"ไม่เป็นไรครับ ผมก็นึกว่าเป็นห้องวีไอพีที่ต้องจ่ายแพงหน่อยซึ่งผมยอมจ่ายอยู่แล้วถ้าวิวดีขนาดนั้น จริงสิ...แล้วอีกสี่ห้องละครับนั่นก็เป็นห้องของเจ้าของที่นี่เหมือนกันหรือ" เขาจำได้ว่ามีห้องนั้นห้องเดียวที่ไม่มีหมายเลขกำกับไว้ ส่วนอีกสี่ห้องนั้นมีอยู่
"ไม่ใช่ค่ะ เป็นของเจ้านายแค่ห้องนั้นห้องเดียว ส่วนอีกสี่ห้องเปิดให้เข้าพักตามปกติ ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่สองห้องนะคะ ถ้าคุณลูกค้าสนใจอยากเปลี่ยนห้องก็เปลี่ยนได้นะคะ"
ปกเกล้ายิ้มแต่ในใจโห่ร้องอย่างยินดีพลางพูดว่า "เปลี่ยนเลยครับ ผมขอห้องที่ติดกับห้องเจ้าของเลยนะครับเพราะมันใกล้น้ำตกดี ผมชอบ"
"ได้ค่ะคุณลูกค้า รอสักครู่นะคะ" พนักงานสาวยิ้มอย่างสุภาพก่อนนั่งลงพิมพ์อะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ ขณะที่ปกเกล้านั้นได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นยิ้มพลางมองไปที่รถดูคาติสีดำอย่างหมายมาด
ห้องวีไอพีนั้นกว้างกว่าห้องปกติประมาณสองเท่า ด้านนอกมีระเบียงและมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้หนึ่งชุด ด้านในกั้นเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน อีกทั้งห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แต่ห้องพักปกติจะไม่มีให้
เมื่อได้ย้ายมาอยู่ห้องวีไอพี ปกเกล้าก็อดมองไปทางห้องพักที่อยู่ถัดไปไม่ได้ ตอนที่ยังไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นพักอยู่ที่นี่ เขากะว่าจะกลับมานอนพักสักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยออกไปเจอเพื่อนตามนัด แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
ปกเกล้าตัดสินใจนั่งเอนหลังพักผ่อนอยู่ที่ระเบียงเพื่อดักรอเจอ แม้สายตาจะมองไปเบื้องหน้าที่เป็นน้ำตกและบ่อปลาคาร์ฟหลากสี หากแต่ความสนใจของเขากลับอยู่ที่ห้องพักด้านซ้ายมือ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าสาวดูคาติคนนั้นจะออกมาจากห้อง กระนั้นปกเกล้าก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม และคงเพราะบรรยากาศร่มรื่นราวกับได้เข้าไปอยู่ใจกลางป่าเขาลำเนาไพร หนังตาของเขาจึงดูเหมือนหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
อลินดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านเมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือ หญิงสาวกลิ้งตัวไปอีกด้านของเตียงแล้วยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะมากดเปิดอ่าน
Yumi : ซื้อของโปรดแช่ไว้ให้ในตู้เย็น แต่อย่าล่อจนหมดล่ะ
หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างเมื่ออ่านจบเพราะของโปรดที่ว่าก็คือไวน์แดงยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไป
A Linda : จะเหลือทำไม เดี๋ยวมันบูด
Yumi : เหลือไว้ให้กูไง กูจะกินด้วย
A Linda : ก็รีบกลับมาดิ อยู่ไหนแล้วเนี่ย
Yumi : โคราชแล้ว
A Linda : เออ จะรอ
Yumi : ห้ามหมดนะนังลิน ถ้ากินหมดกูจะแช่งให้มึงมีผัวภายในสามเดือนหกเดือน
อลินดายู่หน้าใส่โทรศัพท์ทันที ก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์รูปชูนิ้วกลางไปให้ยูมิ เพื่อนสนิทที่เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งในการทำเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้ด้วยกัน
หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะได้เวลากินมื้อเย็น ดังนั้นระหว่างรอ เธอจึงหยิบหนังสือนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่นำติดตัวมาจากบ้านออกไปนั่งอ่านที่ระเบียงหน้าห้อง โดยก่อนออกไปก็ไม่ลืมหยิบเบียร์กระป๋องที่แช่ในตู้เย็นติดมือไปด้วย
ปกเกล้าสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องพักที่อยู่ใกล้กัน เขาหันมองไปทางต้นเสียงด้วยความงัวเงียจนกระทั่งได้สบตากับสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังเบิกตากว้างมองมาทางตนราวกับตกใจ จากนั้นเจ้าตัวก็ยกมือไหว้เขาพลางส่งยิ้มแหยมาให้
"ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียงดัง เมื่อกี้ลมมันแรงค่ะ"
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังไม่ตื่นดี หรือเพราะมัวแต่ตกตะลึงที่ได้เห็นหน้าหญิงสาวในระยะใกล้ แต่กระนั้นก็ทำให้ปกเกล้าถึงกับทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้างนอกจากมองหน้าเธอนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
"เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ" ครั้นพอตั้งหลักได้แล้ว ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นถูหน้าตัวเองแรง ๆ จนตื่นเต็มตา และหลังจากที่สมองแจ่มใส องค์ขุนแผนแสนเสน่ห์ก็เข้าประทับร่างทันที
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง" เขารู้ดีว่ามุขจีบสาวประโยคนี้นั้นห่วยแสนห่วย แต่ก็ถือว่าเป็นประโยคคลาสสิกที่ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาในตอนถัดไป
"หืม..." เธอส่งเสียงในลำคอเบา ๆ พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หากแต่ปกเกล้าก็มองออกว่าความเกรงใจและเป็นมิตรของหญิงสาวก่อนหน้านี้นั้นเริ่มหายไปแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าและสายตาที่มองเขาราวกับรู้ทัน
"คิดว่าไม่ค่ะ" เธอตอบมาสั้น ๆ ยิ่งเสียงของเธอแหบห้าวเล็กน้อยก็ยิ่งฟังดูห้วนอย่างช่วยไม่ได้
ปกเกล้ามองหญิงสาวทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้พลางวางกระป๋องเบียร์ไว้บนโต๊ะตรงหน้าแล้วไม่หันมามองเขาอีก ขณะที่เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเครื่องดื่มที่เธอนำติดมือออกมาด้วย
...จัดเบียร์แต่หัววันเลยนะแม่คุณ...
