Home / โรแมนติก / เล่ห์โอบรัก / บทที่ 1 มักกะลีผล - 100%

Share

บทที่ 1 มักกะลีผล - 100%

last update Last Updated: 2024-11-01 16:14:42

ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วยื่นกระเป๋ากับแว่นตาส่งให้มัลลิกา หญิงสาวยกมือไหว้เขาแล้วพูด

"ขอบคุณค่ะคุณอา"

ได้ยินดังนั้นภาวินจึงชักมือกลับไปไม่ยอมส่งของให้ จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอ

"เรียกใหม่ซิ...พี่วิน ไม่ใช่คุณอา" เขาพูดไปยิ้มไป เห็นเธอมองไปทางมารดาของเขาราวกับต้องการขอความช่วยเหลือก็อดยิ้มกว้างกว่าเดิมไม่ได้

"ตาวิน" เสียงลากยาวของมารดาเป็นเชิงปรามบุตรชายนั้นทำให้ภาวินหัวเราะออกมาเบา ๆ

"โธ่คุณแม่ครับ หนูมะลิของคุณแม่น่ะเรียนปีสี่แล้วนะ ไอ้คิน ลูกชายคนเล็กของคุณแม่ก็รุ่นราวคราวเดียวกับมะลินั่นแหละ แล้วเรื่องอะไรผมจะยอมให้เขามาเรียกผมว่าอาล่ะ ฟังดูแก่ยังไงก็ไม่รู้"

ภคินีค้อนบุตรชายปะหลับปะเหลือกก่อนจะหันไปพูดกับสาวน้อยข้างตัว

"ก็เรียกพี่ให้เขาชื่นใจหน่อยละกันหนูมะลิ คนเขาไม่อยากแก่"

มัลลิกาอมยิ้มแล้วยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง

"ขอบคุณค่ะพี่วิน"

"ค่อยฟังดูดีหน่อย" ภาวินยิ้มกว้างอวดลักยิ้มที่แก้มซ้ายพร้อมกับยื่นกระเป๋ากับแว่นตาส่งคืนเจ้าของ

มัลลิการับของมาถือไว้แล้วหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม แว่นสายตาอันใหญ่กรอบสีดำแทบจะกินพื้นที่บนใบหน้ารูปไข่ไปถึงหนึ่งในสามส่วน จากหญิงสาวหน้าตาสะสวยแปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคงแก่เรียนขึ้นมาทันทีราวกับเป็นคนละคนจนภาวินถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

"มะลิ ทำไมหนูไม่ลองใส่คอนแท็กเลนส์ดูบ้างล่ะ ป้าว่าตอนหนูไม่ใส่แว่นก็สวยดีนี่ลูก"

ภคินีพูดออกไปตามตรงด้วยสายตาของคนที่มากประสบการณ์ในการมองรูปหน้าของผู้หญิง เนื่องจากทำงานอยู่ในแวดวงเครื่องสำอางมานาน พอได้เห็นมัลลิกาตอนที่ไม่มีแว่นสายตาอันใหญ่บดบังใบหน้า ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีเครื่องหน้าที่สมส่วน ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา จมูก ปาก ล้วนรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ หากจับมาแต่งหน้าแต่งตัวเสียใหม่ รับรองว่าจะต้องเป็นคนที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง

"ไม่ดีกว่าค่ะ หนูถนัดแบบนี้มากกว่า"

มัลลิกายิ้มเจื่อนพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย ภคินีจึงไม่พูดเซ้าซี้อีก เพราะเข้าใจดีว่าความชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

"ถ้าอย่างนั้นหนูโทร. หาคุณแม่เถอะ เดี๋ยวป้าจะคุยให้เอง"

มัลลิกาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโทร. ไปหามารดา สัญญาณดังเพียงสองครั้งปลายสายก็กดรับ

"คุณแม่คะ ป้านีคุณย่าของหนูพราวที่อยู่ข้างบ้านเราจะคุยด้วยค่ะ" พูดจบเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้เจ้าของบ้าน

