“อาพาหนูมาที่นี่ทำไม” ฉันพูดเสียงสั่นเมื่ออาไรเฟิลจูงมือเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะห้องนอนของอา
“อาแค่อยากอยู่กับหนูสองต่อสอง” น้ำเสียงเย็นเยือกชวนขนลุก ทำเอาตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยตกวูบเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มเข้ามาใกล้
“อาคะ หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย” สองเท้าถอยหนีอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
“อาไม่ได้จะทำอะไร อาแค่อยาก...” สายตาดุดันคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว
“ภูพิงค์อยากกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรภูพิงค์เลยนะ” ฉันร้องไห้ออกมา เมื่อถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง แต่อาไรเฟิลกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัว ถูกดันติดผนังห้อง
“สิ่งที่อาไม่ชอบที่สุดคือน้ำตาหนู รู้มั้ยเวลาที่หนูร้องไห้อาเจ็บ....”
หมับ!
มือหนาจับมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง
“ไม่ร้องนะเด็กดี อาแค่อยากจูบหนู อาสัญญา อาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ ถึงอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม”
“เฮือก!! อึก!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอุ่นแตะจูบซับน้ำตา สัมผัสมันอ่อนโยนและนิ่มนวลมาก แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ความกลัวหายไปไหน ยิ่งหวาดกลัวกับการกระทำที่อาไรเฟิลค่อย ๆ เอาปลายจมูกแตะลงแก้มใส เกลี่ยคลอเคลียมันอยู่แบบนั้น ตัวเล็กได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“ฮื่อ” เสียงเล็กร้องท้วงในลำคอเมื่อรู้สึกอุ่นที่ริมฝีปาก ก่อนมันจะเริ่มชาเมื่ออาไรเฟิลเริ่มจูบแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“อืม” คนตัวโตครางออกมาอย่างขัดใจเมื่อริมฝีปากบางเม้มแน่น ปิดปากสนิทไม่ยอมให้เรียวลิ้นร้อนที่พยายามสอดดันเข้ามาภายในโพรงปากเล็ก
จ๊วบ!!!
“ฮื่อ จะ...ฮื่อ” สองมือเล็กดันแผงอกแกร่งเมื่ออาไรเฟิล จูบบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างแรง และเขาก็ใช้โอกาสนั้นสอดดันเรียวลิ้นร้อน เขามาดูดดึงลิ้นเล็กอย่างอุกอาจ
มือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ฉันทั้งผลักทั้งดันแต่มันกลับไม่เป็นผล อาไรเฟิลยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม
“ฮื่อ” ฉันร้องท้วงเมื่อกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่ดูเหมือนอาไรเฟิลเขาจะไม่ได้สติ กลับยิ่งจูบดูดเม้มริมฝีปากบางแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนมันชาปวดบวมไปทั่วทั้งบริเวณ ฉันไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ขัดขืนเมื่อมือหนาสองข้างจับประคองใบหน้าเล็ก ไม่ให้หันหนี
ตุ๊บ ตุ๊บ
สองกำปั้นน้อย ๆ ทุบลงที่แผ่นหลังกว้าง แต่ดูเหมือนอาไรเฟิลเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไร เขายังคงจูบบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับที่อ่อนระทวยไปทั้งตัวเมื่อกำลังจะขาดอากาศหายใจ สองมือเล็กจับท่อนแขนแกร่ง ร้องท้วงในลำคออย่างอ้อนวอน น้ำตาเม็ดใสไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว ทำไมเขาถึงได้น่ากลัวมากถึงขนาดนี้
“เฮือก!” ฉันที่กำลังจะขาดอากาศหายใจตาย สูดลมหายใจเข้าอย่างแรงเมื่อริมฝีปากหยักค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
“......” อาไรเฟิลไม่พูดอะไร เขาเอาแต่มอง มือหนาเกลี่ยเขี่ยแก้มไปมา
พรึบ!!
“ฮื่อ อะ...อา จะทำอะไรปล่อยภูพิงค์” ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวสุดใจ เมื่อตัวเล็กถูกยกตัวลอยเหนือพื้น เดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่
พรึบ!!
