“คืนนี้บอสตันไปนอนกับมาวินแล้ว หนูอยากออกไปเที่ยวข้างนอกหรือไปผ่อนคลายกับเพื่อนก็ได้นะลูก แม่ว่าช่วงนี้หนูเครียดมากเกินไปแล้ว”
“หนูก็กำลังจะขออนุญาตแม่อยู่พอดีเลยค่ะ”
“โมเดลโตแล้วไม่ต้องขออนุญาตแม่หรอกลูก หนูอยากจะทำอะไรก็ทำเลยแม่ขอแค่อย่าให้เรื่องที่ทำกระทบกับบอสตันก็พอ”
“ขอบคุณค่ะแม่”
“หนูว่าจะออกไปดื่มสักหน่อยค่ะแม่”
“อย่าให้เมามากนะแม่กลัวจะขับรถกลับไม่ไหว”
“ถ้าเมาจริงๆ หนูก็จะค้างที่คอนโดนะคะแม่” เพราะคอนโดมิเนียมที่บิดาซื้อให้นั้นอยู่ใกล้ร้านที่เธอจะไปมากกว่าที่บ้าน
“แม่บ้านไปทำความสะอาดให้แล้วใช่ไหม”
“ค่ะแม่”
“ค้างที่นั่นก็ดีเหมือนกัน แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”
“ถ้างั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะแม่”
เมลดาอาบน้ำแต่งตัวละโทรศัพท์ไปชวนอรอินทร์ให้ออกมานั่งดื่มด้วยกัน
“นึกยังไงถึงชวนเราออกมากินเหล้าเนี่ยโมเดล แล้วน้องบอสตันอยู่กับใคร” อรอินทร์ถามขณะที่ยกแก้วเหล้าเขาปาก
“คืนนี้บอสตันไปนอนกับพี่วิน”
“พี่ชายของโมเดลดูเข้ากับบอสตันได้ดีนะ”
“ตอนอยู่อเมริกาพี่วินก็มักไปหาเราสองคนแม่ลูกบ่อยๆ ก็เลยสนิทกับบอสตัน อีกอย่างเด็กผู้ชายก็ชอบเล่นอะไรที่มันผาดโผนเขาเลยชอบที่จะได้อยู่กับพี่วิน”
“แล้วแฟนพี่วินไม่ว่าเหรอ”
“ตอนนี้เขายังโสดอยู่ ถ้าเขามีแฟนเราก็คงไม่ให้บอสตันไปค้างที่บ้านเขาหรอก”
“แปลกนะพี่ชายของโมเดลก็หน้าตาดีแต่ทำไมมีแฟนสักที”
“ก็เขาเลือกมากเหมือนอิ๊นซ์ไงล่ะ เลยโสดจนถึงทุกวันนี้ ว่าแต่อิ๊นซ์สนใจพี่ชายเราไหม”
“ไม่ล่ะ เราไม่อยากเอาคนใกล้ชิดมาเป็นแฟนกลัวเลิกกันแล้วจะมองหน้ากันไม่ติด”
“คิดมากเกินไปแล้วนะ” เมลดาหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลกแต่เธอคิดจริงๆ ว่าถ้าอรอินทร์ได้เป็นแฟนกับพี่ชายของตนก็คงดี
เมลดานั่งดื่มและพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับจนดึกก่อนที่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำขณะที่อรอินทร์นั่งรออยู่ที่เดิม
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเมลดาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่มาวินส่งมาพอเห็นว่าบอสตันหลับสบายหญิงสาวก็เบาใจ
เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วก็ต้องชะงักเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับวาคิมอีกครั้งในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
“โมเดลบอกผมว่ารีบกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวแล้วทำไมถึงมาเที่ยวที่นี่ได้ล่ะ”
“ฉันออกมาเที่ยวมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณนี่วาคิม ขนาดสามีของฉันยังไม่ว่าแล้วคุณเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาว่าฉันล่ะ”
“คุณเปลี่ยนไปมากนะ แต่ก่อนคุณไม่เที่ยวไม่ดื่มเลย”
“เพราะแต่ก่อนฉันยังเด็กไงล่ะ ถึงทำตัวไร้เดียงสาแต่ตอนนี้ฉันโตแล้วและฉันจะทำอะไรได้ถ้าฉันอยากจะทำ”
“ผมล่ะสงสารลูกกับผัวคุณจริงๆ ที่มีเมียและแม่แบบคุณ” วาคิมพูดพลางหัวเราะและมองเธอด้วยสายตาเหยียดยาม
