1 ชั่วโมงผ่านไป
สไนเปอร์กับนับดาวพอรู้เรื่องก็รีบขับรถกลับบ้าน แต่เพราะรถติดกว่าจะถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง สองสามีภรรยาเดินอย่างรีบเร่งเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงลูก ๆ
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮื่อ!!!!” เด็กขี้อ้อนพอเห็นพ่อกับแม่เดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ภูพิงค์ หยุดร้องก่อนหนวกหู” ขุนศึกถึงกับพูดเอ็ดพี่สาวที่ร้องไห้แบบนี้มาเป็นชั่วโมง
“ก็พี่กลัวนิ ฮื่อ…ใครก็ไม่รู้น่ากลัว หน้าเขาเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะพ่อ หนูกลัว” เด็กสาวเอาแต่กอดพ่อที่ได้แต่นั่งนิ่งพยายามคิดว่าใครกันที่มันกล้าบุกเข้าบ้านแล้วยังกล้าบุกเข้าถึงห้องนอนลูกสาวสุดที่รักอีก
“ไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อไปดูเอง” สไนเปอร์กอดปลอบหอมหัวลูกรัก
“แม่จ๋า ฮื่อ…ภูพิงค์กลัว” ภูพิงค์โผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัว
“แม่มาแล้วไม่ต้องร้อง พี่ภูผาก็อยู่ น้องก็อยู่ หยุดร้องไห้ก่อนลูก” นับดาวเองก็ได้แต่กอดปลอบลูก ปกติภูพิงค์ไม่ใช่เด็กขี้กลัวแบบนี้ แต่ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจกลัวเป็นธรรมดา
“จะร้องอะไรอายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คนแค่ง่วงขอนอนห้องแค่นี้ทำอย่างกับจะตาย”
ขวับ!!
สี่คนพ่อแม่ลูกหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวกวน ๆ เป็นตาเดียว
“สวัสดีครับพี่" เขาเดินตรงเข้าไปหาสไนเปอร์ที่กำหมัดแน่น ไอ้เด็กบ้านี่มันกล้ามากที่บุกเข้าบ้านเขาแบบนี้ แล้วยังมาส่งสายตาเจ้าชู้ ใส่ลูกสาวต่อหน้าพ่อเขาอีก
“เรียกพี่ไม่ได้สิต้องเรียกพ่อ ลูกสาวพี่ผมขอนะ” เสียงกระซิบสุดยียวนทำเอาสไนเปอร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“จำอาได้มั้ยสาวน้อย” แต่เขากลับไม่สนใจเดินตรงเข้าไปหาเด็กสาว ที่ยังคงร้องไห้กอดแม่ไม่ยอมปล่อย
“แม่จ๋าหนูกลัว ฮื่อ…” ภูพิงค์ร้องไห้เสียงดังลั่นเมื่อคนบ้ายื่นหน้าเข้าใกล้เธอ
“หยุดแกล้งหลานได้แล้ว” นับดาวเค้นเสียงดุ แล้วถึงกับต้องถอนหายใจ
“หลานที่ไหน ก็บอกอยู่ว่าจะขอมาเป็นเมีย” เขาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ เด็กสาว ที่เอาแต่กอดแม่แน่น
“แม่จ๋าหนูกลัว คนบ้า!!” ยิ่งหน้าหล่อ ๆ ยื่นเข้ามาใกล้เด็กสาวก็ยิ่งตื่นกลัว
"ไรเฟิล อย่าแกล้งหลาน แล้วมาแบบนี้ม๊ารู้มั้ย” นับดาวพูดอย่างเหนื่อยใจ
“ออกไปไกล ๆ ให้ห่างจากลูกกู” สไนเปอร์ที่กระชากคอเสื้อน้องชายบุญธรรมเมื่อครั้งที่พาแม่ไปรักษาตัวที่อเมริกา นี่คงพึ่งจะกลับมา
“ไม่รู้ จะมาเซอร์ไพรส์ม๊า แต่อยากเจอหน้าว่าที่เมียในอนาคตเลยมาหาพี่ก่อน” ปากพูดกับพี่ชาย แต่ตากลับเอาแต่จ้องเด็กสาวที่มีศักดิ์เป็นหลานไม่วางตา
“มึงอยากโดนกูกระทืบตายใช่มั้ย?” สไนเปอร์ทำหน้าจริงจัง
“พูดจริงไม่ได้พูดเล่นครับคุณพ่อตา”
“ขอตัวนะ ผมง่วง ไว้อามาหาใหม่นะ คนสวย” ไรเฟิลแกะมือพี่ชายออก ทำหน้ากวน ๆ ส่งสายตาให้เด็กสาวก่อนจะเดินยิ้มออกจากบ้าน ยั่วอารมณ์โมโหพี่ชาย
“ใจเย็น ๆ ค่ะ ภูผาพาน้องขึ้นห้องไปก่อน ส่วนเราขุนศึก เรามีเรื่องต้องคุยกัน” นับดาวหันไปสั่งลูก ๆ
“ไปภูพิงค์ไม่มีอะไรแล้ว” ภูผาเดินเข้าไปจูงมือน้องขึ้นไปบนห้อง
“ขุนศึก!” นับดาวเค้นเสียงดุเมื่อคนกะล่อนตีเนียนจะเดินตามพี่ ๆ ขึ้นห้อง
“ครับแม่” เด็กชายตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน เพราะรู้ว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร
“ไปรอแม่ที่ห้องทำงาน”
“ครับ”
“ศึกรักแม่นะครับ แม่จ๋าของขุนศึก” ทำผิดไว้ก็มาทำอ้อนเอาใจนึกว่าจะรอดรึไง เมื่อเห็นสายตาดุ ๆ ของแม่ คนกะล่อนก็ทำหน้าจ๋อยเดินไปที่ห้องทำงานอย่างว่าง่าย
