Home / โรแมนติก / เล่ห์โอบรัก / บทที่ 1 มักกะลีผล - 75%

Share

บทที่ 1 มักกะลีผล - 75%

last update Last Updated: 2024-11-01 16:14:22

"จะออกเป็นอะไรได้อีกล่ะนอกจากมะม่วง ถ้าออกเป็นอย่างอื่นได้ ป่านนี้แม่แป้นคงจะเอาแป้งไปโรยแล้วขูดหาหวยทุกวันแล้ว"

ภคินีพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงแป้น แม่บ้านที่ตนจ้างไว้แบบเช้ามาเย็นกลับ ซึ่งแป้นเป็นภรรยาของหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน จึงรับจ้างทำงานบ้านให้กับลูกบ้านในหมู่บ้านด้วย

"ก็..." เขาจงใจเว้นช่วงเอาไว้ไม่พูดออกมา ก่อนจะคลี่ยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของสาวน้อยเปลี่ยนจากซีดเผือดเป็นสีชมพูระเรื่อราวกับรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป

"มักกะลีผลไงครับคุณแม่" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าของมัลลิกาก็มีสีเข้มขึ้นอย่างที่คาดไว้

"มัก...มักอะไรนะคะคุณพ่อ มันคืออะไรคะ" พราวนภาหันไปถามบิดาด้วยความสนใจ ขณะที่ผู้อาวุโสสุดในที่นั้นหันไปมองค้อนบุตรชายด้วยความหมั่นไส้

"มักกะลีผลค่ะหนูพราว เป็นต้นไม้ในนิทานโบราณน่ะ ออกผลมาเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ใครอยากมีลูกก็จะเด็ดเอาไปเลี้ยงที่บ้าน" ชายหนุ่มเล่าบิดเบือนตำนานไปเล็กน้อยพลางมองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาวอย่างเอ็นดู

"บ้านเรามีต้นนั้นด้วยหรือคะ อยู่ตรงไหนหนูพราวไม่เคยเห็น" พราวนภาถามอย่างตื่นเต้นก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนต่างวัยอย่างมัลลิการาวกับต้องการหาพวกเพื่อไปตามหาต้นไม้ที่ว่า

"ไม่มีหรอกค่ะ คุณพ่อเข้าใจผิดน่ะ เพราะมักกะลีผลคงไม่ชอบเลี้ยงแมว"

ภาวินยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าแดงจนถึงลำคอ คิดแล้วก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่เพิ่งเจอหน้ามัลลิกาครั้งแรก แต่เขากลับรู้สึกถูกชะตาด้วยอย่างบอกไม่ถูก และที่เขามั่นใจคือตนไม่ได้เอ็นดูเธออย่างลูกหลาน แต่เป็นความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งยามเจอหญิงสาวที่ถูกใจแล้วอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น

"อะไรของเราน่ะตาวิน" ภคินีหรี่ตามองบุตรชายอย่างจับผิดแต่อีกฝ่ายกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จึงได้แต่หันหน้ากลับมามองสาวน้อยข้างบ้าน ซึ่งเมื่อมองแล้วก็รู้สึกสะดุดใจขึ้นมา

"เอ...ป้าว่าวันนี้หนูมีอะไรแปลกไปนะหนูมะลิ" พูดพลางเอียงศีรษะมองมัลลิกาด้วยความสงสัย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับดีดนิ้วดังเปาะเมื่อนึกออก

"รู้แล้ว! แว่นตาหนูหายไปไหนลูก ปกติหนูใส่แว่นด้วยนี่นามะลิ"

เมื่อได้ยินอย่างนั้น มัลลิกาก็ยกมือแตะหัวตาของตนแล้วก็นึกขึ้นได้เช่นกัน

"สงสัยคงจะหล่นอยู่ในสวนตอนตกต้นไม้ค่ะคุณป้า หนูมัวแต่เจ็บขา คุณอา...เอ่อ...คุณพ่อหนูพราวอุ้มมาทำแผลก็เลยลืมสนิท"

"ใส่แว่นด้วยหรือเรา สายตาสั้นเท่าไร" ภาวินถามแทรกขึ้นมา

"สองร้อยค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงแผ่วแต่ชายหนุ่มก็ยังได้ยิน