“อย่างสงสารเขาเลยค่ะวาคิม คุณควรสงสารตัวเองมากกว่าที่ไม่คนรออยู่ที่บ้านจนต้องออกมาระรานคนอื่นข้างนอก” เมลดาต่อว่าเขาไปตามที่ตนเองรู้สึก หญิงสาวดื่มเหล้าไปไม่น้อยจึงมีความกล้ามากขึ้น
“ดูเหมือนคุณจะปากเก่งขึ้นมากเลยนะ ผมชักสงสัยแล้วว่าอย่างอื่นจะเก่งเหมือนปากไหม”
วาคิมกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วคว้าหญิงสาวเขามาจูบอย่างรวดเร็ว เขาอยากให้เธอรู้ว่าคนอย่างเขาไม่ชอบให้ใครมาดูถูก จากจูบที่คิดจะแกล้งกับกลายเป็นจูบที่แสนหวาน ปลายลิ้นแทะเล็มเรียวปากเล็กที่พยายามจะเม้มเข้าหากัน แต่เขาก็ใช้มือใหญ่บีบปลายคางของเธอเพื่อส่งปลายลิ้นร้อนของตนเองเข้าไปกวาดต้อนความหวาน กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้จูบครั้งนี้มันเร่าร้อนมากขึ้น
“จูบคุณยังหวานเหมือนเดิมเลยนะโมเดล ผมชักคิดถึงเรื่องเก่าๆ ของเราแล้วสิ” เขากระซิบข้างหูก่อนที่จูบก้มลงจูบเธออีกครั้งอย่างเร่าร้อน เมลดาตัวสั่นเทาเพราะไม่คิดว่าตนเองจะเสียท่าให้เขาแบบนี้ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว
“ทำไมกลัวว่าผัวจะรู้เหรอว่าออกมาจูบกับผัวเก่าข้างนอก” เขาพูดจาถากถางทั้งที่ในใจกำลังต้องการเมลดาอย่างมากที่สุด
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือเล็กของหญิงสาวกระทบลงบนใบหน้าของวาคิมอย่างแรงแต่มันก็ยังเจ็บน้อยกว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอในอดีต
ใบหน้าของวาคิมหันไปตามแรงกระแทกรู้สึกชาไปทั่วไปหน้าและไม่คิดเลยว่าเมลดาจะกล้าตบเขาแบบนี้
“คุณกล้ามากนะโมเดลที่ตบผมแบบนี้”
“มันก็สมควรแล้วนี่ ปากก็พูดว่าคือผัวเก่าแต่ฉันว่าตอนนี้คุณกำลังสนใจฉันอยู่นะวาคิม แต่ขอโทษด้วยนะ คนอย่างฉันไม่นิยมกินของเก่าเพราะผัวใหม่ของฉันเขามีดีกว่าคุณเยอะ ทั้งเรื่องมารยาทและเรื่องบนเตียง” พูดจบเมลดาก็เดินออกมาจากบริเวณหน้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับไปมองว่าตอนนี้วาคิมกำลังโกรธมากแค่ไหนกับคำพูดเหยียดหยามที่ออกมาจากปากคนเคยรัก
“วิ่งหนีอะไรมาเหรอโมเดล”
“เราเจอวาคิม”
“ตายล่ะ แล้วเขาทำอะไรโมเดลหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกเราก็แค่ทะเลาะกันนิดหน่อย” เมลดารีบปฏิเสธก่อนจะยกเครื่องดื่มตรงหน้าขึ้นดื่มเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ปากของตนเองจะเลอะจากการจูบของวาคิมหรือเปล่า แต่ในผับค่อนข้างมืดอรอินทร์จังไม่ทันได้สังเกต
“เขายังไม่รู้เรื่องบอสตันใช่ไหม”
“ยังไม่รู้หรอก”
“กลัวไหมว่าเขาจะมาแย่งลูกไป”
“แต่ก่อนก็กลัวนะ แต่พอลองคิดดูดีๆ แล้วคนอย่างวาคิมคงไม่อยากมีภาระหรอก เขาไม่เคยรักเราเลยเรื่องลูกก็คงไม่อยู่ในหัวเขาเหมือนกัน”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าวาคิมจะเป็นคนแบบนั้น เขาพยายามจีบโมเดลตั้งนานแล้วพอคบกันเขาก็ทำดีกับโมเดลมากๆ เราไม่คิดไม่ถึงเลยว่าที่เขาทำก็เพราะอยากจะเอาชนะเพื่อน” อรอินทร์คิดว่าตนเองไม่น่ามองคนผิดเพราะวาคิมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขารักเมลดามากและพยายามทำให้มารดาของหญิงสาวยอมรับในตัวเขา
