LOGINบทที่ 4
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
“ลิเกค่ะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่พร้อมกับหัวเราะ และคนถูกหัวเราะก็ต้องหน้างอ
...เวลาคนหล่อหน้างอนี่ก็น่าดูรักไปอีกแบบนะ...
ปริมารีบสลัดความคิดที่เผลอไผลของตัวเองออกไปทันทีที่ตั้งสติได้
“ปากเก่งแบบนี้ น่าจับมาจูบลงโทษซะให้เข็ด” เขายื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ จากริมฝีปากหยักสวยนั้น
“คุณ!” มือบางรีบยกขึ้นผลักเขาออกห่าง
“นี่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ไม่งั้นคุณปริมคนสวยโดนจูบแน่ๆ” รัชภาคย์พูดอย่างคาดโทษทีเล่นทีจริงและหลิ่วตามองคนตรงหน้าอย่างนึกอยากจะจูบเธอขึ้นมาจริงๆ
“อย่ามาหาเรื่องเอาเปรียบซะให้ยาก” หญิงสาวเบ้ปาก สะบัดหน้าหนีเพื่อหลบสายตาวาววามที่จ้องมองมาแทบจะไม่กะพริบ
“เฮ้อ...” รัชภาคย์ได้แต่ถอนหายใจและพยายามระงับความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองในขณะนี้ลงเพราะไม่อยากให้ปริมาตกใจจนเตลิดกลัวเขาไปมากกว่านี้….
“ก็เคยฝันใฝ่และเคยมั่นใจในวันนี้ ว่าคงต้องดีต้องเป็นได้ดังที่ตั้งใจ แต่คนทั้งคนที่เป็นความฝันของหัวใจ กลับมาทิ้งกันไปต้องสูญสิ้นไปหมดทุกอย่าง ปวดใจเหลือเกินแต่คงต้องทนข่มความทรมาน ฉันจะ ต้องก้าวผ่านตราบฉันยังคงหายใจ
แม้ว่าจะต้องเสียความรักไป แม้ว่าจะไม่เหลือใครสักคน มันจะเจ็บจะช้ำกี่หนแต่คนคนนี้ไม่ท้อใจ แม้ว่าในวันนี้มีน้ำตา จะข่มมันให้ไหลอยู่ข้างใน ความฝันนั้นจบไปแต่ยังเหลือตัวฉัน ก็คงสักวันที่ลมฝนมันจะผ่านพ้น จะยอมสู้ทนเพื่อรอพบวันที่สดใส หากมีสักคนสักคนที่ทำให้กันด้วยหัวใจ ถึงนานสักเท่าไหร่แต่ฉันก็ยังเฝ้ารอ”
เพลง: ไม่ยอมหมดหวัง…โดยศิลปิน เจนิเฟอร์ คิ้ม
เสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากหอกระจายเสียงทำให้หวนนึกถึงใครบางคนอีกครั้ง ปริมานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เพลงจบลงพร้อมๆ กับน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาจากขอบตาด้วยความเศร้าสร้อยซึ่งเป็นผลมาจากเนื้อหาของเพลงๆ นั้น
ก๊อก ก๊อก...
หากแต่เสียงเคาะประตูจากข้างนอกดังขึ้นทำให้หญิงสาวต้องรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาและกลบเกลื่อนร่องรอยของความเศร้าออกจากดวงหน้าไปอย่างรวดเร็ว
รัชภาคย์เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าปริมาพร้อมกับอวดยิ้มที่ทำให้ใจของปริมากระตุกได้เช่นทุกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเหมือนต้องมนตร์สะกดเสมอยามเมื่อเผลอจ้องหน้าหล่อเหลาของเขา
“เป็นอะไรไปครับปริม ตกใจมากขนาดนั้นเลยเหรอที่เจอผม” เสียงทุ้มลึกอ่อนโยนนั้นปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์
“ก็นิดหน่อยค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะมาเช้าขนาดนี้”
“คิดถึงนี่ครับเลยต้องรีบมา”
ตาคมกริบที่มองมานั้นราวกับจะล้วงลึกลงไปให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจดวงน้อย ปริมาต้องเป็นฝ่ายเมินหลบประกายกล้าของสายตาคู่นั้น
รัชภาคย์รู้สึกพอใจเมื่อเห็นจุดสีแดงแต้มขึ้นบนแก้มนวลใสของเธอ “สาวขี้อาย” เขาแอบตั้งฉายาให้ในใจก่อนจะหลุบสายตาลงไปมองที่ริมฝีปากเย้ายวนบางเบาของเธอ แล้วนึกอยากจะลิ้มลองรสชาติความหวานขึ้นมาในทันทีทันใด
“มองอะไรคะ” ปริมารู้สึกแปลกๆ เมื่อเขาเอาแต่จ้องหน้าเธอแล้วก็เงียบไป
“น่าจูบ” เสียงทุ้มหลุดออกมาราวกับละเมอ
“อะไรนะคะ”
“ผมพูดคิดดังเกินไปหรือครับ” รัชภาคย์ยิ้มเขินๆ
“ท่าจะนอนไม่พอมั้งคะ เลยละเมอ” ปริมาขมวดคิ้วมุ่น
“ครับกำลังละเมอถึงนางฟ้าในฝัน” เขายอมรับพร้อมกับจ้องตาคู่สวยอย่างสื่อความหมาย ว่านางในฝันที่เขาหมายถึงก็คือเธอ
...ผู้ชายอะไรจีบได้ทุกประโยคที่พูดสิน่า... หญิงสาวแอบคิดในใจ ...แต่ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามแผนของเธอไม่ใช่เหรอมันคงจะดีมากกว่านี้หากตัวเองจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับท่าทางอ่อนโยนและอบอุ่นของเขา...
“คุณไม่ต้องทำงานเหรอคะถึงมาหาปริมได้ทุกวัน”
“ทำครับ แต่หัวใจมันเรียกร้องให้มาที่นี่ก่อน” เขาอ้อนทั้งปากทั้งตา
“ปริมดีขึ้นแล้วนะคะ” ปริมาก้มหน้าแล้วพูดเบาๆ อย่างขัดเขินขึ้นมาจริงๆ
“แต่ผมก็ยังเป็นห่วงและคิดถึงปริมเหมือนเดิมนี่ครับ”
“เราเพิ่งรู้จักกันได้กี่วันคะ แล้วคุณพูดแบบนี้กับปริมมากี่ครั้งแล้ว” เธอถามเขาอย่างลองใจ
“กี่วันผมไม่เคยอยากจะนับ รู้แต่ว่าทุกนาทีมีความหมายตั้งแต่ได้พบกับปริม”
“คุณ!” ปริมาอุทานอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินรัชภาคย์พูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ลึกๆ ก็รู้สึกพอใจที่เขาตกหลุมพรางของเธออย่างง่ายดายและเร็วกว่าที่คิดเอาไว้แต่แรก
“ผมไม่เคยจริงจังอะไรเท่านี้นะครับปริม”
“อย่าเลยค่ะ ปริมกลัวสาวๆ ของคุณจะมาแหกอกเอา” เธออดที่จะแขวะคนช่างหยอดคำหวานไม่ได้
“ผมยังไม่มีแฟนครับ และไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน” ชายหนุ่มรีบอธิบายอย่างอ่อนใจเพราะท่าทางของปริมาไม่คิดจะเชื่อเขาเอาเสียเลย
“ปริมไม่อยากจะเชื่อ”
“เชื่อเถอะครับ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณ ผมก็รู้สึกว่าผมเจอคนที่ผมรอคอยแล้ว” รัชภาคย์พูดอย่างจริงจังอีกครั้ง
“ปริมว่าคุณน่าจะไปเป็นนักเขียนนะคะ ชอบพูดอะไรเป็นนิยายอยู่เรื่อย” เธอหัวเราะทุกคำพูดของเขาราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขันทำเอารัชภาคย์เงียบไปได้ชั่วขณะ สีหน้าที่เคยแฝงเอาไว้ด้วยความอบอุ่นและอารมณ์ดี ตอนนี้เริ่มบึ้งตึงจนปริมารู้สึกได้ทันทีว่าเธอคงจะพูดอะไรผิดไป