“ฮื่อ…อาไรเฟิล ปล่อยหนูนะ ไหนอาบอกว่าจะไม่ทำอะไรภูพิงค์ไง” คนตัวเล็กใต้ร่างได้แต่ร้องไห้สะอื้นออกมาด้วยความหวาดกลัว ถูกวางนอนราบลงกับเตียง ก่อนร่างหนาจะทาบทับลงมา ฉันไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้หนีเมื่อมือสองข้างถูกกดไว้แน่นด้วยฝ่ามือใหญ่ของเขา
“อารักภูพิงค์ รักตั้งแต่แรกเจอ รักทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอหน้า”
“ฮื่ออาคะ...หยุดนะ ปล่อยหนู ปล่อยนะ! ปล่อย!!!” ฉันร้องไห้แทบขาดใจ เมื่อใบหน้าหล่อคมก้มลงซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหาย ดวงตาอาไรเฟิลมันแดงก่ำ เขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับปีศาจ ผีห่าซาตาน น่ากลัวกว่าในหนังที่เคยดูอีก
“กรี๊ด!! ฮื่อ…ปล่อยนะหนูเจ็บ” เสียงหวานกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อริมฝีปากหนากดจูบดูดทำรอยลงที่คอระหงอย่างแรง มันเจ็บจี๊ดเหมือนเนื้อจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ฮื่อ…อาไรเฟิลหยุดนะ” ฉันพยายามพูดเรียกสติอาไรเฟิล แต่เขากลับไม่ฟัง เขาปล่อยมือก่อนมือหนาจะลูบไล้ลงไปที่เรียวขา พยายามล้วงเข้ามาใต้กระโปรงนักเรียน
“อาไรเฟิล ฮื่อ…” ฉันดิ้นพยายามขัดขืน แต่อาไรเฟิลตอนนี้เขาขาดสติไปแล้ว มือเล็กจับมือหนาพยายามดันคนตัวโตออกห่าง แต่เขากลับไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
“อืม…” เขาครางออกมาอย่างพอใจเมื่อกลีบปากอุ่นประกบปากจูบดูดเม้มริมฝีปากบางอีกครั้ง มือหนาเลื่อนขึ้นมาบีบขย้ำหน้าอกอย่างหนักหน่วง
“ฮื่อ…” ตัวเล็กดินทุรนทุรายปานจะขาดใจตาย ร้องไห้สะอื้นขอความเห็นใจจากคนตัวโตที่ไม่ได้สติ นี่เหรอที่เขาบอกว่ารัก รักแล้วทำแบบนี้เหรอ ฉันหยุดนิ่งปล่อยให้เขาจูบ บีบขย้ำตามที่เขาต้องการ
“ฮึก ฮื่อ” ฉันร้องไห้ตัวสั่น ก่อนอาไรเฟิลจะหยุดทุกการกระทำ ริมฝีปากหนาค่อย ๆ ถอนจูบ พร้อมลมหายใจติดขัดที่ไม่เป็นจังหวะ
“...เฮ้อ...อาขอโทษที่อาขาดสติแบบนี้” อาไรเฟิลพ่นลมหายใจแรง ๆ รดต้นคอแต่เขายังคงไม่ยอมลุกออกจากตัว มือหนาค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมากุมมือเล็กที่สั่นเทา
สติเขาค่อย ๆ กลับมาพร้อมกับความกลัวของฉันที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮึก อาใจร้าย ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรภูพิงค์ อาโกหก หนูอยากกลับบ้าน” ฉันพูดเสียงสะอื้น
“ขออาอยู่แบบนี้ก่อนได้มั้ย อาอยากอยู่กับภูพิงค์” เขาพูดเสียงอู้อี้ ริมฝีปากร้อนแตะจูบที่ซอกคออย่างแผ่วเบา นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงกับการกระทำของคนตรงหน้ามากขึ้น เขามันโรคจิต!
“อาอย่าทำให้หนูรังเกียจอาไปมากกว่านี้ได้มั้ย อารู้มั้ยสิ่งที่อาทำกับหนูมันทำให้หนูรู้สึกขยะแขยงอามากแค่ไหน!” ฉันพูดออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
“ภูพิงค์!!” อาไรเฟิลตะเบ็งเสียงใส่ จ้องหน้าฉันอย่างไม่พอใจ
“หนูพูดอย่างที่หนูรู้สึก อาอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติเพราะอาคงทำเรื่องพวกนี้ประจำ แต่หนูไม่ใช่ผู้หญิงที่อยากจะนอนกับอาเหมือนผู้หญิงที่อาพาขึ้นเตียง!!” ฉันพูดตามความรู้สึก
“อาจะไม่ถือสาสิ่งที่หนูพูดออกมาเมื่อตะกี้ เพราะถือว่าหนูยังไม่รู้จักอา แต่ถ้าหลังจากนี้ยังพูดกับอาแบบนี้อีก อา... คงจะไม่ปล่อยให้หนูมาด่าอาแบบนี้อีก” อาไรเฟิลพูดอย่างข่มอารมณ์ สีหน้าท่าทางเขาดูไม่พอใจกับสิ่งที่ฉันพูดออกไป พวกรับความจริงไม่ได้ก็แบบนี้สินะ พวกผู้ชายเจ้าชู้
“ทำไมคะ อาจะฆ่าหนูเหรอ หรืออาจะให้ลูกน้องอาที่อยู่หน้าบ้านมาทำร้ายหนู!” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด ความกลัวทั้งหมดมันหายไป... จ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรง ทำไมฉันต้องยอมตกเป็นเหยื่อให้เขาด้วย แล้วเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำแล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำร้าย มารังแกฉันแบบนี้
อาไรเฟิลขบกรามแน่น จ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เอาสิอย่างมากก็แค่ตาย ถ้าเขาทำอะไรฉัน ฉันยอมตายซะยังจะดีกว่าต้องเป็นเมียคนแก่ อายุน้อยกว่าพ่อไม่กี่ปี
“หึหึ... สมแล้วที่เป็นลูกมาเฟียแห่งวงการมายา แบบนี้สิ... ค่อยสมเป็น ภูสิตา เมีย ริชาร์ค” แต่อยู่ ๆ อาไรเฟิลกลับแค่นหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ก่อนเขาจะลุกออกจากตัวแล้วเดินออกจากห้อง ท่ามกลางความงุนงงของฉัน?
“โกรธอา” อาไรเฟิลเดินเข้ามาใกล้ และแน่นอนฉันขยับถอยห่างทันที“ภูพิงค์จะกลับบ้าน” ฉันไม่สนใจเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ พี่ภูผานะพี่ภูผา มีอะไรโทรหาพี่ แต่โทรไปก็ไม่รับสายส่วนขุนศึก พูดแล้วอยากจะตบไอ้น้องบ้าก็บอกให้อาไปส่งสิ ศึกยุ่ง ถ้าอยากให้อาไปส่งฉันจะโทรหาแกทำไม พูดแล้วโมโห แต่ละคนไม่มีใครรักภูพิงค์เลย“พ่อจ๋า แม่จ๋า กลับมาวันนี้เลยไม่ได้รึไง หนูกลัว” บ่นกับตัวเองสองเท้าเดินตรงไปยังประตูบ้านอย่างรีบเร่งพรึบ!!“……..” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหน ลูกน้องอาไรเฟิลก็เดินมาขวางทางไว้ ฉันถึงกับต้องยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่อยู่ข้างเอวพวกเขา แล้วไม่ใช่แค่สองคนนะ แต่ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำ นับ 20 คน พวกเขาเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วท่าทางแต่ละคนมันน่ากลัวมากตึก ตึก ตึก“กลับเข้าบ้านครับ บอสรออยู่” ถึงกับขวัญผวาเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งน้ำเสียงเยือกเย็นที่เขาเอ่ยออกมามันยิ่งกลัวจนจับใจ“นะ…หนูแค่จะกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือ เดินถอยหนีเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขามแล้วยิ่งรอยสักหั
“พ่อจ๋า ฮื่อ…” วิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“มึงทำอะไรลูกกู” พ่อจ้องหน้าอาไรเฟิลและเดินเข้าไปหาอาไรเฟิลด้วยท่าทางเอาเรื่อง“แม่จ๋า” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดแม่“ไม่ร้องนะเด็กดี ไว้ให้พ่อจัดการทุกอย่างให้” แม่พูดอย่างปลอบโยนก่อนจะพาที่เอาแต่ร้องสะอื้นไห้เดินเข้าบ้าน ส่วนพ่อลากอาไรเฟิลเดินไปไหนไม่รู้“แม่จ๋า อาไรเฟิลน่ากลัว ภูพิงค์ไม่ชอบเลย แม่บอกให้อาเขาเลิกยุ่งกับหนูได้มั้ย” ทันทีที่ถึงห้องก็รีบบอกแม่ทันที“เฮ้อ...แม่เข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”“ทำไมคอหนู…” …นับดาวสังเกตเห็นรอยแดงที่คอลูกสาวถึงกับตกใจ“อาไรเฟิลเขา…อึก” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาไรเฟิลทำยังรู้สึกกลัวไม่หาย“ภูพิงค์ลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะแม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก” ถูกสวมกอดไว้แนบอกอุ่นของแม่ ไม่มีกอดใดที่ทำให้อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเท่ากับอ้อมกอดของพ่อกับแม่…“ไรเฟิล พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะทำไมถึงทำกับหลานแบบนี้” ตอนนี้เราทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และนี่เป็นครั้งแรกที่เ
1 เดือนผ่านไป“ภูผาสอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างกันมั้ย ภูพิงค์ด้วย ญี่ปุ่นอยากไปเดินห้างช่วงนี้พี่พาร์ทไม่ค่อยว่าง”“ไม่เอา…ญี่ปุ่นไปกับพี่ภูผาสองคนเลยภูพิงค์ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร เบื่อคนรักกัน ไปด้วยทีไรภูพิงค์เป็นส่วนเกินตลอด”“ดีมากน้องรัก งั้นภูผาเราไปกันเถอะ”“เฮ้อ...” พี่ภูผาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตโดนญี่ปุ่นตามตอแยมาตลอด ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่นอน ก็เล่นตัวติดกันตลอดเวลา ขนาดฉันเป็นน้องสาวยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับพี่ชายเลยแต่ก็ดีแล้วญี่ปุ่นชอบเที่ยวมีพี่ภูผาไปด้วยลุงกันต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนฉัน เฮ้อ...ถึงช่วงนี้อาไรเฟิลจะทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจะเลิกยุ่งกับฉัน แล้วทุกวันนี้อาไม่กลับบ้านตัวเองค้างที่บ้านทุกวันแต่บางวันก็เห็นกลับมาดึก ๆ ชอบทำตัวเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันนั่งกินข้าวคุยกับพ่ออยู่ดี ๆ พอลูกน้อง พี่ลูก้ากับคริสเตียนเดินเข้ามากระซิบ แล้วอาก็รีบออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ก็คงไปเที่ยวตามประสาคนสูงวัย“หายไปไหนนะ” มือเล็กล้วงกระเป๋าควานห