“ถ้ามีคนมาบอกเราก็คงไม่เชื่อหรอกแต่เราได้ยินมากับหูของตัวเองเลย” เมลดานึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้วก็รู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองรักผู้ชายที่ชื่อวาคิมอย่างหมดใจทั้งที่เขาไม่ได้รักเธอเลยแม้แต่น้อย
“คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ เลยเนาะโมเดล เราคิดว่าเขาเป็นคนดีมากแต่พอฟังเรื่องที่โมเดลเล่าให้ฟังแล้วก็รู้สึกแย่กับเขามากๆเลย” อรอินทร์ที่รู้เรื่องมาตลอดพูดพลางถอนหายใจ เธอคิดว่าโมเดลกับวาคิมจะคบกันถึงขั้นแต่งงานเพราะทั้งสองเหมาะสมกันมากแต่ใครจะคิดล่ะว่าผู้ชายที่ชื่อวาคิมจะทำให้เพื่อนของเธอเสียใจมิหนำซ้ำเขายังทำให้เธอต้องท้องจนต้องหนีไปใช่ชีวิตที่ต่างประเทศ
งานแต่งงานของเมลดาและวาคิมถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายหลังจากครบวันเสียชีวิตของคุณสามารถหนึ่งปี แขกที่มาในงานก็เป็นญาติและเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย นอกจากบ่าวสาวที่เหมาะสมกันมากแล้วยังมีเด็กชายคิมหันต์ที่ช่วยบิดามารดารับแขกด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม เขามีความสุขกว่าใครทั้งหมดเพราะนอกจากจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาบิดามารดาแล้ววาคิมยังบอกด้วยว่าหลังจากนี้จะให้เขาเตรียมตัวเป็นพี่ชายได้เลยหลังจากส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วบอสตันก็กลับไปนอนกับคุณปู่คุณย่าเพราะพรุ่งนี้ท่านทั้งสองจะพาเขาไปเที่ยวทะเล เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แต่งงานได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง“โมเดลผมมีของขวัญให้คุณด้วยนะ”“อะไรคะ” เมลดาที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกระโดดขึ้นมาบนเตียงเมื่อเห็นกล่องของขวัญที่เขาถือเธอก็ยิ้ม“ลองเปิดดูสิ” หญิงสาวเปิดกล่องของขวัญออกว่าดูแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะข้างในเป็นสร้อยที่เธอเคยบอกว่าอยากได้แต่ตอนนั้นวาคิมบอกกับเธอว่าเขาขอเก็บเงินอีกนิดแล้วจะซื้อให้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอกับเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละทิศทาง“คุณซื้อมาตั้งแต่ตอนไหนคะวาคิม”“ผมซื้อก่อนสอบวันสุดท้าย ช่วงนั้นเรามีปากเสียงกันและผมก็อยากซื้อสร
ในวันสอบวันสุดท้ายบอสตันไม่ต้องไปเรียนว่ายน้ำ วันนี้คุณยายบอกว่าให้รีบกลับบ้านเพราะที่บ้านจะมีแขกมาทานข้าวด้วยแขกที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นบิดามารดาของวาคิมที่ตั้งใจจะมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเพื่อจะบอกความจริงถึงเรื่องในอดีตให้กับบอสตันรู้เมื่อทุกคนทานอาหารอิ่มแล้วก็มานั่งรวมตัวกันที่ห้องรับแขกบอสตันนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเมลดากับวาคิมที่วันนี้สีหน้าของเขาดูเครียดกว่าทุกครั้ง“บอสตันมาอยู่เมืองไทยได้ 4 เดือนแล้วหนูมีความสุขไหมลูก ชอบเมืองไทยหรือเปล่า” คุณมยุรีถามหลานชายเพื่อเป็นการเปิดทางสำหรับคำถามต่อไป“ผมมีความสุขมากๆ เลยครับคุณยายผมชอบที่นี่มากที่สุด” บอสตันตอบไปยิ้มไปเพราะเขาชอบที่นี่จริงๆ“บอกย่าหน่อยได้ไหมล่ะครับว่าทำไมถึงชอบที่นี่” มารดาของวาคิมช่วยถามหลายชาย“ที่นี่คนเยอะดีครับผมไม่เหงาเลยสักนิด พอวันหยุดก็ได้ไปเที่ยว ผมชอบไปเที่ยวกับลุงคิมมากที่สุดครับ” เขาตอบแล้วหันมองหน้าลุงคิมที่มองเขาด้วยความรัก“ถ้าบอสตันชอบเที่ยวกับลุงคิมมากๆ แล้วลุงคิมเขาจะขอมาเป็นพ่อของบอสตันได้ไหม” คุณย่าของเด็กชายถามต่อ“ผมอยากให้ลุงคิมเป็นพ่อนะครับ แต่พ่อที่ตายไปแล้วล่ะครับ พ่อจะเสียใจไหมท
“ที่ผ่านมาคุณไม่เคยมีคนอื่นใช่ไหม”“เดลไม่เคยมีคนอื่น”“เราอะไรเพราะบอสตันเหรอ”“นั่นก็ส่วนหนึ่ง”“แสดงว่ามีเหตุผลอื่น บอกผมได้ไหม” วาคิมถามขณะไล้ปลายนิ้วไปบนผิวเนียนนุ่ม“เดลยังลืมคุณไม่ได้และกลัวว่าคนอื่นจะทำให้เดลมีความสุขน้อยกว่าคุณ”เมลดาบอกทุกอย่างไปตามที่ตนเองคิดเพราะไม่ว่าจะเดทกับผู้ชายคนไหนเธอก็จบแค่การทานข้าวเพราะในใจนั้นมีแต่วาคิมอยู่ตลอด“ผมดีใจนะที่คุณไม่มีใคร ถึงผมจะเคยนอนกับคนอื่นบ้างแต่บอกได้เลยว่าไม่มีใครเด็ดเท่าคุณอีกแล้ว คุณอยากพิสูจน์คำพูดของผมไหมล่ะ เรามาทบทวนความทรงจำกันหน่อยดีไหม ผมอยากรู้”“ยังไงคะ”“ขึ้นให้ผมสิเดล คุณเป็นคนคุมเกมรักของเราบ้าง”เมลดายิ้มเพราะในอดีตเธอกับเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเร่าร้อนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน“เดลไม่แน่ใจว่ามันจะยังเหมือนเดิมไหม มันนานแล้วเดลอาจจะทำให้คุณไม่ถูกใจ”“ผมรู้ว่าเดลของผมเก่งกว่าใคร”ชายหนุ่มก้มมาจูบอย่างให้กำลังใจก่อนพลิกให้เมลดาขึ้นไปอยู่ทางด้านบนขณะที่ท่อนเอ็นของเขายังอยู่ในโพรงสวาท ปากของทั้งสองก็ยังไม่ยอมผละออกจากกัน ไม่นานนักเมลดาก็ผละจูบออก อย่างอ้อยอิ่งก่อนที่ปากเล็กและลิ้นร้อนจะลากไล้ไปตามสันกรามและซอกคอขบเม
รอยยิ้มของเมลดาทำให้วาคิมดีใจมากเพราะมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาตกหลุมรักเธอและคิดว่าเวลาผ่านมาหลายปีเขาก็ยังคงรักผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนวาคิมขยับใบหน้าลงมาใกล้กดริมฝีปากไปบนหน้าผากมน เปลือกตาและพวงแก้มอย่างทะนุถนอม เมลดาหลับตาเมื่อเขากดริมฝีปากหยักได้รูปลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบากระแสความรู้สึกส่งผ่านให้ทั้งสองได้รับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงและโหยหากันมากแค่ไหนริมฝีปากสีสวยเปิดออกเพื่อให้ปลายลิ้นร้อนของเข้ามาหยอกเย้ากับลิ้นเล็กของเธออย่างไม่รังเกียจจูบอ่อนโยนแสนหวานทำให้ทั้งสองจมลงในภวังค์ตัณหาที่ร้างรากันมานานเกือบหกปี“อื้อ....วาคิม”เมลดาครางประท้วงเมื่อเขาจูบราวกับจะดูดกลืนวิญญาณของเธอออกจากร่าง“ผมคิดถึงคุณนะโมเดล คิดถึงวันเก่าๆ ของเรา คิดถึงจูบของคุณ กลิ่นหอมของคุณ”“แต่ฉันว่าเราไม่ควรทำแบบนี้”“อย่าฝืนตัวเองเลยโมเดลทำตามที่ตัวเองรู้สึกผมรู้ว่าคุณยังรักผมและผมก็รักคุณมาก”เสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหูทำให้เมลดาไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตัวเองได้เลย เธอรักเขาและโหยหาเขามาตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาแค่ไหนแต่เธอก็รู้แล้วว่าไม่เคยรักเขาน้อยลงเลย และมันจะผิดอะไรถ้าหากเธอและเขาจะกลับ
