“ปล่อยนะ!...ปล่อยฉัน!...ปล่อย!...”
ชายหนุ่มตวัดแขนเกี่ยวร่างระหงที่ขืนตัวแม้อ่อนแรงเดินตรงไปยังบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งพาดเงาดำทะมึนใต้แสงจันทรา ความหวาดกลัวถึงขีดสุดแล่นปรี่เข้าจับหัวใจของหญิงสาว เขมราชอาจทรมานเธอด้วยวิธีการที่มิอาจหยั่งรู้ในบ้านอันห่างไกลเกินใครจะเข้ามาช่วยแห่งนี้ ชายหนุ่มพาเธอเหยียบขั้นบันใดขึ้นไปยังตัวบ้าน และเมื่อบานประตูถูกผลักออกเขาจึงสลัดร่างนั้นซวนเซลงไปนอนกองอยู่กับพื้นราวสิ่งของที่เขาไม่คิดจะใยดี ร่างของปรายฟ้าสั่นสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ที่นี่ไม่มีแสงนีออนนอกจากตะเกียงเก่าห่อหุ้มเปลวน้อยสาดความสว่างรางเลือนออกมาภายนอก หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าขณะที่บุรุษร่างสูงใหญ่ย่อกายลงด้านหน้าเพื่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แปรเปลี่ยน
“ตอนนี้ตีสามแล้ว...ผมให้เวลาคุณนอนได้จนถึงเวลาแสงแรกของวันใหม่ ถ้าไม่ตื่นผมจะเป็นคนปลุกคุณด้วยตัวเอง!”
คนออกคำสั่งกล่าวจบก็เดินลงส้นออกไปและปิดบานประตูลงโครมใหญ่ปล่อยให้ร่างบอบบางนั่งกอดเข่าในความเงียบงันทั้งหยาดน้ำตา ปรายฟ้าเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นกับชะตากรรมของตัวเองที่ไม่เคยนึกฝัน เรือนผมอ่อนนุ่มที่ถูกมุ่นมวยกระจุยกระจายออกมาหมดแม้คราบเม็ดสีที่แต่งแต้มบนใบหน้าก็ละลายไปกับหยดน้ำซึ่งคอยไหลหลั่งออกมาจากดวงตาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชุดวิวาห์ราคาแพงลิบกลายกลับเป็นเศษผ้าน่าสมเพช บนเนื้อตัวนั้นเกรอะกรังไปด้วยเศษดินเศษหญ้าทั้งสายโซ่ก็ทิ้งรอยจ้ำแดงเต็มไปหมดไม่นับรวมแผลซึ่งต้องล้มลุกคลุกคลานจากการหนีที่ไร้ผล
หญิงสาวมองไปรอบตัวสัมผัสเพียงละอองไอของความมืดล่องลอยในสายลม เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมเหมือนอยู่ใกล้คล้ายปลอบประโลมขวัญของผู้หวาดหวั่นที่ลอยหายให้กลับคืน ปรายฟ้าเริ่มอ่อนแรงลงทีละน้อยนับจากเวลาของเมื่อวานเธอยังไม่ได้ผ่อนเบาตัวเองลงด้วยการงีบหลับแม้เพียงสักห้านาที เธอเริ่มต้นวันที่คิดว่าฤกษ์ดีด้วยการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างสมบูรณ์แบบแต่แล้วทุกอย่างกลับพังพินาศอย่างน่าเศร้าใจเพราะคนโหดร้ายอย่างเขมราช ความล้าระบมที่รุกเร้าความรู้สึกของเธอก่อนหน้าค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ ด้วยพ่ายแพ้แก่กำลังกดจากระบบประสาทที่ต้องการการพักผ่อนเต็มทีแล้วหลังจากต้องอดทนต่อการเก็บกลั้นอันรุนแรง ในที่สุดปรายฟ้าก็ผล็อยหลับไปทั้งน้ำตากับการภาคทัณฑ์ซึ่งยังพร่าเลือนอยู่ในสติอันน้อยนิดนั้นว่า เธอต้องตื่นรับแสงแรกของทิวาใหม่ให้ทันเวลา
“ว้าย!...” ร่างบางซึ่งนอนแนบนิ่งอยู่บนพื้นไม้พลันต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงน้ำกระแทกลงมาบนตัวโครมใหญ่ชนิดที่ไม่ทันได้ตั้งรับอะไรเลย
“คุณเขมราช!” ปรายฟ้านั่งอ้าปากค้างอยู่กับพื้นพลางก้มดูเนื้อตัวและเสื้อผ้าที่เปียกซ่กไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าและเสนผมของเธอ เบื้องหน้าคือร่างสูงใหญ่ของคนที่ทำเธอเปียกปอนจากหลักฐานในมือคือถังน้ำที่เขาโยนมันลงกับพื้น แล้วความมืดก็เหือดหายไปจนหมดในเช้าที่แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เธอมองเห็นเขาชัดเจนในตอนนี้เอง
เขมราช อัครินทร
หนุ่มรูปงามเรือนร่างกำยำภายใต้เสื้อยืดอวดมัดกล้ามและกางเกงยีนส์สีเข้มหากแต่หยาบเถื่อนและกักขฬะจนเธออยากจะกลั้นใจตายต่อหน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณปลุกฉันดี ๆ ไม่เป็นรึไง! ฉันเปียกหมดแล้วคุณเห็นมั้ย!”