“พี่เปอร์” นับดาวเดินเข้าไปหาพ่อของลูก ที่ยืนกำหมัดแน่นจนตัวสั่น
“ใจเย็น ๆ น้องแค่เล่น ๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ไปจัดการเรื่องลูกชายพี่ก่อน มีเรื่องให้ปวดหัวได้ทุกวัน” นับดาวพูดปลอบสามีที่อารมณ์กำลังเดือด
“เห้อ… เหนื่อย” สไนเปอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เอียงหน้าซบอกเมียรัก เพราะรู้จักนิสัยน้องชายดีพอสมควร ถึงจะไม่ได้โตมาด้วยกันแต่ระยะเวลาสองปี ช่วงที่เขาช่วยดูแลรักษาแม่มันก็ทำให้รู้มากจักกันมากพอ เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถือว่าเป็นคนดี ถ้าไม่ติดปากเสียกวนตีนแต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ตัวเองนี่แหละที่หวงลูกสาว และจะไม่ยอมให้มันเกิดอะไรขึ้นเด็ดขาด
ส่วนเรื่องลูกชายคนเล็กที่ชอบไปลวนลามสาว ๆ มันก็แค่เด็กวัยรุ่นที่กำลังซน แค่บอกแค่เตือนก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว...
กลางดึก“หึ…คนบ้าอะไร ขนาดนอนยังน่ารัก” คุณหมอหนุ่ม ผู้หลงใหลรอยยิ้มหวาน จ้องเด็กสาวที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสาวน้อยถ่ายภาพคู่กับพ่อ จากนั้นมาเขาก็เหมือนคนบ้าที่รอให้เธอโตพอที่จะมาเป็นเมียเขาได้ จนมาถึงวันนี้ที่มันอดทนรอไม่ไหวถึงจะรู้ว่าพี่ชายหวงหลานสาวคนนี้มาก แต่ถ้าไม่เดินเข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือมาได้ไง เขาลงทุนปีนหน้าต่างยามวิกาลเพียงแค่อยากอยู่ใกล้ อยากมองหน้าคนตัวเล็กให้นาน ๆ“คนอย่างไรเฟิล ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอไม่มีทางรอดเงื้อมมือฉันไปได้แน่นอนสาวน้อย”“ขอจูบมัดจำหน่อยนะ แล้วจะรีบให้พ่อมาขอ” ไวเท่าความคิดกลีบปากนุ่ม ๆ ประทับจูบแตะลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู“ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเธอภูพิงค์” เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ พร้อมสวมกอดอีกคนไว้แนบอก“พี่ภูผาหนูหนาว” ด้วยความเคยชินที่เวลาฝันร้ายหรือกลัวจะชอบเดินร้องไห้เข้าไปนอนกอดพี่ชาย พอได้รับไออุ่นจากคนข้าง ๆ ใบหน้าหวานซุกหน้าหาองศาที่เหมาะสม มือเล็กกอดร่างหนาไว้แน่น“หึ…มันน่าจริง ๆ อดทนไว้ลูกพ่อ ไว้ให้แม่หนูโตกว่านี้ก่อนพ่อจะจัดให้เต็มที่” เขาพูดปรามเจ้าลูกชายที่มันกำลังขยายตัวขึ้น ใครล่ะจะไปทนได้ก็เนื้อนุ่มนิ
“…..” สไนเปอร์ได้แต่อดทนไม่ให้ตัวเองโมโหไปกับการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเพราะรู้ถึงความกวนของน้องชายดี“เงียบแสดงว่าตกลง ว่าแต่คู่หมั้นนี้เอาได้มั้ย แต่ได้แหละได้ข่าวว่าพี่กับพี่ดาวก็ทำ ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำเท่าที่ผมรู้มา เนี่ยผมนับถือพี่แค่ไหนมาขอหมั้นก่อน เวลาพาน้องไปนอนบ้านด้วย น้องจะได้ไม่เสียหาย แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมย้ายมาอยู่กับเมียได้” เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไรเฟิลก็ยิ่งพูดยั่วโมโหเข้าไปใหญ่“ไอ้ไรเฟิล!!!!!!” สไนเปอร์ตะโกนเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน“ครับคุณพ่อตาขอตัวก่อนนะ ว่าแต่ว่านี่เมียผมตื่นยังนะ” แล้วคนเจ้าเล่ห์สุดกวน ก็รีบวิ่งขึ้นไปหาเด็กสาวที่ยังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มหลังจากที่แม่พึ่งปลอบและเดินออกจากห้องไม่ถึงสิบนาที“ไอ้ไรเฟิล ไอ้ฉิบหาย มึงตาย!!!!!!!!” สไนเปอร์รีบวิ่งตามไปเพราะเป็นห่วงถึงความปลอดภัยลูก“ไรเฟิล กูขอร้องภูพิงค์ยังเด็ก มึงมีทุกอย่างจะหาผู้หญิงกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ ทำไมต้องมายุ่งกับภูพิงค์” สไนเปอร์พูดอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตกไปมากกว่านี้“ไม่ว่าจะใครหน้าไหน ผมก็ไม่เอา ผมจะเอาภูพิงค์คนเดียว!” ไรเฟิลพูดจริงจัง สายตาที่ขี้เล่นเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็น ดุดัน ทรงพล