ห้างหรู...“.........” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อคนตัวโตโน้มหน้ากระซิบ เป็นไปได้เหรอเขาต้องโกหกแน่ ๆ แต่มันก็น่าขำจริง ๆ นะ“คิก คิก อาพูดจริงเหรอคะ หลอกหนูรึเปล่า” ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน และเผลอยิ้มให้กับคนตรงหน้า“.......” แต่สีหน้าเขากลับดูตึงเครียดไม่ได้สนุกอะไรไปกับฉันเลยสักนิด“ว่าแต่...อาอยากดูเรื่องอะไร?” ฉันพูดยิ้ม ๆ“เรื่องนั้น”“เฮือก!!” ถึงกับสะดุ้งตกใจหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเสียงแผ่วกระซิบชิดใบหู พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เลย“อาอยากดูเรื่องนั้น” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แผ่นป้ายหนังขนาดใหญ่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ‘ร่างทรง’“ห๊ะ!! อาจะดูเรื่องนั้นเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองตามนิ้วเรียวอุทานออกมาอย่างตกใจ เรื่องนั้นมันน่ากลัวจะตาย เมื่อตอนที่ดูกับพี่ภูผาภาพยังติดตาและหวาดกลัวยังไม่หายเลย“ก็ได้ แต่ว่า...” ฉันทำหน้าครุ่นคิด“หรือว่าภูพิงค์กลัว” เขาเอ่ยเสียงเย็น“...ถ้าหนูกลัวดูเรื่องนั้นก็ได้” สายตาคมกริบมองไปที่ป้ายหนังการ์ตูนที่พึ่งเข้าใหม่“อาลืมไป หนูยังเด็ก ต้องชอบแนวนี้สินะ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ“หนูโตแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะ 19 จะเข้า
“ฮื่อ...อาคะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” ฉันหลับตาปี๋เมื่อถึงฉากที่น่ากลัว มือเล็กจิกเล็บลงฝ่ามือใหญ่อย่างลืมตัว“……” แต่อาไรเฟิลกลับเงียบ และมันก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่พ่นรดใบหน้า“อึก” เหมือนโลกมันหยุดหมุน แพขนตางอนค่อย ๆ ลืมขึ้น นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อคมยื่นเข้ามาใกล้ จนหน้าเราทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว“อะ…อาจะทำอะไรคะ” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก เผลอมองหน้าสบตาคู่นั้นเมื่อนิ้วเรียวเกลี่ยเขี่ยแก้มใส“อาแค่อยากมองหนูใกล้ ๆ ” เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะประทับจูบ มอบจุมพิตลงหน้าผากเล็กอย่างอ่อนโยน“อาไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาอาอาจจะทำให้หนูกลัว ขอโอกาสให้อาได้แก้ตัวได้มั้ย” เรามองหน้าสบตากัน“จนกว่าหนูจะเรียนจบ ถ้าอาทำให้หนูรักไม่ได้ อาจะไม่ยุ่งกับหนูอีก” น้ำเสียงอาไรเฟิลมันจริงจังและหนักแน่น ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น พร้อมหัวใจที่เต้นแรง“……..” ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บางทีเขาก็ดูน่ากลัว บางทีก็ดูอบอุ่น และไหนจะอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับอาที่มันดูไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใครกันแน่ เพราะแค่ถ้าเป็นหมอจิตแพทย์ธรรมดา เวลาไปไหนมาไหนท
Washington D.C.สหรัฐอเมริกา (USA)09:44 น.“ตอนนี้เมียกูทำอะไรอยู่วะ”[น่าจะอยู่บนห้องครับบอส ตอนนี้ผมอยู่บนต้นไม้ดูความเรียบร้อยรอบ ๆ บ้าน]“แล้วสถานการณ์วันนี้เป็นไง มีใครมายุ่งกับเมียกูมั้ย”[บอสไม่ต้องห่วงครับเรื่องนี้ผมจัดการผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้นายหญิง ว่าแต่นายจะกลับเมืองไทยวันไหนครับผมจะได้เตรียมทุกอย่างไว้รอ]“อีกสองสามวัน กูอยากจะไปวันนี้ด้วยซ้ำถ้าไม่ติดงาน เอาเป็นว่าดูแลเมียกูให้ดี”[ครับบอส] ...“ภูพิงค์ ภูสิตา อาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หนูมาครอบครองทั้งตัวและหัวใจ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เมื่อเห็นรูปถ่ายนับร้อยที่ลูกน้องถ่ายรายงานความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้เขาตลอดเวลาอย่างพอใจก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงนิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด ร่างสูงใหญ่ที่ตามนิ้วเรียวใหญ่เต็มไปด้วยรอยสักและแหวนที่ใคร ๆ ก็ต่างอยากสวมใส่มัน ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมเปลือกตาที่ค่อย ๆ ปิดลงเมื่อนึกถึงวันที่จะได้อยู่กับเธออันเป็นที่รัก“แค่เธอ…ภูสิตา เธอคนเดียวเท่านั้น” เขาเผยรอยยิ้มมุมปากออกมาเมื่อนึกถึงวันนั้นที่จะได้เจอกันตึก ตึก ตึก“บอสครับรถพร้อมแล้ว” ก่อนเสียงฝีเท้าหนักของลูกน้
