ขณะที่ปรายฟ้าก้มหน้ามองบาดแผลเขาก็เพิ่งเห็นความงดงามตรงหน้าชัดเจนกว่าที่เคยเห็นท่ามกลางความมัวหมองในยามค่ำคืน ความสวยหวานของปรายฟ้าดึงดูดนัยน์ตาเข้มที่เผลอจ้องมองจนแทบลืมความตั้งใจทุกอย่างไปในฉับพลันทันใด หากแต่เขมราชกลับต้านทานมันไว้ได้ก่อนจะชักสีหน้าบูดบึ้งดุดันใส่เธออีกคำรบ
“ผู้หญิงจอมมารยา!...แผลนิดเดียวร้องไห้ซะลั่นบ้าน ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลยคุณหนูบ้านนิรกิจจากร พ่อของคุณไม่เคยสอนให้คุณรู้จักอดกลั้นอะไรบ้างหรือกับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้”
“เขาสอนฉัน...เขาสอนให้ฉันรู้จักอดทนอดกลั้น แต่ไม่เคยสอนฉันให้ทำร้ายคนอื่นโดยเฉพาะคนไม่มีทางสู้ที่อ่อนแอ” ปรายฟ้าไม่ยอมลงให้เขาแม้เพียงสักนิด ใบหน้าเชิดและคำพูดจาคะคานทำให้เขมราชลุแก่โทสะอีกหน ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้แน่น ดวงตาเข้มคลั่กฉาบฉายด้วยประกายไฟร้อนจากความเคียดขึ้งจนสุดประมาณ
“คนอ่อนแอบางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมแพ้ให้คู่ต่อสู้นี่ใช่มั้ยปรายฟ้า! คนอ่อนแอบางทีก็เป็นนักวางแผนจ้องจะทวงคืนจากคนที่ทำร้ายตัวเองเหมือนคุณไง!”
“ฉันเจ็บนะ!...ฉันไม่ได้วางแผน ฉันไม่ได้มารยา แต่ฉันเจ็บจริง ๆ เจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว...ฉันแค่อยากจะขอความเห็นใจบ้าง ฉันจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “
เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะทำให้เธอเจ็บตัวอีกปรายฟ้าจึงหลั่งน้ำตาแห่งความหวั่นกลัวออกมาโดยมิได้นึกเสแสร้ง เขาจะรู้หรือไม่ว่าความไหวหวาดได้กลืนกินกำลังใจของเธอไปจนหมดสิ้นแล้ว ความอ่อนล้าที่แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาอ้อนวอนทำให้คนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟต้องข่มความรู้สึกบางอย่างที่ผุดพรายขึ้นมาด้วยความพยายามอย่างยากเย็น เขมราชค่อยคลายมือออกจากไหล่บางเมื่อระงับความโกรธของตนลงได้บ้าง
“คราวนี้ผมจะเชื่อผู้หญิงมารยาอย่างคุณอีกสักครั้ง...ผมแค่จะปลุกให้คุณไปอาบน้ำที่ลำธาร ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา แต่คุณต้องอยู่ได้ เพราะผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่...อยู่อย่างไม่มีอะไรนี่แหละมานานแล้ว!”
พูดจบคนตัวโตก็ช้อนร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนและพาเดินอกไปนอกบ้าน แสงแดดกล้าทำให้หญิงสาวรีบซุกหน้าลงกับไหล่กว้างขณะที่เรียวแขนเกี่ยวกระหวัดไปรอบคอของเขาแน่น และเมื่อสายตาเริ่มปรับจนชินกับแสงสว่างเธอจึงเห็นว่าที่นี่คือบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งถูกโอบล้อมไว้ด้วยป่าแน่นขนัด หากทว่ามันไม่ใช่บ้านมืดทึมดังความรู้สึกแรกที่ได้เห็นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา บ้านหลังใหญ่ช่างมีสีสันจากไม้ดอกไม้ประดับที่แข่งกันชูช่อดอกใบเบ่งบาน อีกทั้งยังมีเสียงนกขับขานเมื่อบินผ่านข้ามทิวเขาเขียวขจีที่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังของทัศนียภาพอันตระการตา
เขมราชพาร่างบางในอ้อมแขนก้าวลงบันไดบ้านอย่างว่องไว ด้วยรูปร่างสูงใหญ่จึงโอบอุ้มร่างเล็กอย่างไร้ความยากลำบาก ปรายฟ้ากอดเขาไว้แน่นกับความอบอุ่นประหลาดที่แล่นลิ่วเข้าไปในหัวใจดวงนั้น มันเป็นความวาบหวามยามได้อยู่ชิดใกล้อย่างที่ไม่เคยนึกถึงอะไรเช่นนี้มาก่อนแม้แต่กับคู่หมั้นอย่างก้องกาจที่เธอเกือบได้เข้าพิธีวิวาห์ด้วย ถึงจะเตือนตัวเองว่าเขาเป็นใครไม่รู้ลักพาเธอมาและชอบแสดงความป่าเถื่อนใส่ หากก็มิเว้นวายจะเผลอไผลหัวใจให้หวามไหวไปกับสัมผัสใกล้ชิดนั้น ปรายฟ้าสูดกลิ่นไอน้ำหอมอ่อนจากผิวกร้านภายใต้เสื้อยืดเนื้อบางและอดที่จะเขินอายตัวเองไม่ได้ที่ทุกย่างก้าวของชายหนุ่มเร่งเร้าให้ทรวงอกอิ่มบดเบียดกับอกของเขาโดยมิได้ตั้งใจ ห่างจากตัวบ้านออกมาไม่ไกลก็เป็นลำธารใหญ่ที่มีน้ำใสหลากเอื่อยใต้แสงอาทิตย์ส่อง เขมราชย่ำเท้าที่อยู่ในบู๊ทลงไปในน้ำตื้นริมธารก่อนจะวางร่างของปรายฟ้าลง
“เวลาอาบน้ำก็ต้องมาอาบที่นี่ ซักผ้าก็ซักที่นี่ ใช้ชีวิตอยู่แบบชาวป่าชาวเขา มันคงไม่ถึงกับทำให้คุณต้องตายเพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก”
“คุณจะให้ฉันอาบน้ำแบบนี้ได้ยังไง เสื้อผ้าก็ไม่มีจะเปลี่ยนจะใส่ ฉันไม่แก้ผ้าอาบน้ำในนี้หรอกนะ”
เขมราชไม่ตอบแต่เดินย่ำน้ำไปยังลานหินริมธารก่อนจะหยิบผ้าพับหนึ่งโยนใส่จนหญิงสาวรับไว้แทบไม่ทัน
“ผ้าถุงกับเสื้อผ้า...ผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างคุณไว้ใจไม่ได้ ผมจะนั่งดูคุณอาบน้ำตรงนี้แหละ!”
“คุณจะบ้ารึไง!...ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องให้คุณมานั่งเฝ้าฉันอาบน้ำอย่างนี้นะ!”
“ช่วยไม่ได้!...คุณอยากทำให้ผมไม่ไว้ใจแต่แรก ถ้ายอมมาโดยดีไม่คิดวางแผนหนีแบบโง่ ๆ ผมก็อาจจะให้อิสระคุณมากกว่านี้”
“คุณจะรู้อะไร! นังนั่นมันคงหลอกล่อคุณให้ตายใจด้วยความสวยของมัน... ลูกสาวของนรา เจ้าของ ดิ เอเมอรัล ใครก็รู้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ในวงสังคมมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่คงถูกพวกโจรพาไปทำปู้ยี่ปู้ยำจนหมดแล้ว คุณไม่มีวันรู้หรอกเขมว่ามันมีสามีมากี่คนแล้วก่อนจะถึงมือคุณ”“คุณคงอยากได้ความกระจ่างมากกว่าที่มืดบอดอยู่ ผมนี่แหละ ผู้ชายคนแรกของปรายฟ้า คนที่ฉุดเธอไปจากงานแต่งคืนนั้นคือผม เขมราช อัครินทร!”“กรี๊ด!...ไม่จริง!...เขม คุณจะบ้ารึไง คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณเป็นคนฉุดปรายฟ้าไป คุณแกล้งอัญใช่มั้ยถึงได้กุเรื่องบ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา!”“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนอย่างผมไม่เคยล้อใครเล่น และไม่รู้จักการโกหก โดยเฉพาะกับคนที่ผมรัก”เขมราชดูจะใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องปลายสายน้อยลงในทุกขณะเมื่อร่างที่เขาทาบทับอยู่นั้นเป็นฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมาเพื่อมอบจูบอันหน่วงหนักโดยละทิ้งความกริ่งเกรงในคราวแรกว่าสามีของเธอจะใจอ่อนต่อผู้หญิงคนนั้น“เขม...คุณต้องสั่งทนายของคุณให้หยุดเดินเรื่องฟ้องอัญเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ อัญเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่คู่กรณีทางกฎหมายแบบนี้”“ก็แค่เคย...ผมจะไม่พูดอะไรในตอนนี้ เพราะคนที่จะพูดแทนผมได้คื