"แล้วทำไมเรียกแม่พี่ว่าคุณป้า แต่ดันเรียกพี่ว่าคุณอาล่ะ" จู่ ๆ ภาวินก็เปลี่ยนเรื่องพูดเอาดื้อ ๆ

"ก็พี่มะลิเป็นเพื่อนหนูพราว พี่มะลิก็ต้องเรียกคุณพ่อว่าคุณอาสิคะ"

พราวนภาตอบแทนเพื่อนต่างวัย

"แต่คุณพ่อไม่อยากเป็นคุณอานี่นา" ชายหนุ่มทำเสียงออดอ้อนบุตรสาวแต่สายตาลอบมองไปอีกทางอย่างแนบเนียน

"ยังไม่อยากแก่ว่างั้นเถอะ" ภคินีค่อนบุตรชายอย่างอดไม่ได้ แค่เห็นสายตาและคำพูดหยอกเย้าของภาวิน คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเธอก็เข้าใจดีว่าบุตรชายของตนถูกใจสาวน้อยข้างบ้านเข้าให้แล้ว

"ก็ผมยังไม่แก่จริง ๆ นี่ครับคุณแม่ อายุเพิ่งจะสามสิบนิด ๆ แถมยังโสดสนิทแฟนก็ไม่มีสักคน มีแต่ลูกสาวสุดที่รักอย่างหนูพราวเท่านั้นเอง"

ภคินียิ้มอย่างอ่อนใจกับการประกาศสถานะโสดแบบโต้ง ๆ ของบุตรชายคนโต แต่คร้านจะเบรกความคิดของอีกฝ่ายเพราะคิดว่าจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามพรหมลิขิต

"เอาละเสร็จแล้วจ้ะ ป้าว่าให้อาวินเขาพาหนูไปหาหมอที่โรงพยาบาลหน่อยดีกว่า ไปเช็กดูหน่อยว่ามีกระดูกร้าวบ้างไหม อย่าปล่อยเอาไว้มันอันตราย หนูอย่าลืมโทร. ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะ ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง"

มัลลิกาอึกอักครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงแผ่ว

"หนูว่ารอให้คุณพ่อคุณแม่กลับมาก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยให้ท่านพาไปหาหมอ คือ...หนูเกรงใจค่ะ"

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก เดี๋ยวพาหนูพราวไปด้วยกันนี่แหละ"

ภาวินพูดเสียงอ่อนเพราะรู้ว่าหญิงสาวคงประหม่าและอาจจะกลัวเขาอยู่บ้างเพราะอย่างไรเสียก็เพิ่งเจอหน้ากันวันแรก

"ไปกันเลยดีกว่า พอเดินไหวไหมเรา หรือให้พี่อุ้มไปขึ้นรถดี"

ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พลางมองเวลาจากนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ก่อนจะหันมาทางเดิมแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามหญิงสาวตรงหน้า

ภคินีเห็นมัลลิกาลังเลไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะอีกฝ่ายยังไม่คุ้นเคยกับภาวินจึงไม่กล้านั่งรถไปไหนด้วยกันสองต่อสอง ถึงแม้ว่าจะมีพราวนภานั่งไปด้วยก็ตาม

"เอาอย่างนี้ละกัน ป้าจะไปด้วย ไปกันทั้งบ้านนี่แหละจะได้ช่วยกันดูแล ว่าแต่หนูปิดบ้านดีแล้วรึยัง"

"หนูคล้องกุญแจบ้านไว้แล้วก่อนจะมาหาหนูพราวที่นี่ค่ะ กระเป๋าสะพายหนูวางเอาไว้ใต้ต้นไม้ รองเท้าก็ถอดไว้แถวนั้น" หญิงสาวชี้ไปทางต้นไม้ที่ตนตกลงมาจนบาดเจ็บ

"แล้วคุณพ่อคุณแม่จะกลับมากี่โมงหรือจ๊ะ มีกุญแจเข้าบ้านกันรึเปล่า"

ภคินีถามอย่างรอบคอบเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาหากผู้ปกครองของมัลลิกากลับมาแล้วไม่เจอบุตรสาว

"วันนี้คงกลับค่ำค่ะเพราะพวกท่านไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ส่วนน้องชายหนูก็ไปเข้าค่ายลูกเสือตั้งแต่เมื่อวาน กลับมาพรุ่งนี้ค่ะ" มัลลิกาตอบไปตามความจริง