ขณะที่รอให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยกัน ภาวินก็เดินออกจากห้องรับแขกเพื่อไปนำรถมาจอดไว้ใกล้ประตู คนเจ็บจะได้ไม่ต้องเดินไกล อีกทั้งหากเขาจำเป็นต้องอุ้มมัลลิกาเดินออกมาจะได้สะดวกเวลาอุ้มเธอขึ้นรถด้วย

เมื่อเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้ง ก็เห็นสามสาวต่างวัยกำลังคุยกันอยู่ เขาจึงส่งเสียงออกไป

"พร้อมรึยังครับสาว ๆ" จากนั้นก็หันไปพูดกับคนเจ็บ

"พอลุกไหวไหมเรา ไหนลองลุกขึ้นยืนหน่อยสิ"

ภาวินเดินเข้ามาใกล้เพื่อคอยประคอง เขายื่นแขนไปด้านหน้าเพื่อให้หญิงสาวใช้เป็นหลักยึดตอนลุกขึ้นยืน

มัลลิกาไม่อยากทำตัวเป็นคนเรื่องมาก และไม่อยากโดนอุ้ม จึงเกาะแขนเขาแล้วกัดฟันลุกขึ้นยืนอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้หัวเข่าจะปวดแปลบขึ้นมาอีก แต่ก็นับว่าดีกว่าตอนที่ตกลงมาจากต้นไม้ใหม่ ๆ

"ถ้าเจ็บก็อย่าฝืนนะ ให้พี่อุ้มไปที่รถดีกว่าไหม"

ชายหนุ่มมองอย่างกังวลเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาว มองดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามข่มความเจ็บเต็มที่ ไม่มีเสียงร้องสักแอะแต่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น อีกทั้งแรงมือที่เกาะแขนเขานั้นก็บีบแน่นอย่างลืมตัว

"หนูไหวค่ะ พอเดินได้"

"ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ พี่เอารถมาจอดไว้ใกล้ประตูแล้ว"

เขาก้มลงไปพูดเสียงอ่อนพลางเดินช้า ๆ เพราะไม่อยากให้เธอฝืนมากเกินไป หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างขอบคุณพร้อมกับอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตามองพื้นเช่นเดิม

ภคินีเปิดประตูรถด้านหลังรอไว้แล้วบอกให้พราวนภาขึ้นไปนั่งรอบนรถก่อน เมื่อเห็นว่าภาวินกับมัลลิกาเดินมาถึงรถแล้วจึงเดินไปปิดประตูบ้านแล้วล็อกกุญแจไว้ เพราะบิดาของภาวินรวมถึงบุตรชายคนเล็กอย่างภาคินต่างก็มีกุญแจเข้าบ้านด้วยกันทั้งคู่

"พี่มะลิเจ็บไหม หนูพราวสงสารพี่มะลิจังเลยค่ะ"

น้ำเสียงออดอ้อนของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในรถดูเป็นกันเองขึ้นมาก พราวนภากับมัลลิกานั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่เบาะหลังราวกับเด็กรุ่นเดียวกัน ภาวินลอบมองจากกระจกมองหลังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ดูท่าทางพราวนภาจะชอบเพื่อนใหม่ต่างวัยคนนี้มาก ทั้งที่ปกติแล้วหากเป็นหญิงสาวแปลกหน้าที่อายุห่างจากตัวเองมาก พราวนภามักไม่ค่อยยอมสนิทสนมด้วย

"หายเจ็บไปเยอะแล้วค่ะ พรุ่งนี้พี่ก็มาเล่นกับหนูพราวได้เหมือนเดิมนั่นแหละ" มัลลิกาปลอบโยนเด็กน้อย

"ความจริงแล้วที่พี่มะลิตกต้นไม้ก็เป็นความผิดของคุณพ่อเองค่ะ พ่อทำให้พี่มะลิของหนูตกใจ...พี่ขอโทษนะมะลิ" ประโยคหลังภาวินมองหน้าหญิงสาวผ่านกระจก

"ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ หนูต่างหากที่ผิด ทั้งที่คุณป้าบอกแล้วว่ามีไม้สอยมะม่วง แต่หนูอยากลองปีนดูเพราะเห็นว่ากิ่งมันเยอะ น่าจะปีนง่าย"

