Mag-log in-บ้านของบุรินทร์-
ตึกตัก…เสียงของฝีเท้านับสิบดังขึ้นอย่างรีบร้อน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักภายในคฤหาสน์ของลูกชาย
“เดมี่อยู่ไหน” บุรินทร์ภัทรถามลูกน้องคนสนิทอย่างร้อนใจ พอมีคนของบุรินทร์โทรบอกว่าเจอเดมี่ก็รีบขับรถมาหาในทันที
“คุณเดมี่อยู่ในห้องครับนายใหญ่”
“เดมี่เป็นยังไงบ้าง”
“มีอาการขาดน้ำและอ่อนเพลียครับ”
แกร๊ก…บานประตูห้องพักถูกเปิดออก บุรินทร์ภัทรค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาหลานสาวที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงด้วยความระมัดระวัง
ตามเนื้อตัวของเดมี่มีแต่ร่องรอยฟกช้ำแถมเสื้อผ้าก็ยังดูเก่าเปรอะเปื้อนน่าสงสาร
“เดมี่…เดมี่ได้ยินอาไหม”
“คุณอาเหรอคะ” หญิงสาวลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ใช่! อาแฟรงก์เอง เดมี่จำอาได้ไหม”
“…..” หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ พลางจ้องมองใบหน้าของคนที่เพิ่งมาใหม่ ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“ฮึก…คุณอา”
“เล่าให้อาฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ฮึก…แด๊ดดี้กับหม่ามี้ตายแล้วค่ะ”
“หลานไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“จดหมายจากแด๊ดดี้ฝากให้คุณอาค่ะ” เดมี่สะอึกสะอื้นยื่นจดหมายฉบับสุดท้ายที่พ่อฝากไว้ให้ก่อนตายส่งถึงมือเพื่อนคนที่ไว้ใจที่สุด
“…..”
เขารับมันมาด้วยมือสั่นเทา บรรยากาศรอบตัวเงียบวังเวง จะมีก็แค่เพียงเสียงร้องไห้ของบุรินทร์ภัทรที่ดังเล็ดลอดพอให้ได้ยิน
บุรินทร์ภัทรทรุดเข่านั่งลงบนพื้นด้วยแขนขาอ่อนแรง ยกมือสั่นเทาขึ้นปิดใบหน้า น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อในวันนี้ไอ้เจย์เดนมันไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่จำความไม่ได้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่จู่ๆ มันกลับทิ้งเขาไปไม่ลาสักคำ แทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง
“เวรเอ้ย! มันเกิดอะไรขึ้น” บุรินทร์ภัทรบอกด้วยความคับแค้นภายในใจ ยังไงเพื่อนต้องไม่ตายฟรี ใครที่มีส่วนรู้เห็นในครั้งนี้ เขาจะลากมันลงนรกพร้อมกันให้หมด
“ระ…รถแด๊ดดี้โดนตัดสายเบรกค่ะ”
‘ไอ้แฟรงก์…ถ้ากูไม่อยู่ ฝากมึงดูแลเดมี่ด้วยนะ’
‘ลูกมึง มึงก็เลี้ยงเองดิ’
‘มึงก็รู้งานที่กูทำมันเสี่ยงแค่ไหน’
‘…..’
‘กูจะตายวันไหนก็ไม่รู้ ถ้ากูตายไปมึงเลี้ยงลูกให้กูด้วยนะ มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูไว้ใจมากที่สุด นอกจากมึงแล้วกูไม่ไว้ใจใคร’
‘เออ! จะตายก็รีบตาย ส่วนลูกมึงเดี๋ยวกูเลี้ยงให้เอง’
‘มึงรับปากกับกูแล้วนะห้ามผิดสัญญา’
‘เออ! กูบอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง ถ้ามึงตายเมื่อไหร่กูจะดูแลลูกมึงให้อย่างดี’
“นับจากนี้ไป…อาจะเป็นคนดูแลมี่เองนะ” บุรินทร์ภัทรออกปากรับ ลูบศีรษะของหลานสาวเพื่อปลอบใจ ตอนมีชีวิตอยู่ก็มีแต่ไอ้เจย์เดนที่อยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือกันมา
เดมี่คือสิ่งเดียวที่มันรัก เขาจึงอยากดูแลชีวิตน้อยๆ ที่เหลือต่อจากนี้
“อารับปากกับพ่อของหลานไว้แล้ว ก็แค่หลานคนเดียวทำไมอาจะเลี้ยงไม่ได้”
“…..”
…
-เวลาต่อมา-
“มีเวลาว่างให้ป๊าสักหน่อยไหม พอดีป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารสำคัญอยู่บนโต๊ะทำงานภายในห้องขนาดใหญ่ ข้างกายของบุรินทร์มีลูกน้องคนสนิทคอยยืนเฝ้าไม่ห่างไปไหน
เขามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวอย่างเกรงใจ เฟยเป็นคนนิ่งเงียบ หัวรุนแรงจนบางทีก็ดูน่ากลัว และหวงความเป็นส่วนตัว ชอบเก็บตัวลึกลับไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
“มีอะไรก็พูดมา”
“เรื่องเดมี่”
เฟยหยุดชะงัก วางมือจากงานที่ทำ เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อหลังจากได้ยินชื่อนั้น ‘เดมี่’ ยัยเด็กตัวอ้วนจอมวุ่นวายเขาจำได้ดี “อืม…แล้วยังไง?”
“อาเจย์เดนเสียแล้ว ตอนนี้เดมี่ไม่เหลือใคร ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน”
“…..”
“ป๊ารับปากกับอาเจย์เดนไว้ว่าจะดูแลน้อง ป๊าไม่อยากผิดคำพูดกับคนที่ตายไปแล้ว” เดมี่อ่านภาษาไทยไม่ออก เขียนไม่ได้ ถ้าปล่อยให้ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวตัวคนเดียว มันก็จะดูโหดร้ายเกินไป
“เดี๋ยวผมดูแลเด็กนี่ให้เอง”
“แต่ป๊าไม่อยากให้เฮียลำบาก ลำพังงานของเฮียก็เยอะมากอยู่แล้ว” บุรินทร์ภัทรพูดเสียงอ่อน พยายามหว่านล้อมเพื่อให้ลูกชายเปลี่ยนใจ
แค่มองตาก็เข้าใจว่าเฟยกำลังคิดจะทำอะไรอยู่
“กลัวผมทำอะไรเด็กนั่นเหรอ” เงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่ออย่างรู้ทันความคิดไม่ต่างกัน กระตุกยิ้มร้ายเมื่อเห็นท่าทางหนักใจของคนตรงหน้า
“ป๊าขอนะเฮีย เว้นเดมี่ไว้สักคนได้มั้ย อย่าทำอะไรน้อง”
“…..” เขาได้แต่พยายามข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้เจอหน้าเธอในตอนนี้ แต่คงคิดว่าอีกไม่นานที่ความอดทนบ้าๆ นี่จะหมดลง
“ถ้าเฮียอยากได้คนใหม่ป๊าจะหามาให้เดี๋ยวนี้ ส่วนเดมี่ป๊าขอเอาไปดูแลเอง”
“เอาไว้ถ้าเบื่อมันเมื่อไหร่จะโยนทิ้งให้แล้วกัน”
“…..”
“แต่ไม่รับประกันนะ ว่าในท้องของยัยเด็กนั่นจะมีหลานป๊าติดไปด้วยหรือเปล่า”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ

![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

