เขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าอายุอ่อนกว่าเขาหลายปีแน่นอน แต่เพราะยังไม่คุ้นเคยและเพิ่งคุยกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกจึงไม่กล้าแทนตัวเองว่าพี่ อีกทั้งหากเจ้าตัวสวนกลับมาว่าไม่ต้องการนับญาติด้วย เขาไม่หน้าแตกหรอกหรือ
"ลินค่ะ" เธอตอบเสียงห้วนพลางตวัดตามองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาเขาอดยิ้มไม่ได้ ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้เล่นตัวไม่น้อย แต่จะว่าไปเธอก็มีดีให้เล่นตัวไม่ว่าจะหน้าตาที่สวยบาดใจ รวมไปถึงรูปร่างสูงโปร่งได้สัดส่วน
แต่ปกเกล้าก็คือปกเกล้า ผู้ซึ่งมีชั่วโมงบินสูงในเรื่องหญิงสาว ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่เขาไม่เคยเจอ ต่อให้เล่นตัวหรือหยิ่งยิ่งกว่านี้เขาก็ปราบมาหมดแล้ว
"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ค่อยยินดีเท่าไร วันไหนถ้าสนใจอยากลองแข่งรถยนต์บ้างก็บอกผมได้นะครับ ผมจะได้ลงสนามด้วย"
"คุณแข่งรถยนต์หรือคะ" ในที่สุดหญิงสาวก็เป็นฝ่ายถามเขาบ้าง ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะร่าอยู่ในใจ เขามั่นใจว่าวันนี้เขาต้องได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแน่นอน
"ก็แข่งบ้างครับ แต่ก็เหมือนคุณนั่นแหละคือแข่งเป็นงานอดิเรกมากกว่า ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ เผอิญว่าผมทำงานอยู่แถวนี้ก็เลยได้ลงสนามบ้างเป็นบางครั้ง แล้วคุณล่ะ ทำงานอยู่แถวนี้หรือว่าอยู่กรุงเทพฯ"
"อยู่กรุงเทพฯ ค่ะ"
"อ้อ นึกว่าทำงานแถวนี้ งั้นไม่เป็นไรครับ เอาอย่างนี้ละกัน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าผมอยากขอเบอร์หรือไลน์คุณไว้หน่อย เผื่อคราวหน้าถ้าคุณมาบุรีรัมย์ หรือว่าสนใจอยากลองแข่งรถยนต์ดูบ้างก็ติดต่อผมได้ หรือไม่ก็แค่นัดเจอกินข้าวกันสักมื้ออะไรแบบนั้น"
เมื่อเขาพูดจบก็เห็นเธอยิ้มพลางหันหน้าไปทางอื่น หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นมาทันทีด้วยความคาดหวังและรอคอย จากนั้นหญิงสาวก็หันกลับมามองเขาอีกครั้งแล้วบอกว่า
"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ชอบให้เบอร์กับคนแปลกหน้า" พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบหนังสือและเบียร์กระป๋องมาถือไว้ในมือตามเดิมแล้วเดินมาทางเขา ก่อนจะหยุดยืนห่างออกไปประมาณสองช่วงแขนพลางเอียงคอมองเขาทั้งรอยยิ้ม สีหน้าแววตาราวกับต้องการบอกว่าเธอรู้ทันเขา
"คุณคะ หางโผล่แล้วค่ะ" พูดจบเธอก็ยักคิ้วให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปจากนั้นก็ปิดประตูไว้ตามเดิม ทิ้งให้เขาได้แต่ยืนกอดอกมองตามเธอไปจนกระทั่งเห็นแต่ประตูห้อง ไม่เห็นตัวคนแล้ว
"หึ!" ชายหนุ่มแค่นหัวเราะให้ตัวเองพลางส่ายหน้าช้า ๆ อุตส่าห์จงใจไม่รุกจีบแบบโจ่งแจ้ง แต่อาศัยพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนแล้วค่อยขอเบอร์โทรศัพท์ ตามหลักแล้วหญิงสาวส่วนใหญ่มักจะให้เบอร์มา ไม่ว่าจะด้วยความพอใจหรือเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธ แต่อย่างไรเสียเขาก็ถือว่าได้เบอร์โทรศัพท์มาแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าหล่อนจะปฏิเสธเขาอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าหากได้มาง่าย ๆ ก็หมดสนุกไวเท่านั้น เขายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะตะล่อมหญิงสาวคนนี้ให้ยอมศิโรราบอยู่ใต้อาณัติเขา
...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย ลินดา
ในช่วงใกล้ค่ำ ยูมิ สาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นเพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นหุ้นส่วนเกสต์เฮ้าส์ของอลินดาก็มาถึง ยูมิจัดเป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ใบหน้าดูน่ารักอ่อนหวานอย่างสาวแดนอาทิตย์อุทัยที่มองแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน หากมองข้ามรอยสักรูปเกอิชาขนาดใหญ่ที่คลุมเต็มแผ่นหลัง
ยูมิเคาะประตูห้องพักที่อลินดาอยู่สองสามครั้งก่อนจะไขกุญแจเปิดเข้าไปเองโดยไม่รอให้คนที่อยู่ในห้องมาเปิดให้เพราะตนก็มีกุญแจเช่นกัน อีกทั้งห้องพักห้องนี้ก็เป็นห้องของพวกตนซึ่งเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้อยู่แล้ว บางครั้งที่ยูมิมาที่นี่แต่อลินดาไม่ได้มาด้วย ยูมิก็พักอยู่ห้องนี้เช่นกัน
