บทนำ
@บ้านอัครสิริไพศาล
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวอัครสิริไพศาล…ในวันนี้มีพิธีการจัดงานหมั้นเล็กๆที่มีกันแค่คนสนิทมานั่งเป็นสักขีพยาน ทุกคนต่างยิ้มแย้มกันหน้าชื่นตาบานเพราะนานๆทีจะมีงานมงคลที่หน้ายินดีเช่นนี้เกิดขึ้น ผิดกับลูกชายคนโตของบ้านซึ่งรับหน้าที่เป็นเจ้าบ่าวแต่กลับมีสีหน้าเรียบนิ่งไม่ยินดียินร้ายอะไรกับใครทั้งนั้น และเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า เขาไม่เต็มใจ
“สวมแหวนให้น้องสิราม” เสียงกรกนกผู้เป็นแม่เอ่ยบอกกับรามินทร์ลูกชายคนโตที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่สนใจแม้แต่จะมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ว่าเธอจะสวยน่ารักขนาดไหนก็ตาม แต่สำหรับเขาเธอมันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ครอบครัวของเขาเอ็นดู และแน่นอนว่าไม่รวมถึงเขา
“ครับ” แต่ด้วยความที่ขัดผู้เป็นแม่ไม่ได้จึงต้องยอมจำใจหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่ภายในบรรจุแหวนทองคำขาวประดับเพรชเม็ดงามขึ้นมาก่อนจะสวมใส่แหวนวงนั้นให้กับนิ้วเรียวสวยของผู้หญิงที่ไม่ได้รักเพื่อให้พิธีการผ่านพ้นไป
“ถึงตาหนูสวมแหวนให้พี่เขาบ้างแล้วลูก” เป็นเสียงของนิภาฝ่ายของแม่เจ้าสาวเอ่ยบอกกับลูกของตัวเองบ้าง ริศาผู้ซึ่งเป็นเจ้าสาวจึงยิ้มตอบกลับและหยิบแหวนอีกวงที่วางอยู่ในกล่องขึ้นมาสวมใส่ให้กับเจ้าบ่าวตรงหน้าเช่นกัน
และในขณะที่หญิงสาวสวมใส่แหวนให้เขานั้นใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนก็เอาแต่หันมองไปทางอื่น ชายหนุ่มจงใจแสดงให้เธอได้รับรู้ว่า…เขาไม่เคยเต็มใจที่จะหมั้นกับเธอเลย ไม่เคยเลยสักนิด
และถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าระหว่างเธอกับเขาที่หมั้นกันนั้นเกิดจากความต้องการของทางผู้ใหญ่ แต่พอเห็นเขาหมางเมินกับเธอเช่นนี้แล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง…
พรึบ!
จนกระทั่งช่วงเวลาที่หน้าอึดอัด(ของรามินทร์)ได้ผ่านพ้นไป ร่างสูงก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นและทำท่าจะก้าวเดินออกไปจากตรงนั้น
“นั่นลูกจะไปไหน” ทว่าผู้เป็นแม่ก็เรียกดักเอาไว้ก่อน
“เสร็จพิธีแล้วนี่ครับ”
“แต่เรายังไม่ได้ทานข้าวพร้อมกันเลย”
“ผมตามใจแม่ได้แค่นี้จริงๆ มีธุระต้องไปทำต่อ” พูดจบร่างสูงก็เดินหันหลังออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่ร่ำลาใครสักคนแม้กระทั้งพ่อแม่ของตัวเอง ทิ้งให้ริศาที่เป็นเจ้าสาวมองตามหลังเขาไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่มีอยู่ภายในอก…
“พี่เขามีธุระด่วนที่สนามแข่งน่ะลูก เราเข้าไปทานข้าวกันเถอะ ป้าให้คนจัดโต๊ะไว้แล้ว” ด้วยกลัวว่าว่าที่ลูกสะใภ้จะรู้สึกไม่ดี กรกนกจึงรีบเดินเข้าไปหาและพาเปลี่ยนเรื่องคุยให้อีกคนเลิกสนใจในการกระทำของลูกชายตัวดีซึ่งมันก็ไม่ได้ผล แต่ใบหน้าสะสวยก็ยังคงยิ้มตอบกลับและพยักหน้ารับอย่างเหมือนจะเข้าใจ ทุกคนทั้งหมดตรงนั้นจึงพากันย้ายที่เข้าไปนั่งในส่วนของโต๊ะอาหารเพื่อร่วมกันรับประทานอาหารตามแพลนเดิมที่ได้วางไว้หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสวมแหวน
ฝ่ายริศาถึงแม้จะทำเหมือนไม่ได้คิดมากอะไร แต่ภายในหัวกลับคิดวกไปวนมาถึงเรื่องที่ตัวเองต้องมาหมั้นกับคนที่ไม่แม้แต่จะให้เกียรติเธอเลย
เธอรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอไปมากกว่าคนรู้จัก เขาไม่ให้สถานะแม้แต่น้องสาวถึงแม่เธอกับแม่เขาจะเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมากก็ตาม แต่ถึงเธอจะรู้แบบนั้นแล้ว…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือ…ทำให้แม่และคนที่มีบุญคุณกับเธออย่างกรกนกได้สบายใจ
ชีวิตเธอนอกจากมีแม่ที่เลี้ยงเธอมาเพียงคนเดียวแล้ว ก็ยังมีกรกนกที่ช่วยเหลือและซัพพอร์ตเรื่องการศึกษาของเธอมาตลอดจนเธอได้เข้าเรียนในมหาลัยดีๆอย่างเช่นทุกวันนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เธอรักและเครพผู้หญิงคนนี้เหมือนดั่งแม่อีกคน
