หลายสัปดาห์ผ่านไป
-มหาวิทยาลัย-
“กระเป๋าใหม่เหรอเดมี่ รองเท้าก็คู่ใหม่ แถมนาฬิกายังคอลเลคชั่นใหม่อีก”
‘เทียนหอม’ เพื่อนสนิทรีบเดินเข้ามาทักทายพลางวาดสายตามองด้วยความตื่นเต้น
ตั้งแต่หัวจรดเท้าที่อยู่บนตัวของเดมี่ล้วนเป็นสิ่งของแบรนด์เนมราคาแพง บางรุ่นก็หายากมาก ไม่มีขายในประเทศไทย
“ใช่แล้ว…เฮียเฟยซื้อให้” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ ส่งรอยยิ้มกว้างจนตาปิด
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ชีวิตฟ้าหลังฝนของเธอถูกดูแลอย่างดี มีอาหารที่ชอบมากมายให้เลือกกิน มีเตียงนอนนุ่มๆ ให้นอนหลับสนิทในทุกคืน แถมยังได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนภาคอินเตอร์ที่มีค่าเทอมหลักล้าน
ถ้ามีแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ออกมา ไม่ว่าจะราคาแพงแค่ไหน วันรุ่งขึ้นคนของบุรินทร์จะนำสิ่งของพวกนั้นมากองอยู่ตรงหน้าเธอในทันที
“พี่ชายแกดูท่าทางจะรวยมากแถมยังใจดี ทำไมถึงไม่พามาแนะนำให้พวกฉันรู้จักบ้าง” เทียนหอมกระซิบถามเพราะอยากรู้ในคำตอบ
รู้จักและสนิทกันมาสักพัก เห็นเดมี่ชอบพูดถึงพี่ชายที่แสนดีบ่อยๆ แต่พวกเธอกลับไม่เคยได้เห็นหน้า
พอเลิกเรียนปุ๊บ จะมีคนท่าทางแปลกประหลาดมายืนดักรออยู่หน้าห้องแล้วรีบพาเดมี่ขึ้นรถกลับบ้านในทันที
ชีวิตของเธอวนอยู่แบบนี้มาเป็นเดือนๆ สถานที่ที่รู้จักคือบ้านใหญ่และมหาวิทยาลัยเท่านั้น
“เฮียต้องไปทำงาน ไม่มีเวลาว่างเลย”
“แล้วเฮียของแกหล่อมากมั้ย”
“ไม่รู้ว่าหล่อมั้ย ยังไม่เคยเจอกัน” ใบหน้าจิ้มลิ้มเคี้ยวขนมปังจนแก้มตุ่ย ส่ายหน้าปฏิเสธไปมา รู้แค่ว่าเฮียเฟยอยู่ใกล้ตัว แต่ยังไม่เคยได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ สักที
“แล้วเฮียแกมีเมียหรือยัง พวกฉันยังโสดนะ ถ้าพี่ชายแกสนใจ มาจีบพวกฉันได้” ไม่รู้ว่าหล่อมากไหม แต่ที่รู้ๆ คือต้องรวยมากแน่ เพราะรถประจำตำแหน่งที่เดมี่นั่งไปมาทุกวันเป็นโรลส์รอยซ์สั่งทำชนิดพิเศษ
“นั่นสิ อยากมีผัวหล่อๆ รวยๆ กับเขาบ้าง” เชอลีนเพื่อนสนิทอีกคนออกความเห็น
“ไม่ได้หรอก คนนี้มี่หวง”
“ไม่ดีหรือไง ที่จะได้พวกฉันเป็นพี่สะใภ้”
“เอ๋…” หญิงสาวเอียงคอทำหน้างง เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสนิทบอก
“พี่สะใภ้ก็คือเมียพี่ชาย เข้าใจหรือยัง” เชอรีนถอนหายใจลากยาวมองหน้าเพื่อนสนิท เดมี่เขียนไทยไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ออก จึงต้องแปลไทยเป็นไทยอยู่บ่อยๆ
“เยส! ไอเข้าใจแล้ว”
“ยัยฝรั่งดอง” เทียนหอมยกมือขยี้ผมของเพื่อนอย่างนึกมันเขี้ยว หน้าตาของเดมี่จิ้มลิ้มออกไปทางฝรั่งซะส่วนใหญ่ รูปร่างอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ แถมยังมีผิวขาวอมชมพูดูน่าแกล้ง “วันนี้ไปดูหนังกัน ขากลับค่อยแวะเดินช็อปปิ้งและกินชาบู”
“ไม่รู้ว่าเฮียจะให้ไปไหม มี่ต้องขออนุญาตเฮียก่อน”
“อะไรกัน แกโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะ ยังต้องขอผู้ปกครองอีกเหรอ”
“ใช่…เพราะเฮียหวงมี่ เฮียสั่งไม่ให้ออกไปไหน” เวลาถามคนติดตามของบุรินทร์ มักจะได้คำตอบกลับมาสั้นๆ แบบนี้ทุกครั้ง เขาบอกเพียงแค่ว่า ‘นายน้อยหวงสั่งห้ามไม่ให้ไปไหน’
…
-หลังเลิกเรียน-
“พี่คราม วันนี้มี่ขอไปดูหนังกับเพื่อนได้ไหม”
“…..”