"ทำไมมาช้า นึกว่าจะมาถึงตั้งแต่หกโมงแล้วซะอีก" อลินดาเปิดปากพูดทันทีเมื่อเห็นเพื่อนก้าวขาเข้าไปในห้อง
"แวะไปกินข้าวร้านไอ้อู๋มา" ยูมิตอบพลางหย่อนตัวนั่งที่ริมเตียงนอนแล้วทิ้งตัวนอนไปบนนั้นก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า
"โคตรเมื่อยเลย ขับรถจากกรุงเทพฯ มาบุรีรัมย์แค่ไม่กี่กิโล น่าเบื่อชะมัดเป็นผู้หญิงนี่แม่งไม่มีอะไรดีสักอย่าง"
อลินดาเหลือบมองเพื่อนสาวแล้วได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา เพื่อนของเธอคนนี้หากเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักคงมองแค่ภายนอกแล้วนึกว่ายูมิเป็นสาวหวานคิขุเป็นแน่ ทั้งที่ความจริงแล้วอีกฝ่ายจัดว่าเป็นสาวห้าวเป้งคนหนึ่งเลยทีเดียว ความใจกล้าบ้าบิ่นไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลยด้วยซ้ำ
"แล้วทำไมถึงมานั่งในห้องล่ะ กูนึกว่ามึงจะออกไปนั่งรีแลกซ์อยู่นอกชานซะอีก" ยูมิหันหน้ามามองเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา ตรงหน้ามีเบียร์กระป๋องวางอยู่
"ยุงเยอะ รำคาญ"
อลินดาตอบสั้น ๆ แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะที่พักของที่นี่จะติดตั้งเครื่องไล่ยุงไฟฟ้าเอาไว้ทุกห้องเพื่อให้ลูกค้าสามารถออกมานั่งนอกชานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องยุง อีกทั้งพันธุ์ไม้ที่ปลูกแซมไว้ก็มีประเภทที่มีคุณสมบัติไล่ยุงและแมลงอยู่ไม่น้อย และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องยุงมาก่อน พอได้ยินอลินดาตอบมาอย่างนั้นจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงถามย้ำไปเพื่อความแน่ใจ
"ยุงเนี่ยนะ อะไรวะ อย่าบอกนะว่าไอ้เครื่องไล่ยุงพวกนั้นเจ๊งแล้ว"
อลินดาเงยหน้าจากหนังสือมองเพื่อนแล้วถอนหายใจแผ่วก่อนตอบว่า
"กูหมายถึงไอ้ห้องข้าง ๆ นี่"
อลินดาพยักพเยิดไปทางห้องที่ปกเกล้าอยู่ ซึ่งพอรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วก็ทำให้ยูมิหัวเราะขึ้นมาทันที
"ทำใจเว้ยไอ้ลิน เกิดมาสวยก็เงี้ย"
ครั้นพอพูดถึงเรื่องความสวย ยูมิก็เหมือนนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ เจ้าตัวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนตะแคงข้างแล้วใช้มือยันศีรษะเอาไว้ก่อนถามว่า
"ตกลงวันนี้ได้ไปคุยกับเฮียไช้ยัง"
"ยัง เขาโทร. มาเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ตอนค่ำ ๆ เห็นบอกว่าวันนี้มีธุระด่วน" อลินดาตอบไปตามความจริง เรื่องที่ตนได้รับการทาบทามให้เป็นนักแข่งในสังกัดดังนั้นเพื่อนสนิททุกคนรู้กันหมดแล้วเพราะกฤษณะป่าวประกาศไปทั่ว
"นัดกันที่ไหน พรุ่งนี้กูจะไปกับมึงด้วย" ยูมิทำเสียงจริงจังจนอลินดาเอะใจจึงเอ่ยปากถาม
"นัดที่ศูนย์เขานั่นแหละ ทำไมวะ"
คราวนี้ยูมิลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียงแล้วพูดว่า
"กูเพิ่งรู้มาว่าเฮียไช้น่ะไว้ใจไม่ค่อยได้เท่าไรโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ไม่ใช่เห็นว่ามึงสวยก็เลยคิดแผนอุบาทว์จะจัดการมึงล่ะ"
"ก็ไหนว่าเมียโคตรดุเลยไม่ใช่หรือวะ ไอ้กั๊ตบอกมาอย่างงั้น" อลินดาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
"เออ เมียดุแถมยังขี้หึงสุด ๆ แต่แม่งไม่จัดการผัวตัวเองนะเว้ย มันไปตามคิดบัญชีกับผู้หญิงพวกนั้นแทน และเท่าที่รู้มานะ นางไม่สนด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นจะถูกผัวตัวเองหลอกมาฟันหรือบังคับพามา เวลาไปตามเช็คบิลก็เล่นงานแต่พวกผู้หญิง ส่วนไอ้ผัวเฮงซวยก็ลอยตัวตามระเบียบ"
อลินดานิ่งไปอย่างใช้ความคิด เพราะข่าวที่ยูมิได้รับมานั้นแน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงเพราะบิดาของอีกฝ่ายจัดว่าเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางคนหนึ่ง ข่าวสารที่ได้รับมาจึงเชื่อถือได้
"กูรู้ว่ามึงเอาตัวรอดได้ แต่กูไม่วางใจ ยังไงพรุ่งนี้กูก็จะไปด้วย"
ไม่พูดเปล่า แต่ยูมิหยิบปืนพกออกมาจากกระเป๋าเป้แล้ววางบนเตียงตรงหน้าตนพร้อมกับยิ้มมุมปาก
"จัดไป" อลินดายิ้มอ่อน ไม่คิดห้ามเพื่อนแต่อย่างใดเพราะรู้ว่าห้ามไปก็เท่านั้น จะว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกันเพราะอย่างน้อยหากเกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ก็ยังมียูมิคอยเป็นกำลังเสริมให้
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้