เข้าสู่ระบบ“อืม…” เสียงหวานร้องครางเบาๆ ทันทีที่ขยับตัว ลิชาปรือตามองด้วยความงัวเงีย ก่อนจะหันไปมองบุรินทร์ภัทรที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างกัน
เธอตกอยู่ในภวังค์จ้องมองชายหนุ่มอยู่นานสองนาน นิ้วเรียวลูบไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้ม ตอนนี้เขาดูไม่มีพิษภัยเหมือนตอนตื่น
“อื้อ…”
ลิชารีบผละตัวถอยห่างยามที่เขาขยับตัวคล้ายกับรำคาญเมื่อมีสิ่งรบกวนเวลานอน
ก้าวขาลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ เม้มริมฝีปากกำมือแน่น มองเห็นเศษซากถุงยางอนามัยที่หล่นเกลื่อนกลาด
ไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง
“ทำอะไรแต่เช้า”
คนตัวเล็กสะดุ้ง รีบหันกลับไปมองด้วยความลนลานหลังจากได้ยินเสียงเจ้าของห้อง
แฟรงก์เดินเข้ามาประชิดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ร่างกายกำยำมีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เส้นผมเปียกหมาดหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“ทำงานบ้านค่ะ หนูทำเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ” ลิชาถามด้วยความกังวลขณะที่กำลังยืนล้างจานอยู่ในครัว
“ฉันมีแม่บ้านคอยดูแล ไม่จำเป็นต้องทำเอง”
“หิวไหมคะ เช้านี้อยากกินอะไรดี”
“โดนเอาทั้งคืน เธอยังมีแรงเหลืออีกอยู่อีกเหรอ” ไล่สายตามองคนตรงหน้า ใบหน้าจิ้มลิ้มดูอิดโรยจนเห็นได้ชัดแต่ลิชาก็ยังฝืนทนเพราะไม่อยากทำตัวอ่อนแอให้เขามองว่าสำออย “ถ้าไม่ไหวก็ไปนอน”
“หนูยังไหว”
“งั้นอีกสักรอบดีมั้ย อยากรู้ว่าจะอวดเก่งแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า” ขยับเข้าใกล้ โน้มตัวลงกระซิบถามข้างใบหูจนคนตัวเล็กขยับถอยหนี
“ฮะ...เฮียคงหิวแล้ว เดี๋ยวชารีบทำข้าวต้มไปให้นะคะ”
บุรินทร์ภัทรยกยิ้มมองตามหญิงสาวที่เอาตัวรอดโดยการรีบเดินหนีออกไป ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงห้อง
“แล้วทำไมมีแค่ชามเดียว?” เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย อยู่กันสองคนแต่กลับมีแค่ข้าวต้มแค่ชามเดียว
“ให้เฮียกินก่อน ชายังไม่หิว”
“มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นก็กินสิ เสร็จแล้วจะไปส่ง”
รั้งคนตัวเล็กให้ลงมานั่งบนตักแกร่ง ก่อนจะโอบเอวเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับหนี “ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอก รีบกินสิ”
“จะให้หนูนั่งตักแบบนี้เหรอคะ”
“นั่งตักฉันแล้วมันทำไม”
“กลัวเฮียจะอึดอัด”
“ตัวเธอเล็กนิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก”
ลิชาได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างเงียบๆ หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ยามที่ฝ่ามือหนาซุกซนสอดล้วงเข้ามาลูบไล้สัมผัสไปตามจุดอ่อนไหว
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”
“บ่ายสองค่ะ”
“ถ้าวันนี้ไปทำงานไม่ไหว ฉันอนุญาตให้ลาหยุดได้”
“ไหวค่ะ หนูไม่อยากขาดงานบ่อยๆ เดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาได้”
“แล้วคนอื่นนี่หมายถึงใคร?”
“…..”
“ยัยฟ้าใสเพื่อนรักเธออ่ะนะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ลิชารีบปฏิเสธ แสดงท่าทางตีโพยตีพายยกใหญ่
“ไม่ต้องมาปกป้องกัน ฉันไม่ไล่มันออกก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ฟ้าใสทำอะไรผิด ทำไมเฮียต้องไล่เพื่อนหนูออกด้วย” เอียงคอถามด้วยความสงสัย ถึงฟ้าใสจะไม่ค่อยชอบเธอ แต่ลิชาก็ไม่ได้ถือสาอะไรมากนัก
“ไม่ชอบหน้าไง”
“แค่นี้?”
“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ รำคาญหูรำคาญตา! เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงเป็นเธอที่โดนไล่ออก”
“ถ้าเฮียไล่หนูออก แล้วหนูจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าหอ จ่ายค่าเทอมล่ะคะ”
“…..”
ครืด… สมาร์ตโฟนของคนตัวเล็กแผดเสียงร้องดังขัดจังหวะ โดยที่บุรินทร์ภัทรยังไม่ทันจะได้ตอบคำถาม
“หนูขอตัวออกไปรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ”
“ถ้าจะคุยก็คุยตรงนี้”
“…..” เมื่อไม่มีทางเลือก ลิชาจึงกดรับสายโดยมีสายตาของชายหนุ่มคอยจ้องมองทุกการกระทำแบบเงียบๆ
“ว่าไงแจ็ค”
(ตอนนี้ชาอยู่ไหน ทำไมมาหาที่ห้องแล้วไม่เจอ)
“ชาออกมาทำธุระข้างนอก แจ็คมีอะไรหรือเปล่า”
“มาเอาเสื้อที่ลืมไว้อ่ะดิ”
“ชาซักเก็บไว้ให้แล้ว อยู่ในถุงกระดาษสีขาว ลองหาดูนะ”
(โอเค…แล้วจะกลับหรือยัง แจ็คจะได้รอ แล้วค่อยไปมหาลัยพร้อมกัน)
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
(รีบมา อย่าให้รอนานนะ)
“คุยเสร็จหรือยัง จะได้ทำอย่างอื่นต่อ” ดวงตากลมโตเลิ่กลั่กเมื่อบุรินทร์ภัทรจงใจพูดแทรกขึ้นมาเพราะอยากแกล้งเธอ
“เฮียแฟรงก์!” รีบยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนที่ชายหนุ่มจะกัดนิ้วเธออยากแรงด้วยความมันเขี้ยว “อ๊ะ…เจ็บนะ”
(ว่าไงนะ เมื่อกี้ชาพูดว่าอะไร แล้วตอนนี้อยู่กับใคร ทำไมได้ยินเสียงผู้ชาย)
“ปะ…เปล่าไม่มีอะไร แค่นี้ก่อนนะแจ็ค”
(เดี๋ยวก่อน…)
“ไอ้แจ็คมันเป็นใคร!” กระชากโทรศัพท์ออกจากมือหญิงสาว รีบกดวางสายโดยไม่รอให้เธอพูดจบ
“เพื่อนชาเอง”
“สนิทกันมากถึงขนาดเข้าออกห้องกันได้?”
“สนิทกันค่ะ ชาคบกับแจ็คตั้งแต่อยู่มัธยมแล้ว”
“งั้นเหรอ?” กอดอกกระดิกเท้าเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ายียวน
“แจ็คชอบมาค้างที่ห้องกับชาอยู่บ่อยๆ”
“ฉันเปลี่ยนใจไม่อยากไปส่งเธอแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวชากลับเองก็ได้”
“ฉันหมายถึงให้อยู่ที่นี่ ไม่ใช่กลับไปหาไอ้เวรนั่น!”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ







