LOGINบทที่ 3
“ปริมสนใจอยากใช้นามสกุลนี้บ้างไหมล่ะครับ” เขาเรียกอย่างสนิทสนมและถามอย่างสัพยอก อะไรบางอย่างบอกเขาในนาทีนั้นว่าได้ตกหลุมรักเธอคนนี้เข้าแล้ว
‘รักแรกพบ’ รัชภาคย์บอกตัวเองก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา ในขณะที่ปริมาตอบคำถามนั้นของเขาอยู่ในใจ
...ทำไมเธอจะไม่อยากให้นามสกุลนี้ แต่เป็นกับอีกคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันจะหวนกลับมาหาเธอแล้ว...
แววตาเธอหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อหวนคิดมาถึงเรื่องนี้ รัชภาคย์สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นทันทีและไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดจึงทำให้ปริมามีอาการเช่นนี้
“อาการคุณเหมือนคุณที่เพิ่งอกหัก” เขาพูดตามที่ตัวเองรู้สึกและจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยราวกับจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในนั้น
“อกหักอะไรกันคะ” ปริมาแสร้งยิ้ม แพขนตาคู่สวยกะพริบปริบๆ เพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ
“แล้วโกรธผมหรือเปล่าที่บอกว่าอยากให้ปริมาใช้นามสกุลด้วย”
“คนเจ้าชู้ก็อย่างนี้แหละค่ะ” จมูกเรียวย่นใส่
“เปล่านะครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”
ปริมาแอบยิ้มในใจกับคำตอบนั้น “นี่เราเพิ่งรู้จักกันได้สองวันเองนะคะ”
“ปริมเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือเปล่า”
หญิงสาวส่ายหัวน้อยแทนคำตอบว่าไม่เชื่อ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะพิสูจน์ให้ปริมเห็นเองว่าเรื่องนี้มีอยู่จริงและหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก”
“แน๊ะ...” เธอขมวดคิ้วมุ่นแล้วหัวเราะ
ทำไมเรื่องมันง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรกซะอีก รัชภาคย์ตกหลุมพรางอย่างรวดเร็วจนเธอเองก็ตั้งตัวไม่ติด หญิงสาวรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีเมื่อมองใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของเขา จนเธอเองนึกอยากจะหลบหลีกให้พ้นจากสถานการณ์อันชวนใจอ่อนนี้สักพัก
“จะลุกไปไหนครับปริม” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างบางทำท่าจะลุก
“ปริมจะไปห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวบอก เขาจึงรีบเข้ามาช่วยประคอง
มือใหญ่สอดเข้าไปที่เอวคอด ทันทีที่ถูกเขาสัมผัสบริเวณนั้นร่างกายก็เกิดอาการปวดร้าวคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงส่งผ่านมากับมือข้างนั้น แล้วแผ่ซ่านไปยังบริเวณท้องน้อย จนเกิดอาการขมวดเกร็งจน แขนขาอ่อนแรง
ปริมากลั้นหายใจ ดวงตากลมแป๋วสบกับตาคมเข้มชั่วขณะ ริมฝีปากหยักของเขาและลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดไปทั่วดวงหน้าสวยหวานของเธอก่อให้เกิดความรัญจวนใจอย่างประหลาด ชีพจรเต้นระรัวจนแทบจะเป็นบ้าคลั่ง ร่างบางสั่นระริก ปฏิกิริยาทั้งหมดเหล่านั้นทำเอาหญิงสาวอ่อนเปลี้ย หมดเรี่ยวแรงไปดื้อๆ
รัชภาคย์รวบร่างนั้นเข้ามากอดไว้ เมื่อเห็นปริมาทำท่าราวกับกำลังจะล้มลงไป ดวงตาสองดวงสบตากันในระยะใกล้ชิดเป็นครั้งแรก นัยน์ตาของเขาช่างวาววับทำให้โลหิตของปริมาฉีดขึ้นหน้า หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“คุณเป็นอะไรครับ” เขาพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงหญิงสาวตรงหน้า น้ำเสียงเขาช่างฟังทุ้มหูเหลือเกิน ปริมารู้สึกกลัวใจตัวเองขึ้นมาทันที นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเขายังมีอิทธิพลกับหัวใจดวงเล็กๆ มากขนาดนี้ แล้วต่อไปเธอจะทนใจแข็งได้สักแค่ไหน ‘ต้องได้สิปริมา’ หญิงสาวย้ำเตือนกับตัวเอง
“ปริมรู้สึกหน้ามืดค่ะ” เสียงหวานเอ่ยแก้เก้อพร้อมกับร่างที่ยืนโงนเงน
“งั้นเดินช้าๆ นะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างเป็นห่วงแล้วค่อยๆ ประคองเธอพาเดินไปยังประตูห้องน้ำก่อนจะยืนรออยู่ตรงนั้น
ปริมาเข้าไปในห้องน้ำและมองดูตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ ใบหน้าของเธอยามนี้มีสีแดงเรื่อๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นชัดเชน
...นี่เธอกำลังหน้าแดงอย่างนั้นหรือ!?...