“พี่ภูผานะพี่ภูผา” ภูพิงค์บ่นพึมพำ หูฟังเพลง มือเปิดประตูเข้าบ้าน ใบหน้าหวานบูดบึ้งเมื่อพี่ชายไม่ยอมให้ไปบ้านคุณลุงด้วยSweet baby, our sex has meaningKnow this time you'll stay 'til the morningDuvet days and vanilla ice creamMore than just one night together exclusively[Pre-Chorus]Baby, Let Me be your manSo I can love youAnd if you let me be your manThen I'll take care of you, you[Chorus]For the rest of my life, for the rest of yoursFor the rest of my life, for the rest of yoursFor the rest of ours“คอยดูเถอะหนูจะฟ้องพ่อจ๋าแม่จ๋าว่าพี่รักแต่ขุนศึก ฮื่อ” หญิงสาวเดินอิดออดถอนหายใจมองซ้ายมองขวาด้วยความระแวง เพราะหลายวันมานี้เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ตลอดเฮ้อ...ภูพิงค์ถอนหายใจเดินตรงเข้าตัวบ้านใหญ่ เพราะวันนี้พ่อแม่ติดงานกว่าจะกลับก็คงมืด แล้วพี่ชายกับน้องชายยังทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว ถึงจะบอกว่าไปไม่นานก็น่าจะให้ตามไปด้วย“คนใจร้าย!” มือเรียวเกี่ยวหูฟังเก็บเข้ากระเป๋า แล้วต้องงุนงงเมื่อเห็นใครก็ไม่รู้อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน“มาหาใครคะ พ่อไม่อยู่แม่ก็ไม่อยู
1 ชั่วโมงผ่านไปสไนเปอร์กับนับดาวพอรู้เรื่องก็รีบขับรถกลับบ้าน แต่เพราะรถติดกว่าจะถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง สองสามีภรรยาเดินอย่างรีบเร่งเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงลูก ๆ“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮื่อ!!!!” เด็กขี้อ้อนพอเห็นพ่อกับแม่เดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม“ภูพิงค์ หยุดร้องก่อนหนวกหู” ขุนศึกถึงกับพูดเอ็ดพี่สาวที่ร้องไห้แบบนี้มาเป็นชั่วโมง“ก็พี่กลัวนิ ฮื่อ…ใครก็ไม่รู้น่ากลัว หน้าเขาเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะพ่อ หนูกลัว” เด็กสาวเอาแต่กอดพ่อที่ได้แต่นั่งนิ่งพยายามคิดว่าใครกันที่มันกล้าบุกเข้าบ้านแล้วยังกล้าบุกเข้าถึงห้องนอนลูกสาวสุดที่รักอีก“ไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อไปดูเอง” สไนเปอร์กอดปลอบหอมหัวลูกรัก“แม่จ๋า ฮื่อ…ภูพิงค์กลัว” ภูพิงค์โผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัว“แม่มาแล้วไม่ต้องร้อง พี่ภูผาก็อยู่ น้องก็อยู่ หยุดร้องไห้ก่อนลูก” นับดาวเองก็ได้แต่กอดปลอบลูก ปกติภูพิงค์ไม่ใช่เด็กขี้กลัวแบบนี้ แต่ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจกลัวเป็นธรรมดา“จะร้องอะไรอายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คนแค่ง่วงขอนอนห้องแค่นี้ทำอย่างกับจะตาย”ขวับ!!สี่คนพ่อแม่ลูกหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวกวน ๆ เป็นตาเดียว“สวัสดีครับพี่"
“ฮื่อ...อาคะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” ฉันหลับตาปี๋เมื่อถึงฉากที่น่ากลัว มือเล็กจิกเล็บลงฝ่ามือใหญ่อย่างลืมตัว“……” แต่อาไรเฟิลกลับเงียบ และมันก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่พ่นรดใบหน้า“อึก” เหมือนโลกมันหยุดหมุน แพขนตางอนค่อย ๆ ลืมขึ้น นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อคมยื่นเข้ามาใกล้ จนหน้าเราทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว“อะ…อาจะทำอะไรคะ” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก เผลอมองหน้าสบตาคู่นั้นเมื่อนิ้วเรียวเกลี่ยเขี่ยแก้มใส“อาแค่อยากมองหนูใกล้ ๆ ” เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะประทับจูบ มอบจุมพิตลงหน้าผากเล็กอย่างอ่อนโยน“อาไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาอาอาจจะทำให้หนูกลัว ขอโอกาสให้อาได้แก้ตัวได้มั้ย” เรามองหน้าสบตากัน“จนกว่าหนูจะเรียนจบ ถ้าอาทำให้หนูรักไม่ได้ อาจะไม่ยุ่งกับหนูอีก” น้ำเสียงอาไรเฟิลมันจริงจังและหนักแน่น ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น พร้อมหัวใจที่เต้นแรง“……..” ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บางทีเขาก็ดูน่ากลัว บางทีก็ดูอบอุ่น และไหนจะอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับอาที่มันดูไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใครกันแน่ เพราะแค่ถ้าเป็นหมอจิตแพทย์ธรรมดา เวลาไปไหนมาไหนท
ห้างหรู...“.........” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อคนตัวโตโน้มหน้ากระซิบ เป็นไปได้เหรอเขาต้องโกหกแน่ ๆ แต่มันก็น่าขำจริง ๆ นะ“คิก คิก อาพูดจริงเหรอคะ หลอกหนูรึเปล่า” ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน และเผลอยิ้มให้กับคนตรงหน้า“.......” แต่สีหน้าเขากลับดูตึงเครียดไม่ได้สนุกอะไรไปกับฉันเลยสักนิด“ว่าแต่...อาอยากดูเรื่องอะไร?” ฉันพูดยิ้ม ๆ“เรื่องนั้น”“เฮือก!!” ถึงกับสะดุ้งตกใจหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเสียงแผ่วกระซิบชิดใบหู พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เลย“อาอยากดูเรื่องนั้น” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แผ่นป้ายหนังขนาดใหญ่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ‘ร่างทรง’“ห๊ะ!! อาจะดูเรื่องนั้นเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองตามนิ้วเรียวอุทานออกมาอย่างตกใจ เรื่องนั้นมันน่ากลัวจะตาย เมื่อตอนที่ดูกับพี่ภูผาภาพยังติดตาและหวาดกลัวยังไม่หายเลย“ก็ได้ แต่ว่า...” ฉันทำหน้าครุ่นคิด“หรือว่าภูพิงค์กลัว” เขาเอ่ยเสียงเย็น“...ถ้าหนูกลัวดูเรื่องนั้นก็ได้” สายตาคมกริบมองไปที่ป้ายหนังการ์ตูนที่พึ่งเข้าใหม่“อาลืมไป หนูยังเด็ก ต้องชอบแนวนี้สินะ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ“หนูโตแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะ 19 จะเข้า
1 เดือนผ่านไป“ภูผาสอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างกันมั้ย ภูพิงค์ด้วย ญี่ปุ่นอยากไปเดินห้างช่วงนี้พี่พาร์ทไม่ค่อยว่าง”“ไม่เอา…ญี่ปุ่นไปกับพี่ภูผาสองคนเลยภูพิงค์ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร เบื่อคนรักกัน ไปด้วยทีไรภูพิงค์เป็นส่วนเกินตลอด”“ดีมากน้องรัก งั้นภูผาเราไปกันเถอะ”“เฮ้อ...” พี่ภูผาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตโดนญี่ปุ่นตามตอแยมาตลอด ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่นอน ก็เล่นตัวติดกันตลอดเวลา ขนาดฉันเป็นน้องสาวยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับพี่ชายเลยแต่ก็ดีแล้วญี่ปุ่นชอบเที่ยวมีพี่ภูผาไปด้วยลุงกันต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนฉัน เฮ้อ...ถึงช่วงนี้อาไรเฟิลจะทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจะเลิกยุ่งกับฉัน แล้วทุกวันนี้อาไม่กลับบ้านตัวเองค้างที่บ้านทุกวันแต่บางวันก็เห็นกลับมาดึก ๆ ชอบทำตัวเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันนั่งกินข้าวคุยกับพ่ออยู่ดี ๆ พอลูกน้อง พี่ลูก้ากับคริสเตียนเดินเข้ามากระซิบ แล้วอาก็รีบออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ก็คงไปเที่ยวตามประสาคนสูงวัย“หายไปไหนนะ” มือเล็กล้วงกระเป๋าควานห