"ถ้าอย่างนั้นหนูโทรศัพท์ไปบอกคุณแม่ก่อนดีกว่า หรือไม่ก็ให้ป้าคุยกับคุณแม่เอง ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" พูดจบภคินีก็หันไปทางบุตรชายแล้วบอก

"ตาวิน ไปหยิบกระเป๋าหนูมะลิมาหน่อยสิ โทรศัพท์หนูอยู่ในกระเป๋าใช่ไหม" ประโยคหลังหันไปถามเจ้าตัว มัลลิกาจึงพยักหน้าพร้อมกับรับคำเสียงแผ่ว

ภาวินยิ้มแล้วลุกออกไปหยิบกระเป๋าตามคำสั่งของมารดา เขาเดินไปยืนใต้ต้นมะม่วงแต่ไม่เห็นกระเป๋าใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจากตะกร้าที่พราวนภาถือมาทิ้งเอาไว้ จึงลองเดินไปอีกด้านก็เห็นกระเป๋าสะพายใบเล็กวางแอบอยู่โคนต้นพร้อมกับรองเท้าแตะแบบคีบ ชายหนุ่มก้มลงเก็บแล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่กล้ามเนื้อจุดเดิม

"สงสัยจะกล้ามเนื้ออักเสบแล้วแน่ ๆ" ภาวินพึมพำเบา ๆ พลางเอี้ยวตัวซ้ายขวา อาการปวดแปลบที่หลังก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เขาจึงมั่นใจแล้วว่าตนก็บาดเจ็บเช่นกัน และต้องรีบไปพบแพทย์ด้วยก่อนที่จะปวดไปมากกว่านี้

พลันนั้นชายหนุ่มก็เหลือบตาไปเห็นแว่นตากรอบดำตกอยู่ไม่ไกลจากที่ตนยืนอยู่จึงเดินไปเก็บ คราวนี้เขาไม่ก้มตัวแต่ใช้วิธีย่อขาลงเพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นบาดเจ็บยิ่งกว่าเดิม

"เด็กสมัยนี้สายตาสั้นกันเยอะจังแฮะ"

เขาเป็นคนที่มีสายตาดีมากเนื่องจากดูแลเอาใจใส่ดวงตาของตัวเองเป็นพิเศษมาตั้งแต่รู้ตัวว่าอยากเป็นนักบิน อะไรที่เสี่ยงต่อการทำให้สายตามีปัญหาเขาจะหลีกเลี่ยงทั้งหมด แม้กระทั่งการเล่มเกมเขาก็แทบไม่แตะต้อง ส่วนการเล่นโซเชียลผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น เขาจะเล่นเฉพาะเวลาที่จำเป็นจริง ๆ หากวันไหนที่รู้ตัวว่าดวงตาอ่อนล้าเป็นพิเศษ เขาจะนวดเบา ๆ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาวางโปะไว้สักหนึ่งนาทีเพื่อผ่อนคลาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 24 พ่อตากับลูกเขย - บทส่งท้าย

    มัลลิกานั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัว หญิงสาวยกแขนขึ้นวางบนขอบสระแล้วเอาคางเกยไว้ สองตาทอดมองผืนน้ำสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังก้าวลงน้ำมาเช่นกัน จากนั้นแผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบทับด้วยแผงอกหนั่นแน่นตามมาด้วยอ้อมแขนที่กอดรัดเอวไว้ และมีริมฝีปากอุ่นร้อนตามมาพรมจูบไปทั่วลาดไหล่"ชอบที่นี่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู หญิงสาวห่อไหล่ตามสัญชาตญาณเพราะรู้สึกจั๊กจี้"ชอบค่ะ น้ำสีสวยมากเลย อากาศดีด้วยไม่ร้อนอย่างที่คิด" ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน แต่กลับไม่ร้อนเหมือนแดดเมืองไทย"ชอบก็ดีแล้ว พี่นวดให้นะ เดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ"ภาวินขันอาสาอย่างเอาใจ เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ บีบนวดต้นแขน หัวไหล่ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับนวดวนเวียนอยู่แต่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่อยู่ด้านหน้า บั้นท้ายก็ถูกสิ่งนั้นของเขาบดเบียดอย่างเป็นจังหวะ"ฮื้อ...พี่วินเนี่ยมือซนตลอดเลย" หญิงสาวครางเบา ๆ เมื่อเขาล้วงเข้าไปในชุดว่ายน้ำชิ้นบนแล้วใช้นิ้วหมุนวนปลายยอดอย่างปลุกเร้าภาวินมองไปรอบด้

