ตั้งแต่ลืมตาดูโลกยังไม่เคยพบเจอใครโหดร้ายและไร้เหตุผลอย่างเขมราช หัวใจของเขาดำมืดกว่าราตรีที่กำลังจะผ่านพ้น นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว บิดากับเจ้าบ่าวของเธอเล่า งานแต่งที่เชิญคนมาอีกนับพัน จะโกลาหนและเดือดร้อนกันมากแค่ไหน ปรายฟ้าถอนหายใจเบา ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งลมหายใจแรงออกมาเพราะขืนทำอะไรผิดไปต่อหน้าคนบ้าดีเดือดเธออาจต้องเจ็บลึกจากวาจาที่ยิ่งกว่าแส้เฆี่ยนตีลงบนความรู้สึก หญิงสาวมิอาจข่มตาได้ลงแม้เพียงน้อยใจนั้นจดจ่ออยู่กับรถจิ๊ปภายใต้การบังคับของเขมราชที่แล่นไปบนทางลาดชันสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขาขับรถอย่างทรหดอดทนไม่แสดงอาการออกมาว่าเหนื่อยหรือหนักผิดกับตัวเธอที่ความอ่อนล้าและสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาบีบอัดสำนึกจนอยากละทิ้งลมหายใจเอาไว้บนหนทางยากลำบากที่พาดผ่าน ปรายฟ้าเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ บนเวิ้งฟ้าเหนือปลายหญ้าและยอดไม้ยามนี้ดาวเดือนคล้ายเคลื่อนต่ำลงจรดกับพื้นเบื้องล่าง ที่ ๆ เขากำลังพาเธอมาคือแดนดินใดในโลกหล้า ที่นี่หาใช่ป่ารกชัฏธรรมดาที่ใครจะหาเธอพบได้ง่ายเสียแล้ว หญิงสาวเริ่มกระจ่างในคำถามของตัวเองเมื่อเขมราชเริ่มชะลอความเร็วลงกระทั่งดับเครื่องยนต์สนิทในบริเวณที่เธอรู้สึกว่าสถานที่นั้นเริ่มโล่งแจ้งมิได้รกเรื้ออย่างทางที่ผ่านมา
“ถ้าคุณคิดจะหนีตอนนี้ผมก็จะไม่ตามคุณไป ไม่อยากตกเหวตายหรือให้ไอ้แมวลายตัวใหญ่คาบไปกินก็เท่านั้น!”
แสงจันทร์อันนุ่มนวลลอดผ่านเข้ามาทางกระจกตกกระทบลงบนใบหน้าคมคายหากวาจานั้นช่างแรงร้ายคอยแต่จะข่มขู่ให้ปรายฟ้านึกกลัว คราวนี้หญิงสาวไม่ตอบโต้อันใดเพราะประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่าการหนีครั้งแรกที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าสอนให้เธอรู้ว่าการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ในตอนกลางคืนช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย เขมราชโน้มร่างใหญ่เข้ามาหาเธออีกครั้ง ปรายฟ้าลืมตัวหยุดหายใจเมื่อใบหน้าคมคายของเขายิ่งเข้ามาชิดแก้มนวลซึ่งอาบด้วยเหงื่อกาฬจากความตื่นเต้นตกใจเมื่อครู่ มือหนาค่อยคลายโซ่ที่มัดร่างนั้นไว้ในขณะที่ชายหนุ่มก็สึกว่ามีบางอย่างสั่นไหวความรู้สึกยามอยู่ชิดใกล้เชลยสาวแสนสวย เขาพยายามข่มใจให้ทุกอย่างเป็นปกติทั้งที่อยากฝังจมูกโด่งลงบนพวงแก้มสุกปลั่งกระทั่งร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นอิสระจากตรวนที่ถูกคลายออก