะไร” หลุบสายตามองร่างบางที่มีความสูงแค่ระดับแผงอก ถ้าเทียบกันแล้วลิชาดูตัวเล็กกว่าเขามากโข
“เปล่าค่ะ”
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง ยังจะมาโกหกอีก”
“ทำไมเฮียถึงพาหนูมาคอนโดเหรอคะ”
“แล้วจะไปโรงแรมทำไมให้เปลืองเงิน”
“…..”
ครืด… สมาร์ตโฟนเครื่องหรูแผดเสียงร้องดังเมื่อมีสายเรียกเข้า ลิชาขมวดคิ้วมองคนข้างๆ ด้วยท่าทางสงสัย
“มีอะไร”
“ตอนนี้ไม่ว่าง” เหลือบสายตามองอลิชาเพียงนิด ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เบาลง “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอ คิดถึงเหมือนกัน เดี๋ยวเฮียไปหาเอง”
“เมื่อกี้เฮียคุยกับใครเหรอคะ” หลังจากเขาวางสายจึงถามเพราะความอยากรู้ ลิชาได้ยินเสียงของผู้หญิงเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์ แถมสีหน้าของบุรินทร์ภัทรก็ยังดูมีความสุขมากกว่าตอนที่คุยกับเธอ
“จะอยากรู้ไปทำไม ไม่ใช่เรื่อง!”
“หนูก็แค่ถามดู”
“แต่ฉันไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาตอบคำถามของใคร”
“ขอโทษค่ะ ต่อไปหนูจะไม่ถามอีก”
“อยู่ในที่ที่ควรอยู่ อย่าล้ำเส้น ฉันไม่ชอบ!”
“…..”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ