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 100%

    ภาวินมองคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยสายตารักใคร่ วันนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน ได้นอนกกกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจนเขาแทบสำลักความสุข เขารู้ว่าตนยังไม่อิ่มแต่ก็ต้องรีบพาหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ค่ำเกินไปชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านมัลลิกาในตอนหัวค่ำ ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกมารดาของเธอแล้วว่าจะพาหญิงสาวแวะกินมื้อเย็นแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน จึงไม่ห่วงว่าเธอจะถูกบิดามารดาดุ"มะลิ ถึงบ้านแล้วครับ" เขาสะกิดมัลลิกาเบา ๆ หญิงสาวตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างงัวเงีย"ถึงบ้านหนูแล้ว หรือจะไปนอนบ้านพี่ดี" เจ้าตัวหันมาค้อนใส่เขาทันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถแล้วโบกมือให้ แต่สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี เขาจึงอดไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะออกมาในที่สุด"ตื่นได้แล้ว หลับมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือแม่คุณ" เขาถามกลั้วหัวเราะ เธอยู่หน้าใส่เขาแล้วพูดว่า"เพราะใครล่ะ" จากนั้นหญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป เขามองจนเธอเข้าบ้านแล้วจึงขับเลยไปที่บ้านของตัวเองบ้างบิดามารดาของภาวินนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนโซฟาอีกตัว อ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 70%

    "ใส่ทำไม พี่อยากอ่อยคนแถวนี้นี่นา" ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแบมือมาทางเธอราวกับต้องการให้วางมือลงไปบนมือของเขามัลลิกายื่นมือไปวางลงบนมืออุ่นข้างนั้น ชายหนุ่มกระตุกเบา ๆ หญิงสาวจึงทรุดนั่งข้างกายเขาแต่โดยดี"เย็น ๆ ค่อยกลับเนอะ หรือจะค้างดี" ภาวินถามพลางนวดมือให้เธอไปด้วย จึงทำให้มัลลิการับรู้ความในใจของชายหนุ่มอีกจนได้...พี่แค่อยากพาหนูมาผ่อนคลาย เห็นอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นเดือน ๆ..."พี่ก็โทร. ไปขอคุณพ่อให้หนูสิคะ" เธอแกล้งหยอกเขาเล่น แต่ภาวินกลับคิดจะทำจริง ๆ"ก็ได้นะ พี่มีเบอร์คุณพ่อของหนูอยู่"ชายหนุ่มทำท่าจะยืนขึ้น หญิงสาวจึงรีบกอดแขนเขาไว้ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตกับบิดาของตนจริง ๆ"ไม่เอา! พี่ก็รู้อยู่ว่าคุณพ่อไม่อนุญาตหรอก ขืนโทร. ไปมีหวังโดนจี้ให้กลับบ้านตอนนี้แน่" พูดจบเธอก็ถูกเขากอดไว้แล้วเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน โดยที่หญิงสาวนอนเอาหูแนบอกฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ข้างใน"บ้านก็ติดกันอย่างนั้น ยังไงก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก"เขาปัดผมของเธอออกจากลาดไหล่แล้วใช้มือลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาวไปมา ผิ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 35%

    มัลลิการักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกสองอาทิตย์ก็ได้กลับบ้าน แผลที่แก้มเริ่มไม่เจ็บเท่าไรแล้ว แต่แผลที่ถูกกระจกบาดและแผลถลอกพอตกสะเก็ดกลับดูน่ากลัวจนมัลลิกาไม่กล้าส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หญิงสาวยังเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยไม้ค้ำช่วยพยุง ในแต่ละวันเธอจึงได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน ภาวินจึงนึกสนุกด้วยการนำเครื่องสำอางมาให้หญิงสาวได้ลองหัดแต่งหน้าโดยแนะนำให้เธอเริ่มศึกษาจากยูทูบช่วงอาทิตย์แรกมัลลิกายังใช้แปรงและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเก้กังเพราะไม่เคยใช้ แต่พออาทิตย์ถัดมาหญิงสาวก็เริ่มคล่องขึ้น และเริ่มสนุกกับการแปลงโฉมใบหน้าของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เธอเริ่มเข้าเว็บไซต์ และติดตามแฟนเพจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ครีมหรือโลชั่นยี่ห้อไหนที่โด่งดังเรื่องช่วยลบรอยแผลเป็น เธอก็คลิกสั่งออนไลน์เพื่อเอามาลองใช้หลายยี่ห้อมัญชุดานั่งมองบุตรสาวที่กำลังทดลองสีลิปสติกกับข้อมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อก่อนมัลลิกาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะชอบคิดว่าตนไม่สวย แต่งไปก็ไม่มีใครดู แต่พอแม่สาวน้อยของเธอเริ่มมีความรักก็เริ่มหัดดูแลตัวเองมากขึ้น หนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 100%

    มัลลิกายังคงไม่ยอมออกจากผ้าห่ม แต่เสียงสะอื้นนั้นไม่มีแล้ว ราวกับเจ้าตัวกำลังชั่งใจว่าจะโผล่หน้าออกมาคุยกับเขาดีหรือไม่"ถ้าอย่างนั้น พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้าหากว่าคนที่ถูกรถชนเป็นพี่ คนที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้เป็นพี่ และพี่ต้องมีแผลเป็นบนหน้าบ้าง หนูจะบอกเลิกพี่รึเปล่า หนูจะเลิกรักพี่แล้วหันไปคบคนอื่นไหม"คนนอนคลุมโปงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ "ไม่ ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้น"ภาวินยิ้มออกทันที "ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าผากของหญิงสาวผ่านทางผ้าห่ม"หนูพราวถามหาพี่มะลิทุกวันเลย ไว้วันเสาร์นี้พี่จะพาหนูพราวมาเยี่ยมด้วยนะ"พอพูดถึงพราวนภา คนในผ้าห่มก็เลิกผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและเปลือกตาบวมจากการร้องไห้เมื่อครู่ เจ้าตัวสูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถาม"หนูพราวเป็นยังไงบ้างคะ หนูผลักแรงขนาดนั้นไม่รู้หัวเข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผลรึเปล่า"ภาวินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนเชื่อม ตัวเองเป็นอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถามถึงคนอื่

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 70%

    มัลลิกาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วแต่ก็อดใจหายและเศร้าอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ถึงปรีชญาจะทำไม่ดีกับเธอไว้มากมาย แต่อย่างไรเสียก็ยังเคยคบหากันอย่างสนิทสนมมาก่อน"ทำไมตาลเขาต้องทำอย่างนั้นคะคุณพ่อ""เขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกน่ะ ตอนนี้ถึงจะจับตัวได้แล้วแต่ก็ยังดำเนินคดีอะไรไม่ได้ เพราะต้องให้เขารักษาจนอาการดีขึ้นก่อน""อ้าว เขาไม่ติดคุกหรือ แล้วถ้าเขาออกมาขับรถไล่ชนหนูอีกล่ะคะ" มัลลิกาถามหน้าตื่น คิดในใจว่าถ้าโดนชนอีกครั้งคงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน"พ่อก็ห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะกักตัวเขาไว้รักษาอาการแบบไหน พ่อกลัวว่าเขาจะปล่อยให้มันไปรักษาที่บ้านแล้วมันก็จะออกมาก่อเรื่องอีก""แย่จัง...แล้วตกลงเจอแพตที่ไหนคะ"เธออยากรู้ว่าตติยะลงมือกับปรีชญาแบบไหน และทำอย่างไรจึงสามารถซ่อนศพไว้ได้นานขนาดนั้นโดยที่ไม่มีใครหาเจอ"ศพลอยมาติดกับกอผักตบข้างวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะ แต่ผลการชันสูตรบอกว่าตายเพราะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ"นฤเบศร์เล่าให้บุตรสาวฟังไปตามความจริงโดยไม่คิดปิดบัง เพราะคนที่เป็นทั้งเหยื่อและฆาตกรก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status