“พ่อจ๋า ฮื่อ…” วิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“มึงทำอะไรลูกกู” พ่อจ้องหน้าอาไรเฟิลและเดินเข้าไปหาอาไรเฟิลด้วยท่าทางเอาเรื่อง“แม่จ๋า” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดแม่“ไม่ร้องนะเด็กดี ไว้ให้พ่อจัดการทุกอย่างให้” แม่พูดอย่างปลอบโยนก่อนจะพาที่เอาแต่ร้องสะอื้นไห้เดินเข้าบ้าน ส่วนพ่อลากอาไรเฟิลเดินไปไหนไม่รู้“แม่จ๋า อาไรเฟิลน่ากลัว ภูพิงค์ไม่ชอบเลย แม่บอกให้อาเขาเลิกยุ่งกับหนูได้มั้ย” ทันทีที่ถึงห้องก็รีบบอกแม่ทันที“เฮ้อ...แม่เข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”“ทำไมคอหนู…” …นับดาวสังเกตเห็นรอยแดงที่คอลูกสาวถึงกับตกใจ“อาไรเฟิลเขา…อึก” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาไรเฟิลทำยังรู้สึกกลัวไม่หาย“ภูพิงค์ลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะแม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก” ถูกสวมกอดไว้แนบอกอุ่นของแม่ ไม่มีกอดใดที่ทำให้อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเท่ากับอ้อมกอดของพ่อกับแม่…“ไรเฟิล พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะทำไมถึงทำกับหลานแบบนี้” ตอนนี้เราทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และนี่เป็นครั้งแรกที่เ
“โกรธอา” อาไรเฟิลเดินเข้ามาใกล้ และแน่นอนฉันขยับถอยห่างทันที“ภูพิงค์จะกลับบ้าน” ฉันไม่สนใจเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ พี่ภูผานะพี่ภูผา มีอะไรโทรหาพี่ แต่โทรไปก็ไม่รับสายส่วนขุนศึก พูดแล้วอยากจะตบไอ้น้องบ้าก็บอกให้อาไปส่งสิ ศึกยุ่ง ถ้าอยากให้อาไปส่งฉันจะโทรหาแกทำไม พูดแล้วโมโห แต่ละคนไม่มีใครรักภูพิงค์เลย“พ่อจ๋า แม่จ๋า กลับมาวันนี้เลยไม่ได้รึไง หนูกลัว” บ่นกับตัวเองสองเท้าเดินตรงไปยังประตูบ้านอย่างรีบเร่งพรึบ!!“……..” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหน ลูกน้องอาไรเฟิลก็เดินมาขวางทางไว้ ฉันถึงกับต้องยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่อยู่ข้างเอวพวกเขา แล้วไม่ใช่แค่สองคนนะ แต่ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำ นับ 20 คน พวกเขาเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วท่าทางแต่ละคนมันน่ากลัวมากตึก ตึก ตึก“กลับเข้าบ้านครับ บอสรออยู่” ถึงกับขวัญผวาเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งน้ำเสียงเยือกเย็นที่เขาเอ่ยออกมามันยิ่งกลัวจนจับใจ“นะ…หนูแค่จะกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือ เดินถอยหนีเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขามแล้วยิ่งรอยสักหั
“อาพาหนูมาที่นี่ทำไม” ฉันพูดเสียงสั่นเมื่ออาไรเฟิลจูงมือเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะห้องนอนของอา“อาแค่อยากอยู่กับหนูสองต่อสอง” น้ำเสียงเย็นเยือกชวนขนลุก ทำเอาตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยตกวูบเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มเข้ามาใกล้“อาคะ หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย” สองเท้าถอยหนีอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย“อาไม่ได้จะทำอะไร อาแค่อยาก...” สายตาดุดันคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว“ภูพิงค์อยากกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรภูพิงค์เลยนะ” ฉันร้องไห้ออกมา เมื่อถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง แต่อาไรเฟิลกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัว ถูกดันติดผนังห้อง“สิ่งที่อาไม่ชอบที่สุดคือน้ำตาหนู รู้มั้ยเวลาที่หนูร้องไห้อาเจ็บ....”หมับ!มือหนาจับมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง“ไม่ร้องนะเด็กดี อาแค่อยากจูบหนู อาสัญญา อาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ ถึงอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม”“เฮือก!! อึก!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอุ่นแตะจูบซับน้ำตา สัมผัสมันอ่อนโยนและนิ่มนวลมาก แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ความกลัวหายไปไหน ยิ่งหวาดกลัวกับกา