"พี่มะลิปีนต้นไม้เก่งมากเลยนะคะคุณพ่อ ตอนนั้นหนูพราวกับพี่มะลิตีแบดกันแล้วลูกขนไก่ติดบนต้นไม้ พี่มะลิก็ปีนขึ้นไปเก็บแถมยังได้มะม่วงมากินกันด้วย"

พราวนภารีบอวดความสามารถของเพื่อนต่างวัยให้บิดาฟังอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่คนถูกพูดถึงนั้นได้แต่ทำหน้าประดักประเดิด

ภาวินหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นหน้าคนถูกเด็กแฉ ภคินีที่นั่งเบาะหน้าคู่บุตรชายจึงหันไปกำชับสองสาวต่างวัย

"คราวหน้าห้ามปีนต้นไม้อีกนะ ทั้งคู่เลยโดย เฉพาะหนูพราวย่าไม่อนุญาตเพราะมันอันตราย เห็นไหมว่าพี่มะลิต้องเจ็บขาเพราะตกต้นไม้ ถ้าหนูพราวไม่อยากเจ็บแบบพี่มะลิ หนูพราวก็ห้ามปีนเด็ดขาดเลยนะคะ"

"ค่ะ" มัลลิกากับพราวนภารับคำพร้อมกัน จากนั้นก็นั่งคุยกันเบา ๆ จนถึงโรงพยาบาล

ชายหนุ่มจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วรีบลงไปแจ้งกับบุรุษพยาบาลเพื่อขอรถเข็นสำหรับคนป่วย จากนั้นก็ค่อย ๆ ประคองมัลลิกาลงมาจากรถ กระทั่งอีกฝ่ายนั่งอยู่บนรถเข็นเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงหันไปพูดกับทุกคน

"ผมเอารถไปจอดก่อนนะครับคุณแม่ หนูพราวเดินจับมือคุณย่าไว้นะลูก ห้ามปล่อยมือนะ เดี๋ยวพี่มานะมะลิ" พูดจบเขาก็ยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินกลับขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไป

มัลลิกายกมือขึ้นทาบตรงตำแหน่งหัวใจอย่างลืมตัว เมื่อรู้สึกได้ว่ามันเต้นกระหน่ำรุนแรงอย่างประหลาด รอยยิ้มของชายหนุ่มข้างบ้านที่ตนเคยแอบมองจากห้องนอนของตัวเองเวลาเขาเล่นกับบุตรสาว ทำให้เธออดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นจะเผื่อแผ่มาถึงเธอด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 24 พ่อตากับลูกเขย - บทส่งท้าย

    มัลลิกานั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัว หญิงสาวยกแขนขึ้นวางบนขอบสระแล้วเอาคางเกยไว้ สองตาทอดมองผืนน้ำสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังก้าวลงน้ำมาเช่นกัน จากนั้นแผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบทับด้วยแผงอกหนั่นแน่นตามมาด้วยอ้อมแขนที่กอดรัดเอวไว้ และมีริมฝีปากอุ่นร้อนตามมาพรมจูบไปทั่วลาดไหล่"ชอบที่นี่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู หญิงสาวห่อไหล่ตามสัญชาตญาณเพราะรู้สึกจั๊กจี้"ชอบค่ะ น้ำสีสวยมากเลย อากาศดีด้วยไม่ร้อนอย่างที่คิด" ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน แต่กลับไม่ร้อนเหมือนแดดเมืองไทย"ชอบก็ดีแล้ว พี่นวดให้นะ เดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ"ภาวินขันอาสาอย่างเอาใจ เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ บีบนวดต้นแขน หัวไหล่ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับนวดวนเวียนอยู่แต่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่อยู่ด้านหน้า บั้นท้ายก็ถูกสิ่งนั้นของเขาบดเบียดอย่างเป็นจังหวะ"ฮื้อ...พี่วินเนี่ยมือซนตลอดเลย" หญิงสาวครางเบา ๆ เมื่อเขาล้วงเข้าไปในชุดว่ายน้ำชิ้นบนแล้วใช้นิ้วหมุนวนปลายยอดอย่างปลุกเร้าภาวินมองไปรอบด้