“ให้มี่ไปนะ ถ้าพี่ไม่บอก มี่ไม่บอก เฮียเฟยก็ไม่รู้หรอก” เดมี่ปิดปากหัวเราะอย่างชอบใจ ต่างจากอีกคนที่สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเลิ่กลั่กจนสังเกตได้
“นายน้อยไม่อนุญาตครับ ถ้าเลิกเรียนแล้วให้กลับบ้านเลย”
เดมี่และครามประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน ทำเอาหญิงสาวถึงกลับกลอกตามองบนเหมือนอย่างเคย
รู้ทั้งรู้ว่าคำตอบจะออกมาแบบไหนแต่ก็ยังมีหวังทุกครั้ง
“งั้นขอคุยโทรกับเฮียหน่อยสิ เดี๋ยวมี่โทรไปขออนุญาตเฮียเอง”
“ไม่ได้จริงๆ ครับ ตอนนี้นายติดประชุมอยู่”
“แล้วเฮียอยู่ไหน ทำไมถึงไม่มาหามี่เลย”
“นายติดงานอยู่ครับ เดี๋ยวอีกไม่นานคงได้พบกัน”
“…..”
“กลับบ้านกันนะครับ ถ้าผิดเวลาเดี๋ยวนายน้อยจะหงุดหงิดเอา”
“ค่ะ” เดมี่ยอมรับและทำใจ เดินคอตกมาขึ้นรถที่จอดอยู่ ได้แต่ลด กระจกลงและโบกมือลาเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเหงาหงอย
…
-SBD Casino-
“นายน้อยครับ คุณเดมี่กลับถึงบ้านแล้วครับ”
บุรินทร์เงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิทที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา ไอ้ครามได้รับมอบหมายให้คอยดูแลเดมี่อย่างใกล้ชิด
“วันนี้ไปเรียนเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนขากลับคุณเดมี่งอแงนิดหน่อยเพราะอยากไปดูหนังกับเพื่อน”
“แล้วมีใครมาวุ่นวายหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“ถ้ามีใครมาวุ่นวายกับเธอ มึงรู้ใช่ไหมว่าควรจัดการกับมันยังไง”
“ทราบครับ”
“…..”
“นายจะทำแบบนี้อีกนานไหมครับ เดี๋ยวนี้คุณเดมี่อ้อนอยากเจอนายทุกวัน” ถามด้วยสีหน้าหนักใจ เดมี่ชอบหลอกล่อทำหน้าตาน่าสงสารอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต้องใจอ่อนทั้งนั้น
“…..” บุรินทร์ไม่ได้ตอบคำถาม เลื่อนปลายนิ้วกดเปิดจอมอนิเตอร์ที่ค่อยๆ ฉายภาพบางอย่างให้เห็น
กล้องวงจรปิดหลายร้อยตัวที่มีอยู่รอบบ้าน แต่สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือกล้องที่กำลังทำงานอยู่ภายในห้องนอนของเดมี่ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้เรื่องนี้
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
มาเฟียหนุ่มถอนหายใจหนัก หยิบแก้วบรั่นดีขึ้นมายกดื่มรวดเดียวจนหมด ดวงตาคู่คมจ้องภาพที่หญิงสาวที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง มองสำรวจเรือนร่างของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่ละสายตาไปไหน
ก่อนที่ความเป็นชายจะเริ่มตื่นตัวจนปวดหนึบเพียงแค่นึกจินตนาการเห็นภาพเธอที่กำลังนอนสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ร่างของเขา
“อืม…”
หลายเดือนผ่านไป“ปู่…” เด็กชายฟาเรนตะโกนร้องเรียกด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าคนที่เฝ้ารอมานานแสนนาน ไม่ใช่แค่ปู่แฟรงก์ที่มาหาแต่ปู่ฟรินก็มาด้วยเหมือนกัน“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของพวกเอ็งไปไหน”“แด๊ดดี้ไปทำงานที่ภูเก็ตกับหม่ามี๊” ฟรานตอบด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วพักหลังมานี้พ่อกับแม่ชอบทำตัวติดกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพ่อจะไปไหนมักจะบังคับเอาแม่ติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ“แล้วพวกเอ็งอยู่บ้านกับใคร ทำไมไม่โทรหาปู่”“พวกเราอยู่กับลุงครามและแนนนี่ค่ะ”ครามรีบก้มหน้าอย่างเจียมตัวเมื่อเห็นสายตาของนายใหญ่ที่ใช้มอง“หลบหน้าหลบตากูทำไม” แฟรงก์เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อลูกน้องตัวดี“เปล่าครับนาย”“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงกับลูกสาวกูทำอะไรกันมา” ถึงแม้จะเป็นความลับแต่เขารู้ว่าดาวศุกร์และครามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง “กูไม่มีวันรับคนอย่างมึงมาเป็นลูกเขย จำใส่หัวสมองของมึงไว้เลย”“ผมรู้ตัวครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”“ไปทำท่าไหนมาล่ะ ลูกกูถึงรักถึงหลงมึงจนหัวปักหัวปำ”“ลุงครามเป็นแฟนอานตี้นะ ฟรานจะฟ้องอานตี้ว่าปู่ดุลุงคราม” เด็กหญิงยืนเท้าเอวพูดเสียงแข็งตอบกลับ ลุงครามมีท่าทางซึมลงจนน่าสงสารพวกเด็ก
โรงพยาบาล“น้องจิ๋วมาแล้ว”“ไหนๆ ขอดูบ้าง”“ทำไมน้องไม่ลืมตา”“ตัวนิ่มมากเลย ลองจับดูสิ”เสียงบทสนทนาของพวกเด็กน้อยกำลังพูดคุยกันอย่างไร้เดียงสา ยืนล้อมวงจ้องมองสมาชิกใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน“ตัวเป็นอะไร ทำไมไม่มาดูน้องคนใหม่” ฟรานเดินเข้าไปถามแฝดน้องที่เอาแต่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดจา“เบื่อ! เค้าไม่อยากได้น้องผู้ชาย เค้าอยากมีน้องผู้หญิง” เด็กชายบ่นพึมพำพลางเบือนหน้าหันหนี“ผู้ชายก็ดีนะ ตัวจะได้ไม่เหงา จะได้มีเพื่อนเล่นไง”“เล่นแต่ฟุตบอลกับปั่นจักรยานจนเบื่อแล้ว อยากเล่นอย่างอื่นบ้าง”“แล้วอย่างอื่นที่แฝดว่ามันคืออะไร อยากเล่นขายของหรือเล่นตุ๊กตาเหรอ” ใบหน้าน้อยๆ ของฟรานเอียงคอมองน้องชายฝาแฝดอย่างไม่เข้าใจ “เพราะหม่ามี๊เลือกน้องให้เราไม่ได้”“แล้วทำไมแด๊ดดี้ถึงมีแต่ลูกผู้ชาย ทำไมถึงไม่มีลูกผู้หญิงบ้าง” เด็กชายตัดพ้อทำสีหน้าเศร้า ถ้ามีน้องผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกคนคงได้ปวดหัวกว่าเดิม“เพราะแด๊ดดี้ทำผู้หญิงไม่เป็น ทำเป็นแต่ผู้ชายไง”“เค้าขอเปลี่ยนแด๊ดดี้ได้ไหม อยากได้แด๊ดดี้คนใหม่ เค้าอยากลองมีน้องผู้หญิงดูบ้าง”“เปลี่ยนไม่ได้หรอก พวกเราเกิดมาจากปิ๊กาจูของแด๊ดดี้นะ ต
หลายเดือนผ่านไป“อาการของคุณฟาเรนดีขึ้นมากเลยค่ะ วันนี้ทำกายภาพได้หลายอย่างเลย”เดมี่ยิ้มกว้างพร้อมกับหัวใจที่พองโตหลังจากได้ยินข่าวดีจากพยาบาลที่ดูแลลูกชายตั้งแต่ได้รับตัวยาชนิดใหม่จากบุรินทร์ อาการของฟาเรนก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากกล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงค่อยๆ ขยับได้มากขึ้น กลายเป็นช่วยเหลือตัวเองได้ดีและเดินเองได้ในที่สุด“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลฟาเรนให้เป็นอย่างดี”“คุณฟาเรนใจสู้มากค่ะ อีกไม่นานคงวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆ ได้อย่างแน่นอน”“มี่รักแด๊ดดี้นะ รักที่สุดในโลก” หญิงสาวเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มไว้แน่นแทนคำขอบคุณ ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน“อะไรของเธอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองการกระทำเหล่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจแต่หัวใจของเขายังคงเต้นแรงกับผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอมา“เพราะมีแด๊ดดี้ ฟาเรนถึงมีอาการดีขึ้นในทุกวัน ถ้าไม่ได้แด๊ดดี้ช่วยดูแล ลูกคงแย่แน่เลยค่ะ”บุรินทร์อุทิศและทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อคิดหาวิธีการรักษาลูกชาย จนในที่สุดเขาก็ทำมันได้สำเร็จ“ฟาเรนเป็นลูกฉันเหมือนกัน ยังไงก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”“…..
“ฟาเรน!” เด็กชายหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย ไปหน้าน้อยๆ เอียงคอมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นพี่สาววิ่งเข้ามากอด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าบอกว่าปู่จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ“ไหนบอกว่าปู่จะพาไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นไง”“ไม่อยากไปแล้ว เอาไว้ให้ฟาเรนหายป่วย พวกเราค่อยไปด้วยกัน” ฟรานโผกอดน้องชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นวิลแชร์ด้วยความคิดเด็กหญิงไม่ได้คิดเสียใจหรือเสียดายเลยสักนิด พวกเขาสามคนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ขอไปเที่ยวถ้าเกิดไม่มีฟาเรนหรือถ้าจะไปก็ต้องไปพร้อมกัน“ไปวิ่งเล่นกัน แด๊ดดี้ทำสนามเด็กเล่นให้พวกเราอันใหม่ใหญ่เบ้อเริ่มเลย”“แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ออกจากบ้านนะ เดี๋ยวไม่สบาย” ฟาเรนพูดเสียงเบา สีหน้าดูซึมลงอย่างน่าสงสาร เขารู้ตัวเองเสมอว่าไม่ใช่เด็กปกติเหมือนคนทั่วไป“ตอนนี้แด๊ดดี้ไม่อยู่ ทางสะดวกแล้วนะ อยากไปไหม”“ยะ…อยากไป” พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะวาดสายตาหันซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้“งั้นก็รีบขี่หลังพี่เลย”“จะไม่โดนแด๊ดดี้ตีใช่ไหม”“ถ้าแด๊ดดี้โมโห ให้ตีฟาโรห์แทนก็ได้”“เอ้าแฝด…คะ…เค้าไม่อยากโดนแด๊ดดี้ตีนะ” แค่นึกเห็นหน้าผู้เป็นพ่อก็รู้สึกกลัวจนฉี่แทบราด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยโดนตี แต่กลับรู้สึกก
“ทำอะไรอยู่ตัวเล็ก”“ก่อประสาททรายอยู่ครับ”ฟาเรนเด็กชายวัยห้าขวบหันไปตอบผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันกลับมาสนใจสิ่งตรงหน้าดังเดิม“เล่นคนเดียวเหงาไหม” บุรินทร์ยืนมองลูกน้อยที่นั่งเล่นอยู่ไม่ไกล ข้างกายของฟาเรนมีรถเข็นวิลแชร์ประตำแหน่งและพยาบาลพิเศษมากถึงสามคนคอยประคบประหงมอยู่ไม่ห่างถึงแม้ว่าฟาเรนจะมีอายุห้าขวบ แต่น้ำหนักและสัดส่วนค่อนข้างตกเกณฑ์ต่ำกว่าเด็กปกติทั่วไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการคลอดก่อนกำหนด“หนูอยากมีเพื่อน” เด็กชายบอกผ่านน้ำเสียงเศร้าสร้อยท่าทางซึมลงจนสังเกตได้ตั้งแต่จำความได้ เขาถูกเลี้ยงดูแตกต่างจากเด็กทั่วไป ในขณะที่พวกพี่ได้วิ่งเล่นแต่ฟาเรนทำได้แค่นั่งมองอยู่ในห้องพักปลอดเชื้อต้องให้ยาทุกสี่ชั่วโมง“อย่านั่งตากแดดนาน เดี๋ยวไม่สบาย”“คุณปู่ไม่รักฟาเรนเหรอครับแด๊ดดี้ ทำไมถึงไม่พาหนูไปเที่ยวด้วย”คำถามของลูกชายทำเอามาเฟียหนุ่มหยุดชะงักนิ่งไป หัวอกคนเป็นพ่อสั่นไหวค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงข้างเด็กน้อย“เพราะฟาเรนไม่ค่อยสบาย”“แล้วเมื่อไหร่จะหาย หนูอยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นบ้าง”“เดี๋ยวก็หายแล้ว”“…..”“เอาไว้ถ้าหายดีเมื่อไหร่ แด๊ดดี้จะพาไปเที่ยวทุกที่ที่ลูก
“แฟรงก์มา!”เด็กน้อยที่นั่งอยู่ต่างหันขวับกันอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าน้อยๆ ของหลานฉีกยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นปู่ที่เดินเข้ามาหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือน“แฟรงก์…แฟรงก์!” เด็กหญิงตะโกนเรียกซ้ำๆ กระโดดโลดเต้นดีใจรีบวิ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงวันนี้ในมือปู่มีขนมแถมยังหิ้วของเล่นมาฝากหลานเยอะแยะ ตามใจกว่าแด๊ดดี้และหม่ามี๊ก็คงจะเป็นผู้ชายคนนี้“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกปู่ ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกเอ็งนะ” คนเป็นปู่ถอนหายใจมองหน้าไอ้พวกเด็กฝรั่งที่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนแต่ได้พอสบสายตาอันไร้เดียงสาเหล่านั้น หัวใจแกร่งก็ยอมโอนอ่อนให้โดยดี“ปู่คืออะไร” ฟาโรห์ตัวป่วนเอียงคอถามอย่างสงสัย“คือพ่อของพ่อไง”“แล้วพ่อคือใคร” พอได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้งงไปกันใหญ่“พ่อก็คือแด๊ดดี้ไง ภาษาไทยเขาเรียกว่าพ่อ”“เข้าใจแล้ว”“เดี๋ยวนี้ลืมกันแล้วสิ ทำไมพวกเอ็งถึงไม่ไปหาปู่บ้างเลย” บุรินทร์ภัทรแสร้งทำท่าทางตัดพ้อน้อยใจ อยู่ที่บ้านก็เอาแต่ชะเง้อคอคอยมองทางหลานน้อยอยู่ทุกวัน“ไม่ได้ลืมสักหน่อย แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ไป” เด็กหญิงพูดแทรกน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแต่สีหน้ากลับดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด“อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปเที่ยว