ปริมาถามตัวเอง รัชภาคย์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย ยิ่งใกล้เขาก็ยิ่งอันตราย เธอจะต้านทานเขาได้มากสักแค่ไหนนะ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากใช้เวลาอยู่ในนั้นนานกว่าสิบนาที รัชภาคย์ยังยืนรออยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ทัน และโดยที่ปริมาไม่ทันตั้งตัว เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นไว้ในวงแขน
“คุณจะทำอะไร!” ปริมาตกใจเมื่อถูกเขาประชิดตัวแบบนั้น
“ขอโทษนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้ปริมเดิน” เขาอธิบายพร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่น ปริมาตัวแข็งทื่อไปอีกครั้งกับท่าทางที่เขาแสดงออกอย่างสนิทสนมคล้ายกับเป็นคู่รักกัน หน้าอกกว้างของเขาช่างกลัดแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามให้โลหิตสูบฉีดแรงไปทั่วร่างแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจนนึกอยากจะซบใบหน้าลงบนหน้าอกนั้น...
รัชภาคย์พาเธอมาวางลงที่เตียงคนป่วยอย่างเบามือ ราวกับกลัวเธอจะแตกหัก พลางหลุบตาลงมองริมฝีปากบางรูปกระจับที่ยวนตายวนใจอย่างเผลอไผลอยู่ชั่วขณะ เขาต้องใช้กำลังใจอย่างมากในการหักห้ามความต้องการของตัวเองไม่ให้ก้มลงประทับจูบและตักตวงเอาความหวานที่ใกล้แค่เอื้อม
ทันทีที่ร่างสูงถอยห่าง ปริมาก็ลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งออกเมื่อเหตุการณ์น่าระทึกใจระหว่างเขาและเธอจบลง
“ปริมโกรธผมเหรอครับ”เขาถามเมื่อเห็นเธอเงียบไป
“ปะ...เปล่าค่ะ” ถึงปากจะตอบเขาออกไปแต่ก็ยังดูเลื่อนลอย
“ผมขอโทษนะ ผมก็แค่เป็นห่วงปริม” รัชภาคย์พูดเสียงทุ้มน้ำเสียงอบอุ่น
“คุณนี่ท่าจะคล่องเรื่องจีบผู้หญิงนะคะ” ปริมาเหน็บแนม
“แสดงว่าปริมรู้ว่าผมกำลังจีบคุณอยู่...” ปากพูด แต่ตากลับจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของเธอ นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นราวกับมีพลังดึงดูดมหาศาล หัวใจของปริมาเต้นผิดจังหวะอีกครั้งเมื่อต้องเผชิญกับสายตาวาววามวิบวับทอประกายบ่งบอกความรู้สึกที่หลากหลายของเขา
“พูดอย่างนี้กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าคะ”
“พูดกับปริมเป็นคนแรก” เขาตอบได้อย่างไม่ต้องคิดมาก
“ปริมจะพยายามเชื่อค่ะ” เธอปรายหางตามองเขา “ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อเลยสักนิดก็ตาม”
“โธ่ปริมครับ ใจคอจะไม่ยอมเชื่ออะไรผมเลยเหรอ” เขาแสร้งโวยวายประท้วงออกอาการงอนๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ แต่ก็ทำให้ปริมายิ้มได้
“อย่าลืมว่าเราเพิ่งรู้จักกันนะคะ”
“ย้ำจังนะครับ แล้วสักวันผมจะทำให้ปริมเชื่อใจผมให้ได้”
บทที่ 5“ปริมขอโทษค่ะ”“ถ้าเป็นคนอื่น ผมจะไม่ยกโทษให้ที่เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นเรื่องตลกแบบนี้” น้ำเสียงนั้นฟังดูเคร่งเครียดไม่มีแววขี้เล่นแฝงอยู่เหมือนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ปริมาหน้าเจื่อนไปทันทีเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันแบบนี้“โธ่...ก็มันเร็วขนาดนี้ ปริมจะไปเชื่อได้ยังไงล่ะคะ”“ผมยังไม่ได้ขอให้ปริมเชื่อผมในวันนี้นะครับ แต่ผมจะพิสูจน์ให้ปริมเห็นว่าทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง”“โดยที่คุณไม่คิดจะถามปริมอย่างนั้นเหรอคะว่าปริมต้องการหรือเปล่า”“ไม่ถามครับ เพราะไม่ว่าคำตอบของปริมจะเป็นอย่างไร ผมก็จะไม่ยอมแพ้”“แล้วถ้าปริมมีใครอยู่แล้วล่ะคะ คุณจะยอมแพ้หรือเปล่า”คำถามนั้นทำเอารัชภาคย์อึ้งไป ใช่สินะทำไมเขาไม่ทันได้ฉุกคิดเรื่องนี้เลย ผู้หญิงที่สวยและน่ารัก น่าทะนุถนอมอย่างปริมาถ้าจะมีใครเป็นเจ้าของหัวใจอยู่แล้วก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกเลย“ผมขอโทษ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็จะเลิกตอแยคุณ”“ปริมบอกว่า ‘ถ้า’ นะคะ” เธอเน้นคำนั้น และประโยคของเธอก็ทำให้รัชภาคย์ยิ้มออกได้อีกครั้ง“ฝากไว้ก่อนเถอะ...” เขาคาดโทษด้วยน้ำเสียงและแววตา“ไม่รับฝากค่ะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนรัชภาคย์ชอบรอยยิ้มนั
บทที่ 4เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น“ลิเกค่ะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่พร้อมกับหัวเราะ และคนถูกหัวเราะก็ต้องหน้างอ...เวลาคนหล่อหน้างอนี่ก็น่าดูรักไปอีกแบบนะ...ปริมารีบสลัดความคิดที่เผลอไผลของตัวเองออกไปทันทีที่ตั้งสติได้“ปากเก่งแบบนี้ น่าจับมาจูบลงโทษซะให้เข็ด” เขายื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ จากริมฝีปากหยักสวยนั้น“คุณ!” มือบางรีบยกขึ้นผลักเขาออกห่าง“นี่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ไม่งั้นคุณปริมคนสวยโดนจูบแน่ๆ” รัชภาคย์พูดอย่างคาดโทษทีเล่นทีจริงและหลิ่วตามองคนตรงหน้าอย่างนึกอยากจะจูบเธอขึ้นมาจริงๆ“อย่ามาหาเรื่องเอาเปรียบซะให้ยาก” หญิงสาวเบ้ปาก สะบัดหน้าหนีเพื่อหลบสายตาวาววามที่จ้องมองมาแทบจะไม่กะพริบ“เฮ้อ...” รัชภาคย์ได้แต่ถอนหายใจและพยายามระงับความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองในขณะนี้ลงเพราะไม่อยากให้ปริมาตกใจจนเตลิดกลัวเขาไปมากกว่านี้….“ก็เคยฝันใฝ่และเคยมั่นใจในวันนี้ ว่าคงต้องดีต้องเป็นได้ดังที่ตั้งใจ แต่คนทั้งคนที่เป็นความฝันของหัวใจ กลับมาทิ้งกันไปต้องสูญสิ้นไปหมดทุกอย่าง ปวดใจเหลือเกินแต่คงต้องทนข่มความทรมาน ฉันจะ ต้องก้าวผ่านตราบฉันยังคงหายใจ แม้ว่าจะต้องเ
บทที่ 3“ปริมสนใจอยากใช้นามสกุลนี้บ้างไหมล่ะครับ” เขาเรียกอย่างสนิทสนมและถามอย่างสัพยอก อะไรบางอย่างบอกเขาในนาทีนั้นว่าได้ตกหลุมรักเธอคนนี้เข้าแล้ว‘รักแรกพบ’ รัชภาคย์บอกตัวเองก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา ในขณะที่ปริมาตอบคำถามนั้นของเขาอยู่ในใจ...ทำไมเธอจะไม่อยากให้นามสกุลนี้ แต่เป็นกับอีกคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันจะหวนกลับมาหาเธอแล้ว... แววตาเธอหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อหวนคิดมาถึงเรื่องนี้ รัชภาคย์สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นทันทีและไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดจึงทำให้ปริมามีอาการเช่นนี้“อาการคุณเหมือนคุณที่เพิ่งอกหัก” เขาพูดตามที่ตัวเองรู้สึกและจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยราวกับจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในนั้น“อกหักอะไรกันคะ” ปริมาแสร้งยิ้ม แพขนตาคู่สวยกะพริบปริบๆ เพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ“แล้วโกรธผมหรือเปล่าที่บอกว่าอยากให้ปริมาใช้นามสกุลด้วย”“คนเจ้าชู้ก็อย่างนี้แหละค่ะ” จมูกเรียวย่นใส่“เปล่านะครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”ปริมาแอบยิ้มในใจกับคำตอบนั้น “นี่เราเพิ่งรู้จักกันได้สองวันเองนะคะ”“ปริมเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือเปล่า”หญิงสาวส่ายหัวน้อยแทนคำตอบว่าไม่เชื่อ“ถ้าอย่างนั้นผมจะพิสูจน์ใ
บทที่ 2ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เตียงที่เธอนอนอยู่ รัศมีบางอย่างในตัวเขาทำให้ปริมารู้สึกหวิวๆ แปลกๆ แต่รัชภาคย์กลับรู้สึกพอใจเมื่อมองเห็นแววตาตื่นกลัวราวกับลูกกวางน้อยหลงฝูงของเธอ จนเขาต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาซึ่งยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมนั้นหล่อเหลาขึ้นเป็นทวีคูณ“ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ยังมึนๆ ค่ะ” ปริมาบอกอย่างพยายามรวบรวมสติไม่ให้จดจ่ออยู่ที่เขามากจนเกินไป“ผมดีใจนะที่คุณไม่เป็นอะไรมาก แต่หมอบอกว่าคุณต้องนอนโรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”“สามวันเลยเหรอ” หญิงสาวพูดแผ่วเบาเหมือนน้ำเสียงบ่นของเด็กขี้งอแง“ครับ” ชายหนุ่มอมยิ้ม นัยน์ตาคมไหวระริกอย่างอดนึกขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกเห็นและพอได้คุยด้วยก็ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกและก่อนที่ปริมาจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำให้การพูดคุยของทั้งสองคนต้องหยุดชะงักไป ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นก็คือแม่พิมและพ่อทองซึ่งเป็นพ่อและแม่ของปริมานั่นเอง ทั้งสองคนตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกสาวถูกรถชนจึงต้องรีบขับรถจากต่างอำเภอเข้ามาดูอาการของ ปริมาท
บทที่ 1สายลมเอื่อยๆ ที่พัดพลิ้วหวิวไหวมากระทบกับต้นหูกวางต้นใหญ่ซึ่งสูงตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมถนนเป็นระยะๆ พอจะช่วยทำให้ความร้อนอบอ้าวในยามบ่ายแก่ๆ ผ่อนคลายลงได้บ้าง เมื่อมองไปยังสวนหย่อมที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ก็เห็นลำน้ำพุพุ่งทะยานขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง สายน้ำแตกกระเซ็นให้ความชุ่มชื้นกับต้นหญ้าเล็กๆ อยู่รอบๆ จนดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุซึ่งกำลังสาดส่องลงบนพื้นถนนจนทำให้สายตาคู่สวยดุจประกายเพชรต้องหรี่มองพร้อมบังยกมือป้องแสงที่หน้าผากอย่างใจจดใจจ่อเนื่องด้วยกำลังรอคอยอะไรบางอย่างรถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตเอสแอลเครุ่นใหม่ล่าสุดบ่งบอกถึงฐานะและรสนิยมของผู้ขับได้เป็นอย่างดีกำลังแล่นใกล้เข้ามายังบริเวณสี่แยกไฟแดง รถคันดังกล่าวก็ชะลอความเร็วลงเมื่อสัญญาณไฟจราจรสีแดงสว่างวาบขึ้น ‘รัชภาคย์ รักเกียรติธนาคุณ’ หนุ่มหล่อวัยสามสิบปี แตะเบรกอย่างคล่องแคล่วและหยุดรถหลังเส้นสีขาวก่อนจะถึงทางม้าลายเพื่อให้คนเดินข้ามถนน อีกงสองนาทีต่อมามือหนาก็เลื่อนไปเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติเพื่อเตรียมออกรถเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทันใดนั้น!! เท้าที่กำลังแตะคันเร่งก็เปลี่ยนมากระทืบเบรกแท