“กินเยอะๆนะลูก…ริศา”
กรกนกเองก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆอีกคนหนึ่งเช่นกัน นั่นก็เป็นเพราะว่ากรกนกกับแม่ของเธอเติบโตมาพร้อมกันและฝ่าฟันชีวิตมาด้วยกันจนกระทั่งกรกนกได้มาพบรักกับราเมศ หนุ่มใหญ่พ่อหม้ายลูกติดนักธุรกิจนำเข้ารถหรูรายใหญ่ของประเทศ พอมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่กรกนกก็ไม่เคยลืมเผื่อแผ่มาถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างแม่ของเธอเลย
กระทั่งเมื่อแม่ของเธอมีครอบครัวและกำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัวแต่ทว่าก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้พ่อของเธอต้องพบเจอกับอุบัติเหตุจนถึงกับเสียชีวิตในขณะที่เธอยังคงอยู่ในท้องแม่ได้เพียงแค่ห้าเดือน ริศาเกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเพราะยังมีแม่และครอบครัวของกรกนกที่รักและดีกับเธอมาตลอด (ยกเว้นคู่หมั้นหน้านิ่งของเธอไว้คนหนึ่ง)
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงยอมหมั้นกับคนที่ไม่ได้รักเธอ เธอแค่อยากให้แม่ของเธอกับผู้มีพระคุณได้สบายใจและมีความสุข ทว่าเอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้นหรอก มันยังมีอะไรอีกอย่างที่มากกว่านั้น…มากกว่าการทดแทนบุญคุณและทำให้สบายใจ…
“เฮ้! นั่งเหม่ออะไรอยู่ยัยบ้อง” เสียงเอ่ยทักของใครบางคนทำให้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งและหันไปมอง หลังจากทานอาหารเสร็จเธอก็เดินมานั่งเล่นอยู่ภายในสวนใหญ่หลังคฤหาสน์คนเดียวเพื่อคิดอะไรๆไปเรื่อยเปื่อย
“เต ตกใจหมด” ปากเล็กขยับเอ่ยบอกกับคนที่เดินมานั่งลงข้างๆเธอพร้อมกับยู่หน้าใส่แบบที่ชอบทำ คนคนนั้นก็คือเตมินทร์ ลูกชายคนเล็กของบ้านอัครสิริไพศาล หรือน้องชายของรามคู่หมั้นหมาดๆของเธอ
“เป็นอะไรมานั่งเหม่อคนเดียว”
“เปล่า”
“ก็เห็นอยู่ยังจะมาเปล่าอีก”
“…”
“คิดมากเรื่องไอ้พี่ชายฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“โกหกใครก็โกหกได้ แต่เธอจะโกหกคนที่โตมากับเธออย่างฉันไม่ได้หรอกนะริศา” เสียงนุ่มอบอุ่นเอ่ยบอกกับเธอพลางยื่นมือไปโยกศีรษะทุยเล่น ริศาที่ถูกรู้ทันก็ได้แต่เบือนหน้าหนีหลบไปทางอื่น ด้วยความที่โตมาด้วยกันจึงมีอะไรหลายๆอย่างที่เตมินทร์รู้ทันเธอ และใช่…เขารู้ทันด้วยว่าริศาคิดอะไรกับพี่ชายของตัวเอง ถึงคนตัวเล็กจะไม่เคยเอ่ยหรือเปิดเผยความในใจออกมา แต่มีหรือคนที่อยู่กับเธอทุกช่วงเวลาอย่างเขาจะรู้ไม่ทัน
“พี่ชายฉันมันก็เป็นคนแบบนั้นเอง เธอก็หน้าจะรู้”
“อืม ฉันรู้แต่เขาก็หน้าจะ…” ใบหน้าสะสวยหม่นหมองลงเมื่อนึกถึงการกระทำของอีกฝ่ายในช่วงกลางวันที่ผ่านมา พลันดวงตากลมสวยก็มองไปยังแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการถูกตีตรา มันคงจะดีกว่าถ้าคนที่สวมใส่ให้มีใจกับเธอสักนิดนึง
“ชะ ช่วยด้วย!!”
อยู่ๆภาพเหตุการณ์ในวัยเยาว์ก็วิ่งวนเข้ามาในหัวของเธอ…
ภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อย่างสนุกสนาน พลันอยู่ๆก็เกิดอาการขาแข็งเกร็งจนไม่สามารถพาตัวเองกลับมาที่ขอบสระได้
ซ่า~~~~~
ไวกว่าความคิด เด็กหนุ่มที่นั่งเล่นเกมส์แข่งรถในมือถืออยู่อย่างไม่สนใจใครกลับเป็นคนแรกที่กระโจนลงน้ำไปและช่วยเธอขึ้นมา
“แค่ก! แค่ก!”
“ริศา เป็นอะไรมากไหมลูก”
“ยัยบ้องเป็นอะไรหรือเปล่า”
“พาหลานไปข้างในบ้านก่อนเถอะคุณ”
ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายแย่งกันเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่ดวงตากลมสวยกลับมองแต่ใบหน้าเรียบนิ่งของใครบางคนที่ช่วยเธอเอาไว้ ถึงแม้เขาคนนั้นจะไม่มีสีหน้าหรือแววตาเป็นห่วงเป็นใยเธอเหมือนๆกับทุกคน ทว่าสิ่งที่เขาได้ทำมันกลับเป็นสิ่งที่เธอจำได้ตลอดมา…
“ขอบคุณนะคะ…พี่ราม”
Comments