แม้แต่ปรายฟ้าเองก็ใจเต้นตึกตักยามชายแปลกหน้าเข้ามาใกล้ชิดและนี่เป็นครั้งที่สองที่เธอกับเขาอยู่ห่างกันอีกเพียงคืบหลังฝากจูบแรกในชีวิตแม้ไม่รุนแรงหากก็ทำให้เธอวาบหวามแทบขาดใจ ปรายฟ้าพยามไม่สบตาเข้มคู่นั้นรู้สึกเจ็บใจลึก ๆ ใยต้องรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย เพียงครู่เดียวร่างสูงใหญ่จึงผละออกไปและหญิงสาวได้หายใจหายคอยังไม่ทันเท่าใดประตูด้านที่เธอนั่งก็ถูกดึงออกพร้อมคำบัญชาดังลั่น
“ลงมานี่ ปรายฟ้า!...ถึงที่อยู่ใหม่ของคุณแล้ว” เขาไม่เคยพูดดีแม้เพียงสักหน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตวาดเธอลั่นซ้ำยังดึงร่างนั้นลงจากเบาะรถอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“นี่คุณ!...ฉันเจ็บนะ เจ็บมากด้วย ให้ฉันนั่งพักอีกหน่อยไม่ได้รึไง” ปรายฟ้าร้องบอกขณะยืนเอาหลังพิงข้างตัวรถอย่างเหน็ดเหนื่อย การเดินทางอันแสนทุลักทุเลทำเอากระดูกกระเดี้ยวของเธอแทบป่นไปตามแรงไหวโยกอันรุนแรงนั้น เขมราชก้าวเข้ามาและรั้งร่างบางเข้าหาอกของเขา เสียงหายใจที่ราดรดบนใบหน้าของเธอไหวความรู้สึกลึก ๆ ของปรายฟ้าได้อย่างน่าประหลาดนัก
“คุณรนหาที่เองนะปรายฟ้า คนโง่เท่านั้นที่จะวิ่งอยู่ในป่าโดยไม่มีความชำนาญพื้นที่ตอนกลางคืน คุณคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นรึไง จะบอกอะไรให้ว่าความตายมันอ้าแขนรอคุณอยู่ทุกวินาทีถ้าไม่ระวังตัว อย่าอวดดีอวดเก่งไปนักเลย คนอย่างคุณน่ะสังเวยชีวิตมานักต่อนักแล้วเพราะความเอาแต่ใจไม่เข้าท่านี่แหละ!”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะคิดหนีไม่ใช่หรือ...คุณต่างหากที่ทำไม่ถูก คุณบีบคั้นบังคับฉันแบบนี้ เป็นใครก็ต้องทำอย่างฉัน คุณน่าจะคิดตริตรองใหม่ คุณเขมราช...คุณลักพาตัวฉันมากฎหมายบ้านเมืองต้องลงโทษคุณ แต่ถ้าคุณกลับใจพาฉันไปส่งที่บ้านฉันสัญญาว่าจะไม่เอาความ”
เขมราชแสยะยิ้มอำมหิตอยู่ใต้แสงจันทร์นวล ดวงตาคู่นั้นวับวาวราวอยากจะเยาะเย้ยในคำร้องขอของหญิงสาว แขนแข็งแรงรัดร่างบางจนเธอหายใจลำบาก อยากจะผลักเขาออกห่างทว่ายากเหลือเกิน
“คุณเชื่อใจพวกหัวขโมยอย่างผมด้วยหรือปรายฟ้า พวกคนใกล้ตายมันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ยอมแลกศรัทธากับความปลิ้นปล้อน ยอมแม้แต่เอาวิญญาณของตัวเองแลกกับความสิ้นหวังจากคำขอร้องที่ไม่มีวันเป็นจริง...เชื่อคุณผมก็โง่ สู้เก็บคุณเอาไว้ดีกว่า เพราะค่าตัวของคุณมันก็คือความทุกข์ทรมานของไอ้ผู้ชายเลวระยำคนนั้น!”
“คุณจะรู้อะไร! นังนั่นมันคงหลอกล่อคุณให้ตายใจด้วยความสวยของมัน... ลูกสาวของนรา เจ้าของ ดิ เอเมอรัล ใครก็รู้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ในวงสังคมมันก็เป็นแค่เจ้าสาวที่คงถูกพวกโจรพาไปทำปู้ยี่ปู้ยำจนหมดแล้ว คุณไม่มีวันรู้หรอกเขมว่ามันมีสามีมากี่คนแล้วก่อนจะถึงมือคุณ”“คุณคงอยากได้ความกระจ่างมากกว่าที่มืดบอดอยู่ ผมนี่แหละ ผู้ชายคนแรกของปรายฟ้า คนที่ฉุดเธอไปจากงานแต่งคืนนั้นคือผม เขมราช อัครินทร!”“กรี๊ด!...ไม่จริง!...เขม คุณจะบ้ารึไง คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณเป็นคนฉุดปรายฟ้าไป คุณแกล้งอัญใช่มั้ยถึงได้กุเรื่องบ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา!”“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คนอย่างผมไม่เคยล้อใครเล่น และไม่รู้จักการโกหก โดยเฉพาะกับคนที่ผมรัก”เขมราชดูจะใส่ใจต่อเสียงกรีดร้องปลายสายน้อยลงในทุกขณะเมื่อร่างที่เขาทาบทับอยู่นั้นเป็นฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมาเพื่อมอบจูบอันหน่วงหนักโดยละทิ้งความกริ่งเกรงในคราวแรกว่าสามีของเธอจะใจอ่อนต่อผู้หญิงคนนั้น“เขม...คุณต้องสั่งทนายของคุณให้หยุดเดินเรื่องฟ้องอัญเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ อัญเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่คู่กรณีทางกฎหมายแบบนี้”“ก็แค่เคย...ผมจะไม่พูดอะไรในตอนนี้ เพราะคนที่จะพูดแทนผมได้คื
“ผมรักคุณนะปราย...มากกว่าอะไรในโลกนี้”เสียงปนหอบขานรับดังชัดกว่าสายฝนพรำและประทับลงสู่เบื้องลึกของความทรงจำที่มี เขา เสมอมิเสื่อมคลาย“ปรายก็รักคุณค่ะ...มากกว่าอะไร...ในโลกนี้”เสียงนกร้องปลุกสำนึกแรกของเขมราชให้ลืมตาตื่นรับประกายแดดอ่อนเบาที่ทอดผ่านเข้ามาทางบานกระจกหน้าต่างหลังคืนฟ้าฝนตกหนักผ่านพ้นไป เปลือกตาใต้โครงคิ้วหนาเป็นปื้นกระพริบถี่รัวเพื่อปรับม่านนัยน์ตารับแสงแรกของอรุณใหม่ภายในเรือนไม้หลังงามซึ่งเขาชื่นชมนักเมื่อมาถึงครั้งแรก ชายหนุ่มยังไม่ขยับตัวไปทางใดเมื่อดวงตาคมเปิดรับภาพอันชัดเจนและตรึงตราของปรายฟ้าที่ยังนอนหนุนแขนของเขาต่างหมอนตลอดทั้งคืน ร่างสูงใหญ่บิดตะแคงเพียงน้อยเพื่อเพ่งพิศความงามของร่างเล็กเปลือยเปล่าซึ่งยังคงทิ้งตัวในนิทรารมย์ใต้ผ้าห่มคลุมแค่เนินเนื้ออิ่มเผยเนียนผิวขาวช่างเจิดจรัสราวกุหลาบงามใต้ละอองแดดอาบไล้ฉาบประกายชมพูบนเนื้อนวลอันหมดจดผู้อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวบางครั้งเพื่อบดเบียดตัวเองเข้าหาแผ่นอกกว้างทำให้เขาได้กลิ่นหอมเบาบางจากเรือนผมดำยาวสยายเต็มหมอนโอบล้อมวงหน้ารูปไข่และแก้มเปล่งปลั่งตามธรรมชาติโดยไร้การแต่งเติมสีสันใด ๆ ทว่าก็ช่างน่ามองนัก ทุกครั้งที่ร
“คะเขม”“ผมลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณกับผม”“คุณหมายถึงลูกของเราใช่ไหมคะ”เขมราชเลื่อนตัวลงแนบข้างแทนที่จะทิ้งน้ำหนักบนร่างสาวโดยตรงพลางวางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบตึงแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวช่างนุ่มนิ่มอิ่มอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความมีน้ำมีนวลนี้เร่งเร้าให้เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกส่วนสัด ยิ่งเนินถันอวบอัดที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้นดูคล้ายบัวตูมดอกใหญ่อิ่มขยายชูช่อรอรับหยาดแห่งความฉ่ำชื่น“เขาจะเป็นอะไรมั้ยถ้าเรา...”ปรายฟ้าวางมือบางบนหลังมือที่แนบอยู่บนแผ่นผิวหน้าท้องราบเรียบด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด“เขาอยู่ลึกมากเลยค่ะเขม ปรายยังไม่รู้สึกว่าเขาตอบสนอง แต่เขาอยู่ที่นั่นค่ะ”“ปราย...ที่ผมรีบตามคุณมาที่นี่เพราะกลัวว่าคุณจะทำอย่างขิม เป็นความจริงที่ผู้ชายตัดสินใจทำอะไรได้รวดเร็วเด็ดขาด แต่เรื่องความใจเด็ดเราอาจมีไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิง”ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าหาความแข็งแกร่งกำยำราวจะบอกในทีว่าถึงอย่างไรสตรีก็ไม่เคยลืมทิ้งความอ่อนหวานให้บุรุษถวิลหา“คุณกำลังจะว่าผู้หญิงโหดเหี้ยมกว่าผู้ชาย ถึงยังไงเราก็สู้คนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่แล้วนี่คะเขม”เขมราชลากปลาย
“ปราย...ผมจะแต่งงานกับคุณ”ปรายฟ้าชะงักงันแม้ชุดนอนจะถูกรั้งลงไปกองอยู่ข้างเตียงเหลือเพียงร่างงามเปล่าเปลือยผ่องผุดใต้แสงเย็นตา เขมราชไล้ปลายนิ้วสากไปบนผิวนิ่มลื่นบนไหล่บางและเกลี่ยปลายผมที่ทิ้งตัวลงมาปิดถันอิ่มออกไปโดยไม่ได้สนใจดวงตากลมโตฉายความฉงนของอีกฝ่ายแต่อย่างใด“เขมคะ...ปรายแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวจับมือของเขาที่ไล้ลูบบนเนินทรวงทั้งที่ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผาจากข้างในทว่าก็ยังมีข้อสงสัยที่เธออยากคลี่คลายมันเสียก่อน“มีอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณหรือปราย ในเมื่อตอนนี้ก้องกาจก็อยู่ต่างประเทศ”“มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ก้อง แต่มันเป็นชื่อเสียงของคุณ ประธานกลุ่มบริษัทอัครินทรต้องหมองมัวแน่ถ้าสังคมรับรู้ว่าคุณจะลงเอยกับเจ้าสาวที่ถูกฉุดหายไปในวันแต่งงาน... ปรายฟ้า นิรกิจจากร”“คุณคือปรายฟ้า อัครินทร ต่างหาก ลืมไปแล้วหรือว่าหลักฐานในทะเบียนสมรสระบุไว้อย่างนั้น หรือถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่ชัดเจนพอ ผมก็จะขอเอาตัวเองพิสูจน์กับคุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”“เขม...” เรียวปากจิ้มลิ้มอ้าออกไม่ทันคัดค้านก็ถูกประกบปิดไว้แน่นแนบจากเจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มไม่ต้องการประวิงเวลาไว้สำหรับความเข้าใจอันลึก