“ผมเรียกคุณจนคอแหบแห้งตั้งนานสองนาน คุณไม่ยอมตื่น ปลุกดี ๆ ไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีนี้ล่ะ!”
เขมราชตวาดออกมาดังลั่นในขณะที่ปรายฟ้ายั้งความเจ็บใจเอาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นหากก็ต้องทรุดลงไปนั่งอีกเพราะเจ็บร้าวไปหมดบนเรียวขา
“โอย!...ทำไมเจ็บแบบนี้” ปรายฟ้าร้องครางออกมาก่อนจะใช้มือกดลงไปบนผ้ากรังเลือดที่พันอยู่บนขาข้างหนึ่งซึ่งบาดเจ็บ ชั่วแล่นในความโกรธของชายหนุ่มมีบางอย่างแทรกตัวขึ้นมาคานความนึกคิดอันหยาบร้าย เขมราชทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ และดึงผ้าที่เขาเป็นคนพันไว้เองตั้งแต่เมื่อคืนออกจากเรียวขานั้น และภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือรอยแผลยาวบนขาเนียนขาวโผล่พ้นชายกระโปรงที่เลิกขึ้นสูง
“โอ๊ย!...ฉันเจ็บนะคุณ ขาของฉันคงจะหักแน่แล้ว” ร่างบางครางครวญโดยไม่ทันรู้สึกตัวว่ามือเรียวนั้นเกาะแขนใหญ่ของเขาไว้แน่น เธออาจยังไม่รู้สึกแต่ชายหนุ่มเริ่มรุมร้อนขึ้นมาจากสัมผัสอันนุ่มนวลคล้ายประจุไฟฟ้าปลดปล่อยริ้วคลื่นพลังงานแล่นไหลเข้าไปฉุดรั้งสำนึกแห่งความเกลียดชังจนอ่อนยวบ
“คุณจะรู้อะไร! นังนั่นมันคงหลอกล่อคุณให้ตายใจด้วยความสวยของมัน... ลูกสาวของนรา เจ้าของ ดิ เอเมอรัล ใครก็รู้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ในวงสังคมมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่คงถูกพวกโจรพาไปทำปู้ยี่ปู้ยำจนหมดแล้ว คุณไม่มีวันรู้หรอกเขมว่ามันมีสามีมากี่คนแล้วก่อนจะถึงมือคุณ”“คุณคงอยากได้ความกระจ่างมากกว่าที่มืดบอดอยู่ ผมนี่แหละ ผู้ชายคนแรกของปรายฟ้า คนที่ฉุดเธอไปจากงานแต่งคืนนั้นคือผม เขมราช อัครินทร!”“กรี๊ด!...ไม่จริง!...เขม คุณจะบ้ารึไง คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณเป็นคนฉุดปรายฟ้าไป คุณแกล้งอัญใช่มั้ยถึงได้กุเรื่องบ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา!”“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนอย่างผมไม่เคยล้อใครเล่น และไม่รู้จักการโกหก โดยเฉพาะกับคนที่ผมรัก”เขมราชดูจะใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องปลายสายน้อยลงในทุกขณะเมื่อร่างที่เขาทาบทับอยู่นั้นเป็นฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมาเพื่อมอบจูบอันหน่วงหนักโดยละทิ้งความกริ่งเกรงในคราวแรกว่าสามีของเธอจะใจอ่อนต่อผู้หญิงคนนั้น“เขม...คุณต้องสั่งทนายของคุณให้หยุดเดินเรื่องฟ้องอัญเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ อัญเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่คู่กรณีทางกฎหมายแบบนี้”“ก็แค่เคย...ผมจะไม่พูดอะไรในตอนนี้ เพราะคนที่จะพูดแทนผมได้คื
“ผมรักคุณนะปราย...มากกว่าอะไรในโลกนี้”เสียงปนหอบขานรับดังชัดกว่าสายฝนพรำและประทับลงสู่เบื้องลึกของความทรงจำที่มี เขา เสมอมิเสื่อมคลาย“ปรายก็รักคุณค่ะ...มากกว่าอะไร...