เสียงเบรกของรถยนต์ดังลั่นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกระแทกดังโครมแล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นบริเวณหน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
คนขับรถรีบวิ่งลงมาดูคนเจ็บจากนั้นเขาก็ตะโกนให้คนที่อยู่ใกล้ๆ วิ่งไปตามพนักงานรับส่งผู้ป่วยที่หน้าโรงพยาบาล
ไม่นานนักพนักงานแปลก็เข็นรถมาพร้อมกับพยาบาลที่แผนกห้องฉุกเฉินเพื่อมารับผู้ป่วยที่นอนหมดสติอยู่ บริเวณข้างๆ กันมีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งล้มอยู่ ชายหนุ่มเจ้าของรถยนต์จับมันขึ้นมาจอดข้างทาง แล้วรีบหยิบกระเป๋าถือที่หล่นอยู่ก่อนจะวิ่งตามเข้าไปในโรงพยาบาล
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหมอ” พยาบาลอีกคนรีบวิ่งออกมารับรถเข็นคนเจ็บ
“ผมขับรถชนผู้หญิงคนเมื่อกี้ ฝากด้วยนะครับ”
เขารีบบอกกับพยาบาลจากนั้นคุณหมอประจำห้องฉุกเฉินก็รีบเข้าไปดูคนเจ็บส่วนตัวเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็เลยนั่งรออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคุณหมอภายในห้องฉุกเฉินก็ออกมาแจ้งข่าว
“ใครเป็นญาติคนไข้ครับ” คุณหมอประจำห้องฉุกเฉินถาม
“ผมยังไม่ได้ติดต่อญาติเธอเลย”
“หมอซันรู้จักเธอเหรอครับ”
“เปล่าครับแต่ผมเป็นคนขับรถชนเธอครับ”
“ใครก็ช่วยติดต่อญาติเธอด้วยนะ”
“เธอไม่มีญาติที่ไหนหรอกค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น
“อ้าว...แล้วรู้ได้ไง” คุณหมอประจำห้องฉุกเฉินถาม
“ก็คนที่นอนอยู่นั่นคือน้องอัญที่อยู่แผนกผู้ป่วยนอกไงคะ”
“นั่นอัญเหรอผมไม่ทันได้สังเกตเลย” หมอเอกอาทิตย์มัวแต่ตกใจจนไม่ทันสังเกตว่าเธอคือเพื่อนร่วมงานของตนเอง
“ทีนี้จะเอายังไงกันดีล่ะหมอซัน”
“ผมรับเป็นเจ้าของไข้เองก็ได้ครับคุณหมอ คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”
“ศีรษะเธอน่าจะกระแทกอะไรสักอย่างผมว่าจะพาเธอไปทำซีทีสแกนเพื่อดูว่าไม่มีเลือดออกตรงไหนบ้าง ส่วนบริเวณข้อเท้าข้างซ้ายน่าจะมีกระดูกร้าวพรุ่งนี้จะตามหมอกระดูกมาดูอีกที ว่าแต่หมอเถอะบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับไม่ได้ผมไม่ได้ชนแรงขนาดนั้น”
เมื่อจัดการเรื่องคนไข้เสร็จแล้วตำรวจสองคนก็เดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินพอดี
“ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของรถคันที่เกิดอุบัติเหตุครับผม”
“ผมเองครับ”
“เราคงต้องขอตรวจปริมาณแอลกอฮอล์และเชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพัก”
“ไม่มีปัญหาครับคุณตำรวจ”
“หมอไม่ได้เมาใช่ไหมคะ” พยาบาลคนหนึ่งมองหน้าหมอเอกอาทิตย์สลับกับหน้าตำรวจแล้วถามขึ้น
“ไม่หรอกครับพี่ ผมฝากจัดการเรื่องคนไข้ด้วยนะมีอะไรติดต่อผมได้เลยได้นะครับ” เขาบอกพี่พยาบาลที่คุ้นหน้ากันดี
“ค่ะคุณหมอ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงพี่จะรีบโทรติดต่อคุณหมอนะคะ”
หมอเอกอาทิตย์หมอหนุ่มประจำแผนกมะเร็งของโรงพยาบาลเดินตามนายตำรวจสองท่านออกมาขึ้นรถไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุด
เขาให้ปากคำและวัดปริมาณแอลกอฮอล์เสร็จแล้วก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งซึ่งตอนนี้อัญชิสาพยาบาลแผนกผู้ป่วยนอกกำลังถูกพาไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว
“อาการตอนนี้ไม่น่าเป็นห่วงครับ เราเอกซเรย์และซีทีสมองดูแล้วไม่มีเลือดออกตรงไหนเลย คาดว่าน่าจะแค่กระทบกระเทือน แต่ระหว่างนี้ต้องคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ผมตามหมอศัลยกรรมสมองแล้วเดี๋ยวท่านจะตามไปดูบนวอร์ดครับ”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ” เอกอาทิตย์กล่าวขอบคุณหมอประจำห้องฉุกเฉินจากนั้นเขาก็เดินตามรถเข็นผู้ป่วยไปยังห้องพัก
“คืนนี้ใครจะเป็นคนเฝ้าน้องพยาบาลคนนี้คะ” พยาบาลแผนกผู้ป่วยในหันมาถามทางคุณหมอหนุ่มที่เดิมตามมา
“เธอไม่มีญาติที่ไหนเลยใช่ไหมครับ” เขาถามพยาบาลแผนกฉุกเฉินที่ตามมาส่งคนไข้
“เท่าที่รู้อัญเพิ่งเสียยายไปเมื่อหลายเดือนก่อนค่ะ เธอพักอยู่หอพักที่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ก็คงมีแค่เพื่อนในแผนกเท่านั้นหมอซันจะให้พี่ตามให้ไหมคะ”
“ผมว่าจ้างพยาบาลพิเศษเฝ้าดีไหมครับ ค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง”
“แต่พยาบาลพิเศษตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยค่ะ”
“คืนนี้ผมเฝ้าก่อนก็ได้แต่พรุ่งนี้คุณช่วยหาพยาบาลให้ผมหน่อยก็แล้วกันนะ”
“ได้ค่ะคุณหมอพรุ่งนี้เวรเช้าจะรีบจัดการให้ ถ้าคุณหมอขาดเหลืออะไรก็เรียกพวกเราได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
แม้จะทำงานที่โรงพยาบาลมานานแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เอกอาทิตย์ต้องมาทำหน้าที่เป็นญาติผู้ป่วย เขายืนคนที่นอนหมดสติรู้สึกเป็นห่วง เมื่อสักครู่เขายอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดที่รีบขับรถออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ทันสังเกตว่ามีรถจักรยานยนต์สวนเข้ามา ถึงแม้เขาจะไม่ชนเธออย่างจังแต่มันก็ทำให้หญิงสาวเสียหลักจนล้มหัวไปกระแทกกับพื้นและข้อเท้าของเธอยังมีกระดูกร้าวอีกด้วย เอกอาทิตย์ภาวนาว่าพรุ่งนี้คุณหมอกระดูกมาตรวจแล้วอาการของเธอจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด เนื่องจากตัวเองเป็นต้นเหตุและประมาทมากเกินไปเพราะไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาในโรงพยาบาลเวลานี้
ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในคืนนั้นหมอโสรยาก็รีบย้ายออกจากบ้านของเอกอาทิตย์เพราะหญิงสาวไม่อยากสู้หน้าเจ้าของบ้านและแฟนของเขาเรื่องนี้เอกอาทิตย์ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยแม้กระทั่งชัยภัทรซึ่งพอจะระแคะระคายเรื่องนี้ตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุ แต่เรื่องทุกอย่างมันกลับไม่เป็นความลับเพราะเพื่อนของโสรยาเอาเรื่องนี้ไปพูดในกลุ่มหมอด้วยกันข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วโสรยาทั้งอายและรู้สึกเสียหน้ามากละมีคนรู้เรื่องและหญิงสาวก็ทนอยู่กับสายตาและคำนินทาของคนอื่นไม่ได้สุดท้ายเธอก็เลยลาออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปทำงานที่อเมริกาก่อนเดินทางคุณหมอสาวแวะมาหาเอกอาทิตย์และอัญชิสาที่บ้านเพื่อขอโทษกับเรื่องที่เธอทำขึ้น“กิ๊กขอโทษทั้งพี่ซันและก็อัญนะคะ”“ไม่เป็นไรเรื่องมันผ่านแล้ว แต่พี่หวังว่ากิ๊กจะไปทำแบบนี้กับใครอีกนะ ถ้าทุกอย่างมันไม่ได้เกิดจากความรักมันก็ไม่มีความสุขหรอก” เอกอาทิตย์สอนรุ่นน้อง“กิ๊กอิจฉาอัญนะคะที่มีคนรักดีๆ อย่างพี่ซัน”“หมอกิ๊กเป็นคนสวยและเก่งอัญเชื่อว่าจะต้องได้เจอผู้ชายดีเข้ามาแน่ๆ ค่ะ”“กิ๊กขอพักเรื่องนี้ไปก่อนดีกว่าค่ะ แค่นี้ก็อายจนไม่กล้าจะสู้หน้าใครแล้ว”“พี่ว่าอีกหน่อยคนก็ลืม”“กิ๊กว่
เอกอาทิตย์พลิกให้หญิงสาวอยู่ด้านล่าง ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปดูดซับความหวาน จูบของเขายังคงรุนแรงและเร่าร้อนจนอัญชิสาครางประท้วงเมื่อเริ่มจะขาดอากาศหายใจ“อื้อ.....”คุณหมอหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากปากอิ่มที่เริ่มจะบวมช้ำเพราะแรงจูบที่หนักหน่วง เขาเลื่อนริมฝีปากลากไล้ไปตามลำคอ ก่อนจะดูดแรงจนเป็นรอยแดง สองมือก็กอบกุมความทรวงอกขนาดเหมาะมือบีบขย้ำจนความนุ่มหยุ่นแทบปริ ก่อนจะรวบเม็ดเชอร์รี่เข้าปากดูดแรงสลับสองข้างอย่างไม่เมามันปลายลิ้นสะบัดที่ยอดถันสร้างความเสียวจนอัญชิสาดิ้นพล่าน เธอร้องครางแทบไม่เป็นภาษา ทุกจังหวะที่แก่นกายขยับเข้าออก สะโพกงอนงามก็แอ่นรับทุกแรงกระแทกกระทั้นไปตามอารมณ์ปรารถนา“หมอซันขา.....อัญไม่ไหวแล้ว”หญิงสาวกำลังไปถึงขอบสวรรค์อีกครั้ง ชายหนุ่มเร่งจังหวะตอกอัดจนเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง ร่างบางแอ่นหยัด สองมือครูดไปตามแผ่นหลังเพื่อระบายอารมณ์ เสียงกรีดร้องเรียกชื่อเขาดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมแรงตอดรัดถี่รัวและน้ำหวานไหลอาบไปทั่วท่อนเอ็นเพิ่มความเสียวให้กับเอกอาทิตย์อีกไม่น้อย“อัญ นานหน่อยนะ ผมยังไม่อยากเสร็จ”เอกอาทิตย์บอกความต้องการไปตามตรง เขาไม่อาจยับยั้งความต้องการ
“พี่คิดว่ากิ๊กไม่จำเป็นต้องช่วยพี่เพราะคนที่จะช่วยเรื่องนี้ได้น่าจะเป็นอัญมากกว่า”“อัญเขาจะมาช่วยพี่ได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อเขาอยู่ที่บ้าน”“พี่ว่ากิ๊กเข้าใจผิดแล้วแหละ” ชายหนุ่มพูดแล้วหันไปมองคนรักที่ยืนกอดอกดูแฟนของตัวเองยืนคลอเคลียกับโสรยาอยู่บริเวณหน้าห้อง“กลับมาแล้วเหรอคะหมอซัน”“ครับ”“หมอซันเป็นอะไรคะหมอกิ๊ก” อัญชิสามองคนรักที่หน้าแดงก่ำสีหน้าและแววตาเหมือนคนกำลังทรมานกับอะไรสักอย่าง“กิ๊กก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ถ้ายังไงก็คุยกันเองแล้วกันนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปจากห้องทันทีผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ เอกอาทิตย์รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่ต้องทำยังไงถึงจะหายแต่เขาไม่อยากเอาอารมณ์นั้นมาลงกับอัญชิสา เขาอยากระบายความอัดอั้นออกมาก่อนเพราะกลัวว่าคนรักจะรับไม่ไหวถ้าเขาจะนอนกับเธอตอนนี้อัญชิสามองตามหลังอย่างไม่เข้าใจหญิงสาวไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรแต่ดูแล้วเหมือนจะอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของเขาดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปตามเสียงด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกกว่าคนรักแปลกไปมากเพราะเสื้อผ้าของเขาถอดแล้วทิ้งลงบนพื้นซึ่งไม่ใช่นิสัยของเอกอาทิตย์ยามปกติเลยเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องน
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ในวันนี้มีหมอที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันมาร่วมงานค่อยข้างมาก มีทั้งรุ่นพี่ที่จบมานานและตอนนี้ลาออกมาพักผ่อนอยู่กับบ้านแล้วกับรุ่นน้องที่เพิ่งเรียนจบกลับมา เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ไปทั่วห้องของโรงแรมเอกอาทิตย์นั่งคุยกับเพื่อนสนิทสามคนซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคนที่ภรรยาเปิดร้านรับจัดงานแต่งงาน“ฉันนึกว่าวันนี้นายจะพาว่าที่ภรรยามาเปิดตัวเสียอีกนะซัน”“ตอนแรกก็คิดจะพามาด้วย แต่กลัวอัญจะอึดอัดน่ะ”“ฉันว่าดีแล้วที่นายไม่พาเธอมาด้วย เมียฉันเคยบอกว่าเธอรู้สึกอึดอัดมาก เวลาที่พวกเรารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้แต่ถ้าไปกันเฉพาะเพื่อนกลุ่มของพวกเราเหมือนตอนไปเจอกันที่ภูเก็ตแบบนั้นเธอจะรู้สึกสนุกและสบายใจมากกว่า” เพื่อนสนิทคนหนึ่งพูดขึ้นเอกอาทิตย์นั่งคุยกับเพื่อนจนกระทั่งงานเลี่ยงเลิกพวกเขาสี่คนก็พากันไปนั่งดื่มที่ผับชั้นใต้ดินของโรงแรมและบังเอิญมากที่โสรยากับเพื่อนอีกสองคนก็มาที่นั่นด้วยพวกเธอมากันแค่สามคนเมื่อเห็นหมอรุ่นพี่นั่งอยู่ก่อนแล้วโสรยาและเพื่อนจึงเข้ามาขอนั่งด้วย หญิงสาวพยายามชวนเอกอาทิตย์ให้ดื่มมากกว่าทุกคนจนชายหนุ่มรู้สึกถึงความผิด
เช้านี้โสรยาตื่นนอนเร็วกว่าปกติเพราะจะออกมาทำอาหารเช้าให้กับหมอเอกอาทิตย์ พอออกมาจากห้องนอนก็ส่งยิ้มทักทายเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก“พี่ซันตื่นเช้าจังนะคะ”“กิ๊กก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ”“ก็กิ๊กจะรับมาทำอาหารเช้าให้พี่ซันนี่คะ กิ๊กจำได้ว่าแต่ก่อนพี่ชอบกินขนมปังปิ้งกับไข่ดาวแบบไม่สุก เดี๋ยวกิ๊กจะทำให้นะคะ”“ขอบคุณนะครับที่จำได้ว่าพี่ชอบกินอะไร แต่กิ๊กไม่ต้องทำเผื่อพี่หรอกนะ”“ทำไมล่ะคะ”“พี่ว่าจะไปหาข้าวกินที่โรงพยาบาลน่ะ”“จะไปโรงพยาบาลตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอคะ เช้าไปหรือเปล่า”“ไม่หรอกครับวันนี้พี่ต้องราวน์คนไข้หลายคนน่ะ ขอตัวก่อนนะอัญลงมาพอดีเลย” เขายิ้มให้กับคนรักที่เดินลงมาจากชั้นสองพอดี“รออัญนานไหมคะ”“ไม่นานครับ ไปกันเลยนะ”“ได้ค่ะ”“พี่ซันคะ พี่ไปก่อนแบบนี้กิ๊กจะไปทำงานยังไงคะกิ๊กไม่มีรถนะคะ” โสรยาคิดว่าถ้าเธอไม่มีรถใช้แล้วในทุกวันจะได้ไปทำงานและกลับบ้านพร้อมกับเอกอาทิตย์เธอจึงบอกเขาว่ารถมีปัญหาทั้งที่จริงแล้วเธอให้เพื่อนมาเอารถของตนเองไปใช้“พี่คิดว่าคนเก่งอย่างกิ๊กก็น่าจะหาทางไปทำงานได้นะ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็บอกผักบุ้งเรียกรถให้ก็ได้ พี่ขอตัวไปก่อนนะ” เขาพอจะเดาออกว่า
“อัญเป็นยังไงบ้าง” อังคณารีบเข้ามาทักทายเพื่อนรักเพราะไม่ได้เจอกันมาหลายวัน“อัญสบายดี อุ๋มล่ะหยุดตั้งหลายวันไปเที่ยวไหนมาล่ะ”“กลับบ้านมาจ้ะ”“บ้านที่อุทัยเหรอ”“อือ มีขนมมาฝากด้วยนะ อยู่ในตู้เย็นอุ๋มเขียนชื่อไว้ให้แล้วว่ามีของใครบ้าง”“ขอบใจจ้ะ”“อุ๋มได้ยินมาว่าหมอกิ๊กจากแผนกเด็กขอไปอยู่ที่บ้านหมอซันเหรอ”“รู้ได้ยังไง”“เมื่อกี้อุ๋มไปเอาแฟ้มที่แผนกเด็กมาน่ะ แล้วได้ยินหมอคุยโทรศัพท์กับเพื่อน”“ได้ยินหรือแอบฟังล่ะ” อัญชิสาถามเพื่อนอย่างรู้ทัน“ตอนแรกก็แค่ได้ยินแต่ พอได้ยินชื่อหมอซันก็เลยแอบฟัง”“หมอกิ๊กเธอว่ายังไงบ้าง”“ได้ยินเธอบอกเพื่อนว่าเหลืออีกสี่วันที่จะอยู่บ้านหมอซัน เธอต้องรีบทำให้สำเร็จ แต่อุ๋มไม่เข้าใจความหมายเลย หมอกิ๊กเธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ”แล้วอัญชิสาก็เล่าเรื่องที่หมอโสรยาเคยชอบหมอเอกอาทิตย์มาก่อนให้กับอังคณาฟัง“นั่นไงอุ๋มว่าแล้ว คนเราจะไปขออยู่บ้านคนอื่นได้ยังไงถ้าไม่มีอะไรแอบแฝง พยาบาลที่แผนกเด็กบอกว่าหมอกิ๊กนะชอบหมอซัน มากที่เธอย้ายมาทำงานที่นี่ก็เพราะอยากจะใกล้ชิดกับหมอซันอีกครั้ง อัญต้องระวังดีๆ นะอย่าให้หมอซันกับหมอกิ๊กอยู่ตามลำพังสองคนเด็ดขาด”“เรามองหมอกิ๊กในแง