“ปราย...” เขาแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นในเวลาที่ยังรำลึกถึงคำพูดซึ่งเขายังจดจำอยู่เสมอ“ปรายกลัวเสียงฟ้าผ่าค่ะ...เป็นมาตั้งแต่เด็ก แก้ไม่เคยหายเลย”“แล้วเมื่อก่อนเวลาคุณกลัว...คุณทำยังไง” “ปรายชอบแอบอยู่ข้างเตียง...ตลกมากใช่มั้ยคะ ปรายไม่เคยบอกใครเลย”ชายหนุ่มก้าวไปหยุดใกล้ ๆ และเห็นชัดว่าร่างเล็กห่อกายด้วยผ้านวมผืนใหญ่ซุกตัวอยู่ติดผนังห้องตรงหัวเตียงด้านล่าง“เขม...เขมคะ” เสียงสั่นเครือบอกความกลัวเจือด้วยความเว้าวอนนั้นทำให้เขมราชรู้ตัวว่าเขาคงมิอาจทอดทิ้งปรายฟ้าไปไหนได้อีกแล้วเมื่อร่างสูงตระหง่านตรงเข้าไปคุกเข่าและกอดหญิงสาวในผ้านวมแนบแน่น“ปราย...ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัว ผมจะปกป้องคุณเอง”ร่างอรชรสลัดผ้าผืนหนาออกก่อนสอดแขนเรียวโอบรอบแผ่นหลังกว้างราวกับเธอก็หมดสิ้นแล้วซึ่งทิฐิและความถือดีใด ๆ นอกจากหัวใจเพรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก“ไหนคุณบอกนายย้งว่าคุณจะกลับกรุงเทพแล้วไงคะ คุณจะกลับไปจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“คุณเชื่อที่ผมพูดหรือ...แล้วคุณรู้ได้ยังไง คุณได้ยินทุกอย่างใช่มั้ยที่ผมคุยกับนายย้งข้างนอก”ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองแนบลงกับหูของหญิงสาวและตรึงให้ใบหน้าหวานเผชิญกับเขาอย่างนุ่
“จะให้ผมรับหมอมาดูอาการของคุณเขมราชที่นี่หรือเปล่าครับคุณปราย”นายย้งเสนอตัวก่อนหันไปมองใบหน้าคมคายซีดเผือดบนร่างสูงกำยำซึ่งยังนอนหายใจหนักใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความร้อนยังไม่ทุเลาเบาลง“ไม่ต้องหรอกค่ะ...นายย้งคอยเฝ้าดูอาการของเขาตรงนี้แล้วกันนะคะ ถ้าไข้เขาลดแล้ว...”ปรายฟ้าระบายลมหายใจก่อนพูดต่อเสียงหวิว“ปรายจะซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายย้งพาเขาไปส่งที่กรุงเทพค่ะ”“คุณปรายครับ...แต่ว่าคุณเขมราชเพิ่งมาถึงนะครับ แล้วถ้าให้ผมพาเขากลับกรุงเทพคุณปรายจะอยู่กับใคร”“ปรายอยู่คนเดียวได้ค่ะ! ปรายอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีเขา ซึ่งการที่มีเขาหรือไม่มี ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างนี่คะนายย้ง”ร่างบางกล่าวจบก็เดินออกไปจากที่นั้นซึ่งนายย้งรู้ดีว่าคุณหนูของเขาคงไปนั่งจัดดอกไม้ในสวนข้างบ้านอย่างเคย เขาส่ายหน้าไปมาก่อนพูดกับตัวเอง“เฮ้อ!...คุณปรายของย้ง ดูเหมือนจะใจอ่อนแล้ว บทจะแข็งขึ้นมาก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน”.ใช่แต่คำพูดของนายย้งที่แทรกซึมเข้าไปในประสาทรับรู้ของเขมราช ถ้อยวาจาก่อนหน้าของปรายฟ้าก็ยังดังชัดเจนในหูของคนทำทีเสมือนหลับหากก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อผู้รับคำสั่งให้คอยดูแลเดินกลับเข้าไปในครัวแล้ว“ตื๊อเท