“เราต้องเตรียมงานกันอีกนะ”“เตรียมงานอะไร” เมลดาขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น“ก็งานแต่งของเราไง”“ใครบอกฉันจะแต่งงานกับคุณ”“ถ้าผมไม่แต่งงานกับคุณ ผมจะเข้ามาในชีวิตคุณได้ยังไงคุณคงไม่คิดจะให้ผมหิ้วกระเป๋าไปอยู่กับคุณโดยไม่แต่งงานหรอกนะ”“วาคิม ฉันเป็นผู้หญิงฉันคุณคิดมากเรื่องนั้นไม่ใช่คุณ” เมลดามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจเพราะสำหรับเธอแล้วการแต่งงานไม่มีความจำเป็นเลย“แต่ผมอยากแต่งงานกับคุณนะและให้บอสตันเป็นคนจูงคุณมาส่งให้ผมมันคงเป็นภาพที่สวยงามมาก”“เรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อนได้ไหม”“จะรออะไรอีกล่ะ”“อย่างน้อยก็รอให้ครบ 1 ปี ที่พ่อฉันจากไปได้ไหม”“ถ้าเพราะเหตุผลนี้ผมเข้าใจ แต่เวลายังเหลืออีกหลายเดือนคุณคงไม่ใจร้ายแยกกันอยู่กับผมหรอกนะ ผมอยากให้คุณกับลูกย้ายมาอยู่ที่นี่มาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว”“ไม่ได้หรอกค่ะวาคิม ที่นี่มันไกลจากบริษัทและไกลจากโรงเรียนของบอสตันมาก ถ้าลูกมาอยู่ที่นี่คงใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ฉันไม่อยากให้ลูกเหนื่อย”“ถ้างั้นไปอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ผมก็ได้หรือจะไปอยู่คอนโดก็ได้”“ฉันยังอยู่ที่บ้านเดิมถ้าคุณอยากเป็นครอบครัวกับเราจริงๆ คุณก็ไปคุยกับแม่ฉันขอท่านย้ายเข้ามาอยู่
เมื่อส่งลูกชายเข้านอนแล้วเมลดาก็กลับมายังห้องนอนของตัวเอง เธออาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จจากนั้นก็ลังเลว่าจะโทรศัพท์ไปหาวาคิมดีหรือเปล่า เธออยากคุยกับเขาให้เคลียร์เรื่องที่เขาพูดกับบอสตันวันนี้เหมือนกัน“ว่าไงโมเดลคิดถึงผมเหรอถึงได้โทรมาหา”“อย่าเพิ่งสำคัญตัวเองผิดไปเลยค่ะ วาคิมฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”“เรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องที่คุณคุยกับบอสตัน วันนี้ผมคุยกับบอสตันตั้งหลายเรื่องนะ ผมจำไม่ได้หรอก”“คุณอย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย วันนี้คุณคุยกับลูกใช่ไหมเรื่องที่คุณบอกเขาว่าจะจีบฉัน”“บอสตันไปเล่าให้คุณฟังเหรอใช่สิ คุณเองก็ตั้งใจคุยกับเขาเพื่อให้เขามาเล่าให้ฉันฟังไม่ใช่เหรอ”“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ บอสตันเขาก็คงอยากจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟัง” วาคิมคิดไม่ผิดเลยบอกบอสตันว่าเขาจะจีบมารดาของเด็กชาย“คุณคิดดีแล้วเหรอวาคิมที่ไปพูดกับลูกอย่างงั้น”“ผมคิดดีนะ แล้วผมก็บอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมจะจีบคุณและบอสตันเป็นลูกของคุณ ผมก็อยากให้เขารู้เรื่องของเราไปด้วย”“ฉันขอถามคุณตรงๆ นะวาคิม”“ถามมาสิ”“คุณไม่มีใครอื่นใช่ไหมคุณไม่ได้มาหลอกเราสองคนแม่ลูกใช่ไหม” เมลดายังคงถามแบบเดิมเพราะเธอกลัวความผิดหวัง ถ้าหาเขาเ