ในโลกนี้”เสียงนกร้องปลุกสำนึกแรกของเขมราชให้ลืมตาตื่นรับประกายแดดอ่อนเบาที่ทอดผ่านเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างหลังคืนฟ้าฝนตกหนักผ่านพ้นไป เปลือกตาใต้โครงคิ้วหนาเป็นปื้นกระพริบถี่รัวเพื่อปรับม่านนัยน์ตารับแสงแรกของอรุณใหม่ภายในเรือนไม้หลังงามซึ่งเขาชื่นชมนักเมื่อมาถึงครั้งแรก ชายหนุ่มยังไม่ขยับตัวไปทางใดเมื่อดวงตาคมเปิดรับภาพอันชัดเจนและตรึงตราของปรายฟ้าที่ยังนอนหนุนแขนของเขาต่างหมอนตลอดทั้งคืน ร่างสูงใหญ่บิดตะแคงเพียงน้อยเพื่อเพ่งพิศความงามของร่างเล็กเปลือยเปล่าซึ่งยังคงทิ้งตัวในนิทรารมย์ใต้ผ้าห่มคลุมแค่เนินเนื้ออิ่มเผยเนียนผิวขาวช่างเจิดจรัสราวกุหลาบงามใต้ละอองแดดอาบไล้ฉาบประกายชมพูบนเนื้อนวลอันหมดจดผู้อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวบางครั้งเพื่อบดเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกกว้างทำให้เขาได้กลิ่นหอมเบาบางจากเรือนผมดำยาวสยายเต็มหมอนโอบล้อมวงหน้ารูปไข่และแก้มเปล่งปลั่งตามธรรมชาติโดยไร้การแต่งเติมสีสันใด ๆ ทว่าก็ช่างน่ามองนัก ทุกครั้งที่ร
“คะเขม”“ผมลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณกับผม”“คุณหมายถึงลูกของเราใช่ไหมคะ”เขมราชเลื่อนตัวลงแนบข้างแทนที่จะทิ้งน้ำหนักบนร่างสาวโดยตรงพลางวางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบตึงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวช่างนุ่มนิ่มอิ่มอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความมีน้ำมีนวลนี้เร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกส่วนสัด ยิ่งเนินถันอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้นดูคล้ายบัวตูมดอกใหญ่อิ่มขยายชูช่อรอรับหยาดแห่งความฉ่ำชื่น“เขาจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเรา...”ปรายฟ้าวางมือบางบนหลังมือที่แนบอยู่บนแผ่นผิวหน้าท้องราบเรียบด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด“เขาอยู่ลึกมากเลยค่ะเขม ปรายยังไม่รู้สึกว่าเขาตอบสนอง แต่เขาอยู่ที่นั่นค่ะ”“ปราย...ที่ผมรีบตามคุณมาที่นี่เพราะกลัวว่าคุณจะทำอย่างขิม เป็นความจริงที่ผู้ชายตัดสินใจทำอะไรได้รวดเร็วเด็ดขาด แต่เรื่องความใจเด็ดเราอาจมีไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิง”ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าหาความแข็งแกร่งกำยำราวจะบอกในทีว่าถึงอย่างไรสตรีก็ไม่เคยลืมทิ้งความอ่อนหวานให้บุรุษถวิลหา“คุณกำลังจะว่าผู้หญิงโหดเหี้ยมกว่าผู้ชาย ถึงยังไงเราก็สู้คนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่แล้วนี่คะเขม”เขมราชลากปลาย
“ปราย...ผมจะแต่งงานกับคุณ”ปรายฟ้าชะงักงันแม้ชุดนอนจะถูกรั้งลงไปกองอยู่ข้างเตียงเหลือเพียงร่างงามเปล่าเปลือยผ่องผุดใต้แสงเย็นตา เขมราชไล้ปลายนิ้วสากไปบนผิวนิ่มลื่นบนไหล่บางและเกลี่ยปลายผมที่ทิ้งตัวลงมาปิดถันอิ่มออกไปโดยไม่ได้สนใจดวงตากลมโตฉายความฉงนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“เขมคะ...ปรายแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวจับมือของเขาที่ไล้ลูบบนเนินทรวงทั้งที่ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผาจากข้างในทว่าก็ยังมีข้อสงสัยที่เธออยากคลี่คลายมันเสียก่อน“มีอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณหรือปราย ในเมื่อตอนนี้ก้องกาจก็อยู่ต่างประเทศ”“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ก้อง แต่มันเป็นชื่อเสียงของคุณ ประธานกลุ่มบริษัทอัครินทรต้องหมองมัวแน่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคุณจะลงเอยกับเจ้าสาวที่ถูกฉุดหายไปในวันแต่งงาน... ปรายฟ้า