“อาพาหนูมาที่นี่ทำไม” ฉันพูดเสียงสั่นเมื่ออาไรเฟิลจูงมือเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะห้องนอนของอา“อาแค่อยากอยู่กับหนูสองต่อสอง” น้ำเสียงเย็นเยือกชวนขนลุก ทำเอาตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยตกวูบเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มเข้ามาใกล้“อาคะ หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย” สองเท้าถอยหนีอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย“อาไม่ได้จะทำอะไร อาแค่อยาก...” สายตาดุดันคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว“ภูพิงค์อยากกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรภูพิงค์เลยนะ” ฉันร้องไห้ออกมา เมื่อถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง แต่อาไรเฟิลกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัว ถูกดันติดผนังห้อง“สิ่งที่อาไม่ชอบที่สุดคือน้ำตาหนู รู้มั้ยเวลาที่หนูร้องไห้อาเจ็บ....”หมับ!มือหนาจับมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง“ไม่ร้องนะเด็กดี อาแค่อยากจูบหนู อาสัญญา อาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ ถึงอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม”“เฮือก!! อึก!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอุ่นแตะจูบซับน้ำตา สัมผัสมันอ่อนโยนและนิ่มนวลมาก แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ความกลัวหายไปไหน ยิ่งหวาดกลัวกับกา
“โกรธอา” อาไรเฟิลเดินเข้ามาใกล้ และแน่นอนฉันขยับถอยห่างทันที“ภูพิงค์จะกลับบ้าน” ฉันไม่สนใจเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ พี่ภูผานะพี่ภูผา มีอะไรโทรหาพี่ แต่โทรไปก็ไม่รับสายส่วนขุนศึก พูดแล้วอยากจะตบไอ้น้องบ้าก็บอกให้อาไปส่งสิ ศึกยุ่ง ถ้าอยากให้อาไปส่งฉันจะโทรหาแกทำไม พูดแล้วโมโห แต่ละคนไม่มีใครรักภูพิงค์เลย“พ่อจ๋า แม่จ๋า กลับมาวันนี้เลยไม่ได้รึไง หนูกลัว” บ่นกับตัวเองสองเท้าเดินตรงไปยังประตูบ้านอย่างรีบเร่งพรึบ!!“……..” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหน ลูกน้องอาไรเฟิลก็เดินมาขวางทางไว้ ฉันถึงกับต้องยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่อยู่ข้างเอวพวกเขา แล้วไม่ใช่แค่สองคนนะ แต่ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำ นับ 20 คน พวกเขาเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วท่าทางแต่ละคนมันน่ากลัวมากตึก ตึก ตึก“กลับเข้าบ้านครับ บอสรออยู่” ถึงกับขวัญผวาเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งน้ำเสียงเยือกเย็นที่เขาเอ่ยออกมามันยิ่งกลัวจนจับใจ“นะ…หนูแค่จะกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือ เดินถอยหนีเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขามแล้วยิ่งรอยสักหั
“พ่อจ๋า ฮื่อ…” วิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“มึงทำอะไรลูกกู” พ่อจ้องหน้าอาไรเฟิลและเดินเข้าไปหาอาไรเฟิลด้วยท่าทางเอาเรื่อง“แม่จ๋า” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดแม่“ไม่ร้องนะเด็กดี ไว้ให้พ่อจัดการทุกอย่างให้” แม่พูดอย่างปลอบโยนก่อนจะพาที่เอาแต่ร้องสะอื้นไห้เดินเข้าบ้าน ส่วนพ่อลากอาไรเฟิลเดินไปไหนไม่รู้“แม่จ๋า อาไรเฟิลน่ากลัว ภูพิงค์ไม่ชอบเลย แม่บอกให้อาเขาเลิกยุ่งกับหนูได้มั้ย” ทันทีที่ถึงห้องก็รีบบอกแม่ทันที“เฮ้อ...แม่เข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”“ทำไมคอหนู…” …นับดาวสังเกตเห็นรอยแดงที่คอลูกสาวถึงกับตกใจ“อาไรเฟิลเขา…อึก” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาไรเฟิลทำยังรู้สึกกลัวไม่หาย“ภูพิงค์ลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะแม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก” ถูกสวมกอดไว้แนบอกอุ่นของแม่ ไม่มีกอดใดที่ทำให้อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเท่ากับอ้อมกอดของพ่อกับแม่…“ไรเฟิล พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะทำไมถึงทำกับหลานแบบนี้” ตอนนี้เราทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และนี่เป็นครั้งแรกที่เ
1 เดือนผ่านไป“ภูผาสอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างกันมั้ย ภูพิงค์ด้วย ญี่ปุ่นอยากไปเดินห้างช่วงนี้พี่พาร์ทไม่ค่อยว่าง”“ไม่เอา…ญี่ปุ่นไปกับพี่ภูผาสองคนเลยภูพิงค์ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร เบื่อคนรักกัน ไปด้วยทีไรภูพิงค์เป็นส่วนเกินตลอด”“ดีมากน้องรัก งั้นภูผาเราไปกันเถอะ”“เฮ้อ...” พี่ภูผาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตโดนญี่ปุ่นตามตอแยมาตลอด ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่นอน ก็เล่นตัวติดกันตลอดเวลา ขนาดฉันเป็นน้องสาวยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับพี่ชายเลยแต่ก็ดีแล้วญี่ปุ่นชอบเที่ยวมีพี่ภูผาไปด้วยลุงกันต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนฉัน เฮ้อ...ถึงช่วงนี้อาไรเฟิลจะทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจะเลิกยุ่งกับฉัน แล้วทุกวันนี้อาไม่กลับบ้านตัวเองค้างที่บ้านทุกวันแต่บางวันก็เห็นกลับมาดึก ๆ ชอบทำตัวเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันนั่งกินข้าวคุยกับพ่ออยู่ดี ๆ พอลูกน้อง พี่ลูก้ากับคริสเตียนเดินเข้ามากระซิบ แล้วอาก็รีบออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ก็คงไปเที่ยวตามประสาคนสูงวัย“หายไปไหนนะ” มือเล็กล้วงกระเป๋าควานห
ห้างหรู...“.........” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อคนตัวโตโน้มหน้ากระซิบ เป็นไปได้เหรอเขาต้องโกหกแน่ ๆ แต่มันก็น่าขำจริง ๆ นะ“คิก คิก อาพูดจริงเหรอคะ หลอกหนูรึเปล่า” ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน และเผลอยิ้มให้กับคนตรงหน้า“.......” แต่สีหน้าเขากลับดูตึงเครียดไม่ได้สนุกอะไรไปกับฉันเลยสักนิด“ว่าแต่...อาอยากดูเรื่องอะไร?” ฉันพูดยิ้ม ๆ“เรื่องนั้น”“เฮือก!!” ถึงกับสะดุ้งตกใจหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเสียงแผ่วกระซิบชิดใบหู พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เลย“อาอยากดูเรื่องนั้น” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แผ่นป้ายหนังขนาดใหญ่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ‘ร่างทรง’“ห๊ะ!! อาจะดูเรื่องนั้นเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองตามนิ้วเรียวอุทานออกมาอย่างตกใจ เรื่องนั้นมันน่ากลัวจะตาย เมื่อตอนที่ดูกับพี่ภูผาภาพยังติดตาและหวาดกลัวยังไม่หายเลย“ก็ได้ แต่ว่า...” ฉันทำหน้าครุ่นคิด“หรือว่าภูพิงค์กลัว” เขาเอ่ยเสียงเย็น“...ถ้าหนูกลัวดูเรื่องนั้นก็ได้” สายตาคมกริบมองไปที่ป้ายหนังการ์ตูนที่พึ่งเข้าใหม่“อาลืมไป หนูยังเด็ก ต้องชอบแนวนี้สินะ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ“หนูโตแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะ 19 จะเข้า
“ฮื่อ...อาคะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” ฉันหลับตาปี๋เมื่อถึงฉากที่น่ากลัว มือเล็กจิกเล็บลงฝ่ามือใหญ่อย่างลืมตัว“……” แต่อาไรเฟิลกลับเงียบ และมันก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่พ่นรดใบหน้า“อึก” เหมือนโลกมันหยุดหมุน แพขนตางอนค่อย ๆ ลืมขึ้น นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อคมยื่นเข้ามาใกล้ จนหน้าเราทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว“อะ…อาจะทำอะไรคะ” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก เผลอมองหน้าสบตาคู่นั้นเมื่อนิ้วเรียวเกลี่ยเขี่ยแก้มใส“อาแค่อยากมองหนูใกล้ ๆ ” เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะประทับจูบ มอบจุมพิตลงหน้าผากเล็กอย่างอ่อนโยน“อาไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาอาอาจจะทำให้หนูกลัว ขอโอกาสให้อาได้แก้ตัวได้มั้ย” เรามองหน้าสบตากัน“จนกว่าหนูจะเรียนจบ ถ้าอาทำให้หนูรักไม่ได้ อาจะไม่ยุ่งกับหนูอีก” น้ำเสียงอาไรเฟิลมันจริงจังและหนักแน่น ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น พร้อมหัวใจที่เต้นแรง“……..” ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บางทีเขาก็ดูน่ากลัว บางทีก็ดูอบอุ่น และไหนจะอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับอาที่มันดูไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใครกันแน่ เพราะแค่ถ้าเป็นหมอจิตแพทย์ธรรมดา เวลาไปไหนมาไหนท
“ฮื่อ...อาคะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” ฉันหลับตาปี๋เมื่อถึงฉากที่น่ากลัว มือเล็กจิกเล็บลงฝ่ามือใหญ่อย่างลืมตัว“……” แต่อาไรเฟิลกลับเงียบ และมันก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่พ่นรดใบหน้า“อึก” เหมือนโลกมันหยุดหมุน แพขนตางอนค่อย ๆ ลืมขึ้น นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อคมยื่นเข้ามาใกล้ จนหน้าเราทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว“อะ…อาจะทำอะไรคะ” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก เผลอมองหน้าสบตาคู่นั้นเมื่อนิ้วเรียวเกลี่ยเขี่ยแก้มใส“อาแค่อยากมองหนูใกล้ ๆ ” เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะประทับจูบ มอบจุมพิตลงหน้าผากเล็กอย่างอ่อนโยน“อาไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาอาอาจจะทำให้หนูกลัว ขอโอกาสให้อาได้แก้ตัวได้มั้ย” เรามองหน้าสบตากัน“จนกว่าหนูจะเรียนจบ ถ้าอาทำให้หนูรักไม่ได้ อาจะไม่ยุ่งกับหนูอีก” น้ำเสียงอาไรเฟิลมันจริงจังและหนักแน่น ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น พร้อมหัวใจที่เต้นแรง“……..” ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บางทีเขาก็ดูน่ากลัว บางทีก็ดูอบอุ่น และไหนจะอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับอาที่มันดูไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใครกันแน่ เพราะแค่ถ้าเป็นหมอจิตแพทย์ธรรมดา เวลาไปไหนมาไหนท
ห้างหรู...“.........” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อคนตัวโตโน้มหน้ากระซิบ เป็นไปได้เหรอเขาต้องโกหกแน่ ๆ แต่มันก็น่าขำจริง ๆ นะ“คิก คิก อาพูดจริงเหรอคะ หลอกหนูรึเปล่า” ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน และเผลอยิ้มให้กับคนตรงหน้า“.......” แต่สีหน้าเขากลับดูตึงเครียดไม่ได้สนุกอะไรไปกับฉันเลยสักนิด“ว่าแต่...อาอยากดูเรื่องอะไร?” ฉันพูดยิ้ม ๆ“เรื่องนั้น”“เฮือก!!” ถึงกับสะดุ้งตกใจหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเสียงแผ่วกระซิบชิดใบหู พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เลย“อาอยากดูเรื่องนั้น” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แผ่นป้ายหนังขนาดใหญ่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ‘ร่างทรง’“ห๊ะ!! อาจะดูเรื่องนั้นเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองตามนิ้วเรียวอุทานออกมาอย่างตกใจ เรื่องนั้นมันน่ากลัวจะตาย เมื่อตอนที่ดูกับพี่ภูผาภาพยังติดตาและหวาดกลัวยังไม่หายเลย“ก็ได้ แต่ว่า...” ฉันทำหน้าครุ่นคิด“หรือว่าภูพิงค์กลัว” เขาเอ่ยเสียงเย็น“...ถ้าหนูกลัวดูเรื่องนั้นก็ได้” สายตาคมกริบมองไปที่ป้ายหนังการ์ตูนที่พึ่งเข้าใหม่“อาลืมไป หนูยังเด็ก ต้องชอบแนวนี้สินะ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ“หนูโตแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะ 19 จะเข้า
1 เดือนผ่านไป“ภูผาสอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างกันมั้ย ภูพิงค์ด้วย ญี่ปุ่นอยากไปเดินห้างช่วงนี้พี่พาร์ทไม่ค่อยว่าง”“ไม่เอา…ญี่ปุ่นไปกับพี่ภูผาสองคนเลยภูพิงค์ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร เบื่อคนรักกัน ไปด้วยทีไรภูพิงค์เป็นส่วนเกินตลอด”“ดีมากน้องรัก งั้นภูผาเราไปกันเถอะ”“เฮ้อ...” พี่ภูผาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตโดนญี่ปุ่นตามตอแยมาตลอด ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่นอน ก็เล่นตัวติดกันตลอดเวลา ขนาดฉันเป็นน้องสาวยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับพี่ชายเลยแต่ก็ดีแล้วญี่ปุ่นชอบเที่ยวมีพี่ภูผาไปด้วยลุงกันต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนฉัน เฮ้อ...ถึงช่วงนี้อาไรเฟิลจะทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจะเลิกยุ่งกับฉัน แล้วทุกวันนี้อาไม่กลับบ้านตัวเองค้างที่บ้านทุกวันแต่บางวันก็เห็นกลับมาดึก ๆ ชอบทำตัวเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันนั่งกินข้าวคุยกับพ่ออยู่ดี ๆ พอลูกน้อง พี่ลูก้ากับคริสเตียนเดินเข้ามากระซิบ แล้วอาก็รีบออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ก็คงไปเที่ยวตามประสาคนสูงวัย“หายไปไหนนะ” มือเล็กล้วงกระเป๋าควานห
“พ่อจ๋า ฮื่อ…” วิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“มึงทำอะไรลูกกู” พ่อจ้องหน้าอาไรเฟิลและเดินเข้าไปหาอาไรเฟิลด้วยท่าทางเอาเรื่อง“แม่จ๋า” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดแม่“ไม่ร้องนะเด็กดี ไว้ให้พ่อจัดการทุกอย่างให้” แม่พูดอย่างปลอบโยนก่อนจะพาที่เอาแต่ร้องสะอื้นไห้เดินเข้าบ้าน ส่วนพ่อลากอาไรเฟิลเดินไปไหนไม่รู้“แม่จ๋า อาไรเฟิลน่ากลัว ภูพิงค์ไม่ชอบเลย แม่บอกให้อาเขาเลิกยุ่งกับหนูได้มั้ย” ทันทีที่ถึงห้องก็รีบบอกแม่ทันที“เฮ้อ...แม่เข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”“ทำไมคอหนู…” …นับดาวสังเกตเห็นรอยแดงที่คอลูกสาวถึงกับตกใจ“อาไรเฟิลเขา…อึก” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาไรเฟิลทำยังรู้สึกกลัวไม่หาย“ภูพิงค์ลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะแม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก” ถูกสวมกอดไว้แนบอกอุ่นของแม่ ไม่มีกอดใดที่ทำให้อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเท่ากับอ้อมกอดของพ่อกับแม่…“ไรเฟิล พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะทำไมถึงทำกับหลานแบบนี้” ตอนนี้เราทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และนี่เป็นครั้งแรกที่เ