"จะไม่ลองนึกดูหน่อยหรือครับ ผมคิดว่าเราเพิ่งได้เจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เองนะ" ชายหนุ่มยิ้มแบบไม่เห็นฟันเมื่อเห็นหญิงสาวหันมามองหน้าตนในที่สุด ดังนั้นเขาจึงทบทวนความจำให้เธอด้วยประโยคที่คิดว่าเจ้าหล่อนต้องจำได้แน่
"สักตาไหมน้อง"
ตามคาด เพราะทันทีที่เขาพูดจบหญิงสาวก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างพร้อมกับชี้มาทางเขาด้วยความตกใจ
"เป็นคุณหรือ!"
ปกเกล้ายิ้มกว้างพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนตัวไปพิงเสา สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยจัดนั้นอย่างไม่วางตา เขามองออกว่าตอนนี้เธอไม่ได้แต่งหน้า แม้กระทั่งแป้งฝุ่นก็ไม่ได้ทาด้วยซ้ำเพราะหยดน้ำยังเกาะอยู่ตามคิ้ว หน้าผากและแก้มบางส่วนอยู่เลย เห็นชัดว่าหญิงสาวล้างหน้าเสร็จก็ออกมาจากห้องทันทีโดยไม่ยอมเช็ดให้แห้ง
"เดี๋ยวนะ คุณจำฉันได้ยังไง วันนั้นฉันใส่หมวกกันน็อกอยู่นะ คุณเห็นแค่ครึ่งหน้าเท่านั้นตอนที่ฉันเปิดหน้ากากออก"
หญิงสาวยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมเดินเข้ามาคุยกับเขาใกล้ ๆ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูคาดคั้นกึ่งหาเรื่องเล็กน้อย ทำให้เขาอดหวั่นใจไม่ได้ว่าสาวสวยคนนี้จะเป็นทอมหรือเปล่า
สวยเซ็กซี่ขนาดนี้ ภาวนาอย่าให้มีรสนิยมแบบหญิงรักหญิงเลย เขายังไม่อยากยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น เพราะเรื่องรสนิยมหรือความชอบเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้โดยง่าย
"ความจริงแล้วผมก็ไม่มั่นใจนักหรอก เพราะผมก็เห็นหน้าแค่ครึ่งบนของคุณเท่านั้น ถ้าให้ตอบตามความจริงก็คือสิ่งที่ผมจำได้น่ะเป็นรถของคุณมากกว่า" เขาพยักพเยิดไปทางด้านหน้าโรงแรมแล้วพูดต่อ
"Ducati Monster 821 รุ่นล่าสุดเสียด้วย" พูดจบเขาก็ยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นเธอพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะฝืนยิ้มให้เขาอย่างเสียไม่ได้
"เป็นนักแข่งสังกัดไหนหรือครับ"
เขาชวนเธอคุยต่อโดยจงใจพูดเกี่ยวกับเรื่องที่หญิงสาวตรงหน้าให้ความสนใจ ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องของการแข่งรถ หรือบิ๊กไบค์
"ตอนนี้ยังไม่มีสังกัดค่ะ ฉันแค่มือสมัครเล่น ไม่ได้คิดจะแข่งเป็นอาชีพ"
เธอตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยจนเขาเดาไม่ออกว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหน อีกทั้งยังไม่มองหน้าเขาแต่ดวงตาเรียวสวยคู่นั้นกลับมองเหม่อไปเบื้องหน้าอย่างไม่เจาะจงว่ามองอะไร
"ก็แปลว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ ปกติอยู่กรุงเทพฯ หรือครับ...เออใช่ ผมนี่แย่จริง คุยมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ผมชื่อปกครับ แล้วคุณ..."
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้