นิรกิจจากร”“คุณคือปรายฟ้า อัครินทร ต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าหลักฐานในทะเบียนสมรสระบุไว้อย่างนั้น หรือถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่ชัดเจนพอ ผมก็จะขอเอาตัวเองพิสูจน์กับคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”“เขม...” เรียวปากจิ้มลิ้มอ้าออกไม่ทันคัดค้านก็ถูกประกบปิดไว้แน่นแนบจากเจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มไม่ต้องการประวิงเวลาไว้สำหรับความเข้าใจอันลึก
“ปราย...” เขาแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นในเวลาที่ยังรำลึกถึงคำพูดซึ่งเขายังจดจำอยู่เสมอ“ปรายกลัวเสียงฟ้าผ่าค่ะ...เป็นมาตั้งแต่เด็ก แก้ไม่เคยหายเลย”“แล้วเมื่อก่อนเวลาคุณกลัว...คุณทำยังไง” “ปรายชอบแอบอยู่ข้างเตียง...ตลกมากใช่มั้ยคะ ปรายไม่เคยบอกใครเลย”ชายหนุ่มก้าวไปหยุดใกล้ ๆ และเห็นชัดว่าร่างเล็กห่อกายด้วยผ้านวมผืนใหญ่ซุกตัวอยู่ติดผนังห้องตรงหัวเตียงด้านล่าง“เขม...เขมคะ” เสียงสั่นเครือบอกความกลัวเจือด้วยความเว้าวอนนั้นทำให้เขมราชรู้ตัวว่าเขาคงมิอาจทอดทิ้งปรายฟ้าไปไหนได้อีกแล้วเมื่อร่างสูงตระหง่านตรงเข้าไปคุกเข่าและกอดหญิงสาวในผ้านวมแนบแน่น“ปราย...ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัว ผมจะปกป้องคุณเอง”ร่างอรชรสลัดผ้าผืนหนาออกก่อนสอดแขนเรียวโอบรอบแผ่นหลังกว้างราวกับเธอก็หมดสิ้นแล้วซึ่งทิฐิและความถือดีใด ๆ นอกจากหัวใจเพรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก“ไหนคุณบอกนายย้งว่าคุณจะกลับกรุงเทพแล้วไงคะ คุณจะกลับไปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“คุณเชื่อที่ผมพูดหรือ...แล้วคุณรู้ได้ยังไง คุณได้ยินทุกอย่างใช่มั้ยที่ผมคุยกับนายย้งข้างนอก”ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองแนบลงกับหูของหญิงสาวและตรึงให้ใบหน้าหวานเผชิญกับเขาอย่างนุ่
“จะให้ผมรับหมอมาดูอาการของคุณเขมราชที่นี่หรือเปล่าครับคุณปราย”นายย้งเสนอตัวก่อนหันไปมองใบหน้าคมคายซีดเผือดบนร่างสูงกำยำซึ่งยังนอนหายใจหนักใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความร้อนยังไม่ทุเลาเบาลง“ไม่ต้องหรอกค่ะ...นายย้งคอยเฝ้าดูอาการของเขาตรงนี้แล้วกันนะคะ ถ้าไข้เขาลดแล้ว...”ปรายฟ้าระบายลมหายใจก่อนพูดต่อเสียงหวิว“ปรายจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายย้งพาเขาไปส่งที่กรุงเทพค่ะ”“คุณปรายครับ...แต่ว่าคุณเขมราชเพิ่งมาถึงนะครับ แล้วถ้าให้ผมพาเขากลับกรุงเทพคุณปรายจะอยู่กับใคร”“ปรายอยู่คนเดียวได้ค่ะ! ปรายอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีเขา ซึ่งการที่มีเขาหรือไม่มี ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างนี่คะนายย้ง”ร่างบางกล่าวจบก็เดินออกไปจากที่นั้นซึ่งนายย้งรู้ดีว่าคุณหนูของเขาคงไปนั่งจัดดอกไม้ในสวนข้างบ้านอย่างเคย เขาส่ายหน้าไปมาก่อนพูดกับตัวเอง“เฮ้อ!...คุณปรายของย้ง ดูเหมือนจะใจอ่อนแล้ว บทจะแข็งขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน”.ใช่แต่คำพูดของนายย้งที่แทรกซึมเข้าไปในประสาทรับรู้ของเขมราช ถ้อยวาจาก่อนหน้าของปรายฟ้าก็ยังดังชัดเจนในหูของคนทำทีเสมือนหลับหากก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อผู้รับคำสั่งให้คอยดูแลเดินกลับเข้าไปในครัวแล้ว“ตื๊อเท