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 100%

    ภาวินมองคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยสายตารักใคร่ วันนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน ได้นอนกกกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจนเขาแทบสำลักความสุข เขารู้ว่าตนยังไม่อิ่มแต่ก็ต้องรีบพาหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ค่ำเกินไปชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านมัลลิกาในตอนหัวค่ำ ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกมารดาของเธอแล้วว่าจะพาหญิงสาวแวะกินมื้อเย็นแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน จึงไม่ห่วงว่าเธอจะถูกบิดามารดาดุ"มะลิ ถึงบ้านแล้วครับ" เขาสะกิดมัลลิกาเบา ๆ หญิงสาวตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างงัวเงีย"ถึงบ้านหนูแล้ว หรือจะไปนอนบ้านพี่ดี" เจ้าตัวหันมาค้อนใส่เขาทันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถแล้วโบกมือให้ แต่สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี เขาจึงอดไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะออกมาในที่สุด"ตื่นได้แล้ว หลับมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือแม่คุณ" เขาถามกลั้วหัวเราะ เธอยู่หน้าใส่เขาแล้วพูดว่า"เพราะใครล่ะ" จากนั้นหญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป เขามองจนเธอเข้าบ้านแล้วจึงขับเลยไปที่บ้านของตัวเองบ้างบิดามารดาของภาวินนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนโซฟาอีกตัว อ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 70%

    "ใส่ทำไม พี่อยากอ่อยคนแถวนี้นี่นา" ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแบมือมาทางเธอราวกับต้องการให้วางมือลงไปบนมือของเขามัลลิกายื่นมือไปวางลงบนมืออุ่นข้างนั้น ชายหนุ่มกระตุกเบา ๆ หญิงสาวจึงทรุดนั่งข้างกายเขาแต่โดยดี"เย็น ๆ ค่อยกลับเนอะ หรือจะค้างดี" ภาวินถามพลางนวดมือให้เธอไปด้วย จึงทำให้มัลลิการับรู้ความในใจของชายหนุ่มอีกจนได้...พี่แค่อยากพาหนูมาผ่อนคลาย เห็นอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นเดือน ๆ..."พี่ก็โทร. ไปขอคุณพ่อให้หนูสิคะ" เธอแกล้งหยอกเขาเล่น แต่ภาวินกลับคิดจะทำจริง ๆ"ก็ได้นะ พี่มีเบอร์คุณพ่อของหนูอยู่"ชายหนุ่มทำท่าจะยืนขึ้น หญิงสาวจึงรีบกอดแขนเขาไว้ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตกับบิดาของตนจริง ๆ"ไม่เอา! พี่ก็รู้อยู่ว่าคุณพ่อไม่อนุญาตหรอก ขืนโทร. ไปมีหวังโดนจี้ให้กลับบ้านตอนนี้แน่" พูดจบเธอก็ถูกเขากอดไว้แล้วเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน โดยที่หญิงสาวนอนเอาหูแนบอกฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ข้างใน"บ้านก็ติดกันอย่างนั้น ยังไงก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก"เขาปัดผมของเธอออกจากลาดไหล่แล้วใช้มือลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาวไปมา ผิ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 35%

    มัลลิการักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกสองอาทิตย์ก็ได้กลับบ้าน แผลที่แก้มเริ่มไม่เจ็บเท่าไรแล้ว แต่แผลที่ถูกกระจกบาดและแผลถลอกพอตกสะเก็ดกลับดูน่ากลัวจนมัลลิกาไม่กล้าส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หญิงสาวยังเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยไม้ค้ำช่วยพยุง ในแต่ละวันเธอจึงได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน ภาวินจึงนึกสนุกด้วยการนำเครื่องสำอางมาให้หญิงสาวได้ลองหัดแต่งหน้าโดยแนะนำให้เธอเริ่มศึกษาจากยูทูบช่วงอาทิตย์แรกมัลลิกายังใช้แปรงและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเก้กังเพราะไม่เคยใช้ แต่พออาทิตย์ถัดมาหญิงสาวก็เริ่มคล่องขึ้น และเริ่มสนุกกับการแปลงโฉมใบหน้าของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เธอเริ่มเข้าเว็บไซต์ และติดตามแฟนเพจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ครีมหรือโลชั่นยี่ห้อไหนที่โด่งดังเรื่องช่วยลบรอยแผลเป็น เธอก็คลิกสั่งออนไลน์เพื่อเอามาลองใช้หลายยี่ห้อมัญชุดานั่งมองบุตรสาวที่กำลังทดลองสีลิปสติกกับข้อมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อก่อนมัลลิกาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะชอบคิดว่าตนไม่สวย แต่งไปก็ไม่มีใครดู แต่พอแม่สาวน้อยของเธอเริ่มมีความรักก็เริ่มหัดดูแลตัวเองมากขึ้น หนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 100%

    มัลลิกายังคงไม่ยอมออกจากผ้าห่ม แต่เสียงสะอื้นนั้นไม่มีแล้ว ราวกับเจ้าตัวกำลังชั่งใจว่าจะโผล่หน้าออกมาคุยกับเขาดีหรือไม่"ถ้าอย่างนั้น พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้าหากว่าคนที่ถูกรถชนเป็นพี่ คนที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้เป็นพี่ และพี่ต้องมีแผลเป็นบนหน้าบ้าง หนูจะบอกเลิกพี่รึเปล่า หนูจะเลิกรักพี่แล้วหันไปคบคนอื่นไหม"คนนอนคลุมโปงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ "ไม่ ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้น"ภาวินยิ้มออกทันที "ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าผากของหญิงสาวผ่านทางผ้าห่ม"หนูพราวถามหาพี่มะลิทุกวันเลย ไว้วันเสาร์นี้พี่จะพาหนูพราวมาเยี่ยมด้วยนะ"พอพูดถึงพราวนภา คนในผ้าห่มก็เลิกผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและเปลือกตาบวมจากการร้องไห้เมื่อครู่ เจ้าตัวสูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถาม"หนูพราวเป็นยังไงบ้างคะ หนูผลักแรงขนาดนั้นไม่รู้หัวเข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผลรึเปล่า"ภาวินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนเชื่อม ตัวเองเป็นอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถามถึงคนอื่

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 70%

    มัลลิกาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วแต่ก็อดใจหายและเศร้าอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ถึงปรีชญาจะทำไม่ดีกับเธอไว้มากมาย แต่อย่างไรเสียก็ยังเคยคบหากันอย่างสนิทสนมมาก่อน"ทำไมตาลเขาต้องทำอย่างนั้นคะคุณพ่อ""เขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกน่ะ ตอนนี้ถึงจะจับตัวได้แล้วแต่ก็ยังดำเนินคดีอะไรไม่ได้ เพราะต้องให้เขารักษาจนอาการดีขึ้นก่อน""อ้าว เขาไม่ติดคุกหรือ แล้วถ้าเขาออกมาขับรถไล่ชนหนูอีกล่ะคะ" มัลลิกาถามหน้าตื่น คิดในใจว่าถ้าโดนชนอีกครั้งคงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน"พ่อก็ห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะกักตัวเขาไว้รักษาอาการแบบไหน พ่อกลัวว่าเขาจะปล่อยให้มันไปรักษาที่บ้านแล้วมันก็จะออกมาก่อเรื่องอีก""แย่จัง...แล้วตกลงเจอแพตที่ไหนคะ"เธออยากรู้ว่าตติยะลงมือกับปรีชญาแบบไหน และทำอย่างไรจึงสามารถซ่อนศพไว้ได้นานขนาดนั้นโดยที่ไม่มีใครหาเจอ"ศพลอยมาติดกับกอผักตบข้างวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะ แต่ผลการชันสูตรบอกว่าตายเพราะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ"นฤเบศร์เล่าให้บุตรสาวฟังไปตามความจริงโดยไม่คิดปิดบัง เพราะคนที่เป็นทั้งเหยื่อและฆาตกรก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status