“…..” สไนเปอร์ได้แต่อดทนไม่ให้ตัวเองโมโหไปกับการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเพราะรู้ถึงความกวนของน้องชายดี“เงียบแสดงว่าตกลง ว่าแต่คู่หมั้นนี้เอาได้มั้ย แต่ได้แหละได้ข่าวว่าพี่กับพี่ดาวก็ทำ ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำเท่าที่ผมรู้มา เนี่ยผมนับถือพี่แค่ไหนมาขอหมั้นก่อน เวลาพาน้องไปนอนบ้านด้วย น้องจะได้ไม่เสียหาย แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมย้ายมาอยู่กับเมียได้” เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไรเฟิลก็ยิ่งพูดยั่วโมโหเข้าไปใหญ่“ไอ้ไรเฟิล!!!!!!” สไนเปอร์ตะโกนเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน“ครับคุณพ่อตาขอตัวก่อนนะ ว่าแต่ว่านี่เมียผมตื่นยังนะ” แล้วคนเจ้าเล่ห์สุดกวน ก็รีบวิ่งขึ้นไปหาเด็กสาวที่ยังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มหลังจากที่แม่พึ่งปลอบและเดินออกจากห้องไม่ถึงสิบนาที“ไอ้ไรเฟิล ไอ้ฉิบหาย มึงตาย!!!!!!!!” สไนเปอร์รีบวิ่งตามไปเพราะเป็นห่วงถึงความปลอดภัยลูก“ไรเฟิล กูขอร้องภูพิงค์ยังเด็ก มึงมีทุกอย่างจะหาผู้หญิงกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ ทำไมต้องมายุ่งกับภูพิงค์” สไนเปอร์พูดอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตกไปมากกว่านี้“ไม่ว่าจะใครหน้าไหน ผมก็ไม่เอา ผมจะเอาภูพิงค์คนเดียว!” ไรเฟิลพูดจริงจัง สายตาที่ขี้เล่นเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็น ดุดัน ทรงพล
กลางดึก“หึ…คนบ้าอะไร ขนาดนอนยังน่ารัก” คุณหมอหนุ่ม ผู้หลงใหลรอยยิ้มหวาน จ้องเด็กสาวที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสาวน้อยถ่ายภาพคู่กับพ่อ จากนั้นมาเขาก็เหมือนคนบ้าที่รอให้เธอโตพอที่จะมาเป็นเมียเขาได้ จนมาถึงวันนี้ที่มันอดทนรอไม่ไหวถึงจะรู้ว่าพี่ชายหวงหลานสาวคนนี้มาก แต่ถ้าไม่เดินเข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือมาได้ไง เขาลงทุนปีนหน้าต่างยามวิกาลเพียงแค่อยากอยู่ใกล้ อยากมองหน้าคนตัวเล็กให้นาน ๆ“คนอย่างไรเฟิล ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอไม่มีทางรอดเงื้อมมือฉันไปได้แน่นอนสาวน้อย”“ขอจูบมัดจำหน่อยนะ แล้วจะรีบให้พ่อมาขอ” ไวเท่าความคิดกลีบปากนุ่ม ๆ ประทับจูบแตะลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู“ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเธอภูพิงค์” เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ พร้อมสวมกอดอีกคนไว้แนบอก“พี่ภูผาหนูหนาว” ด้วยความเคยชินที่เวลาฝันร้ายหรือกลัวจะชอบเดินร้องไห้เข้าไปนอนกอดพี่ชาย พอได้รับไออุ่นจากคนข้าง ๆ ใบหน้าหวานซุกหน้าหาองศาที่เหมาะสม มือเล็กกอดร่างหนาไว้แน่น“หึ…มันน่าจริง ๆ อดทนไว้ลูกพ่อ ไว้ให้แม่หนูโตกว่านี้ก่อนพ่อจะจัดให้เต็มที่” เขาพูดปรามเจ้าลูกชายที่มันกำลังขยายตัวขึ้น ใครล่ะจะไปทนได้ก็เนื้อนุ่มนิ
1 ชั่วโมงผ่านไปสไนเปอร์กับนับดาวพอรู้เรื่องก็รีบขับรถกลับบ้าน แต่เพราะรถติดกว่าจะถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง สองสามีภรรยาเดินอย่างรีบเร่งเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงลูก ๆ“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮื่อ!!!!” เด็กขี้อ้อนพอเห็นพ่อกับแม่เดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม“ภูพิงค์ หยุดร้องก่อนหนวกหู” ขุนศึกถึงกับพูดเอ็ดพี่สาวที่ร้องไห้แบบนี้มาเป็นชั่วโมง“ก็พี่กลัวนิ ฮื่อ…ใครก็ไม่รู้น่ากลัว หน้าเขาเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะพ่อ หนูกลัว” เด็กสาวเอาแต่กอดพ่อที่ได้แต่นั่งนิ่งพยายามคิดว่าใครกันที่มันกล้าบุกเข้าบ้านแล้วยังกล้าบุกเข้าถึงห้องนอนลูกสาวสุดที่รักอีก“ไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อไปดูเอง” สไนเปอร์กอดปลอบหอมหัวลูกรัก“แม่จ๋า ฮื่อ…ภูพิงค์กลัว” ภูพิงค์โผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัว“แม่มาแล้วไม่ต้องร้อง พี่ภูผาก็อยู่ น้องก็อยู่ หยุดร้องไห้ก่อนลูก” นับดาวเองก็ได้แต่กอดปลอบลูก ปกติภูพิงค์ไม่ใช่เด็กขี้กลัวแบบนี้ แต่ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจกลัวเป็นธรรมดา“จะร้องอะไรอายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คนแค่ง่วงขอนอนห้องแค่นี้ทำอย่างกับจะตาย”ขวับ!!สี่คนพ่อแม่ลูกหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวกวน ๆ เป็นตาเดียว“สวัสดีครับพี่"