“ผมรักคุณนะปราย...มากกว่าอะไรในโลกนี้”เสียงปนหอบขานรับดังชัดกว่าสายฝนพรำและประทับลงสู่เบื้องลึกของความทรงจำที่มี เขา เสมอมิเสื่อมคลาย“ปรายก็รักคุณค่ะ...มากกว่าอะไร...ในโลกนี้”เสียงนกร้องปลุกสำนึกแรกของเขมราชให้ลืมตาตื่นรับประกายแดดอ่อนเบาที่ทอดผ่านเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างหลังคืนฟ้าฝนตกหนักผ่านพ้นไป เปลือกตาใต้โครงคิ้วหนาเป็นปื้นกระพริบถี่รัวเพื่อปรับม่านนัยน์ตารับแสงแรกของอรุณใหม่ภายในเรือนไม้หลังงามซึ่งเขาชื่นชมนักเมื่อมาถึงครั้งแรก ชายหนุ่มยังไม่ขยับตัวไปทางใดเมื่อดวงตาคมเปิดรับภาพอันชัดเจนและตรึงตราของปรายฟ้าที่ยังนอนหนุนแขนของเขาต่างหมอนตลอดทั้งคืน ร่างสูงใหญ่บิดตะแคงเพียงน้อยเพื่อเพ่งพิศความงามของร่างเล็กเปลือยเปล่าซึ่งยังคงทิ้งตัวในนิทรารมย์ใต้ผ้าห่มคลุมแค่เนินเนื้ออิ่มเผยเนียนผิวขาวช่างเจิดจรัสราวกุหลาบงามใต้ละอองแดดอาบไล้ฉาบประกายชมพูบนเนื้อนวลอันหมดจดผู้อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวบางครั้งเพื่อบดเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกกว้างทำให้เขาได้กลิ่นหอมเบาบางจากเรือนผมดำยาวสยายเต็มหมอนโอบล้อมวงหน้ารูปไข่และแก้มเปล่งปลั่งตามธรรมชาติโดยไร้การแต่งเติมสีสันใด ๆ ทว่าก็ช่างน่ามองนัก ทุกครั้งที่ร
“คะเขม”“ผมลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณกับผม”“คุณหมายถึงลูกของเราใช่ไหมคะ”เขมราชเลื่อนตัวลงแนบข้างแทนที่จะทิ้งน้ำหนักบนร่างสาวโดยตรงพลางวางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบตึงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวช่างนุ่มนิ่มอิ่มอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความมีน้ำมีนวลนี้เร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกส่วนสัด ยิ่งเนินถันอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้นดูคล้ายบัวตูมดอกใหญ่อิ่มขยายชูช่อรอรับหยาดแห่งความฉ่ำชื่น“เขาจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเรา...”ปรายฟ้าวางมือบางบนหลังมือที่แนบอยู่บนแผ่นผิวหน้าท้องราบเรียบด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด“เขาอยู่ลึกมากเลยค่ะเขม ปรายยังไม่รู้สึกว่าเขาตอบสนอง แต่เขาอยู่ที่นั่นค่ะ”“ปราย...ที่ผมรีบตามคุณมาที่นี่เพราะกลัวว่าคุณจะทำอย่างขิม เป็นความจริงที่ผู้ชายตัดสินใจทำอะไรได้รวดเร็วเด็ดขาด แต่เรื่องความใจเด็ดเราอาจมีไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิง”ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าหาความแข็งแกร่งกำยำราวจะบอกในทีว่าถึงอย่างไรสตรีก็ไม่เคยลืมทิ้งความอ่อนหวานให้บุรุษถวิลหา“คุณกำลังจะว่าผู้หญิงโหดเหี้ยมกว่าผู้ชาย ถึงยังไงเราก็สู้คนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่แล้วนี่คะเขม”เขมราชลากปลาย
“ปราย...ผมจะแต่งงานกับคุณ”ปรายฟ้าชะงักงันแม้ชุดนอนจะถูกรั้งลงไปกองอยู่ข้างเตียงเหลือเพียงร่างงามเปล่าเปลือยผ่องผุดใต้แสงเย็นตา เขมราชไล้ปลายนิ้วสากไปบนผิวนิ่มลื่นบนไหล่บางและเกลี่ยปลายผมที่ทิ้งตัวลงมาปิดถันอิ่มออกไปโดยไม่ได้สนใจดวงตากลมโตฉายความฉงนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“เขมคะ...ปรายแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวจับมือของเขาที่ไล้ลูบบนเนินทรวงทั้งที่ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผาจากข้างในทว่าก็ยังมีข้อสงสัยที่เธออยากคลี่คลายมันเสียก่อน“มีอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณหรือปราย ในเมื่อตอนนี้ก้องกาจก็อยู่ต่างประเทศ”“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ก้อง แต่มันเป็นชื่อเสียงของคุณ ประธานกลุ่มบริษัทอัครินทรต้องหมองมัวแน่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคุณจะลงเอยกับเจ้าสาวที่ถูกฉุดหายไปในวันแต่งงาน... ปรายฟ้า