บทที่ 5“ปริมขอโทษค่ะ”“ถ้าเป็นคนอื่น ผมจะไม่ยกโทษให้ที่เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นเรื่องตลกแบบนี้” น้ำเสียงนั้นฟังดูเคร่งเครียดไม่มีแววขี้เล่นแฝงอยู่เหมือนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ปริมาหน้าเจื่อนไปทันทีเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันแบบนี้“โธ่...ก็มันเร็วขนาดนี้ ปริมจะไปเชื่อได้ยังไงล่ะคะ”“ผมยังไม่ได้ขอให้ปริมเชื่อผมในวันนี้นะครับ แต่ผมจะพิสูจน์ให้ปริมเห็นว่าทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง”“โดยที่คุณไม่คิดจะถามปริมอย่างนั้นเหรอคะว่าปริมต้องการหรือเปล่า”“ไม่ถามครับ เพราะไม่ว่าคำตอบของปริมจะเป็นอย่างไร ผมก็จะไม่ยอมแพ้”“แล้วถ้าปริมมีใครอยู่แล้วล่ะคะ คุณจะยอมแพ้หรือเปล่า”คำถามนั้นทำเอารัชภาคย์อึ้งไป ใช่สินะทำไมเขาไม่ทันได้ฉุกคิดเรื่องนี้เลย ผู้หญิงที่สวยและน่ารัก น่าทะนุถนอมอย่างปริมาถ้าจะมีใครเป็นเจ้าของหัวใจอยู่แล้วก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกเลย“ผมขอโทษ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็จะเลิกตอแยคุณ”“ปริมบอกว่า ‘ถ้า’ นะคะ” เธอเน้นคำนั้น และประโยคของเธอก็ทำให้รัชภาคย์ยิ้มออกได้อีกครั้ง“ฝากไว้ก่อนเถอะ...” เขาคาดโทษด้วยน้ำเสียงและแววตา“ไม่รับฝากค่ะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนรัชภาคย์ชอบรอยยิ้มนั
บทที่ 4เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น“ลิเกค่ะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่พร้อมกับหัวเราะ และคนถูกหัวเราะก็ต้องหน้างอ...เวลาคนหล่อหน้างอนี่ก็น่าดูรักไปอีกแบบนะ...ปริมารีบสลัดความคิดที่เผลอไผลของตัวเองออกไปทันทีที่ตั้งสติได้“ปากเก่งแบบนี้ น่าจับมาจูบลงโทษซะให้เข็ด” เขายื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ จากริมฝีปากหยักสวยนั้น“คุณ!” มือบางรีบยกขึ้นผลักเขาออกห่าง“นี่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ไม่งั้นคุณปริมคนสวยโดนจูบแน่ๆ” รัชภาคย์พูดอย่างคาดโทษทีเล่นทีจริงและหลิ่วตามองคนตรงหน้าอย่างนึกอยากจะจูบเธอขึ้นมาจริงๆ“อย่ามาหาเรื่องเอาเปรียบซะให้ยาก” หญิงสาวเบ้ปาก สะบัดหน้าหนีเพื่อหลบสายตาวาววามที่จ้องมองมาแทบจะไม่กะพริบ“เฮ้อ...” รัชภาคย์ได้แต่ถอนหายใจและพยายามระงับความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองในขณะนี้ลงเพราะไม่อยากให้ปริมาตกใจจนเตลิดกลัวเขาไปมากกว่านี้….“ก็เคยฝันใฝ่และเคยมั่นใจในวันนี้ ว่าคงต้องดีต้องเป็นได้ดังที่ตั้งใจ แต่คนทั้งคนที่เป็นความฝันของหัวใจ กลับมาทิ้งกันไปต้องสูญสิ้นไปหมดทุกอย่าง ปวดใจเหลือเกินแต่คงต้องทนข่มความทรมาน ฉันจะ ต้องก้าวผ่านตราบฉันยังคงหายใจ แม้ว่าจะต้องเ
บทที่ 3“ปริมสนใจอยากใช้นามสกุลนี้บ้างไหมล่ะครับ” เขาเรียกอย่างสนิทสนมและถามอย่างสัพยอก อะไรบางอย่างบอกเขาในนาทีนั้นว่าได้ตกหลุมรักเธอคนนี้เข้าแล้ว‘รักแรกพบ’ รัชภาคย์บอกตัวเองก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา ในขณะที่ปริมาตอบคำถามนั้นของเขาอยู่ในใจ...ทำไมเธอจะไม่อยากให้นามสกุลนี้ แต่เป็นกับอีกคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันจะหวนกลับมาหาเธอแล้ว... แววตาเธอหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อหวนคิดมาถึงเรื่องนี้ รัชภาคย์สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นทันทีและไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดจึงทำให้ปริมามีอาการเช่นนี้“อาการคุณเหมือนคุณที่เพิ่งอกหัก” เขาพูดตามที่ตัวเองรู้สึกและจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยราวกับจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในนั้น“อกหักอะไรกันคะ” ปริมาแสร้งยิ้ม แพขนตาคู่สวยกะพริบปริบๆ เพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ“แล้วโกรธผมหรือเปล่าที่บอกว่าอยากให้ปริมาใช้นามสกุลด้วย”“คนเจ้าชู้ก็อย่างนี้แหละค่ะ” จมูกเรียวย่นใส่“เปล่านะครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”ปริมาแอบยิ้มในใจกับคำตอบนั้น “นี่เราเพิ่งรู้จักกันได้สองวันเองนะคะ”“ปริมเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือเปล่า”หญิงสาวส่ายหัวน้อยแทนคำตอบว่าไม่เชื่อ“ถ้าอย่างนั้นผมจะพิสูจน์ใ
บทที่ 2ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เตียงที่เธอนอนอยู่ รัศมีบางอย่างในตัวเขาทำให้ปริมารู้สึกหวิวๆ แปลกๆ แต่รัชภาคย์กลับรู้สึกพอใจเมื่อมองเห็นแววตาตื่นกลัวราวกับลูกกวางน้อยหลงฝูงของเธอ จนเขาต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาซึ่งยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมนั้นหล่อเหลาขึ้นเป็นทวีคูณ“ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ยังมึนๆ ค่ะ” ปริมาบอกอย่างพยายามรวบรวมสติไม่ให้จดจ่ออยู่ที่เขามากจนเกินไป“ผมดีใจนะที่คุณไม่เป็นอะไรมาก แต่หมอบอกว่าคุณต้องนอนโรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”“สามวันเลยเหรอ” หญิงสาวพูดแผ่วเบาเหมือนน้ำเสียงบ่นของเด็กขี้งอแง“ครับ” ชายหนุ่มอมยิ้ม นัยน์ตาคมไหวระริกอย่างอดนึกขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกเห็นและพอได้คุยด้วยก็ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกและก่อนที่ปริมาจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำให้การพูดคุยของทั้งสองคนต้องหยุดชะงักไป ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นก็คือแม่พิมและพ่อทองซึ่งเป็นพ่อและแม่ของปริมานั่นเอง ทั้งสองคนตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกสาวถูกรถชนจึงต้องรีบขับรถจากต่างอำเภอเข้ามาดูอาการของ ปริมาท
บทที่ 1สายลมเอื่อยๆ ที่พัดพลิ้วหวิวไหวมากระทบกับต้นหูกวางต้นใหญ่ซึ่งสูงตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมถนนเป็นระยะๆ พอจะช่วยทำให้ความร้อนอบอ้าวในยามบ่ายแก่ๆ ผ่อนคลายลงได้บ้าง เมื่อมองไปยังสวนหย่อมที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ก็เห็นลำน้ำพุพุ่งทะยานขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง สายน้ำแตกกระเซ็นให้ความชุ่มชื้นกับต้นหญ้าเล็กๆ อยู่รอบๆ จนดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุซึ่งกำลังสาดส่องลงบนพื้นถนนจนทำให้สายตาคู่สวยดุจประกายเพชรต้องหรี่มองพร้อมบังยกมือป้องแสงที่หน้าผากอย่างใจจดใจจ่อเนื่องด้วยกำลังรอคอยอะไรบางอย่างรถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตเอสแอลเครุ่นใหม่ล่าสุดบ่งบอกถึงฐานะและรสนิยมของผู้ขับได้เป็นอย่างดีกำลังแล่นใกล้เข้ามายังบริเวณสี่แยกไฟแดง รถคันดังกล่าวก็ชะลอความเร็วลงเมื่อสัญญาณไฟจราจรสีแดงสว่างวาบขึ้น ‘รัชภาคย์ รักเกียรติธนาคุณ’ หนุ่มหล่อวัยสามสิบปี แตะเบรกอย่างคล่องแคล่วและหยุดรถหลังเส้นสีขาวก่อนจะถึงทางม้าลายเพื่อให้คนเดินข้ามถนน อีกงสองนาทีต่อมามือหนาก็เลื่อนไปเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติเพื่อเตรียมออกรถเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทันใดนั้น!! เท้าที่กำลังแตะคันเร่งก็เปลี่ยนมากระทืบเบรกแท