“โกรธอา” อาไรเฟิลเดินเข้ามาใกล้ และแน่นอนฉันขยับถอยห่างทันที“ภูพิงค์จะกลับบ้าน” ฉันไม่สนใจเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ พี่ภูผานะพี่ภูผา มีอะไรโทรหาพี่ แต่โทรไปก็ไม่รับสายส่วนขุนศึก พูดแล้วอยากจะตบไอ้น้องบ้าก็บอกให้อาไปส่งสิ ศึกยุ่ง ถ้าอยากให้อาไปส่งฉันจะโทรหาแกทำไม พูดแล้วโมโห แต่ละคนไม่มีใครรักภูพิงค์เลย“พ่อจ๋า แม่จ๋า กลับมาวันนี้เลยไม่ได้รึไง หนูกลัว” บ่นกับตัวเองสองเท้าเดินตรงไปยังประตูบ้านอย่างรีบเร่งพรึบ!!“……..” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหน ลูกน้องอาไรเฟิลก็เดินมาขวางทางไว้ ฉันถึงกับต้องยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่อยู่ข้างเอวพวกเขา แล้วไม่ใช่แค่สองคนนะ แต่ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำ นับ 20 คน พวกเขาเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วท่าทางแต่ละคนมันน่ากลัวมากตึก ตึก ตึก“กลับเข้าบ้านครับ บอสรออยู่” ถึงกับขวัญผวาเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งน้ำเสียงเยือกเย็นที่เขาเอ่ยออกมามันยิ่งกลัวจนจับใจ“นะ…หนูแค่จะกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือ เดินถอยหนีเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขามแล้วยิ่งรอยสักหั
“อาพาหนูมาที่นี่ทำไม” ฉันพูดเสียงสั่นเมื่ออาไรเฟิลจูงมือเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะห้องนอนของอา“อาแค่อยากอยู่กับหนูสองต่อสอง” น้ำเสียงเย็นเยือกชวนขนลุก ทำเอาตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยตกวูบเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มเข้ามาใกล้“อาคะ หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย” สองเท้าถอยหนีอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย“อาไม่ได้จะทำอะไร อาแค่อยาก...” สายตาดุดันคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว“ภูพิงค์อยากกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรภูพิงค์เลยนะ” ฉันร้องไห้ออกมา เมื่อถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง แต่อาไรเฟิลกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัว ถูกดันติดผนังห้อง“สิ่งที่อาไม่ชอบที่สุดคือน้ำตาหนู รู้มั้ยเวลาที่หนูร้องไห้อาเจ็บ....”หมับ!มือหนาจับมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง“ไม่ร้องนะเด็กดี อาแค่อยากจูบหนู อาสัญญา อาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ ถึงอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม”“เฮือก!! อึก!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอุ่นแตะจูบซับน้ำตา สัมผัสมันอ่อนโยนและนิ่มนวลมาก แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ความกลัวหายไปไหน ยิ่งหวาดกลัวกับกา
“…..” สไนเปอร์ได้แต่อดทนไม่ให้ตัวเองโมโหไปกับการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเพราะรู้ถึงความกวนของน้องชายดี“เงียบแสดงว่าตกลง ว่าแต่คู่หมั้นนี้เอาได้มั้ย แต่ได้แหละได้ข่าวว่าพี่กับพี่ดาวก็ทำ ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำเท่าที่ผมรู้มา เนี่ยผมนับถือพี่แค่ไหนมาขอหมั้นก่อน เวลาพาน้องไปนอนบ้านด้วย น้องจะได้ไม่เสียหาย แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมย้ายมาอยู่กับเมียได้” เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไรเฟิลก็ยิ่งพูดยั่วโมโหเข้าไปใหญ่“ไอ้ไรเฟิล!!!!!!” สไนเปอร์ตะโกนเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน“ครับคุณพ่อตาขอตัวก่อนนะ ว่าแต่ว่านี่เมียผมตื่นยังนะ” แล้วคนเจ้าเล่ห์สุดกวน