นิรกิจจากร”“คุณคือปรายฟ้า อัครินทร ต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าหลักฐานในทะเบียนสมรสระบุไว้อย่างนั้น หรือถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่ชัดเจนพอ ผมก็จะขอเอาตัวเองพิสูจน์กับคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”“เขม...” เรียวปากจิ้มลิ้มอ้าออกไม่ทันคัดค้านก็ถูกประกบปิดไว้แน่นแนบจากเจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มไม่ต้องการประวิงเวลาไว้สำหรับความเข้าใจอันลึก
“ปราย...” เขาแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นในเวลาที่ยังรำลึกถึงคำพูดซึ่งเขายังจดจำอยู่เสมอ“ปรายกลัวเสียงฟ้าผ่าค่ะ...เป็นมาตั้งแต่เด็ก แก้ไม่เคยหายเลย”“แล้วเมื่อก่อนเวลาคุณกลัว...คุณทำยังไง” “ปรายชอบแอบอยู่ข้างเตียง...ตลกมากใช่มั้ยคะ ปรายไม่เคยบอกใครเลย”ชายหนุ่มก้าวไปหยุดใกล้ ๆ และเห็นชัดว่าร่างเล็กห่อกายด้วยผ้านวมผืนใหญ่ซุกตัวอยู่ติดผนังห้องตรงหัวเตียงด้านล่าง“เขม...เขมคะ” เสียงสั่นเครือบอกความกลัวเจือด้วยความเว้าวอนนั้นทำให้เขมราชรู้ตัวว่าเขาคงมิอาจทอดทิ้งปรายฟ้าไปไหนได้อีกแล้วเมื่อร่างสูงตระหง่านตรงเข้าไปคุกเข่าและกอดหญิงสาวในผ้านวมแนบแน่น“ปราย...ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัว ผมจะปกป้องคุณเอง”ร่างอรชรสลัดผ้าผืนหนาออกก่อนสอดแขนเรียวโอบรอบแผ่นหลังกว้างราวกับเธอก็หมดสิ้นแล้วซึ่งทิฐิและความถือดีใด ๆ นอกจากหัวใจเพรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก“ไหนคุณบอกนายย้งว่าคุณจะกลับกรุงเทพแล้วไงคะ คุณจะกลับไปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“คุณเชื่อที่ผมพูดหรือ...แล้วคุณรู้ได้ยังไง คุณได้ยินทุกอย่างใช่มั้ยที่ผมคุยกับนายย้งข้างนอก”ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองแนบลงกับหูของหญิงสาวและตรึงให้ใบหน้าหวานเผชิญกับเขาอย่างนุ่
“จะให้ผมรับหมอมาดูอาการของคุณเขมราชที่นี่หรือเปล่าครับคุณปราย”นายย้งเสนอตัวก่อนหันไปมองใบหน้าคมคายซีดเผือดบนร่างสูงกำยำซึ่งยังนอนหายใจหนักใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความร้อนยังไม่ทุเลาเบาลง“ไม่ต้องหรอกค่ะ...นายย้งคอยเฝ้าดูอาการของเขาตรงนี้แล้วกันนะคะ ถ้าไข้เขาลดแล้ว...”ปรายฟ้าระบายลมหายใจก่อนพูดต่อเสียงหวิว“ปรายจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายย้งพาเขาไปส่งที่กรุงเทพค่ะ”“คุณปรายครับ...แต่ว่าคุณเขมราชเพิ่งมาถึงนะครับ แล้วถ้าให้ผมพาเขากลับกรุงเทพคุณปรายจะอยู่กับใคร”“ปรายอยู่คนเดียวได้ค่ะ! ปรายอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีเขา ซึ่งการที่มีเขาหรือไม่มี ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างนี่คะนายย้ง”ร่างบางกล่าวจบก็เดินออกไปจากที่นั้นซึ่งนายย้งรู้ดีว่าคุณหนูของเขาคงไปนั่งจัดดอกไม้ในสวนข้างบ้านอย่างเคย เขาส่ายหน้าไปมาก่อนพูดกับตัวเอง“เฮ้อ!...คุณปรายของย้ง ดูเหมือนจะใจอ่อนแล้ว บทจะแข็งขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน”.ใช่แต่คำพูดของนายย้งที่แทรกซึมเข้าไปในประสาทรับรู้ของเขมราช ถ้อยวาจาก่อนหน้าของปรายฟ้าก็ยังดังชัดเจนในหูของคนทำทีเสมือนหลับหากก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อผู้รับคำสั่งให้คอยดูแลเดินกลับเข้าไปในครัวแล้ว“ตื๊อเท