ก็รีบวิ่งขึ้นไปหาเด็กสาวที่ยังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มหลังจากที่แม่พึ่งปลอบและเดินออกจากห้องไม่ถึงสิบนาที“ไอ้ไรเฟิล ไอ้ฉิบหาย มึงตาย!!!!!!!!” สไนเปอร์รีบวิ่งตามไปเพราะเป็นห่วงถึงความปลอดภัยลูก“ไรเฟิล กูขอร้องภูพิงค์ยังเด็ก มึงมีทุกอย่างจะหาผู้หญิงกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ ทำไมต้องมายุ่งกับภูพิงค์” สไนเปอร์พูดอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตกไปมากกว่านี้“ไม่ว่าจะใครหน้าไหน ผมก็ไม่เอา ผมจะเอาภูพิงค์คนเดียว!” ไรเฟิลพูดจริงจัง สายตาที่ขี้เล่นเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็น ดุดัน ทรงพล
กลางดึก“หึ…คนบ้าอะไร ขนาดนอนยังน่ารัก” คุณหมอหนุ่ม ผู้หลงใหลรอยยิ้มหวาน จ้องเด็กสาวที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสาวน้อยถ่ายภาพคู่กับพ่อ จากนั้นมาเขาก็เหมือนคนบ้าที่รอให้เธอโตพอที่จะมาเป็นเมียเขาได้ จนมาถึงวันนี้ที่มันอดทนรอไม่ไหวถึงจะรู้ว่าพี่ชายหวงหลานสาวคนนี้มาก แต่ถ้าไม่เดินเข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือมาได้ไง เขาลงทุนปีนหน้าต่างยามวิกาลเพียงแค่อยากอยู่ใกล้ อยากมองหน้าคนตัวเล็กให้นาน ๆ“คนอย่างไรเฟิล ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอไม่มีทางรอดเงื้อมมือฉันไปได้แน่นอนสาวน้อย”“ขอจูบมัดจำหน่อยนะ แล้วจะรีบให้พ่อมาขอ” ไวเท่าความคิดกลีบปากนุ่ม ๆ ประทับจูบแตะลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู“ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเธอภูพิงค์” เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ พร้อมสวมกอดอีกคนไว้แนบอก“พี่ภูผาหนูหนาว” ด้วยความเคยชินที่เวลาฝันร้ายหรือกลัวจะชอบเดินร้องไห้เข้าไปนอนกอดพี่ชาย พอได้รับไออุ่นจากคนข้าง ๆ ใบหน้าหวานซุกหน้าหาองศาที่เหมาะสม มือเล็กกอดร่างหนาไว้แน่น“หึ…มันน่าจริง ๆ อดทนไว้ลูกพ่อ ไว้ให้แม่หนูโตกว่านี้ก่อนพ่อจะจัดให้เต็มที่” เขาพูดปรามเจ้าลูกชายที่มันกำลังขยายตัวขึ้น ใครล่ะจะไปทนได้ก็เนื้อนุ่มนิ
1 ชั่วโมงผ่านไปสไนเปอร์กับนับดาวพอรู้เรื่องก็รีบขับรถกลับบ้าน แต่เพราะรถติดกว่าจะถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง สองสามีภรรยาเดินอย่างรีบเร่งเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงลูก ๆ“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮื่อ!!!!” เด็กขี้อ้อนพอเห็นพ่อกับแม่เดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม“ภูพิงค์ หยุดร้องก่อนหนวกหู” ขุนศึกถึงกับพูดเอ็ดพี่สาวที่ร้องไห้แบบนี้มาเป็นชั่วโมง“ก็พี่กลัวนิ ฮื่อ…ใครก็ไม่รู้น่ากลัว หน้าเขาเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะพ่อ หนูกลัว” เด็กสาวเอาแต่กอดพ่อที่ได้แต่นั่งนิ่งพยายามคิดว่าใครกันที่มันกล้าบุกเข้าบ้านแล้วยังกล้าบุกเข้าถึงห้องนอนลูกสาวสุดที่รักอีก“ไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อไปดูเอง” สไนเปอร์กอดปลอบหอมหัวลูกรัก“แม่จ๋า ฮื่อ…ภูพิงค์กลัว” ภูพิงค์โผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัว“แม่มาแล้วไม่ต้องร้อง พี่ภูผาก็อยู่ น้องก็อยู่ หยุดร้องไห้ก่อนลูก” นับดาวเองก็ได้แต่กอดปลอบลูก ปกติภูพิงค์ไม่ใช่เด็กขี้กลัวแบบนี้ แต่ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจกลัวเป็นธรรมดา“จะร้องอะไรอายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คนแค่ง่วงขอนอนห้องแค่นี้ทำอย่างกับจะตาย”ขวับ!!สี่คนพ่อแม่ลูกหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวกวน ๆ เป็นตาเดียว“สวัสดีครับพี่"